พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 990 ดึงคนจากทะเลดาวนักษัตร

บทที่ 990 ดึงคนจากทะเลดาวนักษัตร

ในจดหมายของอันหรูอวี้กับโอวหยางกวง นอกจากบอกลูกสาวทั้งสองว่าให้เลิกเป็นห่วง พ่อกับแม่สบายดี ก็บอกอีกว่าให้ลูกสาวทั้งสองตั้งใจใช้ชีวิตให้ดี เน้นย้ำว่าให้เชื่อฟังสามีกับอวิ๋นจือชิว

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เน้นย้ำไม่ได้ออกมาจากใจตัวเอง จดหมายนี้อวิ๋นจือชิวเป็นคนถือว่า เกรงว่าคงเขียนแบบนี้ให้อวิ๋นจือชิวเห็น

สองพี่น้องอ่านจนน้ำตาคลอ ในปีก่อนๆ ตอนที่พ่อแม่ยังมีตำแหน่งสูง ก็เรียกได้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ที่แดนเซียนจะมีสักกี่คนที่กล้าไม่เกรงใจพวกนาง? แต่ตอนนี้กลับโดนแม้กระทั่งหญิงรับใช้ของคนอื่นชักสีหน้าใส่ แต่ก็จำต้องข่มความโกรธเอาไว้ เป็นอนุภรรยาก็ว่าแย่แล้ว สามีที่แต่งงานด้วยดันหายไปไม่เห็นเงา ไม่รู้เหมือนกันว่าดูถูกดูแคลนพวกนางสองพี่น้องหรือเปล่า

ทั้งสองค่อนข้างคิดมาก สถานการณ์ของพ่อแม่บวกกับสิ่งที่สองพี่น้องกำลังเผชิญตอนนี้ เรียกได้ว่าความเศร้าโศกออกมาจากหัวใจ

เมื่อเห็นทั้งสองเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อวิ๋นจือชิวก็เคาะโต๊ะเบาๆ เบี่ยงเบนความสนใจของทั้งสองคน “วางเรื่องที่ทำให้ร้องห่มร้องไห้เอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเรากำลังจะเผชิญหายนะแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเจ้าสองพี่น้องได้ร้องไห้แน่”

คำพูดนี้ฟังดูค่อนข้างร้ายแรง ทำให้สองพี่น้องและหญิงรับใช้ทั้งสี่มองนางอย่างตกตะลึง ในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ฟังดูร้ายแรงขนาดนั้น

“ฮูหยิน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” โอวหยางหลางลองถามหยั่งเชิง

อวิ๋นจือชิวจ้องด้านนอกลพางพ่นเสียงทางจมูก “ผู้ชายของพวกเราใกล้จะโดนนางจิ้งจอกนอกบ้านหลอกล่อไปแล้ว บ้านนี้ใกล้จะแตกแล้ว พวกเราคิดว่าเรื่องอะไรล่ะ?”

พวกนางมองหน้ากันเลิกลั่ก สองพี่น้องฝาแฝดร้องให้ไม่ออก โอวหยางหวนถามหยั่งเชิงว่า “ฮูหยินหมายความว่า นายท่านมีผู้หญิงอื่นนอกบ้านหรือคะ?”

“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” อวิ๋นจือชิวทำหน้าเครียดขรึม ชี้พวกนางสองคนพร้อมตำหนิ “ข้าว่าพวกเจ้าสองพี่น้องนี่ยังไงกัน? ให้นายท่านแต่งงานรับพวกเจ้ามาทำอะไร? เป็นสองพี่น้องฝาแฝดได้เปรียบขนาดไหน แต่กลับกุมหัวใจนายท่านไว้ไม่อยู่ ข้าว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าสองคนปรนนิบัตินายท่านไม่ดีใช่มั้ย?”

พออวิ๋นจือชิวตำหนิแบบนี้ สองพี่น้องก็ยังอับอายทั้งคับแค้นใจ ในใจรู้สึกไม่ยุติธรรมขนาดไหน นายท่านเพิ่งจะแตะต้องพวกเราได้ไม่กี่ครั้งเอง อยู่กับพวกเราน้อยจนนับครั้งได้ พวกเราจะมีทางทำอะไรได้ล่ะ

“พวกเจ้าสี่คนก็เหมือนกัน!” อวิ๋นจือชิวชี้ไปที่ ‘ฉินฉีซูฮว่า’ ถามว่า “พวกเจ้าตอบข้ามาเสียดีๆ นายรับรับพวกเจ้าเข้าห้องหรือยัง?”

หญิงรับใช้ททั้งสี่หน้าแดง ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดจา ในใจพึมพำว่า ขนาดหรูฮูหยินนายท่านยังไม่มีเวลาเลย จะเอาเวลาจากไหนมาแตะต้องพวกเราล่ะ

ที่จริงในใจของพวกนางก็คับแค้นมากเช่นกัน เพียงแต่คำพูดบางคำไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

“เงยหน้าขึ้นมา!” อวิ๋นจือชิวตบโต๊ะ “แต่งงานเข้ามาด้วยกันหมดแล้ว ยังจะเขินอายอะไรอีก ข้าถามพวกเจ้าอยู่นะ ไม่ได้ยินเหรอ?”

หญิงรับใช้ทั้งสี่รีบเงยหน้า แต่ละคนตอบเสียงเบาเหมือนแมลงวัน “ยังเจ้าค่ะ!”

อวิ๋นจือชิวถามสองพี่น้องโอวหยางทันที “พวกนางสี่คนไม่ใช่สาวใช้ร่วมห้องของเจ้านายหรอกเหรอ?”

โอวหยางหลางพยักหน้า “เป็นสาวใช้ร่วมห้องเจ้าค่ะ แต่…แต่นายท่านมาที่นี่ไม่บ่อย”

“นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าไร้ประโยชน์เอง อย่าผลักความผิดไปให้นายท่าน” อวิ๋นจือชิวตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วกล่าวอย่างชอกช้ำใจ “ขายหน้านัก! พวกเจ้าสองพี่น้องกับสาวใช้ร่วมห้องสี่คน แต่กลับกุมหัวใจนายท่านไม่อยู่ ผู้หญิงในบ้านเป็นโขยงยังเอาชนะนางจิ้งจอกนอกบ้านคนเดียวไม่ได้ เจ้าคิดว่าพวกเจ้าแต่งงานเข้ามาเพื่อทำประโยชน์อะไร? เป็นเพราะไม่พอใจที่ในบ้านมีผู้หญิงน้อย เลยอยากเพิ่มพวกเจ้าสองพี่น้องมาเพิ่มงั้นเหรอ?”

พวกนางเอาแต่ก้มหน้า  เงยหน้าไม่ไหว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี

อวิ๋นจือชิวบอกอีกว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะพาพวกเจ้าสองพี่น้องไปอยู่ข้างกายนายท่าน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงเป็นโขยงจะเอาชนะนางจิ้งจอกตัวเดียวไม่ได้! ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่ได้บังคับพวกเจ้านะ พวกเจ้าเต็มใจจะไปกับข้าหรือเปล่า?”

สองพี่น้องโอวหยางย่อมปรารถนาจะไปอยู่ข้างกายเหมียวอี้อยู่แล้ว อยู่ที่นี่สุดแสนจะขมขื่นใจ ทั้งยังต้องเกรงใจสายตาคนอื่นอีก จึงรีบพยักหน้าทันที

“อย่าเอาแต่พยักหน้าอย่างนั้น ข้ามองไม่เข้าใจ เต็มใจไปหรือไม่ก็บอกมาให้ชัดเจน” อวิ๋นจือชิวกลับไม่อ้อมค้อม

“ยินดีติดตามฮูหยินไปเจ้าค่ะ!” สองพี่น้องรีบเอ่ยรับ

“งั้นก็ไม่ต้องชักช้าแล้ว เก็บข้าวข้องที่ควรจะนำไปด้วยแล้วไปกับข้า! มาพบข้าที่ปราสาททองภายในเวลาครึ่งชั่วยามนี้!” อวิ๋นจือชิวพูดจบแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที

พวกนางรีบเดินตามหลังไปส่ง หลังจากมองคล้อยหลังอวิ๋นจือชิวเหาะขึ้นฟ้าไป หญิงรับใช้ทั้งสองก็ตื่นเต้นดีใจมาก จือฉินบอกว่า “คุณหนู ไปอยู่ข้างกายนายท่านก็ดีเหมือนกันนะเข้าคะ ไม่ต้องคอยเกรงใจตำหนักอินทนิลแล้ว”

“พวกเรารีบเก็บของเถอะ นำของใช้ในชีวิตประจำวันไปด้วยให้หมด” จือซูกล่าว

พวกนางวิ่งวุ่นกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากเก็บของได้พอสมควรแล้ว ก็ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย ตามสองพี่น้องฝาแฝดไปพบอวิ๋นจือชิวที่ปราสาททอง

ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นจือชิวที่ออกมาจากปราสาททองก็มุดเข้าไปในเกี้ยว ช่างไม้กับช่างหินหามเกี้ยวเหาะขึ้นไป โดยมีผู้หญิงหลายคนเหาะตามอยู่ข้างหลัง แฉลบผ่านฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไม่ได้ไปที่พิภพใหญ่โดยตรง แต่ไปที่ตำหนักดาวบูรพาของทะเลดาวนักษัตรก่อน สงเวยประมุขถิ่นทิศตะวันออกได้ยินข่าวแล้วออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง พอเห็นหน้าก็กุมหมัดคารวะทักทายอย่างร่าเริง “น้องสะใภ้ให้เกียรติมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับใกล้ๆ! เอ๋! น้องห้าไม่ได้มาเหรอ?” เขายื่นศีรษะมองหาในขบวน ปรากฏว่าเห็นสองพี่น้องโอวหยางร่วมเดินทางมาด้วย ทำให้งงนิดหน่อย จากนั้นก็กุมหมัดทักทายทันที “น้องสะใภ้หลางกับน้องสะใภ้หวนก็มาด้วยเหรอ เป็นโอกาสที่หาพบได้ยาก”

สองพี่น้องโอวหยางคำนับทันที “คำนับพี่ใหญ่!” ทั้งสองย่อมเรียกตามเหมียวอี้

ทีแรกทั้งสองก็นึกว่าเหมียวอี้อยู่ที่นี่ แต่พอได้ยินคำพูดของสงเวย พวกนางก็รู้ว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าอวิ๋นจือชิวพาพวกนางมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร

อวิ๋นจือชิวออกจากเกี้ยวมาคำนับทักทาย แล้วบอกว่า “พี่ใหญ่สง ข้าจะไม่พูดจามากพิธีรีตองแล้ว รบกวนเชิญพี่รอง พี่สาม พี่สี่มาด้วยกันเลย น้องสาวมีเรื่องจะปรึกษากับพี่ๆ ทั้งสี่ท่าน” จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “เรื่องเกี่ยวกับพิภพใหญ่!”

สงเวยฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่าทันที หันซ้ายหันขวาทั้งท่านทูตทั้งสองทันที “จินกวง หยินกวง พวกเจ้ารีบออกไปสักเที่ยว เชิญพี่รอง พี่สาม พี่สี่มาที่นี่ บอกว่าน้องสะใภ้มาแล้ว ให้พวกเขารีบมาไวๆ”

“ขอรับ!” จินกวง หยินกวงเหาะขึ้นฟ้าไปทันที

“น้องสะใภ้ เชิญข้างใน!” สงเวยยื่นมือเชิญ

อวิ๋นจือชิวโบกมือ “มีญาติผู้หญิงมาเป็นกลุ่ม ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร หาที่พักก่อนเถอะค่ะ รอให้พี่รอง พี่สาม พี่สี่มาถึงก่อน แล้วเราค่อยๆ คุยกันก็ยังไม่สาย”

“ก็ดีเหมือนกัน!” สงเวยพยักหน้า แล้วหันกลับมาเรียก “เด็กๆ!”

เขารีบเรียกลูกน้องมา จัดเตรียมเรือนพักที่ดีที่สุดให้แขกกลุ่มนี้

ในคืนนั้น ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และหงเทียนรีบร้อนมาที่นี่ พวกเขารอข่าวเรื่องพิภพใหญ่มานานแล้ว เรียกได้ว่าพอได้ข่าวก็มาทันทีโดยไม่ชักช้า

เพื่อไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัย ในตอนดึกของคืนนั้น ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างอวิ๋นจือชิวไม่สะดวกจะอยู่ห้องเดียวกับกลุ่มผู้ชาย จึงเลือกศาลาในลานบ้านของที่พัก จุดโคมไฟ วางน้ำชา แล้วถ่ายทอดเสียงคุยกัน

อวิ๋นจือชิวพูดเข้าประเด็นโดยตรง “หนิวเอ้อร์ปักหลักที่พิภพใหญ่ได้แล้ว เสี่ยงชีวิตจนไต่เต้าขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกของดาวเทียนหยวนที่พิภพใหญ่”

ประมุขถิ่นสี่ทิศได้ยินแล้วสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถพูดเรื่องนี้ออกมาได้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องของพวกเขาเริ่มมีความหวังแล้ว

“น้องสะใภ้ ไม่ทราบว่าเจ้าห้ามีเจตนาอะไร?” ฝูชิงถาม

อวิ๋นจือชิวตอบว่า “เพื่อที่จะช่วงชิงตำแหน่งนี้ ก่อนหน้านี้หนิวเอ้อร์บาดเจ็บสาหัส เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว เขตเมืองตะวันออกกำลังเขตเมืองตะวันตกของตลาดสวรรค์ส่งนักพรตบงกชทองหกสิบกว่าคนไปปฏิบัติภารกิจ สุดท้ายตายหมด เหลือกลับมาสี่คน หนิวเอ้อร์โชคดีที่รอดมาได้ เก็บชีวิตรอดกลับมาจากเงื้อมมือของนักพรตบงกชทองขั้นหกได้ ถึงได้เป็นผู้บัญชาการของเขตเมืองตะวันออก เรื่องพวกนี้ ถ้าพี่ๆ ได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ยินเรื่องนี้เอง”

ประมุขถิ่นสี่ทิศสูดหายใจอย่างตกตะลึง นักพรตบงกชทองหกสิบกว่าคน แต่เหลือรอดกลับมาเพียงสี่คน เจอกับนักพรตบงกชทองขั้นหก เรียกได้ว่าเก็บชีวิตกลับมาได้จริงๆ

“เจ้าห้าลำบากแล้ว!” สงเวยถอนหายใจ

อวิ๋นจือชิวตอบว่า “เพราะนักพรตบงกชทองของเขตเมืองตะวันออกตายหมดแล้ว เดิมทีตำหนักสวรรค์ต้องการจัดกำลังพลมาเติม แต่หนิวเอ้อร์นึกถึงพวกพี่ๆ จ่ายค่าตอบแทนไปมากมาย ถึงได้รับอนุญาตจากเบื้องบนให้เลือกกำลังพลมาเติมด้วยตัวเอง ตอนนี้เขตเมืองตะวันออกขาดรองผู้บัญชาการสองตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการหกตำแหน่ง ผู้บังคับการกองร้อยยี่สิบสี่ตำแหน่ง ตำแหน่งของนักพรตบงกชทองสามสิบสองคน หนิวเอ้อร์ฝืนแบกรับความกดดัน ไม่ยอมให้คนนอกมายึดตำแหน่งพวกนี้เลยสักตำแหน่ง เขาเก็บตำแหน่งทั้งหมดไว้ให้พวกพี่ๆ และก็ด้วยเหตุนี้ เขาถึงมาที่นี่เองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาออกมา ไม่แน่ว่าเบื้องบนอาจจะยัดคนลงมาก็ได้ เขาก็เลยให้น้องสาวมาด้วยตัวเอง ถามความเห็นของพวกพี่ใหญ่ ว่าเต็มใจจะไปช่วยเหลือเขาอีกแรงหรือไม่ หากยินดีจะไปก็เลือกคนมาสามสิบสองคน หากไม่เต็มใจไป ก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูด”

“เจ้าห้าลำบากลำบนมากขนาดนี้ มีเจตนาดีให้พวกเรา พวกเราจะไม่รับน้ำใจได้อย่างไร ย่อมเต็มใจไปอยู่แล้ว!” อิงอู๋ตี๋กล่าว

ฝูชิงกลับขมวดคิ้ว “สามสิบสองคน! อย่าบอกนะว่าพวกเราต้องทิ้งทะเลดาวนักษัตรไว้แล้วไม่สนใจคนอื่น?”

“เอ่อ อันนี้…” สงเวยและคนอื่นๆ ไตร่ตรองพักหนึ่ง รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า ถ้าพวกเขาไปแล้ว ก็จะเฝ้าคุมที่ทะเลดาวนักษัตรไม่ได้แล้วน่ะสิ ถ้าพาไปด้วยกันหมด ก็จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่เกินไปแน่ๆ แถมคนเยอะก็หลายปาก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าไปพิภพใหญ่แล้วจะมีคนปากมากหรือเปล่า ก่อนอื่นเลยก็คือความเคลื่อนไหวของที่นี่ปิดบังหกปราชญ์ไม่ได้แน่ๆ

อวิ๋นจือชิววางถ้วยน้ำชาลง กวาเสายตามองทุกคน แล้วบอกว่า “น้องสาวมีความคิดบางอย่าง ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือเปล่า!”

สงเวยพยักหน้า “ยินดีรับฟังความคิดเห็นอันสูงส่งของน้องสะใภ้” อีกสามคนที่เหลือพยักหน้า

อวิ๋นจือชิวจึงบอกว่า “ทางพิภพเล็กพวกเราจะทิ้งไปไม่ได้ สถานการณ์ที่พิภพใหญ่ยากจะคาดเดา พวกเราต้องเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้สองทาง หากพวกเราอยู่ที่พิภพใหญ่ต่อไปไม่ได้ จะได้กลับมาทางนี้ได้สะดวก ดังนั้นพวกเราต้องกอดทะเลดาวนักษัตรเอาไว้ ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่คิดว่าสิ่งที่น้องสาวพูดมีเหตุผลหรือเปล่า?”

พวกเขาพยักหน้าช้าๆ ฝูชิงบอกว่า “พูดไม่ผิดหรอก เพราะเหตุผลนี้แหละ น้องสะใภ้พูดต่อเถอะ”

“ดังนั้นในบรรดาพี่ใหญ่ทั้งสี่ต้องเหลือคนไว้คุมทะเลดาวนักษัตรเพื่อตบตาคนอื่น ทางนั้นขาดรองผู้บัญชาการสองคน ในบรรดาพี่ใหญ่ทั้งสี่ ไปแค่สองคนก็พอแล้ว ส่วนผู้ช่วยผู้บัญชาการหกตำแหน่ง พี่ใหญ่ทั้งสี่ก็เลือกมาหกคนจากทูตซ้ายและทูตขวาทั้งแปด ส่วนผู้บังคับการกองร้อยยี่สิบสี่คนที่เหลือ ก็เลือกราชาปีศาจอีกยี่สิบสี่คน แต่ต้องระทัดระวังนะ ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ หากมีข่าวหลุดขึ้นมา แล้วให้ตำหนักสวรรค์รู้ว่ามีพิภพเล็กอยู่ แบบนั้นพวกเราก็หมดทางหนีทีไล่แล้วจริงๆ พาคนไปก่อนกลุ่มหนึ่ง รอให้บุกเบิกสถานการณ์ได้แล้ว ก็ย่อมมีตำแหน่งอื่นรออยู่ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยๆ ย้ายคนไปที่พิภพใหญ่ก็ได้” อวิ๋นจือชิวกล่าว

หลังจากได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็ไตร่ตรองเงียบๆ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ฝูชิงก็พยักหน้าบอกว่า “ข้าว่าแบบนี้ก็ได้นะ”

พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว ก็ตกลงกันตามนี้ เมื่อเจรจากันไปได้สักพัก สงเวยก็บอกว่า “ในเมื่อต้องเหลือคนไว้เฝ้าที่นี่ พี่ใหญ่อย่างข้าไปก็ไม่เหมาะสม จะทำให้คนสงสัยได้ง่าย เจ้ารอง เจ้าสาม พวกเจ้าสองคนสมองไว พวกเจ้าสองคนไปแล้วกัน ข้ากับเจ้าสี่ตะอยู่ที่นี่”

ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ปฏิเสธ แต่สุดท้ายสงเวยก็ตัดสินใจแบบนี้แล้ว ส่วนผู้ช่วยผู้บัญชาการที่เหลืออีกหกตำแหน่ง หลังจากสี่พี่น้องปรึกษาหารือกัน ก็ตัดสินใจว่าจะให้คนที่ไม่ได้ไปส่งคนไปเยอะๆ หน่อย ทูตซ้ายทูตขวาของสงเวยกับหงเทียนไปด้วย ส่วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ หากไปแล้วไม่เหลือลูกน้องไว้เฝ้าก็จะไม่เหมาะสม จึงต่างคนต่างเหลือทูตซ้ายและทูตขวาไว้คนหนึ่ง ตัวเลือกสำหรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทั้งหกก็ตกตลงกันตามนี้ ส่วนผู้บังคับการกองร้อยที่เหลืออีกยี่สิบสี่ตำแหน่ง ก็จะเลือกราชาปีศาจไปฝั่งละหกคน แต่เรื่องนี้ตัดสินใจยาก ประมุขถิ่นสี่ทิศขอเวลาพิจารณาหนึ่งคืน เพราะต้องเลือกคนมีความสามารถที่ไว้ใจได้จริงๆ ก้าวแรกที่เข้าไปพิภพใหญ่เกี่ยวข้องกับกาบุกเบิกช่องทาง จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset