พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1029 พายุฝนกำลังจะมา

บทที่ 1029 พายุฝนกำลังจะมา

คนนอกไม่รู้ถึง ‘ความหมาย’ ที่จิ้งจอกพันหน้ามีต่อนาง นางไม่อาจปล่อยให้จิ้งจอกพันหน้าไปตกอยู่ในมือคนอื่นได้ ที่จริงนางไม่เชื่อว่าพวกเหมียวอี้จะรอดชีวิตผ่านด่านสุดท้าย นี่ก็คือเจตนาที่นางไปด้วยตัวเอง ตราบใดที่นางไปที่นั่นแล้ว ไม่ว่าเหมียวอี้จะตายด้วยน้ำมือใคร ไม่ว่าจิ้งจอกพันหน้าจะตกอยู่ในมือใคร อาศัยฐานะที่สามีของนางเป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวของตำหนักสวรรค์ ถ้านางไปขอคืนด้วยตัวเอง ทุกคนก็ยังจะไว้หน้าอยู่บ้าง โดยทั่วไปจะไม่มีใครกักตัวปีศาจจิ้งจอกเล็กๆ ไว้และไม่ยอมคืนให้นาง

ดังนั้นแล้ว นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองเพื่อพวกเหมียวอี้ แต่ไปเพื่อจิ้งจอกพันหน้าเท่านั้น

โค่วเหวินหลานย่อมมองออกเช่นกัน หลังจากออกจากตำหนักหลัง ในใจก็พึมพำว่า จะดีจะร้ายก็เป็นแม่ทัพภาคคหนนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าความเป็นความตายของลูกน้องจะเทียบกับสัตว์เลี้ยงตัวเดียวไม่ติด แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน

แต่หลังจากได้รับคำชี้แนะจากหวงฝู่จวินโหรว เขาก็ลดความหยิ่งทะนงต่อผู้บังคับบัญชาแล้ว ได้แค่เก็บกลั้นคำบางคำไว้ในใจไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง

พอพูดถึงหวงฝู่จวินโหรว หวงฝู่จวินโหรวก็มาแล้ว พอโค่วเหวินหลานกลับถึงจวนขุนนางของตัวเอง ก็มีคนมารายงานว่าหวงฝู่จวินโหรวขอเข้าพบ

ในโถงรับแขก หลังจากหวงฝู่จวินโหรวที่เดินเนิบนาบเข้ามาคำนับทักทาย โค่วเหวินหลานก็เชิญให้นั่ง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หวงฝู่ ไม่ทราบว่ามาเพราะมีคำชี้แนะอะไร”

หวงฝู่จวินโหรวยิ้มตอบว่า “ข้าจะกล้าชี้แนะอะไรกัน แค่รู้ว่าการทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิตค่อนข้างสำคัญกับเจ้า แถมการทดสอบก็ใกล้จะจบลงแล้วด้วย เลยอยากจะมาถามสักหน่อยว่าเจ้ามีแผนจะทำอะไร ดูเหมือนผู้บัญชาการใหญ่จะอารมณ์ดีใชได้เลยนะ หรือว่าจะมีข่าวดี?”

ที่จริงนางมาเพื่อสืบข่าวเรื่องความเป็นความตายของเหมียวอี้ นางไปสืบที่อวิ๋นจือชิวมาแล้ว แต่อวิ๋นจือชิวย่อมแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าโค่วเหวินหลานต้องติดต่อกับทางเหมียวอี้อย่างสม่ำเสมอแน่ ดังนั้นจึงมาสืบข่าวดูสักหน่อย

ตอนนี้นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตัวองรู้สึกอย่างไรกับเหมียวอี้ บ่อยครั้งที่แค้นจนอยากจะให้เหมียวอี้ไปตาย แต่ในใจกลับคิดวนเวียนเรื่องความเป็นความตายของเหมียวอี้อีก

“คิดว่าจะรอดูผลลัพธ์สุดท้ายก่อน เดี๋ยวข้าจะออกเดินทางไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ หวังว่าลูกน้องข้าจะผ่านด่านสุดท้ายได้นะ” โค่วเหวินหลานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

หวงฝู่จวินโหรวได้ยินแล้วเกิดความคิดบางอย่างในใจ ลองถามหยั่งเชิงว่า “พวกหนิวโหย่วเต๋อลูกน้องเจ้ายังไม่ตายเหรอ?”

โค่วเหวินหลานหัวเราะทันที ตอบว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจหนิวโหย่วเต๋อ แต่ครั้งนี้เกรงว่าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ตอนนี้พวกเขายังอยู่สบายดี”

หวงฝู่จวินโหรวแอบโล่งใจ แต่ภายนอกยังทำเสียงฮึดฮัด “งั้นก็ถือว่าเขาชะตาแข็งจริงๆ!”

คำพูดนี้ทำเอาโค่วเหวินหลานถือผ้าเช็ดหน้ามาป้องปากหัวเราะไม่หยุด

ส่วนโค่วเหวินหลานก็ยังมีธุระ ต้องจัดการธุระที่อยู่ใต้บังคับบัญชา อีกประเดี๋ยวก็จะไปออกเดินทางพร้อมปี้เยว่ฮูหยินแล้ว หวงฝู่จวินโหรวไม่สะดวกจะรบกวน

หลังจากกล่าวอำลา พอออกจากตำหนักคุ้มเมืองและมุกเข้ามาในเกี้ยว หวงฝู่จวินโหรวก็เผยสีหน้ากึ่งดีใจกึ่งกังวลทันที ดีใจที่เหมียวอี้ยังไม่ตาย กังวลเพราะรู้ว่าด่านสุดท้ายในการทดสอบผ่านได้ยาก

ณ ร้านโฉมเมฆา อวิ๋นจือชิวไม่มีกะจิตกะใจจะจัดการเรื่องในร้านค้าแล้ว นางทุกข์ร้อนกังวลใจ ยามเจอบรรยากาศดอกไม้สว่างนวลใต้แสงจันทร์ นางก็มักจะเงยหน้ามองฟ้าเงียบๆ

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ สองพี่น้องโอวหยาง พวกฝูชิง ทุกคนต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยปกติ ต่างก็กังวลใจตามช่วงสุดท้ายของการทดสอบที่กำลังจะมาถึง ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเหมียวอี้ขึ้นมา สำหรับพวกเขาแล้ว ทุกอย่างในตอนนี้ก็จะต้องเปลี่ยนไป

อวิ๋นจือชิวถึงขั้นไตร่ตรองแล้วว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดที่การทดสอบ ก็จะต้องเตรียมตัวรับมือกับพวกฝูชิง

เรื่องราวก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าไม่มีเหมียวอี้คอยเป็นหลักน้าวนำสถานการณ์ในปัจจุบัน ถ้าไม่มีนามของเหมียวอี้ ถ้าไม่มีไมตรี อำนาจ รวมทั้งความเกี่ยวข้องด้านผลประโยชน์ พวกฝูชิงก็จะต้องดึงกำลังพลของทะเลดาวนักษัตรมาที่พิภพใหญ่ และนี่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องกุมเส้นทางไปกลับระหว่างพิภพใหญ่กับพิภพเล็ก แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

ถ้าเหมียวอี้ไม่อยู่แล้ว สิ่งที่อวิ๋นจือชิวไตร่ตรองเป็นอันดับแรกคือ ต้องปกป้องครอบครัวของเหมียวอี้ บรรดาอนุภรรยาเหล่านั้นของเหมียวอี้ นางไม่อาจปล่อยปละละเลยได้ ต่อให้จะเป็นการทำเพื่อเหมียวอี้ก็ตาม อันดับต่อมาคือไตร่ตรองเรื่องล้างแค้นให้เหมียวอี้

บัณฑิตและคนอื่นๆ ของร้านโฉมเมฆาอยุ่ในสภาวะเตรียมป้องกันอย่างสูง ส่วนพ่อครัวก็ไปที่ดาวดำเนินนภา เตรียมพร้อมจะขอความช่วยเหลือจากจงหลีค่วยที่ปราสาทดำเนินนภาได้ทุกเมื่อ ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน นางต้องการให้จงหลีค่วยรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างนางกับเหมียวอี้ นี่ต่างหากที่เป็นทางหนีทีไล่ยามอับจนหนทาง

ช่างไม้กับช่างหินมาถึงพิภพใหญ่แล้ว ช่างไม้ไปที่ดาวไร้ลักษณ์ แล้วซ่อนตัวอยู่แถวๆ สำนักลมปราณ เตรียมพร้อมเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนสำนักลมปราณ ให้ช่วยขัดขวางทหารที่ไล่ตามมา ส่วนช่างหินก็ซ่อนตัวอยู่ที่ร้านผลึกสกัดของสองพี่น้องโอวหยาง เตรียมจะคุ้มกันสองพี่น้องให้ออกไปจากที่นี่ผ่านทางใต้ดิน อวิ๋นจือชิวออกคำสั่งเด็ดขาดกับเขาแล้ว ว่าสามารถเกิดเรื่องขึ้นกับเขาได้ แต่จะเกิดเรื่องขึ้นกับสองพี่น้องโอวหยางไม่ได้ เรียกได้ว่าเลี้ยงกำลังพลไว้เป็นพันวันเพื่อใช้งานครั้งเดียวจริงๆ

ส่วนทางพิภพเล็ก เหยียนซิวไปหลบอยู่ใกล้ๆ นภาจอมมารแล้ว เตรียมรอข่าวจากอวิ๋นจือชิวเพื่อไปเชิญให้คนของนภาจอมมารมาสนับสนุน ป้องกันไม่ให้ฝ่ายทะเลดาวนักษัตรทำอะไรไม่ดีกับฉินเวยเวยเพื่อขัดขวาการถอนกำลังกลับของฝั่งนี้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้น อวิ๋นจือชิวก็จะแจ้งให้ฉินเวยเวยปิดผนึกค่ายกลคุ้มภัยทันที แล้วรอให้คนของนภาจอมารมาสนับสนุน ส่วนน้องสาวที่ไม่เอาไหนคนนั้นของเหมียวอี้ นางก็เตรียมจะทอดทิ้งแล้ว ในเมื่อเหมียวอี้ไม่อยู่ อวิ๋นจือชิวก็คงไม่เอาชีวิตของคนทั้งครอบครัวไปเสี่ยงเพื่อเยว่เหยาคนเดียว

ส่วนผีจวินจื่อก็กำลังทำงานอยู่ใต้ดินของตลาดสวรรค์ กำลังขุดอุโมงค์ใต้ดิน ขุดเส้นทางผ่านไปทางประตูเมืองอีกแห่งเพื่อไว้หนีเอาชีวิตรอด

ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเหมียวอี้ พวกฝูชิงก็จะเกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ อวิ๋นจือชิวต้องการจะพาคนออกไปให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้พวกฝูชิงอาศัยฐานะของตำหนักสวรรค์นำกำลังพลกลุ่มใหญ่มา นางก็ไม่มีทางต้านทานไหวเลย ปี้เยว่ฮูหยินก็ออกไปจากดาวเทียนหยวนแล้วด้วย ดังนั้นนางต้องรีบกลับพิภพเล็กไปขอความช่วยเหลือจากปราชญ์มารอวิ๋นอ้าวเทียน และต้องการดึงกำลังของปราชญ์มารอวิ๋นอ้าวเทียนและตระกูลอวิ๋นมาพลิกเมฆคว่ำฝนที่พิภพใหญ่ด้วย ไม่อย่างนั้นอาศัยกำลังของนางตอนนี้ ก็ยากที่จะล้างแค้นได้ และถ้าอำนาจของตระกูลอวิ๋นมาอยู่ที่นี่แล้ว พวกฝูชิงก็จะไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ทะเลดาวนักษัตรจะประสบหายนะ ฐานะแท้จริงที่พวกเขาเข้าตำหนักสวรรค์มาก็จะเปิดโปงเช่นกัน อวิ๋นจือชิวต้องการอาศัยกำลังอำนาจของตระกูลอวิ๋น เพื่อควบคุมกำลังของทะเลดาวนักษัตรไว้ให้ตัวเองใช้งาน

เงื่อนไขก็คือนางต้องพาคนออกไปจากเขตเมืองตะวันออกตลาดสวรรค์ที่อยู่ใต้การควบคุมของพวกฝูชิง ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้พวกฝูชิงลงมือก่อนจนได้เปรียบ ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็สายไปแล้ว ถึงตอนนั้นพวกฝูชิงก็จะไม่กลัวว่านางจะเปิดโปงตัวตนของพวกเขา อย่างมากพวกเขาก็แค่เลิกรับตำแหน่งที่ตำหนักสวรรค์ ตราบใดที่ได้เส้นทางไปกลับพิภพเล็ก พิภพใหญ่กว้างใหญ่ขนาดนั้น มีที่ให้ทำมาหากินอยู่แล้ว ดีกว่ามุดหัวอยู่ที่ทะเลดาวนักษัตรในพิภพเล็กเป็นไหนๆ ถ้าไม่ไหวก็ค่อยถอนกำลังกลับพิภพเล็ก ส่วนจุดจบของพวกอวิ๋นจือชิว แค่คิดดูก็รู้แล้ว

ไม่ว่าพวกฝูชิงจะมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือไม่ อวิ๋นจือชิวก็ต้องเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่ดี ป้องกันไว้หลายๆ ทางดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง

ขณะที่เหมียวอี้กำลังอยู่ในคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย นางก็ไม่กล้าทำให้เหมียวอี้เสียสมาธิ และสั่งคนอื่นๆ ไว้ด้วยว่าอย่าทำให้เหมียวอี้เสียสมาธิ ไม่อย่างนั้นถ้านำความกังวลนี้ไปบอกเหมียวอี้ ต่อให้ตัวเหมียวอี้จะอยู่ที่สถานที่ไร้ชีวิต แต่ถ้าเหมียวอี้ลงมือจัดการขึ้นมา ทุกอย่างก็จะถูกแก้ไขอย่างง่ายดาย ขอเพียงเหมียวอี้บอกโค่วเหวินหลานแค่คำเดียว ก็จะสามารถใช้คนจากตำหนักคุ้มเมืองมาควบคุมพวกฝูชิงได้ทุกเมื่อ สามารถถอนอำนาจของพวกฝูชิงได้โดยตรง ถึงขั้นเอาชีวิตพวกฝูชิงได้ด้วย แถมเหมียวอี้ยังสามารถดึงกำลังคนของสำนักลมปราณมาเตรียมป้องกันได้ทุกเมื่อ อาศัยเส้นสายที่สำนักลมปราณสร้างขึ้นจากการบริหารร้านขายของชำทุกวันนี้ ต่อให้ขัดขวางคนของตำหนักสวรรค์อย่างพวกฝูชิงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหมียวอี้ยังพอมีเส้นสายอื่นๆ ที่สามารถใช้งานได้อีก นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมตราบใดที่ยังมีเหมียวอี้อยู่ พวกฝูชิงก็จะทำตัวซื่อสัตย์ว่านอนสอนง่าย

ทว่าเป็นเพราะไม่อยากให้เหมียวอี้เสียสมาธิ ถ้าเรื่องยังไม่ดำเนินมาถึงขั้นต้องฉีกหน้ากัน ในฐานะที่เป็นผู้หญิงของเหมียวอี้ อวิ๋นจือชิวก็ไม่อยากทำให้เหมียวอี้กับพวกฝูชิงแตกความสามัคคีกัน ถ้าเหมียวอี้กลับมาได้ ใจคนที่ได้มาก็จะหายไปหมดแล้ว

สำหรับอวิ๋นจือชิวในตอนนี้ นี่คือพายุฝนที่กำลังจะเกิด นางบอกให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจถึงความสำคัญของเสาหลักอย่างเหมียวอี้ ความเป็นความตายของเหมียวอี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทุกคน นี่คือการทำให้กลุ่มผลประโยชน์ยึดเหมียวอี้เป็นศูนย์กลาง…

ดาวหินทราย ชายหนุ่มรูปร่างดีที่มีหนวดเครายาวคนหนึ่งกำลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนไหล่เขา ปะทะหน้ากับลมแรงที่พัดวูบ ทางซ้ายและขวามีคนยืนอยู่ฝั่งละสี่คน ให้เขายืนอยู่ตรงกลาง

กรวดทรายถูกลมแรงพัดกลิ้งอยู่ที่ผิวดิน หลังจากกลุ่มมารปีศาจที่อยู่ข้างล่างกุมหมัดคารวะอำลา ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ชั่วพริบตาเดียวคนก็หายไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเก้าคน

เก้าคนนี้เหมียวอี้เคยเจอมาก่อน เป็นกลุ่มที่เคยนำกำลังมารปีศาจเป็นร้อยคนไปจับนักโทษหลบหนีตัดหน้าเขา คนที่เป็นหัวหน้าชื่อโฉวตั้งไห่ วรยุทธ์บงกชทองขั้นแปด และแปดคนที่อยู่ข้างซ้ายและขวาของเขาก็มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นห้าขึ้นไปทั้งหมด

“ผู้บัญชาการโฉว ตอนนี้ในมือพวกเรามีนักโทษหลบหนีแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น ถ้ากลับไปแบบนี้อาจจะช่วยผู้บัญชาการใหญ่โค่วแย่งอันดับดีๆ ไม่ได้ ต้องได้จำนวนนักโทษหลบหนีเกินครึ่งเท่านั้น ถึงจะครองอันดับหนึ่งได้อย่างมั่นคง!” ผู้บัญชาการข้างๆ ที่ชื่อว่าต่งเฟิงกล่าว

ที่เรียกว่าผู้บัญชาการใหญ่โค่ว ไม่ได้หมายถึงโค่วเหวินหลาน ในการทดสอบครั้งนี้ โค่วเหวินหลานเองก็เล่นใหญ่แบบนี้ไม่ไหว แต่คนกลุ่มนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับโค่วเหวินหลานจริงๆ พวกเขาล้วนเป็นกำลังพลของโค่วเหวินหวง ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา คนของตระกูลโค่วที่เข้าร่วมการทดสอบไม่ได้มีแค่โค่วเหวินหลาน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ โค่วเหวินหลานเป็นตัวประกอบที่ไม่ได้รับความสำคัญ แค่บังเอิญได้รับโอกาสเท่านั้น ในการทดสอบครั้งนี้ตระกูลโค่วเน้นฝากความหวังไว้ที่กำลังพลของโฉวตั้งไห่

และก็เพราะเหตุนี้ ตอนแรกที่พวกเหมียวอี้เจอโฉวตั้งไห่ พวกเหมียวอี้จึงรอดหายนะครั้งนั้นมาได้ ตอนนั้นโฉวตั้งไห่ก็แสดงสายตาที่ไม่เป็นมิตรแล้ว เมื่อเห็นพวกเหมียวอี้ก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะลงมือ แต่ตอนที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นโค่วเหวินชิงออกหน้าช่วยกันเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ จึงรู้ว่าพวกเหมียวอี้เป็นคนของโค่วเหวินหลาน จึงคิดว่าถ้าลงมือกับคนของตระกูลโค่วตั้งแต่เริ่มแรกจะไม่เหมาะสม ครั้งนั้นถึงได้ปล่อยพวกเหมียวอี้ไป

แต่พวกเขามาเพื่อคนหนุนหลังที่ใหญ่ขนาดนี้ ย่อมไม่เหมือนพวกเหมียวอี้ที่ได้อันดับที่ค่อนข้างดีและรอดชีวิตกลับไปได้ก็พอใจแล้ว ที่พวกเขาต้องการคืออันดับหนึ่งเท่านั้น!

แต่เมื่อถึงช่วงกลางของการทดสอบ คนพวกนี้ก็เริ่มซ่อนตัวแล้วเหมือนกัน เพราะการเพ่นพ่านไปทั่วไม่มีความหมายอะไรเหมือนกัน อยากจะแย่งแต่ก็หาใครไม่เจอ ทุกคนต่างก็กำลังเก็บออมพลังเอาไว้สู้ในตอนสุดท้าย!

โฉวตั้งไห่กล่าวเสียงต่ำว่า “ย่อมกลับไปแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อข้ามผ่านประตูดวงดาวของน่านฟ้าติงขาลไป นั่นก็คือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการทดสอบ สุดท้ายทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่นั่น ที่นั่นคือสถานที่ตัดสินแพ้ชนะครั้งสุดท้าย พวกเราไปเฝ้ารออยู่ตรงนั้นก็พอ ขอแค่ทุกคนพยายามให้เต็มที่ในครั้งนี้ จอแค่ได้อันดับหนึ่งมา ก็จะสามารถช่วยให้ผู้บัญชาการใหญ่นั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคได้แล้ว หนึ่งในพวกเราคงหนีไม่พ้นตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่แน่!”

“ย่อมต้องพยายามอยู่แล้ว!” ทุกคนกุมหมัดคารวะตอบ

“ไป!” พอโฉวตั้งไห่โบกมือ กลุ่มของพวกเขาก็เหาะขึ้นฟ้าไปทันที

ส่วนภูตผีมารปีศาจที่แยกย้ายกันไป ที่จริงก็ได้แสดงบทบาทแค่ตอนจับตัวนักโทษหลบหนีเท่านั้น เมื่อเจอกับคนของตำหนักสวรรค์ คนพวกนี้ก็ไปเข้าร่วมด้วยไม่ได้เลย ถ้าจะให้คนนอกมาสู้กับคนของตำหนักสวรรค์จริงๆ หากข่าวนี้หลุดออกไป ถึงตอนนั้นต่อให้ได้อันดับหนึ่งก็ยังมีความผิดอยู่ดี ไม่มีใครอยากทำความผิดแบบนี้

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset