พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 2219 โน้มน้าวให้สวามิภักดิ์

ทัพของเหมียวอี้เร่งเดินทางโดยใช้ทางลัด ต่อให้ผ่านบริเวณที่มีการต่อสู้กันก็ไม่หยุดพักแม้แต่น้อย มุ่งตรงไปยังที่อยู่ของก่วงลิ่งกงเลย

ระหว่างทาง เหมียวอี้คอยเร่งชิงเยว่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงแม้จะให้การสนับสนุนเหยียนซู่อย่างเข้มแข็ง แต่ถ้าคิดจะต้านทัพใหญ่สองพันกว่าล้านของชิงและพุทธะก็เกรงว่าจะเหนื่อยเหลือทน เหยียนซู่จะประคับประคองได้นานแค่ไหน เขาเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไรก็เป็นกำลังพลหนึ่งพันกว่าล้าน กอปรกับอวี้หลัวช่านำกำลังพลมาสวามิภักดิ์ ด้วยจำนวนคนที่เยอะขนาดนี้ ต่อให้แพ้แต่ก็น่าจะตั้งได้สักระยะหนึ่งสิ?

กำลังพลทางฝั่งเหยียนซิวที่กลับมาก็ได้รับข่าวจากเหมียวอี้แล้วเช่นกัน กำลังเร่งให้พวกเขาตามมาอย่างเร็วที่สุด หวังว่าจะไปช่วยสนับสนุนเหยียนซู่ได้ทันเวลา

การต่อสู้นอกอารามแปดทิศจบลง เหิงอู๋เต้ารายงานสถานการณ์รบขึ้นมา เป็นชัยชนะที่เสียหายหนักมาก ถึงแม้จะปราบทัพฝ่ายศัตรูได้แล้ว แต่ฝ่ายตัวเองก็เสียกำลังพลไปเกือบครึ่ง ทัพใหญ่สามร้อยล้านเหลือเพียงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน เหมียวอี้เร่งให้กำลังพลของเขากลับมาให้เร็วที่สุด จะได้ไปช่วยเหยียนซู่!

กระวนกระวายมาตลอดทาง ในที่สุดก็ได้รับรายงานจากชิงเยว่กับหยางเจาชิงแล้ว พวกเขาไปวางกำลังอยู่ในจุดที่กำหนดแล้ว สามารถเคลื่อนทัพโจมตีกำลังพลของก่วงลิ่งกงได้ทุกเมื่อ

และในตอนนี้เอง ได้รับรายงานจากเฮยทั่นอีก เมื่อได้รู้ว่าซ่างกวนชิงถูกประมุขชิงสังหารแล้ว เหมียวอี้ก็ฮึกเหิมทันที มีความมั่นใจกับแผนในขั้นต่อไปมากขึ้นหลายส่วน เขาติดต่อลั่วหม่างทันที : จอมพลลั่ว ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะถูกกำลังพลของข้าโจมตีสกัดไว้แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีทางไปสนับสนุนก่วงลิ่งกงได้ ทัพใหญ่หกพันล้านของข้าไปถึงจุดที่จะล้อมโจมตีก่วงลิ่งกงแล้ว!

เมื่อได้ยินว่ากำลังพลของชิงและพุทธะโดนสกัดไว้ ลั่วหม่างก็มีแรงฮึด : เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ต้องลงมือให้ประสานกันทั้งข้างในและข้างนอก ก่วงลิ่งกงน่าจะสงสัยข้าแล้ว!

เหมียวอี้ : ใช้กำลังทหารโจมตีข่มขู่อาจไม่ใช่แผนการที่ดี ถ้าสู้กันขึ้นมาก็จะกินเวลานานเกินไป จะสกัดชิงและพุทธะไว้ได้นานเท่าไหร่ข้าก็ไม่มั่นใจ จอมพลสายมะเมีย หวงฮ่าว จอมพลสายมะแม กูอวี้เฉิง ข้าจะให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง เจ้ามีความมั่นใจหรือเปล่า?

ลั่วหม่าง : ท่านคิดจะปลุกระดมให้พวกเขาต่อก่อกบฏเหรอ?

เหมียวอี้ : ไม่ใช่แค่คิด แต่จะพยายามให้สุดความสามารถ!

ลั่วหม่างเงียบไปครู่เดียว : เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว ก่วงลิ่งกงสงสัยข้าแล้ว ก็เลยเรียกหวงฮ่าวกับกูอวี้เฉิงไปอยู่ข้างกายแล้ว พวกเขาถูกก่วงลิ่งกงควบคุมไว้แล้ว

เหมียวอี้ : ควบคุมไว้แล้วก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้ พวกเขาอยู่ข้างกายก่วงลิ่งกง ก็ยังสามารถกดดันก่วงลิ่งกงได้อยู่ดี มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ก่วงลิ่งกงตัดสินใจจะสู้ตาย แต่พวกเขาก็อาจไม่เต็มใจลงหลุมศพเป็นเพื่อนก่วงลิ่งกง ต้องดูว่าแรงกดดันจากภายนอกเพียงพอหรือเปล่า ข้าต้องการความร่วมมือจากเจ้า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ใช้กำลังทหารก็ยังไม่สาย!

ลั่วหม่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วบอกว่า : ก็ได้!

ทั้งสองเริ่มปรึกษารายละเอียดเรื่องการกดดันให้ยอมสวามิภักดิ์

หยางชิ่งที่อยู่ข้างๆ มองไปทางเหมียวอี้ที่กำลังงานยุ่งเป็นระยะ เขาไม่ได้พูดอะไร เพลงสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ อยู่ตลอด

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่สถานการณ์รบมาถึงขั้นนี้แล้ว ฝ่ายล้วนดึงทัพใหญ่ออกมาหมด การตัดสินชัยชนะครั้งสุดท้ายอยู่บนสนามรบ และความสามารถในการบัญชาการกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เหมียวอี้ก็เหนือกว่าเขา และมีความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจมากกว่าด้วย

ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่ใช้กำลังพลหนึ่งพันล้านไปสกัดทัพใหญ่ของชิงและพุทธะไว้ ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาคงไม่ทำเด็ดขาด เพราะไม่มีโอกาสชนะเลย แต่เหมียวอี้ก็ยังตัดสินใจทำอย่างไม่ลังเล เขายังคิดจะห้ามไว้ แต่คิดไปคิดมาก็เงียบไว้ดีกว่า สาเหตุที่เลิกขัดขวางก็ไม่ได้ซับซ้อน เพราะถ้าไม่ส่งคนไปสกัดทัพใหญ่ของชิงและพุทธะไว้ ชิงและพุทธะจะต้องไปผนึกกำลังกับก่วงลิ่งกงแน่นอน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะคุมเชิงกันเป็นเวลานาน เขาไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้แล้ว ในเมื่อไม่มีวิธีแก้ปัญหา ถ้าเอาแต่ห้ามแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ใช้แต่ปากพูดเรื่องหลักการใครๆ ก็ทำได้?

เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้ก็มองออกถึงจุดนี้แล้วเช่นกัน จึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่เสียดายที่จะสละชีวิตกำลังพลหนึ่งพันล้าน!

เขาเองก็อยากจะดูอยู่ข้างๆ สถานการณ์รบมาถึงจุดที่ยืดเยื้อ ถ้าฝ่ายไหนล้าหลังเพียงก้าวเดียว ก็อาจจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แพ้ทางกระดานก็ได้ เขาอยากจะเห็นว่าเหมียวอี้จะผลักดันและพลิกแพลงสถานการณ์ในขั้นต่อๆ ไปอย่างไร…

ก่วงลิ่งกงกำลังยืนอยู่บนยอดเขา ในสีหน้าเครียดขรึมเจือด้วยความดุดัน เขาพบว่าตัวเองตกหลุมพรางลั่วหม่างแล้ว ลั่วหม่างบอกว่าจะมาเป็นตัวประกัน แต่ชักช้าไม่มาเสียที คาดว่าคงจะวางแผนจัดการกับกำลังพลใต้บังคับบัญชาตัวเองเรียบร้อยแล้ว

รอจนกระทั่งเขารู้ตัว ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว จะให้โจมตีลั่วหม่างเหรอ? ลั่วหม่างกุมอำนาจทางทหารเกือบหนึ่งในสามส่วนของทัพตะวันตก หลังจากโจมตีก็จะเกิดความเสียหายหนักมาก จะทิ้งลั่วหม่างแล้วหนีไปอ? เกรงว่าตอนนี้ลั่วหม่างคงไม่ปล่อยให้เขาจากไปอย่างราบรื่นอีกแล้ว ถ้าเขาเคลื่อนไหวเมื่อไร ลั่วหม่างว่าจะต้องเคลื่อนทัพมาถ่วงเขาไว้ทันที

ที่เขาตั้งทัพอยู่ที่นี่เพื่อรวมตัวกับทัพใหญ่ของชิงและพุทธะ ก็เพราะรู้ว่าตัวเองถูกหนิวโหย่วเต๋อเพ่งเล็งและหนีไม่พ้นแล้ว จึงอยากจะถ่วงเวลารอทัพใหญ่ของชิงและพุทธะมาเข้าร่วมทำศึกตัดสินกับหนิวโหย่วเต๋อ เขาจะได้หาโอกาสหนีไปตอนกำลังรบได้สะดวก ปล่อยให้ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะช่วยตัวเองพัวพันหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้

ทว่าตอนนี้ลั่วหม่างทำอย่างนี้แล้ว ทำให้ความหวังของเขาถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

โกวเยว่เดินมารายงานข้างกายว่า “ท่านอ๋อง สายลับรายงานมา ว่าทัพใหญ่ของชิงและพุทธะถูกกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อดักโจมตีซึ่งๆ หน้าระหว่างทาง!”

“ดักโจมตีซึ่งๆ หน้า?” ก่วงลิ่งกงไม่ค่อยเชื่อ ในดวงตาฉายแววมีความหวัง ถามว่า “พวกเขารบตัดสินแพ้ชนะกันซึ่งๆ หน้าแล้วหรอ?” ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะก็ถ่วงเวลาหนิวโหย่วเต๋อไว้แล้ว เขาก็สามารถฉวยโอกาสหนีไป หรือไม่ก็รอโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้

โกวเยว่ส่ายหน้า “ตามที่สายลับใช้สายตาคาดคะเน หนิวโหย่วเต๋อใช้กำลังพลประมาณหนึ่งพันล้านมาดักโจมตี!”

กำลังพลหนึ่งล้านก็กล้าโจมตีสกัดขับใหญ่เกรียงไกรของชิงและพุทธะแล้วเหรอ? ก่วงลิ่งกงใบหน้ากระตุก “หนิวโหย่วเต๋อเจ้าบ้านี่ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อลงมือกับข้าชัดๆ!”

และตรงไหล่เขาที่อยู่ไม่ไกล จอมพลสายมะเมียหวงฮ่าวกับจอมพลสายมะแมกูอวี้เฉิงที่อยู่ภายใต้การ ‘คุ้มครอง’ โดยทัพอารักขาของก่วงลิ่งกงก็พบว่าสถานการณ์ผิดปกติเช่นกัน พบว่าตัวเองเหมือนจะถูกควบคุมกลายๆ แต่กลับไม่เห็นลั่วหม่างอยู่กับพวกเขาด้วย

ในดาราจักรอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ตรงที่รกร้างที่สองคนอยู่ มองไปมองมาก็น่าเบื่อมาก

ขณะนี้เอง ทั้งสองก็ทยอยกันได้รับข่าวจากเหมียวอี้ผ่านระฆังดารา สิ่งที่บอกทั้งสองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ นั่นก็คือให้ทั้งสองยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา สัญญาว่าจะแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง ทั้งยังบอกเลยว่าลั่วหม่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาแล้ว ก่วงลิ่งกงหนีไม่พ้น บอกเพียงว่าโอกาสให้ทั้งสองพิจารณามีไม่มากแล้ว ให้ทั้งสองรีบตัดสินใจให้เด็ดขาด

“หนิวโหย่วเต๋อ?” หวงฮ่าวที่ได้รับข่าวก่อนชำเลืองมองกูอวี้เฉิงเก็บระฆังดาราแล้วเอ่ยถาม

กูอวี้เฉิงพยักหน้า ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง เหมือนจะรู้สาเหตุที่ทั้งสองถูกควบคุมไว้แต่ลั่วหม่างไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว เพราะลั่วหม่างใช้กำลังทหารปกป้องตัวเอง ไม่ฟังคำสั่งท่านอ๋องแล้ว

ทั้งสองย่อมไม่ปล่อยให้เหมียวอี้ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ จะต้องติดต่อไปยืนยันกับลั่วหม่างก่อน

ทั้งสองไม่สะดวกจะติดต่อกันพร้อมกัน หลังจากปรึกษากันแล้ว ก็ให้หวงฮ่าวเป็นคนติดต่อลั่วหม่าง

จนป่านนี้แล้วไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีก หวงฮ่าวถามตรงๆ เลยว่า : พี่ลั่ว เจ้าสวามิภักดิ์ต่อหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?

ลั่วหม่าง : ข้าก็ไม่อยากทำอย่างนั้นหรอก แต่ก็ต้องหาทางรอดชีวิตให้พี่น้องไม่ใช่เหรอ? ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะถูกกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อสกัดไว้แล้ว ที่จริงฝั่งพวกเราถูกกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋ล้อมไว้แล้ว สามารถเคลื่อนทัพบุกโจมตีได้ทุกเมื่อ สาเหตุที่ตอนนี้ยังไม่โจมตี ก็เพราะหนิวโหย่วเต๋อเพียงอยากจะเกลี้ยกล่อมให้ท่านอ๋องยอมแพ้ จะได้ร่วมกันทำศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกับชิงและพุทธะ ที่จริงพวกเราก็เข้าใจกระจ่างหมดแล้ว ตามที่ทัพตะวันออก ทัพใต้ ทัพเหนือรวมกัน โครงสร้างการคานอำนาจในใต้หล้าก็ถูกทำลายแล้ว ท่านอ๋องคิดจะใช้กำลังทหารปกป้องตัวเองก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว มิหนำซ้ำตอนนี้ก็ถูกล้อมไว้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่หนิวโหย่วเต๋อจะปล่อยให้ท่านอ๋องหนีไป ที่ท่านอ๋องไม่ยอมก็เพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาเอง เขาสามารถเป็นฮ่าวเต๋อฟางได้ สามารถเป็นโค่วหลิงซวีได้ แต่พวกเราล่ะ? ข้าตัดสินใจแล้ว เหลือแค่พวกเจ้าสองคน ตอนนี้ไปเข้าข้างฝั่งหนิวโหย่วเต๋อจะได้ผลงาน แต่ถ้ายอมสวามิภักดิ์เพราะรบแพ้นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง จุดจบและการถูกปฏิบัติก็จะเป็นคนละเรื่องกันด้วย มีบางเรื่องที่ต้องเตือนพี่หวงเอาไว้ ขนาดเกาก้วนกับซ่างกวนชิงยังทรยศประมุขชิงแล้วเลย แม้แต่อวี้หลัวช่าก็นำกำลังพลทรยศประมุขพุทธะด้วย ถ้าต่อสู้กันจริงๆ ต่อไปลูกน้องของพี่หวงอาจจะมีไม่น้อยที่อยากย้อนโจมตีฝ่ายตัวเอง…

ในตอนนี้ก่วงลิ่งกงก็ได้รับการติดต่อจากเหมียวอี้แล้วเช่นกัน

เหมียวอี้เอ่ยปากบอกทันทีว่า : ท่านอ๋อง ข้าชื่นชมความงามของก่วงเม่ยเอ๋อร์บุตรสาวของท่านมานานแล้ว หวังว่าท่านอ๋องจะช่วยให้สมปรารถนา!

ก่วงลิ่งกงย่อมรู้ว่าคำพูดของเขาหมายความว่าอะไร มาถึงขั้นนี้แล้ว ความงดงามนับเป็นก้นสุนัขอะไรล่ะ ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดก็คือ หวังว่าจะเป็นคนของตัวเอง การให้เป็นคนของตัวเองหมายความว่าอะไรล่ะ? ไม่มีความหมายอื่นแล้วนอกจากให้มาสวามิภักดิ์ต่อเขาและร่วมกันสู้กับชิงและพุทธะ

อีกฝ่ายไม่พูดคำว่า ‘สวามิภักดิ์’ ออกมา ก็เพราะไม่อยากยั่วโมโหเขาเท่านั้น ถ้าตกอยู่ในมืออีกฝ่ายจริงๆ อย่าว่าแต่ลูกสาวคนเดียวเลย ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายก็จะปล้นชิง ไม่ว่าของอะไรก็ต้องให้อีกฝ่ายไปหมด

ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม ตอบกลับไปว่า : ก็ได้ ข้าตั้งใจจะให้เม่ยเอ๋อร์หมั้นหมายตั้งนานแล้ว ตอนท่านอ๋องอยู่ที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็น่าจะรู้แล้ว ขอเพียงอ๋องสวรรค์หนิวเลิกเพ่งเล็งข้า ใจกว้างปล่อยข้าไปสักครั้ง อีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนพาเม่ยเอ๋อร์ส่งไปให้ท่านอ๋องทันที พร้อมมอบสินสอดฝั่งเจ้าสาวแบบจัดหนักด้วย!

จนป่านนี้แล้ว เขาก็ยังเรียกเหมียวอี้ว่าท่านอ๋อง เขาไม่ยอมรับเรื่องที่เหมียวอี้ประกาศตนเป็นราชัน

แค่ก่วงเม่ยเอ๋อร์คนเดียวก็คิดจะให้เหมียวอี้ทิ้งโอกาสในการฮุบรวมทัพตะวันตกแล้วเหรอ สำหรับเหมียวอี้ คำพูดนี้ช่างน่าขำ อย่าว่าแต่ก่วงเม่ยเอ๋อร์คนเดียวเลย ต่อให้มอบก่วงเม่ยเอ๋อร์ให้เหมียวอี้สิบคนพันคนหมื่นคน เขาก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ ถ้าได้ครอบครองใต้หล้าะแล้ว ยังกลัวว่าจะหาผู้หญิงที่งดงามเทียบเทียมก่วงเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้เชียวหรือ?

มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเหมียวอี้โอกาสในสงครามเพื่อผู้หญิงคนเดียวจริงๆ ตัวเองก็ไม่มีทางชี้แจงกับขุนพลเบื้องล่างที่อาบเลือดออกรบได้

เหมียวอี้เปลี่ยนประเด็น : ชิงและพุทธะทัพใหญ่ถูกเจิ้นสกัดไว้แล้ว โพ่จวินตายแล้ว เกาก้วนคนทรยศหลบหนี ซ่างกวนชิงคนทรยศหลบหนีไม่สำเร็จจนถูกประมุขชิงสังหาร องครักษ์เงาทรยศหนีมาเข้าข้างเจิ้น เผ่ามังกรและหงส์ทรยศมาสวามิภักดิ์เจิ้น กำลังพลมากมายของกองทัพองครักษ์ทรยศมาสวามิภักดิ์ต่อเจิ้น กำลังพลมากมายของแดนพุทธก่อกบฎมาสวามิภักดิ์เจิ้น อวี้หลัวช่านำกำลังพลหลายร้อยล้านมาสวามิภักดิ์เจิ้น สมาคมวีรชนก็มาอต่อเจิ้นแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วก็อยู่ในการควบคุมของเจิ้นเช่นกัน ลั่วหม่างยอมสวามิภักดิ์แล้ว ทัพใหญ่ของสวามิภักดิ์ล้อมกำลังพลของท่านอ๋องไว้หมดแล้ว!

รายงานชื่อสมาชิกและอำนาจออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่วงลิ่งกงฟังจนอกสั่นขวัญแขวน กัดฟันตอบว่า: แล้วยังไงล่ะ อยากจะขู่ข้าเหรอ?

เหมียวอี้ : ประมุขไป๋ออกจากเจดีย์สยบปีศาจแล้ว ทัพใหญ่แดนอวจีก็หลุดออกมาแล้วเช่นกัน ต้องมาคิดบัญชีกับชิงและพุทธะแน่นอน สองคนนั้นจนตรอกแล้ว ชีวิตร่อแร่แล้ว เพียงแต่ยังดันทุรังต่อต้านก็เท่านั้นเอง! เจิ้นโค่นล้มอิ๋งจิ่วกวง กำจัดฮ่าวเต๋อฟาง สังหารโค่วหลิงซวี กวาดล้างเขาหลิงซาน ขับไล่ประมุขชิงออกจากวังสวรรค์ ขับไล่ให้ท่านอ๋องหวาดกลัวหลบหนี ควบคุมตระกูลเซี่ยโห้ว ยุคที่จะรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวมาถึงแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีก! ต่อให้เจิ้นปล่อยท่านอ๋องไป ปล่อยชิงและพุทธะไป ท่านอ๋องคิดว่าถ้าไม่มีการสนับสนุนจากเจิ้น พวกเจ้าจะอยู่อย่างสงบสุขปลอดภัยได้เหรอ? ขอเพียงข้าไม่พอใจ ใต้หล้านี้ก็จะต้องอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในระยะยาวแน่ สถานการณ์ภาพรวมของใต้หล้าตอนนี้ มีเพียงเจิ้นที่กวาดล้างความวุ่นวายนี้ได้ คืนความสงบสุขให้โลกนี้ได้ นอกจากข้า ใต้หล้าก็ไม่มีคนที่ทำได้อีกแล้ว! ท่านอ๋องจะเลือกยังไงยังต้องคิดมากอีกเหรอ? ให้เวลาท่านอ๋องพิจารณาหนึ่งก้านธูป หลังจากหมดหนึ่งก้านธูป ท่าทีของท่านอ๋องจะเป็นตัวตัดสินว่าทัพใหญ่ของเจิ้นจะบุกโจมตีหรือเปล่า!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อ่านนิยาย พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า
Status: Ongoing Author: ,
เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset