พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 999 พลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทำร้าย

บทที่ 999 พลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทำร้าย

ทุกคนเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่การตอบสนองที่รวดเร็วแบบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นใครสามารถจับชิงเฟิงได้มาก่อน

แต่กลับเห็นชิงเฟิงส่ายหน้าบอกว่า “คุณชายห้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าทำแบบนี้กลับแสดงอานุภาพได้เต็มที่ ถ้าใช้อาวุธกลับจะเป็นตัวถ่วง อาวุธคือของใช้เสริมสำหรับข้า ท่านต่างหากล่ะคุณชายห้า วรยุทธ์ของท่านต่ำกว่าข้าขั้นเดียว แต่ยังตอบสนองได้รวดเร็วขนาดนี้เลย ถ้าวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกับข้า ท่านต้องต้านทานได้แน่นอน!”

เหมียวอี้โบกมือ “เรื่องนี้ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ในการเข่นฆ่าที่แท้จริงไม่มีคำว่า ‘ถ้าหาก’ หรอก”

เมื่อพูดถึงการเข่นฆ่าที่แท้จริง อิงอู๋ตี๋ก็ถามว่า “พวกเราอยู่ที่นี่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ เจ้าห้า เจ้าคิดว่าหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงเป็นอย่างไรบ้างเมื่ออยู่ที่นี่?”

สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนตัวเหมียวอี้ทันที ต่างก็อยากอาศัยสิ่งนี้ประเมินศักยภาพของตัวเองสักหน่อย

หลังจากเหมียวอี้ลังเลงอยู่ครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “ข้าก็สร้างท่าไม้ตายของตัวเองมาแล้วเหมือนกัน ข้าจะแสดงฝีมืออันต่ำต้อยให้ทุกคนได้ดูสักหน่อยก็ได้”

“งั้นก็ต้องเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้ว ดูความสามารถที่คุณชายห้าใช้ลงหลักปักฐานที่นี่สักหน่อย” หูเฟยร้องดีใจ ตบหน้าอกที่ขาวจั๊วของเอง พร้อมกล่าวอาสา “ข้าขอคำชี้แนะสักหน่อย!”

เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ “เกรงว่าเจ้าจะต้านทานไม่ไหว นักพรตที่วรยุทธ์ระดับเดียวกับข้าไม่มีใครต้านไหวหรอก”

“อ้อเหรอ!” อิงอู๋ตี๋กล่าวอย่างนึกสนุก “งั้นให้ข้าลองก็ได้นะ”

เหมียวอี้ตอบอย่างอึ้งๆ ว่า “ถ้าพี่สามมั่นใจว่าตัวเองต้านทานหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงยามโจมตีพร้อมกันสิบครั้งไหว งั้นลองดูก็ได้”

“…” อิงอู๋ตี๋พูดไม่ออก โจมตีพร้อมกันสิบครั้งเหรอ? ล้อเล่นอะไรกัน แบบนี้ใครจะไปต้านไหวล่ะ?

ทุกคนตกตะลึงมาก ชิงเฟิงขมวดคิ้ว เหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดนี้ เพราะเขารู้ถึงอัตราความเป็นไปได้ที่อยู่ในนั้น แต่ก็รู้สึกว่าเหมียวอี้ไม่น่าจะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดขี้โม้โอ้อวด

ดังนั้น เขาจึงถลันตัวไปยืนแยกอยู่คนเดียว ยืนหันหลังให้ทะเลกว้าง แล้วชี้ที่ข้างหัวไหล่ตัวเอง เหมือนกับที่เหมียวอี้บอกใบ้ก่อนหน้านี้ บอกให้ลงมือข้างๆ ตัวเองดูสักหน่อย เขาต้องการจะรับคำนี้แนะด้วยตัวเองแบบต่อหน้า ดูว่าจะเป็นอย่างที่พูดจริงหรือไม่

เหมียวอี้พลิกฝ่ามือ คว้าทวนขั้นสี่ออกมาด้ามหนึ่ง แล้วก้าวช้าๆ อยู่ตรงข้ามกับชิงเฟิง ไม่ได้อยู่ไกลเท่าตอนที่ลงมือกับชิงเฟิงก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งสองยืนอยู่ตรงข้ามกัน เหมียวอี้ค่อยๆ ถือทวนเฉียงลง ชั่วพริบตาเดียวทั้งตัวก็เปลี่ยนอยู่ในสภาพดุร้าย จิงชี่เสินเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดแล้ว

ชิงเฟิงที่อยู่ตรงข้ามพลันหรี่ตา รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว

ทันใดนั้น ก็เกิดเงามายาในมือของเหมียวอี้ ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัวว่ามันคืออะไร แสงเย็นที่แวววาวสิบดอกก็เฉียดผ่านข้างกายชิงเฟิงไปแล้ว ถึงขั้นทำให้คนมองไม่ชัดว่าแสงเย็นสิบสายนั่นโผล่มาได้อย่างไร มันกะพริบอยู่ทางซ้ายและขวาของชิงเฟิงแล้วหายไปเร็วมาก

แต่ชิงเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกลับมองเห็นบางสิ่งที่ทำให้เขาต้องหดรูม่านตาจนเล็กเท่าเข็ม บนหัวทวนของเหมียวอี้มีจุดสีดำที่เล็กเท่าเม็ดถั่วเหลืองเช่นเดียวกัน สิบทวนที่แทงออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด

ทวนที่แทงออกมาครั้งสุดท้ายหยุดอยู่ข้างหัวไหล่ของชิงเฟิง ชิงเฟิงเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่กำลังเก็บทวนกลับไปอย่างช้าๆ บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬซึมออกมาแล้ว เขาเข้าใจดี ถ้าหากเมื่อครู่นี้เหมียวอี้ลงมือสังหารเขาจริงๆ เขาก็ไม่มีทางหลบพ้นเลย!

ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าสิ่งที่เหมียวอี้พูดไม่ได้หลอกลวง หนึ่งท่าสังหารของเขา สามารถใช้พร้อมกันสิบครั้งได้จริงๆ!

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกเขามองเหมียวอี้ด้วยสายตาแปลกๆ วรยุทธ์ของทุกคนไม่ได้ต่ำ ย่อมเข้าใจว่าการออกทวนเมื่อครู่นี้ของเหมียวอี้น่ากลัวขนาดไหน เมื่อลองถามตัวเอง ก็พบว่าไม่มีใครสามารถหลบพ้นได้สักคน แม้แต่อิงอู๋ตี๋ก็ยังถอนหายไปออกมาอย่างช้าๆ ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ เมื่อครู่นี้เขาก็จะหลบเหมียวอี้ได้เพียงสามท่าเท่านั้น ขีดจำกัดสูงสุดคือหลบได้ไม่เกินสี่ท่า หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาเองก็ไม่สามารถหลบท่าไม้ตายของเหมียวอี้ได้เช่นกัน!

ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าศักยภาพของคุณชายห้าจะน่ากลัวขนาดนี้ นี่เพิ่งวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งเองนะ!

เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้ยังควบคุมพลังได้ไม่ดีเท่าชิงเฟิง หนึ่งท่าที่ชิงเฟิงใช้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเท่าใดนัก แต่ในตอนนี้ผิวทะเลกลับมีคลื่นใหญ่ซัดสาดแล้ว คลื่นยักษ์สูงร้อยจั้งโผเข้ามา

“ราชาปีศาจทะเลครามถลันตัวขึ้นกลางอากาศ พอกางแขนสองข้าง ก็ดึงคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้าให้สูงขึ้นอีก แต่กลับทำให้พลังงานจลน์

ของคลื่นยักษ์หมดไป จากนั้นคลื่นก็จมลงอย่างช้าๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร เมื่อทำให้คลื่นคลั่งในทะเลสงบลงแล้ว ราชาปีศาจทะเลครามถึงได้เหาะกลับมา”

แต่ร่างของเหมียวอี้กลับโซเซ ต้องใช้ทวนค้ำยันไว้บนหาดทราย ถึงจะรักษาสมดุลให้ร่างกายได้

เมื่อเป็นแบบนี้ ทุกคนก็สังเกตเห็นทันทีว่าอาการของเขาไม่ปกติ สีหน้าซีดขาว ดวงตาสองข้างไร้แวว ทำสีหน้าเหมือนคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

ทุกคนตกใจ อิงอู๋ตี๋รีบถลันตัวเข้ามา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนเขาเอาไว้ “เจ้าห้า เจ้าเป็นอะไรไป?”

เหมียวอี้ยิ้มอย่างขื่นขม “ถึงแม้ท่าไม้ตายนี้จะร้ายกาจ แต่พอได้ลงมือครั้งเดียว กลับสิ้นเปลืองจิงชี่เสินกับพลังอิทธิฤทธิ์ของข้ามาก ตอนนี้อาการของข้าเหมือนคนแก่ใกล้ตาย ต่อให้เป็นนักพรตบงกชขาวขั้นหนึ่งก็ทำให้ข้าตายได้”

ทุกคนตกใจมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน?

มีแค่ชิงเฟิงที่เข้าใจ เขาบอกว่า “คุณชายห้า ที่จริงท่านไม่ต้องใช้ท่านี้สิบครั้งติดต่อกันก็ได้ ต่อให้ท่านใช้ห้าครั้งข้าก็หลบไม่ทันอยู่ดี รักษาพลังไว้ที่ห้าท่า แบบนั้นท่านคงจะไม่เป็นอะไร”

เหมียวอี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะออมมือนะ แต่มันถูกกำหนดตายตัวไว้ตั้งแต่ท่าแรกแล้ว พอได้ลงมือครั้งหนึ่ง แม้แต่ข้าเองก็ควบคุมไม่อยู่ ถ้าไม่ใช้พลังที่ปะทุออกมาให้หมด ข้าก็ไม่มีทางหยุดได้เลย นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้ามาฝึกตนครั้งนี้ ข้าอยากจะลองดูว่าจะสามารถแบ่งแยกกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารนี้ได้มั้ย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางนำท่านี้ออกมาใช้ได้เลย ทำได้เพียงเก็บไว้ใช้สู้ตายยามหน้าสิ่วหน้าขวานเท่านั้น!”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ทุกคนเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที

“เมื่อครู่พี่สามถามข้าว่าหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงเป็นอย่างไรที่พิภพใหญ่!” เหมียวอี้มองไปทางชิงเฟิง แล้วตอบพร้อมยิ้มอย่างหมดแรง “ตอนแรกข้าสู้กับผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘ปีศาจโลหิต’  นางมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ด ข้าสู้สุดชีวิตโดยใช้ท่าเมื่อครู่นี้ ปรากฏว่านางต้านทานข้าได้สองทวน ดังนั้น หนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิง ถ้าจะสู้กับนักพรตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นห้าขึ้นไป ก็เกรงว่าจะต้องระวังตัวไว้สักหน่อย!”

ทุกคนหวาดผวาในใจ วิชาทวนที่ร้ายกาจขนาดนั้น มีคนสามารถต้านทานได้สองท่าเลยเหรอ? ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ถ้าเหมียวอี้สู้กับคนที่พิภพเล็ก ก็ไม่มีนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ดคนไหนสามารถรอดชีวิตไปได้เลย!

วันนี้พวกเขาได้รับรู้ถึงศักยภาพของคุณชายห้าท่านนี้แล้ว!

“คุณชายห้า หลังจากปีศาจโลหิตนั่นต้านทานท่านได้สองทวน แล้วแปดมวนหลังจากนั้นนางเป็นอย่างไรบ้าง?” ชิงเฟิงถาม

“ข้าใช้ไปทั้งหมดสิบทวน ถึงแม้จะทำให้นางบาดเจ็บ แต่กลับปล่อยให้นางหนีรอดไปได้!” เหมียวอี้ตอบ

พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็กลุ้มใจนิดหน่อย ตอนสู้กับปีศาจโลหิตครั้งนั้นเขาใช้เปลวเพลิงไร้รูปร่าง เดิมทีนึกว่าปีศาจโลหิตจะรอดชีวิตได้ยาก แต่เปลวเพลิงไร้รูปร่างที่ไม่เคยทำพลาดมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาดท่าให้ปีศาจโลหิต ตอนหลังที่ได้ติดต่อกับศีลแปด เขาถึงได้รู้ว่าปีศาจโลหิตยังไม่ตาย!

ทุกคนนิ่งเงียบ เมื่อได้เห็นความน่ากลัวของกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารที่เหมียวอี้ใช้ ถึงได้รู้จักความน่ากลัวของนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ด นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานไหวเลย

“เจ้าห้า เจ้าสูญเสียจิงชี่เสินกับพลังอิทธิฤทธิ์ไปเกือบหมด ไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” อิงอู๋ตี๋หันกลับมาบอกใบ้ให้เลี่ยหวนกับภรรยาประคองแขนเหมียวอี้คนละข้าง แล้วเหาะไปยังห้องถ้ำที่ขุดไว้ข้างๆ ปากภูเขาไฟ

เหมียวอี้แทบจะหลับทันทีที่หัวถึงพื้น อิงอู๋ตี๋จัดคนมาล้อมเฝ้าเอาไว้รอบๆ แล้ว

การหลับครั้งนี้ ใช้เวลาไปสิบวันเต็มๆ กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนตื่นได้ยินเสียงคนพึมพำเถียงกัน

“เจ้าจะเข้ามาอีกทำไม?” เป็นเสียงของเลี่ยหวน

เสียงของหูเฟยดังขึ้นตามมา “ทำไมข้าจะเข้ามาไม่ได้? ข้าจะมาดูแลคุณชายห้าบ้างไม่ได้เหรอ?”

“อย่ามาอ่อยผู้ชายที่นี่ อนุภรรยาของคุณชายห้ามีแต่สวยใสบริสุทธิ์ เขาจะชอบนางจิ้งจอกช่างยั่วอย่างเจ้าเหรอ?” เลี่ยหวนถาม

หูเฟยหัวเราะคิกคัก “ก็ไม่แน่หรอกนะ ในปีนั้นที่ตำหนักบรมอัคคี คุณชายห้าก็เคยใช้อ่างอาบน้ำของข้ามาแล้ว ทั้งยังฉีกกระโปรงของข้าด้วย เขาอาจจะชอบคนแบบข้าก็ได้ ถึงตอนนั้นถ้าคุณชายห้าไปเอ่ยปากขอกับประมุขถิ่น ข้าก็ยินดีจะแต่งงานเป็นอนุภรรยาของคุณชายห้า ไม่มาคอยปรนนิบัติคนหน้าไม่อายที่เข้าหอโคมเขียวอย่างเจ้าหรอก!”

ตอนที่พูดออกไปแบบนี้ ที่จริงนางกำลังนั่งอยู่ข้างกายเหมียวอี้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ผิดปกติของเหมียวอี้ รู้ว่าเหมียวอี้ตื่นแล้ว จึงได้จงใจพูดแบบนี้ออกมา

เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ เหมียวอี้ก็เหงื่อแตกนิดหน่อย สงสัยอีกฝ่ายจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาทำอะไรไว้ที่ตำหนักบรมอัคคี เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ

พอเป็นแบบนี้ เขากลับไม่กล้าตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้เลย

หลังจากรอให้สองสามีภรรยาเถียงกันเสร็จและออกไปแล้ว เหมียวอี้ถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ กำยาเม็ดโลหิตฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ให้ตัวเอง ตอนนี้จิงชี่เสินฟื้นตัวกลับมาแล้ว เพียงแต่ตอนหลับลึกไม่เคยได้ฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์เลย

ตอนที่ออกมาจากถ้ำอีกครั้ง เมื่อเจอหูเฟย ก็ไม่เห็นว่าหูเฟยจะทำตัวซี้ซั้วอะไร สิ่งนี้ทำให้เหมียวอี้โล่งใจ

แต่จะว่าไปแล้ว หูเฟยก็กล้ายั่วยวนผู้ชายคนอื่น แต่กลับไม่กล้ามาทำให้เหมียวอี้เสื่อเสียชื่อเสียง ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ถึงตอนนั้นถ้าฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ไม่ลงโทษนางก็คงแปลกแล้ว และแน่นอน ถ้าเหมียวอี้เป็นฝ่ายสนใจนางก่อน นางก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยจริงๆ

“ถ้าควบคุมไม่ได้ ให้ฝืนทดลองอีกรอบก็คงจะอันตราย!”

ยังคงเป็นที่หาดทรายผืนเดิม เหมียวอี้ถือทวนไว้ในมือ แต่ครั้งนี้กลับถือทวนเงินธรรมดา ทุกคนกำลังยืนอยู่ข้างหลัง ชิงเฟิงเป็นคนที่กล่าวเตือนเขา

“ข้าเองก็รู้ แต่ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าปัญหาอยู่ตรงไหน?” เหมียวอี้ตอบ แล้วหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งออกมา อ้าปากกัดกลืนลงท้องไปแล้ว

ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่คือการเตรียมตัวก่อนได้รับบาดเจ็บ!

แสงสีเงินพลันกะพริบวับวาบ ราวกับมีฝนดาวตกสายหนึ่งยิงออกมาจากมือเหมียวอี้ แต่กลับหยุดชะงักกะทันหัน

ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏจุดสีดำบนหัวทวน วรยุทธ์ของเขายังไม่สูงพอ ต้องอาศัยอาวุธขั้นสูงถึงจะแสดงมันออกมาได้

หนึ่งทวนสิบสังหาร เหมียวอี้แทงออกมาได้ทวนเดียว ก็หักดิบหยุดไว้กลางคันแล้ว

บึ้ม! เสียงระเบิดดังขึ้น! เนื่องจากไม่อยากให้เกิดอานุภาพมากเกินไปยามลงมือ เขาถึงได้เลือกใช้อาวุธระดับต่ำ ผลก็คือมันระเบิดกลายเป็นผุยผงภายในชั่วพริบตาเดียว

แรงระเบิดกระจายไปทั่วทิศ ทุกคนร่วมมือกันร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับไว้

“พลั่ก!” เหมียวอี้กลับเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ภาพตรงหน้าพลันกลายเป็นสีดำ ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว หงายหลังล้มลงไปขณะเผชิญหน้ากับทะเลกว้าง เลือดทะลักออกปากออกจมูก!

อิงอู๋ตี๋และคนอื่นรีบถลันตัวเข้ามา พอร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอาการ พวกเขาก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เหมียวอี้ที่โดนพลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทำร้ายจนชีพจรขาด อวัยวะภายในเสียหาย!

ถึงแม้เหมียวอี้จะกินสมุนไพรเซียนซิงหัวเตรียมไว้ก่อนแล้ว แต่อิงอู๋ตี๋ก็ยังรีบนำสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมาอีกต้น รีบเป่าหมอกดาวเข้าในร่างกายเหมียวอี้ พร้อมทั้งร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับอาการบาดเจ็บในร่างกายเขา

อาการบาดเจ็บสาหัสมาก! บาดเจ็บสาหัส!

แต่ภายใต้การเยียวยาของโอสถเทวดา อาการบาดเจ็บก็บรรเทาเร็วมาก ใช้เวลาไม่กี่วันก็ฟื้นตัวแล้ว หายเร็วกว่าจิงชี่เสินที่เสียไป สมุนไพรเซียนซิงหัวไม่ค่อยได้ผลอะไรกับจิงชี่เสินที่เสียหาย

หลังจากนั้นหลายวัน เหมียวอี้ก็ก็ยืนถือทวนอยู่บนหาดทรายอีกครั้ง เขาหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง ต้องการตามหาความรู้สึกบางอย่างต่อไป!

ทุกคนพูดไม่ออก วิธีการฝึกตนแบบบนี้ช่างเสี่ยงชีวิตจริงๆ เพราะไม่มีการชี้แนะใดๆ จากคนรุ่นก่อน นักพรตโดยทั่วไปล้วนใช้ประโยชน์จากเคล็ดวิชาที่ฝึกจนสุกงอม ถึงได้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ถึงได้ฝึกตนได้อย่างสงบใจ การฝึกแบบเหมียวอี้ หากพลาดทำเกินไปก็จะทำให้ตัวเองเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

แต่เกลี้ยมกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง! ถ้าคุณชายห้าท่านนี้จะโหดขึ้นมา แม้แต่กับตัวเองก็ไม่เว้น!

ชิงเฟิงก็ดันติดปัญหาอยู่ที่ด่านนี้เหมือนกัน พอได้ใช้ท่านี้แล้วหยุดไม่ได้ จึงไม่มีประสบการณ์ที่มีประโยชน์อะไร เขาโจมตีได้ครั้งละท่าเท่านั้น ไม่อาจใช้ท่านี้อีกจนพลังตัวเองหมด!

เลี่ยหวนถามอย่างสงสัยว่า “คุณชายห้า กดวรยุทธ์ให้ต่ำแล้วค่อยใช้ท่านี้ไม่ได้เหรอ? แบบนี้พลังอิทธิฤทธิ์ที่ย้อนทำร้ายจะได้ลดอานุภาพลงหน่อย”

ชิงเฟิงส่ายหน้า “ไม่ได้! ถ้าควบคุมไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ได้!”

เหมียวอี้ยิ้มพร้อมตอบว่า “ชิงเฟิงเข้าใจดีที่สุด!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset