พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 992 กลุ่มปีศาจรายงานตัว

บทที่ 992 กลุ่มปีศาจรายงานตัว

สายตาอวิ๋นจือชิวฉายแววระแวดระวัง ถึขั้นทำท่ารังเกียจนิดหน่อยด้วย

สงเวยไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “น้องสะใภ้อย่าถือสา เจ้าพวกนี้มุดหัวอยู่ที่ทะเลดาวนักษัตรนานเลยขาดความบันเทิง แกล้งแหย่กันเล่นจนชินแล้ว”

ภายนอกอวิ๋นจือชิวเพียงยิ้มบางๆ แต่ในใจกลับแอบระแวดระวัง ปีศาจพวกนี้สามารถล้อเล่นกันแบบนี้ได้ ลูบไล้เมียคนอื่นซี้ซั้วได้ แต่นางกลับล้อเล่นแบบนี้ไม่ไหว และเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้ชายคนอื่นมาลูบไล้ซี้ซั้ว นางแต่งงานแล้ว เดิมทีก็มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้หญิงมือสองอยู่แล้ว ถ้าให้เหมียวอี้เข้าใจผิดอีก นางก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรแล้ว

โลกเราก็เป็นแบบนี้ ผู้ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติมาก แต่ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงกลับเป็นเรื่องราวใหญ่โตเท่าฟ้า

ถึงแม้ในปีนั้นนางจะแต่งตัววับๆ แวมๆ แต่ลึกๆ กลับเป็นคนหัวโบราณ ไม่อย่างนั้นเรื่องเสียตัวคงไม่ตกมาถึงมือเหมียวอี้หรอก คงจะเสร็จเฟิงเสวียนไปนานแล้ว ถึงแม้นางจะพูดต่อหน้าเหมียวอี้บ่อยๆ ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมือสองเหมือนรองเท้าขาด แต่ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ที่จริงนางสนใจปฏิกิริยาของเหมียวอี้อยู่เสมอ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ นางกำลังทดสอบปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ที่จริงแล้วสภาพจิตใจของนางค่อนข้างอ่อนแอ

เรื่องระหว่างนางกับเฟิงเสวียน ภายนอกนางดูไม่คิดเล็กคิดน้อย ภายนอกดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ที่จริงแล้วในใจกำลังรู้สึกต้อยต่ำ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้แต่งงานกับเหมียวอี้อย่างสะอาดบริสุทธิ์ขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ คนนิสัยแข็งกร้าวอย่างอย่างนางอาจจะไม่ยอมให้เหมียวอี้มีอนุภรรยาก็ได้ จิตใต้สำนึกของนางคิดว่านี่คือการชดเชยให้เขาอย่างหนึ่ง เพียงแต่นางไม่รู้ตัวก็เท่านั้นเอง

“ระหว่างทางยังต้องใช้เวลาอีก สามสิบสองตำแหน่งใต้บังคับบัญชาของหนิวเอ้อร์ที่ยังว่างอยู่ เกรงว่าถ้าถ่วงเวลาไว้นานแล้วจะอธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ น้องสาวต้องนำไปก่อนแล้ว!” อวิ๋นจือชิวกล่าวพลางโค้งกาย

“เชิญ!” สงเวยกับหงเทียนยื่นมือเชิญพร้อมกัน

อวิ๋นจือชิวหันตัวเดินออกไป แต่พอเดินมาถึงประตูนางก็หยุด แล้วก็เรียกฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ออกมาอีก

ประมุขถิ่นทั้งสี่ไม่รู้ว่านางหมายความว่าอย่างไร อวิ๋นจือชิวกลับนำระฆังดาราออกมาสี่อัน แล้วแบ่งส่งให้ทั้งสี่ สอนให้พวกเขาลงตราอิทธิฤทธิ์ของกันและกันเอาไว้ ส่วนจะใช้จังหวะเสียงของระฆังแบบไหนติดต่อกัน นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเขาเองแล้ว

ทั้งสี่ดีใจมาก อวิ๋นจือชิวกุมช่องทางไปกลับระหว่างพิภพเล็กกับพิภพใหญ่เอาไว้แน่น ทั้งสี่กำลังกังวลว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเขาคงไม่รู้แม้แต่สถานการณ์ เมื่อมีระฆังดารานี้ก็จัดการง่ายแล้ว อย่างน้อยถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ยังแจ้งข่าวได้บ้าง

เพื่อที่จะสร้างวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ทั้งสี่ทำให้อวิ๋นจือชิวเสียเวลาเดินทางไปแล้วเกือบหนึ่งชั่วยาม

หลังจากจัดการเรียบร้อย ทั้งสี่ก็กล่าวขออภัยอวิ๋นจือชิว ส่วนอวิ๋นจือชิวก็ถือโอกาสขอร้องพวกเขาว่า “พี่ใหญ่ พี่สี่ หากเกิดปัญหาอะไรที่แดนเซียนสายมะโรง รบกวนช่วยรับมือให้หน่อยนะคะ นั่นคือทางหนีทีไล่ของหนิวเอ้อร์ที่แดนเซียน”

“ได้อยู่แล้ว มีเรื่องอะไรแค่เรียกพวกเราก็พอก็พอ” สงเวยตอบรับ

อวิ๋นจือชิวกล่าวขอบคุณ แล้วฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็เข้าไปในกระเป๋าสัตว์อีก

“พี่ใหญ่ พี่สี่ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ จะได้ไม่โดดเด่นในสายตาคนอื่น” อวิ๋นจือชิวขอให้ทั้งสองไม่ต้องไปส่ง จากนั้นก็กลับไปยังที่พักคนเดียว เมื่อสั่งให้ช่างไม้กับช่างหินกลับยอดเขาหยกนครหลวงแล้ว นางก็เก็บสองพี่น้องโอวหยางกับหญิงรับใช้ของพวกนางใส่ในกระเป๋าสัตว์ใบหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้เหาะขึ้นฟ้าไป หายไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

สงเวยกับหงเทียนที่ยืนหน้าประตูตำหนักเงยหน้ามองตาม…

อวิ๋นจือชิวที่เหาะเพียงลำพังมุ่งตรงเข้ามาในเขตท้องฟ้าของพิภพใหญ่ ถึงเหยียบลงบนดาวเคราะห์ที่เปล่าเปลี่ยวดวงหนึ่ง แล้วปล่อยกลุ่มปีศาจออกมา แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวสองพี่น้องโอวหยางและหญิงรับใช้ของพวกนาง

เมื่อมาถึงที่นี่ ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ถึงได้บอกทุกคนถึงจุดประสงค์ที่มา

“พิภพใหญ่!” ฝูงปีศาจร้องอุทานตกใจ เรียกได้ว่าตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงพิภพใหญ่ในตำนานแล้ว!

แต่ละคนมองไปรอบๆ อยากจะเห็นว่าพิภพใหญ่กับพิภพเล็กมีอะไรต่างกัน แต่เหมือนจะเป็นดาวเคราะห์แบบเดียวกัน มองไม่ออกว่าต่างกันตรงไหน

“ทุกคนกรุณาฟังข้า พิภพใหญ่อันตรายกว่าพิภพเล็ก…” อวิ๋นจือชิวเริ่มอธิบายเรื่องที่ต้องระวังเมื่อมาพิภพใหญ่ ส่วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็คอยพูดสนับสนุนอยู่ข้างๆ เป็นระยะ เตือนพวกปีศาจว่าอย่าทำเสียเรื่อง

เมื่อรู้ว่าคุณชายห้าเหมียวอี้บุกเบิกสถานการณ์ที่พิภพใหญ่ ได้เป็นผู้บัญชาการของตำหนักสวรรค์แล้ว เลี่ยหวนก็ถามเสียงดังว่า “ฮูหยินคุณชายห้า ผู้บัญชาการคือคำแหน่งขุนนางแบบไหนเหรอ?”

อวิ๋นจือชิวตอบพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องนี้อธิบายยาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เดี๋ยวพวกเจ้าไปถึงก็จะรู้เอง ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะสามารถคุมดาวเคราะห์ได้หนึ่งดวงเหมือนพิภพเล็ก”

“ทุกคนจำไว้นะ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะห้ามเรียกว่าคุณชายห้า ต้องเรียกว่าผู้บัญชาการ หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการหนิว” ฝูชิงกล่าว

“หนิวโหย่วเต๋อ?” หูเฟยพึมพำอย่างปละหลาดใจ “ทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ ล่ะ? ประมุขถิ่น คดีนองเลือดค่ายฆ้องเหล็กในปีนั้น เหมือนจะเป็นฝีมือคนที่ชื่อหนิวโหย่วเต๋อนะ?”

“ต้องให้เจ้าเตือนด้วยเหรอ?” ฝูชิงหลอกตามองบน

“อย่าบอกนะว่าฝีมือคุณชายห้า?” หูเฟยแอบหัวเราะ

เรื่องเกิดมาจนป่านนี้แล้ว สืบสาวต่อไปก็ไม่มีความหมายแล้ว ฝูชิงเชิญให้อวิ๋นจือชิวที่ยิ้มโดยไม่พูดอะไรพูดต่อไป

เมื่อเห็นปีศาจพวกนี้ทำท่าตัวอิสระไม่เชื่อฟัง อวิ๋นจือชิวถึงได้เตือนเกี่ยวกับอันตรายของพิภพใหญ่รวมทั้งกฎของตำหนักสวรรค์ บรรยายถึงนักพรตระดับบงกชรุ้งและนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์ระดับอนันตภาพในตำนาน พวกปีศาจฟังจนสูดหายใจอย่างตกตะลึง ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าเมื่อตัวเองอยู่ที่พิภพใหญ่ ก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับนักพรตบงกชขาวที่พิภพเล็ก คนที่สามารถบีบคอให้ตนตายได้อย่างง่ายดายมีเยอะเป็นกอง เริ่มรู้สึกตึงเครียดในใจแล้ว

แต่รอจนกระทั่งเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง คนพวกนี้ก็เริ่มโห่ร้องโหวกเหวก ตื่นเต้นดีใจสุดๆ!

ตอนที่มาถึงดาวเทียนหยวน อวิ๋นจือชิวก็แยกกับพวกเขาแล้ว ถ้าปรากฏตัวที่ดาวเทียนหยวนพร้อมกันจะไม่เหมาะสม นางใช้ระฆังดาราแจ้งให้เหมียวอี้รู้ล่วงหน้า กลุ่มปีศาจเฒ่ามาถึงแล้ว เมื่อพากลุ่มปีศาจเฒ่ามาถึงที่นี่ ก็ไม่มีธุระอะไรของนางแล้ว ที่เหลือก็ส่งต่อให้เหมียวอี้

ตอนที่กลุ่มปีศาจมาถึงประตูเมืองตะวันออก ก็ย่อมมีทหารสวรรค์ที่เฝ้าประตูมารับและนำทาง จำได้ง่ายมาก เมื่อกลุ่มปีศาจรวมตัวกัน ปราณปีศาจก็อบอวล

เมื่อเห็นกลุ่มปีศาจถูกพาเข้าเมืองไปแล้ว อวิ๋นจือชิวที่ปลอมตัวเสร็จถึงได้โผล่หน้าออกมา แล้วเข้าไปในประตูเมืองตะวันออกเพียงลำพัง

นางไม่ได้กลับร้านโฉมเมฆา แต่ไปที่ร้านค้าเล็กๆ ตรงหัวมุมที่อยู่เยื้องตรงข้ามกับร้านโฉมเมฆา

จะว่าไปก็บังเอิญเหมือนกัน ขณะที่เหมียวอี้กำลังครุ่นคิดเรื่องหาร้านค้า จู่ๆ ทางตำหนักสวรรค์ก็มีคนทำผิดกฎ บอกว่ามีสมคบคิดก่อกบฏอะไรสักอย่าง พอเริ่มลงโทษ ก็มีการรายงานเบื้องบน จึงร่วมกันค้นร้านและยึดทรัพย์ ตลาดสวรรค์เพิ่งสั่งปิดร้านหลายร้าน ฝั่งเขตเมืองตะวันออกมีร้านว่างสองร้านพอดี

เหมียวอี้ย่อมพลาดไม่ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยความสามารถของเขา ถ้าอยากจะฮุบไว้เฉยๆ ก็เป็นไปไม่ได้ ยังต้องจ่ายเงินซื้อ แต่จ่ายเงินซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้ เหมียวอี้ก็เลยหน้าด้านไปหาโค่วเหวินหลาน ขอให้โค่วเหวินหลานช่วย โดยให้เหตุผลว่าเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆาอยากจะช่วยหาร้านค้าให้สหายของตัวเอง

โค่วเหวินหลานยอมเขาแล้ว ถามเขาว่า : อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ครั้งก่อนปี้เยว่ฮูหยินก็เคยตำหนิเจ้า เจ้ายังไม่ยอมวางมืออีกเหรอ?

เหมียวอี้ตอบว่า : เดิมทีนางจะไปขอให้ปี้เยว่ฮูหยินช่วย แต่ข้าแย่งช่วยเอง ผู้บัญชาการใหญ่ ท่านจะไม่สนใจใยดีควาสุขชั่วชีวิตของข้าน้อยไม่ได้นะ!

“ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ความสุขชั่วชีวิตบ้าอะไรล่ะ!” ถึงแม้โค่วเหวินหลานจะพูดเหน็บแนม แต่เก็ยังช่วยเหลือเขาอยู่ดี

ร้านใหญ่เหมียวอี้ไม่ต้องไปคิดถึงแล้ว เหตุผลแรกเป็นเพราะเหมียวอี้ซื่อไม่ไหว อีกเหตุผลก็คือมีคนจ้องไว้แล้ว จึงขายร้านเล็กๆ ให้เหมียวอี้ในราคาถูก ลดลงเกือบครึ่งราคา แต่ก็ยังต้องจ่ายสามล้านล้านผลึกแดงอยู่ดี

เป็นร้านค้าที่กินพื้นที่ไม่เกินสองหมู่[1] ปกติถ้าไม่มีห้าล้านล้านผลึกแดงก็ไม่มีทางได้มา ของแบบนี้ต่อให้มีเงินก็ครอบครองไม่ได้ บังเอิญจริงๆ ที่โค่วเหวินหลานออกหน้าพูดให้ ไม่ใช่แค่ได้ร้านค้ามาเท่านั้น อีกฝ่ายยังลดราคาให้สองล้านล้านผลึกแดงเพราะเห็นแก่หน้าโค่วเหวินหลานด้วย ทั้งยังไม่ต้องรีบจ่ายเงิน

ถึงแม้จะแพง แต่ถ้าให้ซื้อก็ยังพอซื้อไว้ พอเปลี่ยนมือก็ทำกำไรได้ เหมียวอี้ย่อมต้องซื้อไว้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรที่ตั้งของร้านค้าก็อยู่ห่างกับร้านของอวิ๋นจือชิวแค่ถนนสายเดียว

หลังจากเข้ามาถึงร้านค้าที่ระเกะระกะและแน่ใจแล้วว่าข้างในไม่มีคน อวิ๋นจือชิวก็เลิกปลอมตัว แล้วเรียกสองพี่น้องโอวหยางกับหญิงรับใช้ของพวกนางออกมา แล้วอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง

เมื่อรู้ว่าได้มาถึงพิภพใหญ่แล้ว สองพี่น้องโอวหยางก็ตกตะลึงไม่หาย

“เรื่องสถานการณ์ของที่นี่ เดี๋ยวค่อยให้เชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์มาอธิบายให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด แล้วก็พวกเจ้าสี่คน ฟังข้าให้ดีนะ ที่นี่เกี่ยวข้องความเป็นความตายของทุกคน ห้ามรับคนนอกเข้ามาเด็ดขาด ถ้าภายในหนึ่งเดือนทำให้นายท่านรับพวกเจ้าเข้าห้องไม่ได้ พวกเจ้าก็ไตร่ตรองผลลัพธ์เอาเองแล้วกัน ถึงตอนนั้นอย่าโทษว่าฮูหยินอย่างข้าไร้น้ำใจ ข้าไม่เอาชีวิตของทั้งครอบครัวมาล้อเล่นแน่!” อวิ๋นจือชิวเตือนพร้อมกวาดมองฉินฉีซูฮว่าด้วยสายตาเย็นเยียบ

หญิงรับใช้ทั้งสี่ตกใจจนตัวสั่น ทั้งหวาดกลัวทั้งอับอาย ภายในหนึ่งเดือนนี้ก็จะได้กลายเป็นผู้หญิงของนายท่านแล้ว นี่คือเรื่องที่พวกนางทั้งตื่นเต้นทั้งตั้งตารอ พวกนางแอบมองนายหญิงทั้งสองอย่างเงียบๆ

โอวหยางหลางจึงรีบบอกว่า “ฮูหยินโปรดระงับโทสะ รอให้พวกเราสองพี่น้องเจอนายท่านก่อน แล้วพวกเราจะจัดเตรียมให้ค่ะ!”

อวิ๋นจือชิวจึงบอกว่า “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว การหาร้านค้าในตลาดสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าจะไปหานายท่านที่จวนผู้บัญชาการเพื่อลงทะเบียนก่อน ทำเรื่องนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างก่อน พวกเจ้าสี่คนรออยู่ที่นี่ ยังไม่คุ้ยเคยกับชีวิตข้างนอก อย่าเพ่นพ่านไปทั่ว เดี๋ยวข้าให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์พาคนมาช่วยพวกเจ้าเก็บกวาดที่นี่”

“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ทั้งสี่เอ่ยรับอย่างว่าง่าย เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินที่เป็นภรรยาเอก พวกนางไม่กล้าขัดคำสั่งอะไรทั้งนั้น

จากนั้นอวิ๋นจือชิวก็นำสองพี่น้องโอวหยางออกไป

ในตำหนักใหญ่ของจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก เหมียวอี้นั่งอยู่เบื้องบน กลุ่มปีศาจเฒ่าที่เข้ามาเห็นเขาต่างก็ตาเป็นประกาย

หลังจากเหมียวอี้โบกมือบอกให้พวกลูกน้องออกไป ถึงได้ดินลงบันไดมากุมหมัดคารวะ “พี่รอง พี่สาม คิดถึงน้องชายล่ะสิ!”

“เจ้าห้า! ลำบากแล้ว!” ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋เข้ามาประคองแขนเขา

ส่วนกลุ่มราชาปีศาจก็คำนับพร้อมกัน “คำนับคุณชายห้า!”

“มากันแล้วเหรอ!” เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เวลาไม่มีคนนอกก็เรียกขานกันแบบนี้ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกยังต้องเรียกข้าว่าผู้บัญชาการนะ”

“รับทราบ!” กลุ่มปีศาจเอ่ยรับ

“ไป! ไปยืนยันตัวตนให้เป็นรูปธรรมก่อน ตามข้าไปตำหนักคุ้มเมือง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง” หลังจากเหมียวอี้พาทุกคนเดินก้าวยาวออกจากตำหนักใหญ่ ก็มีคนไปเชิญเป่าเหลียนที่ร้านขายของชำซื่อตรงทันที

พอออกจากจวนผู้บัญชาการ ถนนที่เจริญรุ่งเรืองด้านนอกและประเพณีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้กลุ่มปีศาจรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก โดยเฉพาะหูเฟยและผู้หญิงคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเห็นแล้วตาลุกวาว พวกนางกำลังคิดว่าวันหลังต้องมาเดินเล่นสักหน่อยแล้ว

พอมาถึงตำหนักคุ้มเมืองและเห็นโค่วเหวินหลาน กลุ่มปีศาจก็พึมพำในใจ ว่าผู้บัญชาการใหญ่ดำจริงๆ มีแค่ฟันกับตาที่ขาว รอจนกระทั่งโค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาเหมือนผู้หญิง พวกเขาก็ตกใจมาก ยื่นงงอยู่อย่างนั้น

โค่วเหวินหลานเห็นกลุ่มปีศาจแล้วก็กลัดกลุ้มเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นปีศาจ แต่เป็นเพราะเกินครึ่งดูมีอายุมากเกินไป อย่างเช่นฝูชิง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ทรัพยากรฝึกตนที่พิภพเล็กมีไม่พอ ไปเทียบกับนักพรตบงกชทองของพิภพใหญ่ที่ดูอ่อนเยาว์มากไม่ได้

“วรยุทธ์เท่าไรกันแล้ว?” โค่วเหวินหลานอดไม่ได้ที่จะถาม อย่าเอานักพรตบงกชรุ้งกับนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพมาขู่ข้าเชียวนะ

…………………………

[1] หมู่(亩) คือหน่วยวัดของจีน มีขนาดประมาณ 666.667 ตารางเมตร

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset