พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 2113 กลับคำ

พอเหมียวอี้กวักมือ เฟยหงก็ถูกปล่อยออกมาแล้วเช่นกัน

ดวงตางามมองไปรอบๆ พอเห็นมารดาตกอยู่ในมือสงฉี เฟยหงก็ตะโกนร้องเสียงหลงทันที “ท่านแม่!”

ไม่เห็นมารดาหลับตาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เฟยหงก็เริ่มกลัวแล้ว เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะพุ่งเข้าไป

เหมียวอี้คว้าแขนนางเอาไว้ ไม่ให้นางบุ่มบาม ตะคอกว่า “ยังไม่รู้เลยว่าใช่แม่เจ้าหรือเปล่า!” สมกับเป็นคนที่ผ่านโลกมาเยอะแล้ว แค่ประโยคเดียวก็ทำให้เฟยหงสงบลงทันที

เฟยหงหันมามองเขาด้วยสีหน้าร้อนรน ผ่านประสบการณ์มาน้อย เรื่องบางเรื่องนางไม่สามารถตัดสินใจเองได้เลย ตอนนี้ก็ยิ่งจิตใจว้าวุ่นกังวล

เหมียวอี้บอกด้วยน้ำเสียงดีๆ ว่า “ตอนนี้ต้องการให้เจ้าไปพิสูจน์ว่าเป็นแม่เจ้าจริงหรือเปล่า เจ้าต้องใจเย็นแล้วพิสูจน์ให้ชัดเจน…อย่ากลัว มีข้าอยู่ตรงนี้เจ้าไม่เป็นอะไรหรอก ไปเถอะ!” เขาปล่อยมือนางออก ตบเอวนางเบาๆ แล้วผลักออกไป

เฟยหงเดินช้าๆ เข้าไป สงฉีที่อยู่ตรงหน้าเอียงหน้าเล็กน้อย ข้างกายมีคนเดินออกมาคนหนึ่ง

คนที่ถูกส่งออกจากสองฝั่งเดินผ่านกัน แล้วทั้งสองฝ่ายก็ส่งคนออกไปดักคนจากฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาพร้อมกัน ตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม

เห็นได้ชัดว่าฝั่งเฟยหงถูกตรวจสอบเพิ่มอีกหนึ่งขั้นตอน คนที่เข้ามาขวางและค้นตัวนางนำแผ่นหยกออกมาให้นางลงตราอิทธิฤทธิ์ นางหันกลับมามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง พอเห็นเหมียวอี้พยักหน้าแล้วถึงได้ลงตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเคยเห็นตราอิทธิฤทธิ์ของเฟยหงมาจากที่ไหน สรุปก็คือหลังจากยืนยันแล้ว ก็หันกลับมาพยักหน้าบอกใบ้สงฉีว่าเป็นคนนี้ไม่ผิดแน่ เสร็จแล้วถึงได้ให้เฟยหงเดินเข้าไป

คนที่มาตรวจสอบบัวโลหิตตรงหน้าเหมียวอี้สังเกตอย่างละเอียด แล้วก็นำมาจ่อจมูกดมอีก สุดท้ายก็กัดปลายนิ้วตัวเอง พอเม็ดเลือดหยดลงบนรากบัวสีขาวหยก ก็เห็นเม็ดเลือดสีแดงถูกรากบัวสีขาวหยกดูดกลืนเข้าไปทันที ทว่ารากบัวสีขาวหยกที่มีเลือดซึมลงไปยังคงสีขาวบริสุทธิ์เหมือนเดิม ไม่เห็นว่าเปลี่ยนสีเลยสักนิด มหัศจรรย์มาก

เหมียวอี้รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่ายังมีวิธีทดสอบบัวโลหิตแบบนี้อยู่ด้วย แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะรู้ แต่พอลองคิดดูก็เข้าใจแล้ว คาดว่าพระปีศาจคงจะรู้เรื่องนี้มาจากปีศาจโลหิต

คนที่ตรวจสอบบัวโลหิตหันกลับไปพยักหน้าให้สงฉี บอกไปว่าไม่ผิดแน่ จากนั้นก็คืนบัวโลหิตให้เหมียวอี้ อยากจะฝืนแย่งนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะยอดฝีมือทางฝั่งซ้ายและขวาของเหมียวอี้ล้วนกำลังจับจ้องดุร้าย ถ้ากล้าขยับซี้ซั้วนิดเดียว ก็จะทำให้เขาตายโดยไร้หลุมศพได้เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งไป

หลังจากเฟยหงตรวจสอบมารดาตัวเองอย่างละเอียดแล้ว ในดวงตาก็มีน้ำตาคลอ หันกลับมาพยักหน้าให้เหมียวอี้ สื่อว่านี่คือมารดาของนาง

สงฉีทำเสียงดังว่า “ท่านอ๋องหนิว คนก็ยืนยันแล้ว จะเริ่มแลกของได้หรือยัง?”

“แลกได้! อย่าถอนพิษล่ะ?” เหมียวอี้ถาม

สงฉีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้ยาถอนพิษอยู่ในมือคนอีกคน ข้ารู้ว่าคนคนนั้นอยู่ที่ไหน ขอเพียงข้าแน่ใจแล้วว่าสามารถออกไปจากตรงนี้ได้อย่างราบรื่น ก็ย่อมบอกให้ท่านอ๋องรู้ว่ายาถอนพิษอยู่ที่ไหน มีเวลาเพียงพอที่จะนำมาไว้ในมือก่อนพิษกำเริบ! ถ้าท่านอ๋องกล้าเล่นตุกติก ห้ามไม่ให้ฝ่ายพวกเรานำของไป คนที่ถือยาถอนพิษก็จะทำลายยาถอนพิษทันที!”

เฟยหงฟังแล้วหวาดระแวงกลัว ยาถอนพิษอะไรกัน?

“เจ้าล้อเล่นอะไรกัน? พอเจ้าเอาของไปแล้ว ถ้าจะยืนยันได้ยังไงว่ายาเป็นของจริงหรือของปลอม แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเจ้าจะรักษาสัญญา ส่งยาถอนพิษมาให้หรือเปล่า?” เหมียวอี้ถาม

“ข้าไปเป็นตัวประกันอยู่ในมือท่านอ๋องเป็นไง? ขอเพียงท่านอ๋องให้คนของข้านำของออกไปได้อย่างราบรื่น ข้าก็จะเป็นตัวประกันในมือท่านอ๋อง รอให้ท่านอ๋องแน่ใจแล้วว่ายาถอนพิษไม่มีปัญหา แล้วค่อยปล่อยข้าไป ถ้าอยากถอนพิษมีปัญหา ข้าก็ชดเชยด้วยชีวิตได้ แบบนี้เป็นยังไง? สงฉีคนนี้ไปเป็นตัวประกันมีน้ำหนักมากพอหรือเปล่า?” สงฉีถาม

ผู้ตรวจการขวาทัพอารักขาของงอิ๋งจิ่วกวงมาเป็นตัวประกัน ก็ย่อมมีน้ำหนักเพียงพออยู่แล้ว แต่เหมียวอี้กลับพบว่าตัวเองถูกพระปีศาจวางกับดักแล้ว ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าใช้วิธีการนี้แลกเปลี่ยน เขาอาจจะไม่ตอบรับก็ได้ เพราะไม่มีหลักประกันความเสี่ยง การที่สงฉีกล้ามาเป็นตัวประกัน ก็เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวจะเป็นหน่วยกล้าตายแล้ว หากทำการแลกเปลี่ยนราบรื่น เขายังจะปล่อยสงฉีไปได้อีกเหรอ? ถ้าอีกฝ่ายนำของไปแล้ว ผลปรากฏว่าฝั่งนี้พบว่าเป็นยาปลอม ถ้าไม่ให้ยาถอนพิษกับเขา ต่อให้เขาฆ่าสงฉีแล้วจะมีประโยชน์อะไร!

แต่ตอนนี้จะไม่ตอบรับการแลกเปลี่ยนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เฟยหงดูอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ตอบตกลงแล้วปล่อยให้มารดาของเฟยหงเป็นอะไรไป ก็ไม่สะดวกจะชี้แจงกับเฟยหงแล้ว

เฟยหงมองเหมียวอี้ตาปริบๆ หลังจากเหมียวอี้ลังเลเล็กน้อย ก็กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ได้!”

สงฉียิ้มพลางยื่นมือเชิญเฟยหงให้กลับไปก่อน พอเฟยหงลังเล เขาก็ออกแรงบีบคอหลินอ้าวเสวี่ยทันที เฟยหงจึงรีบกลับไป

จากนั้นสงฉีก็บอกอีกว่า “ท่านอ๋อง ส่งมอบของให้เขาเถอะ!” แล้วก็บอกใบคนที่ตรวจสอบบัวโลหิตก่อนหน้านี้

เหมียวอี้ส่งบัวโลหิตให้คนคนนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้ชิงเยว่ด้วย

สงฉีบีบคอหลินอ้าวเสวี่ยเดินเข้ามา แล้วบอกคนที่ไปเอาบัวโลหิตตอนเดินสวนกันว่า “พวกเจ้าไปก่อน!”

คนคนนั้นเก็บบัวโลหิตและถลันตัวจากไปไปพร้อมกับคนอื่นทันที พอชิงเยว่โบกมือ ตรงจุดไกลๆ ก็ปรากฏกำลังพลกลุ่มหนึ่งขึ้น มาขวางทางคนพวกนั้นเอาไว้ ล้อมเอาไว้แล้ว

สงฉีที่หันขวับกลับมามองตะคอกด้วยสีหน้าโกรธแค้นทันที “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าอยากจะให้นางตายเหรอ? ให้คนของเจ้าหลีกไป ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านางซะ!” ขณะที่พูดก็ออกแรงบีบคอหลินอ้าวเสวี่ยแรงขึ้น

“ท่านอ๋อง…” เฟยหงตกใจ คว้าแขนเหมียวอี้พร้อมทำสีหน้าอ้อนวอน

เหมียวอี้ถือโอกาสลงมือ ตีให้เฟยหงสลบและเก็บเอาไว้ จากนั้นก็จ้องสงฉีพร้อมกล่าวเสียงเย็น “ของยังไม่ส่งถึงมือข้าโดยสมบูรณ์ ตัวประกันอย่างเจ้าก็ยังไม่ตกอยู่ในมือข้า เจ้าก็คิดจะเอาของไปแล้วเหรอ? พระปีศาจเคยชินกับการควบคุมให้คนเป็นผีดิบ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นหน่วยกล้าตาย ใครจะไปรู้ว่าเจ้าโดนพระปีศาจควบคุมอยู่หรือเปล่า? ถ้าเจ้าฆ่าตัวประกันแล้วฆ่าตัวตายล่ะ ข้าจะไปเอาเรื่องกับใคร เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าอยู่เหรอ? ถ้าไม่มีความจริงใจในการแลกของ ข้าว่าก็ไม่จำเป็นต้องแลกของกันต่อไปแล้ว ถ้าเจ้าปล่อยคน ข้าก็จะปล่อยคน!”

สงฉีลังเลนิดหน่อย หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อพระปีศาจ ถ่ายทอดเจตนาของเหมียวอี้ให้รู้ หลังจากได้คำตอบแล้ว ก็บีบคอหลินอ้าวเสวี่ยก้าวมาข้างหน้าต่อ

พระปีศาจหนานโปอนุญาตให้ทำตามเหมียวอี้แล้ว ถึงอย่างไรก็ปลูก ‘พันธุ์ปีศาจ’ ไว้บนตัวหลินอ้าวเสวี่ยแล้ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อไม่แยแสความเป็นความตายของหลินอ้าวเสวี่ยจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องชักช้าอย่างนี้ ดังนั้นคิดไปคิดมาก็พบว่าตัวเองยังมีหลักประกันอยู่

พระปีศาจใช้ประโยชน์เฟยหงเพื่อกดดันเหมียวอี้ให้รีบแลกเปลี่ยน ส่วนเหมียวอี้ก็ใช้ประโยชน์ความร้อนรนอยากได้บัวโลหิตของพระปีศาจเพื่อใช้วิธีแลกเปลี่ยนอย่างที่ตัวเองต้องการ

ตอนที่เข้าใกล้ฝ่ายตรงข้าม สงฉีร่ายอิทธิฤทธิ์ตบหลังหลินอ้าวเสวี่ยหนึ่งที กระตุ้นหลิน ‘พันธุ์ปีศาจ’ ในตัวอ้าวเสวี่ย ขณะเดียวกันก็ปลุกให้หลินอ้าวเสวี่ยตื่น หลินอ้าวเสวี่ยถูกฝ่ามือของเขาผลักลอยไปหาเหมียวอี้แล้ว

ชิงเยว่ถลันตัวมาตรงหน้าเหมียวอี้ในชั่วพริบตาเดียว รับหลินอ้าวเสวี่ยเอาไว้ ป้องกันไม่ให้มีกับดัก ถึงอย่างไรพระปีศาจก็ถนัดเรื่องควบคุมคนอยู่แล้ว

ขณะใช้แขนข้างเดียวรับหลินอ้าวเสวี่ยไว้ ชิงเยว่ก็โบกมืออีกข้าง ปล่อยคนจำนวนมากออกมาจับสงฉีไว้

หลินอ้าวเสวี่ยที่ฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆ อย่างงุนงง แล้วก็ทำสีหน้าหวาดกลัว

หลังจากแน่ใจแล้วว่าหลินอ้าวเสวี่ยถูกควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ ชิงเยว่ถึงได้ผลักหลินอ้าวเสวี่ยไปให้เหมียวอี้

เหมียวอี้คว้าข้อมือหลินอ้าวเสวี่ยเอาไว้ แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบสภาพภายในร่างกาย

สงฉีที่ถูกควบคุมไว้ตะโกนเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ยังไม่ให้คนของเจ้าหลีกไปอีกเหรอ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ พิษในร่างกายนางยืดเวลาได้ไม่นานนักหรอก!”

เหมียวอี้ไม่สนใจเลย จ้องตรวจสอบของตัวเองต่อไป และไม่นานก็พบว่ามีสีเขียวเลื่อมระบายออกมาอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากกระดูกสันหลังของหลินอ้าวเสวี่ย มันลุกลามไปทั้งร่างกายหลินอ้าวเสวี่ยเร็วมาก และกายเนื้อของหลินอ้าวเสวี่ยก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาแล้ว เรากลับถูกเพลิงเผา อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ เริ่มทำสีหน้าเจ็บปวดทรมานทีละนิด

การตอบสนองแรกของเหมียวอี้ก็คือร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับเส้นสีเขียวที่กำลังกระจายตัวนั้นไว้ ทว่าสิ่งนี้กำลังลุกลามอยู่ในเลือดเนื้อ ราวกับว่าถ้าไม่ตัดเนื้อทิ้งก็ไม่มีทางหยุดยั้งไม่ให้มันลุกลามได้ เหมียวอี้รีบใช้เคล็ดวิชาอัคนีดาราอีก เพลิงจิตสายหนึ่งกรอกเข้ามาในร่างกายหลินอ้าวเสวี่ย กวาดไปทั้งร่างกายที่มีเลือดเนื้อของหลินอ้าวเสวี่ย กรองสีเขียวที่กำลังลุกลามอยู่ในเลือดเนื้อ ยับยั้งแนวโน้มที่กำลังลุกลามได้ทันที มีควันสีเทาบางๆ ลอยขึ้นมา กำจัดพิษตลอดทางจนหมดแล้วถึงได้หยุด

เมื่อเห็นว่าได้ผล ก็กรอกเพลิงจิตเข้าไปอีกครั้ง ทำลายเส้นสีเขียวที่กำลังแผ่ขยายได้หลายกลุ่ม พยายามระวังไม่ให้ทำร้ายไก่เนื้อของหลินอ้าวเสวี่ย เผาไหม้แสงสีเขียวจนหดไป

ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้เหลือบตาขึ้นแล้วตะโกนว่า “จัดการ!”

ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่า ‘พันธุ์ปีศาจ’ คือพิษอะไร ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่รู้สถานการณ์ ตอนแรกจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จนกระทั่งแน่ใจว่าตัวเองสามารถกำจัดพิษนี้ได้ ถึงได้ออกคำสั่งให้ลงมือ ถ้าไม่สามารถขจัดพิษนี้ได้ เหมียวอี้ก็ทำได้เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายนำของไป

ชิงเยว่โบกมือส่งสัญญาณ กำลังพลที่ขวางทางคนที่นำของไปลงมือทันที ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ยิงพร้อมกัน พอลงมือก็ใช้ท่าไม้ตายเลย!

ไม่เห็นตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ถึงตาย สงฉีก็คำรามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าบังอาจกลับคำพูด!”

โชคดีที่พิษในร่างกายหลินอ้าวเสวี่ยเพิ่งจะเริ่มลุกลาม ไม่อย่างนั้นเกรงว่าต้องใช้เวลาพักใหญ่ หลังจากกำจัดพิษหมดแล้ว เหมียวอี้ที่เก็บเพลิงจิตแล้วก็แอบโล่งอก แล้วหยิบยาเม็ดอะไรสักอย่างขึ้นมา ยัดเข้าไปในป่าหลินอ้าวเสวี่ย “ยาถอนพิษของพิษชนิดมีข้ามีตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอพวกเจ้าหรอก!” เสร็จแล้วก็ถือโอกาสเก็บหลินอ้าวเสวี่ยเอาไว้เลย

ยาถอนพิษนั้นเป็นของปลอม เขากำลังแสดงให้คนข้างกายดู

เหิงอู๋เต้าที่อยู่ข้างกายแอบบันเทิง นี่ท่านอ๋องวางกับดักใส่พระปีศาจเสียแล้ว

เหยียนซิวที่ยืนอยู่ข้างเหมียวอี้ก้าวออกมา หิ้วสงฉีเดินไปแล้ว

การล้อมโจมตีจบลงเร็วมาก มีคนส่งกำไลเก็บสมบัติเข้ามา ชิงเยว่หยิบบัวโลหิตต้นนั้นมาดูครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคือของอะไร เดินกลับมามอบให้เหมียวอี้แล้ว

พอเก็บบัวโลหิตแล้ว เหมียวอี้ก็ออกคำสั่งกับเหิงอู๋เต้าว่า “ดึงกำลังพลมาที่นี่ ค้นหาให้ค่ะ!” ก่อนหน้านี้ไม่ให้เหิงอู๋เต้าพาคนมาเยอะเกินไป ก็เพราะไม่อยากให้คนเห็นฉากการแลกเปลี่ยนของในวันนี้เยอะเกิน และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้เอ่ยด้วยว่าแลกเปลี่ยนของกับพระปีศาจ บอกเหิงอู๋เต้าไปแค่คนเดียว

“ขอรับ!” เหิงอู๋เต้าเอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบระดมพล

เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งเลี้ยวกลับทันที เขาเองก็ไม่หวังว่าจะจับพระปีศาจได้ง่ายๆ ขี้คร้านจะเสียเวลาอยู่กับพระปีศาจที่นี่

ส่วนหนานโปก็ย่อมวางกำลังคนไว้สังเกตการณ์อยู่แล้ว แม้เหมียวอี้จะไม่ให้โอกาสพวกสงฉีได้รายงานข่าว แต่เหตุการณ์ตอนที่ออกคำสั่งให้ลงมือก็อยู่ในสายตาของกำลังคนที่วางไว้แล้ว หลังจากได้รับข่าว หนานโปก็โกรธจนหน้าเขียว รู้ว่าถูกหนิวโหย่วเต๋อปั่นหัวแล้ว ตัวเองวิ่งเต้นไปทั่วเพื่อช่วยคนให้หนิวโหย่วเต๋อ ทุ่มกำลังความคิดทุกอย่าง ป้องกันแล้วป้องกันอีก ผลปรากฏว่าป้องกันไม่ชนะ อีกทั้งหนิวโหย่วเต๋อยังทำสำเร็จด้วย ตัวเองลำบากลำบนมานานแต่ความพยายามกลับสูญเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนคนอื่นปั่นหัวเล่นเหมือนเป็นสุนัขตัวหนึ่ง!

……………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อ่านนิยาย พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า
Status: Ongoing Author: ,
เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset