พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 2167 เหนียงเหนียงโปรดสำรวมกิริยา

ในตึกศาลา สองแม่ลูกดื่มด้วยกัน ทั้งคู่ล้วนมีสีหน้ากลัดกลุ้มใจ กำลังคิดว่าต้องทิ้งอาณาเขตใหญ่โตขนาดนี้ไปแล้ว ราชินีสวรรค์กับโอรสสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานต้องหดหัวอยู่ในสถานที่ธุรกันดารอย่างนั้น ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก

เมื่อแน่ใจแล้วว่าเบื้องล่างเริ่มเก็บรวบรวมกำลังพล ชิงหยวนจุนก็วางระฆังดาราแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ”

“จุนเอ๋อร์ถอนหายใจทำไม?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่

ชิงหยวนจุนส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ลูกไม่เต็มใจ!”

รู้ถึงความรู้สึกของนาง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่บอกว่า “ลูกชายข้าอย่าท้อแท้ นี่ไม่นับว่าพ่ายแพ้อะไร ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อได้รับความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาก็ยิ่งแพ้ยิ่งกล้าหาญ ตอนนี้ได้เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้แล้ว นี่ก็คือตัวอย่าง ลูกชายข้าจะสู้กับคนธรรมดาสามัญไม่ได้เชียวหรือ? แต่ตอนนี้พวกเราถูกสถานการณ์บีบบังคับ ต้องคอยเกรงใจคนอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คำโบราณกล่าวไว้ดีมาก ถอยหนึ่งก้าว ทะเลกว้างฟ้าใส!” คำพูดไพเราะไม่ว่าใครก็พูดได้ทั้งนั้น แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงตัวนาง นางกลับไม่ได้สง่าผ่าเผยอย่างนี้

“เสด็จแม่พูดถูก เป็นถูกเองที่ไม่ทำสภาพจิตใจให้ถูกต้อง เพียงแต่ว่า…” ชิงหยวนจุนอึกอักเหมือนอยากพูดอะไร สุดท้ายก็ขมวดคิ้วบอกว่า “คิดไม่ตกว่าตระกูลเซี่ยโห้วคิดยังไงกันแน่ พวกเรายินดีเป็นฝ่ายไปขอพึ่งพาแล้ว ในเมื่อตั้งใจจะสนับสนุน ทำไมยังต้องให้หนิวโหย่วเต๋อมาเป็นคนกลางอีก?”

ตอนแรกยังซื่อบื้อ ก่อกบฏภายใต้อารมณ์โกรธชั่ววูบ ตอนนี้เริ่มสังเกตได้นิดหน่อยว่าเหมือนจะถูกหนิวโหย่วเต๋อจูงจมูกเดินมาตลอด ทว่าสถานการณ์ทำให้เขาไม่มีอำนาจตัดสินใจเลย เดินมาถึงขั้นนี้แล้วเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก

ใต้ตึก ฉินฟ่างสวมเกราะรบ นำคนหลายสิบคนเดินก้าวยาวมาจากปลายสุดของทางเดิน

พอเดินมาถึงใต้ตึกศาลา ในบรรดาสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติ เอ๋อเหมยออกมายื่นมือขวาง “ขุนพลฉินมีเรื่องอะไร บ่าวจะไปรายงานก่อน!” สายตามองประเมินคนที่ถือดาบถือทวนอยู่ข้างหลัง

ใครจะคิด ฉินฟ่างไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย จู่ๆ ก็ชักกระบี่วิเศษออกจากฝัก ถือโอกาสปาดเฉียงขึ้นไป ทำให้เกิดดอกเลือดกลุ่มหนึ่ง

เหนือความคาดหมายโดยสมบูรณ์ เอ๋อเหมยแทบจะตอบสนองอะไรไม่ทันด้วยซ้ำ นางเบิกตากว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ซี่โครงขวาจนถึงไหล่ขวามีเลือดสาดออกมาก่อนจะพังทลายลงไป ร่างกายท่อนล่างล้มตามลงไปเช่นกัน

เลือดสดสาดเข้ามา ฉินฟ่างไม่ได้หลบ ปล่อยให้เลือดกระเด็นใส่ร่างกายตัวเอง

สาวใช้หลายคนที่อยู่ข้างหลังตกใจค้าง คนถือดาบทวนที่อยู่ข้างหลังฉินฟ่างตามสังหารสาวใช้เหล่านั้นทันที สาวใช้ที่เริ่มระวังตัวบ้างแล้วรีบถลันหลบ ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงกรีดร้อง “มีมือสังหาร มีมือสังหาร…”

ทหารหลายสิบคนไล่ตามสังหาร

ฉินฟ่างที่ปลายกระบี่มีเลือดหยด ถือกระบี่เดินขึ้นมาบนตึกทีละก้าว

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับชิงหยวนจุนที่อยู่บนตึกกำลังรู้สึกสมองมืดทึบ คนหนึ่งส่ายหน้า คนหนึ่งเอามือนวดขมับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านล่าง สองแม่ลูกตกใจ ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ร่างกายโซเซ ส่วนชิงหยวนจุนก็นั่งกลับลงไป พยายามออกแรงตบหน้าผากตัวเอง

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พลันจ้องอาหารบนโต๊ะ ทำสีหน้าตกใจเสียขวัญ “ในอาหารมียาพิษ! ใครก็ได้…” ตะโกนหลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบ อยากจะร่ายอิทธิฤทธิ์แต่กลับพบว่าพลังอิทธิฤทธิ์เชื่องช้าลง ข้างล่างมีเสียงฝีเท้าประชิดเข้ามา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โซเซไปอยู่ข้างกายชิงหยวนจุนทันที ประคองแขนเขาพร้อมบอกว่า “จุนเอ๋อร์ รีบไป!”

สองแม่ลูกเดินโซเซออกจากโต๊ะ เดินไปได้ไม่ไกลนัก ข้างหลังก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมา “เหนียงเหนียง องค์ชาย จะไปไหนกัน?”

พอสองแม่ลูกหันกลับไปมอง สายตาก็หยุดอยู่บนกระบี่วิเศษเปื้อนเลือดบนมือฉินฟ่าง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันที

“รีบหนีไป!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ผลักลูกชาย เอาร่างกายมาขวางตรงหน้า ชี้เขาพลางตะโกนว่า “บังอาจ! ฉินฟ่าง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เสียงต่อสู้ข้างล่างสงบลงเร็วมาก เสียงกรีดร้องสุดท้ายดังออกมา ชิงหยวนจุนเอียงหน้ามอง มองจากบนระเบียงเห็นสาวใช้คนหนึ่งของตัวเองใต้ตึกโดนฟันหัวขาด เป็นครั้งแรกที่เจอทหารกบฏอย่างนี้ เขาตกใจจนขวัญกระเจิง ใบหน้าซีดขาว ไม่สนใจมารดาตัวเองแล้ว ล้มลุกคลุกคลานวิ่งหนีอยู่อย่างนั้น

ฉินฟ่างพลิกมือคว้ากระบี่ โบกมือแทงกระบี่ออกมา แสงสะท้อนคมกระบี่แฉลบผ่านตัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไป

“อา!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น

เสียงที่คุ้นเคยนั้นทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตัวสั่นขณะหันกลับไปมอง เห็นเพียงชิงหยวนจุนถูกกระบี่วิเศษแทงทะลุหลังแล้ว ตอกไว้บนเสาต้นหนึ่งข้างระเบียง เลือดสดไหลหยดลงมา มือเท้าขยับดิ้นรน แต่กลับไม่มีทางหนีไปได้ กอดเสาหันกลับมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ร้องเรีกยเสียงสั่นว่า “เสด็จแม่ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย…”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แทบจะตาถลน ตกใจจนทรุดนั่งกับพื้น นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาข้างกายพอหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นฉินฟ่าง ก็ยื่นมือขวางพลางตวาดถาม “เจ้าคิดจะก่อกบฏเหรอ?”

ฉินฟ่างก้มมองต่ำ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “คนที่ก่อกบฏคือพวกเจ้าสองแม่ลูกต่างหาก แต่กลับวางกับดักพวกเราแล้ว! เดิมทีคิดว่าติดตามพวกเจ้าสองแม่ลูกแล้วจะมีอนาคตแต่ใครจะคิด…ถอยกลับแดนรัตติกาลงั้นเหรอ? พวกเจ้าสองคนช่างคิดได้ เจ้าคิดว่าตำหนักสวรรค์ยังจะควักค่าจ้างเลี้ยงทัพใหญ่แดนรัตติกาลหรือไง? พวกเจ้าสองคนจะเอาอะไรมาเลี้ยงกำลังพลมากขนาดนั้น?”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มองแม่ทัพคนอื่นที่กำลังจ้องมองอย่างดุร้าย ตอบเสียงดังว่า “มีคนให้ทรัพยากร ขอเพียงข้าเอ่ยปาก อ๋องสวรรค์คุมทัพใต้จะต้องให้แน่นอน ทั้งยังมีตระกูลเซี่ยโห้วอีก ฆ่าเขาให้ข้า ฆ่าเขาให้เขา รีบช่วยองค์ชาย!”

ฉินฟ่างแสยะยิ้ม “ในเมื่อหวังให้คนอื่นเลี้ยง พวกเรายังต้องหวังให้พวกเจ้าสองแม่ลูกมาเลี้ยงอีกเหรอ ยังจำเป็นต้องเชื่อฟังพวกเจ้าสองแม่ลูกอีกเหรอ?” พูดจบก็เดินไปข้างหน้าต่อ

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ล้มอยู่บนพื้นกระโจนเข้ามา กอดขาฉินฟ่างเอาไว้ ส่ายหน้าวิงวอนขอร้อง “ขอร้องเจ้าล่ะ! ข้าขอร้องเจ้า ปล่อยจุนเอ๋อร์ไป ช่วยเขาด้วย!”

“เหนียงเหนียงโปรดสำรวมกิริยา!” ฉินฟ่างยกเท้าขึ้นมา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ล้มไปด้านข้าง หมอบบนพื้นพลางร้องอย่างโศกเศร้า “อย่า!”

พอเดินมาข้างหลังชิงหยวนจุน ฉินฟ่างก็ชักกระบี่แหย่เข้ามา ตรงคอชิงหยวนจุนมีเลือดสาดออกมา ศีรษะใบใหญ่กลิ้งบนไม้กระดาน จากนั้นร่างก็ล้มลงพื้น

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถลึงตากว้าง รู้สึกโง่เขลาอย่างถึงที่สุด ฉากที่อยู่ตรงหน้า รวมทั้งแต่ละฉากในอดีตที่ผ่านมา ราวกับเป็นความฝันฉากหนึ่ง

“พาตัวไป!” ฉินฟ่างตะคอก มีคนสองเข้ามาขนาบข้างเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้วคล้องแขนลากออกไปทันที

ส่วนฉินฟ่างก็โน้มตัวเก็บศีรษะของชิงหยวนจุนขึ้นมา ชูไปทางตึกไกลๆ หลังหนึ่งที่หน้าต่างปิดสนิท

ตึกนั้นเปิดหน้าต่างออกครึ่งเดียว ร่างของหยางชิ่งหันหลังให้แล้วหายไป…

ใช้เวลาไม่นาน บนฟ้าก็มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งสังหารเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ผู้บัญชาการทัพก็คือเหิงอู๋เต้า…

ในจวนเทพประจำดาว เยี่ยนหลูหนึ่งในหัวหน้าภาคทั้งห้าของทัพใหญ่แดนรัตติกาล กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในศาลา อาลัยอาวรณ์ทิวทัศน์อันงดงามในจวนนี้เช่นกัน

ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตำหนักสวรรค์ เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็ใช้ไปกับการฟังคำสั่งอยู่ในกองทัพองครักษ์ ตอนหลังถูกย้ายเข้ามาในทัพใหญ่แดนรัตติกาล ยังไม่เคยได้เสพสุขกับจวนที่งดงามหรูหราขนาดนี้มาก่อน นี่เพิ่งเสพสุขได้ไม่กี่วัน ผลปรากฏว่าต้องทิ้งไปอีกแล้ว แต่สถานการณ์ก็ทำให้คนทำตามใจตัวเองไม่ได้!

รองหัวหน้าภาคจ้าวเซียนเดินก้าวยาวเข้ามา กุมหมัดคารวะ “นายท่าน!”

“ระดมกำลังพลไปถึงไหนแล้ว?” เยี่ยนหลูเอ่ยถาม

จ้าวเซียนบอกว่า “ใกล้แล้วขอรับ…แต่ข้าน้อยได้ยินข่าวบางอย่างมาจากเพื่อนร่วมงานที่ดีจอมพลสายมะเส็ง สถานการณ์ไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าจริงหรือโกหก”

เยี่ยนหลูเหล่ตามอง “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอึกอัก”

จ้าวเซียนขมวดคิ้ว “ได้ยินว่าองค์ชายตายแล้ว”

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน?” คำพูดของเขาทำให้เยี่ยนหลูตกใจทันที

จ้าวเซียนบอกว่า “ข้าน้อยก็ได้ยินมาเหมือนกัน ข้าน้อยก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฟังจากที่อีกฝ่ายพูดก็เหมือนจะใช่ องค์ชายออกคำสั่งให้ถอนทัพกลับแดนรัตติกาล ทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจ ฉินฟ่าง หัวหน้าภาคฉินต่อต้านอย่างหนัก องค์ชายโมโหมากต้องการสั่งลงโทษหัวหน้าภาคฉิน ผลปรากฏว่าหัวหน้าภาคฉินนำทหารมาสังหารองค์ชายด้วยความโมโห!”

“…” เยี่ยนหลูได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน แต่อย่าให้เป็นความจริงเลย ในเวลานี้จะเกิดเรื่องกับชิงหยวนจุนไม่ได้ ทุกคนทรยศตำหนักสวรรค์อย่างเปิดเผยแล้ว ยังมีความหวังกับสายสัมพันธ์ระหว่างท่านนั้นกับตระกูลเซี่ยโห้ว

จ้าวเซียนบอกอีกว่า “จะจริงหรือโกหก นายท่านติดต่อองค์ชายดูสักหน่อยก็รู้แล้ว”

เยี่ยนหลูจ้องน้าเขาครู่เดียว จากนั้นก็นำระฆังดาราออกมาติดต่อชิงหยวนจุน ทว่าไม่ว่าจะติดต่ออย่างไรก็ไม่มีการตอบกลับ เขาเริ่มวิตกกังวลแล้ว อย่าให้เรื่องนี้เป็นจริงเลย! เขาอยากจะติดต่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่จนใจที่ต่อให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะเป็นหงส์ตกอับ แต่ก็ไม่ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้เขาเลย

เขาไม่มีความมั่นใจกับเรื่องนี้ สุดท้ายก็แข็งใจติดต่อฉินฟ่างอีก อยากจะหยั่งเชิงฉินฟ่างสักหน่อย

ใครจะคิดว่าพอติดต่อไปแล้ว เขาก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฉินฟ่างบอกเขาอย่างหัวร้อนแล้วว่า: พี่เยี่ยน กำลังจะติดต่อเจ้าอยู่พอดี เกิดเรื่องใหญ่แล้ว จู่ๆ เหิงอู๋เต้าก็นำทัพใหญ่จู่โจมเข้ามา องค์ชายตายอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่ชุลมุน หนียงเหนียงบาดเจ็บสาหัส หน่วยของข้าถูกเหิงอู๋เต้าทัพใหญ่ล้อมโจมตี รีบนำทัพมาช่วยหน่อย!

เยี่ยนหลูวิงเวียนศีรษะ รีบถามว่า : องค์ชายตายแล้วเหรอ?

ฉินฟ่าง : ข้าจะหลอกลวงเจ้าเชียวหรือ รีบนำทัพมาช่วย ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายโดยไร้หลุมฝังศพ!

หลังจากติดต่อเสร็จแล้ว เยี่ยนหลูก็ระแวงสงสัยไม่หยุด จ้าวเซียนบอกว่าองค์ชายถูกฉินฟ่างฆ่า แต่ฉินฟ่างก็บอกว่าองค์ชายถูกฆ่าอยู่ในทัพใหญ่ของเหิงอู๋เต้า ไม่ว่าเรื่องไหนจะเป็นความจริง แต่ก็เหมือนว่าองค์ชายจะตายแล้วจริงๆ!

ข่าวนี้ไม่ชัดเจน จะให้เขาเชื่อฟังไหนดีล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่เชื่อใครง่ายๆ จึงรีบติดต่อสมาชิกที่เกี่ยวข้องเพื่อยืนยันอีก ข่าวที่ได้ล้วนเป็นองค์ชายรบตาย จอมพลสายมะเส็งกำลังถูกทัพใหญ่ของเหิงอู๋เต้าล้อมโจมตี

พอเก็บระฆังดาราแล้ว เยี่ยนหลูก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้ทัพใหญ่รีบระดมพลโดยเร็วที่สุด!”

จ้าวเซียนยังไม่รับคำสั่ง แต่ถามกลับว่า “นายท่านรู้สึกว่าไปช่วยตอนนี้ยังทันหรือขอรับ?”

เยี่ยนหลูโมโห “หรือว่าเห็นคนเดือดร้อนแล้วจะไม่ช่วย? ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดกับเหนียงเหนียง หนทางสุดท้ายที่พวกเราจะพึ่งพาตระกูลเซี่ยโห้วก็จะถูกตัดขาดแล้ว!”

จ้าวเซียนบอกว่า “ถ้าไม่มีคำสั่งของอ๋องสวรรค์หนิว นายท่านคิดว่าเหิงอู๋เต้าจะกล้าเคลื่อนทัพโจมตีเหรอ? ในเมื่ออ๋องสวรรค์หนิวกล้าลงมือโดยมองข้ามหัวตระกูลเซี่ยโห้ว นายท่านคิดว่ายังจะช่วยไหวอยู่ไหม? อ๋องสวรรค์หนิวคือขุนพลผู้มีชื่อเสียงแห่งยุค ไม่ใช่คนที่ลงมือโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำไมถึงโจมตีแค่จอมพลสายมะเส็งและปล่อยพวกเรากับคนอื่นๆ ล่ะ นายท่านไม่รู้สึกว่าในนั้นมีลับลมคมในหรือขอรับ? ตามความเห็นของข้าน้อย นี่เขาต้องการจะใช้กำลังหลักล้อมโจมตีกำลังเสริมชัดๆ! ข้าน้อยขอถามอีกสักหน่อย ที่นี่คืออาณาเขตของอ๋องสวรรค์หนิว ถ้าเขาต้องการจะลงมือจริงๆ นายท่านรู้สึกว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลของพวกเรายังจะมีโอกาสชนะไหม? กำลังพลของพวกเรากระจัดกระจายกัน เป็นโอกาสดีให้พวกเขาลงมือสังหาร มีหรือที่จะให้โอกาสทัพใหญ่แดนรัตติกาลระดมพล? เมื่ออ๋องสวรรค์หนิวลงมือ ก็แสดงว่าเขาเลิกปกป้องพวกเราแล้ว เขายังจะสกัดกองทัพองครักษ์ไม่ให้มาปราบพวกเราได้อีกเหรอ? เขายังจะปล่อยให้พวกเราหนีกลับแดนรัตติกาลอีกเหรอ? เกรงว่าระหว่างทางกลับแดนรัตติกาลคงโดนทัพใหญ่ของเขาดักแน่”

เยี่ยนหลูกัดฟันถาม “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าบอก พวกเราก็ต้องตายสถานเดียวเหรอ?”

“ก็ไม่แน่!” จ้าวเซียนส่ายหน้า “ข้าน้อยมีคำแนะนำอย่างหนึ่ง…ยอมแพ้!”

“ยอมแพ้?” เยี่ยนหลูมองไปรอบๆ แล้วกล่าวปนเสียงหัวเราะเจื่อนๆ “ยอมแพ้ใครล่ะ? พวกเราเป็นทัพกบฏ ตำหนักสวรรค์จะปล่อยพวกเราไปได้เหรอ? ใครจะกล้ารับพวกเราไว้?”

จ้าวเซียนบอกว่า “ข้าน้อยมีคนคนหนึ่งจะแนะนำให้นายท่าน รับรองว่าช่วยแก้ไขความกังวลให้นายท่านได้แน่ ปกป้องชีวิตพี่น้องของหน่วยเราได้แน่!”

เยี่ยนหลูถามทันที  “ใคร?”

จ้าวเซียนกล่าวช้าๆ ว่า “ลูกน้องคนสนิทของอ๋องสวรรค์หนิว…สวีถังหราน ท่านโหวสวี บังเอิญว่าเขาดื่มน้ำชาอยู่กับข้าน้อยพอดี!”

เยี่ยนหลูพลันเบิกตากว้าง จ้องเขาไม่ละสายตา

……………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อ่านนิยาย พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า
Status: Ongoing Author: ,
เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset