พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1043 ท่าไม่ดีแล้ว

บทที่ 1043 ท่าไม่ดีแล้ว

“ได้!” มู่หรงซิงหัวพยักหน้ารับทันที

การกระทำนี้ทำให้เหมียวอี้อึ้งเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่กังวลเลย ว่าถ้าตนเก็บพวกเขาเข้ากระเป๋าสัตว์แล้วจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ค้นพบอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปมาก

สวีถังหรานกลับกล่าวอยางกังวลถึงขีดสุดว่า “น้องหนิว รีบไปรีบกลับนะ!” เขารู้สึกกลัวจริงๆ เวลาแยกจากเหมียวอี้

“ขี่สัตว์พาหนะข้างในไม่สะดวก อาจจะกลายเป็นภาระด้วยซ้ำ!” เหมียวอี้พูดทิ้งท้าย แล้วถลันตัวขึ้นมา คืนสัตว์พาหนะให้สวีถังหรานแล้ว เมื่อพุ่งมาถึงตรงหน้าเถาไม้ที่หนาแน่น เขาก็โบกทวนฟันอย่างบ้าคลั่งจนเกิดช่องโหว่ จากนั้นก็บุกเข้าไปแล้ว ไม่ลังเลเลยสักนิด บทจะทำก็ทำ ข้างในมีเสียงต่อสู้สะเทือนเลือนลั่นดังออกมา

ขณะที่มองดูช่องโหว่ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว มู่หรงซิงหัวก็ส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจ “ไฟร้อนเผยทองจริง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอันตราย ถึงได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าห้าวหาญไร้ความหวาดกลัว! ถ้าเทียบกับคนที่ชอบหาทางลัดพวกนั้น น้องหนิวช่างเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ นี่ต่างหากลูกผู้ชายตัวจริง!”

สวีถังหรานกลับมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมพูดเหมือนไม่ใส่ใจว่า “มู่หรง อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบน้องหนิว? หญิงงามรักวีรบุรุษ เรื่องนี้ก็พอจะเข้าใจได้!”

มู่หรงซิงหัวยิ้มบางๆ พร้อมตอบว่า “ข้าเป็นเมียน้อยของเฉาว่านเสียง น้องหนิวจะมาชอบดอกไม้โรยตกอับอย่างข้าได้ยังไง”

พอนางพูดถึงเรื่องนี้ สวีถังหรานก็หันกลับมามองนางแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะแห้งๆ สองที รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ

เมื่อเข้ามาในโลกที่ถักทอด้วยเถาไม้ เหมียวอี้ก็เหมือนตกลงมาในบ่อโคลนทันที หนวดเถาไม้ที่หนาแน่นรอบข้างเข้ามาก่อกวน เขาโบกทวนโจมตีเร็วๆ ก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานก็โดนเถาไม้พันมือพันเท้าเอาไว้ แต่โชคดีที่เพื่อจะต้านทานอากาศพิษของที่นี่ เขาได้ใช้เพลิงจิตแผ่ไปรอบร่างกายแล้ว เถาไม้ที่พันเหมียวอี้ราวกับโดนงูกัด  ‘หนวด’ โดนเผาและหดกลับเข้าไปพร้อมรอยไหม้สีดำในชั่วพริบตาเดียว หนวดจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นเข้ามาสัมผัส แล้วก็หดกลับอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าใช้เพลิงจิตควบคุมได้ผลดีขนาดนี้ เหมียวอี้ก็หายห่วงทันที โบกทวนยาวโจมตีอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง พร้อมเหาะตรงไปยังทิศทางของจุดหมายสุดท้าย

ชิงอวี้หลางที่หลบอยู่ในจุดลึกของทะเลเถาไม้กำลังทำสีหน้าลำพองใจ เถาไม้รอบข้างยื่นเกราะรบและสมบัติต่างๆ เข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้เขายิ้มจนปากเกือบเบี้ยว ครั้งนี้ร่ำรวยอย่างถึงอกถึงใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกร่ำรวยได้อย่างสบายๆ ขนาดนี้ ประเดี๋ยวเดียวก็ร่ำรวยมากขนาดนี้แล้ว

ลองคิดดูว่าการได้รวบเก็บสมบัติของบรรดาตระกูลใหญ่ของตำหนักสวรรค์มีความรู้สึกเป็นอย่างไร? ขณะกำลังกำสมุนไพรเซียนซิงหัวหลายต้น ชิงอวี้หลางก็หัวเราะอย่างร่าเริง ขณะที่เขาส่ายหน้าเดาะลิ้นและเพิ่งเก็บเข้าในกำไลเก็บสมบัติ จู่ๆ ร้อง”ฮึ” แล้วเอียงศีรษะมองไปยังที่แห่งหนึ่ง เหมือนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงโบกมือร่ายอิทธิฤทธิ์ชี้ไปหนึ่งครั้ง ทำให้เถาไม้ที่อยู่รอบข้างเลื้อยขยุกขยิกอย่างรวดเร็ว

เหมียวอี้ที่อยู่ในทะเลเถาไม้เหมือนจะค่อยๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล บุกไปข้างหน้าในแนวตรงตลอดทางตั้งนาน แต่ทำไมยังบุกออกจากสิ่งกีดขวางข้างในไม่ได้ ตามหลักการก็ควรจะถึงจุดหมายสุดท้ายแล้วสิ ต่อให้เถาไม้จะถักทอหนามาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนาเท่านี้นะ?

การผ่านศึกมาเป็นร้อยครั้งทำให้เขามีประสบการณ์กับสิ่งนี้มาก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บัญชาการทั่วไปของตำหนักสวรรค์จะเทียบติด สภาพการณ์แบบนี้เขาเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว พอลองครุ่นคิดดูก็รู้ว่าตัวเองกำลังโดนขังอยู่ในค่ายกลอะไรบางอย่าง

พอเป็นแบบนี้ เขาก็หยุดพุ่งไปข้างหน้าทันที แอบร้องว่าท่าไม่ดีแล้ว ของประหลาดที่อยู่ในนี้ฟันเท่าไรก็ฆ่าไม่หมด ตายแล้วก็งอกใหม่อีก ตอนนี้เกรงว่าจะปลีกตัวออกจากที่นี่ลำบากแล้ว ถ้าเสียเวลาอยู่ในนี้นาน มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานที่อยู่ข้างนอกก็คงจะเป็นอันตราย

ในขณะนี้เอง เถาไม้หนาแน่นที่พันก่อกวนอยู่รอบๆ ก็พลันหดไปข้างหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจะให้พื้นที่ว่างกับเขาผืนหนึ่ง ขณะเดียวกันในเถาไม้ที่ถักทออย่างหนาแน่นรอบๆ ก็ปรากฏอุโมงค์เจ็ดสาย เงาคนเจ็ดคนพุ่งเข้ามาล้อมเหมียวอี้ไว้อย่างแน่นหนา แล้วอุโมงค์ที่อยู่ข้างหลังทั้งเจ็ดคนก็ปิดสนิทแล้วด้วย

เหมียวอี้ที่ถือทวนอยู่ในมือหมุนตัวอย่างช้าๆ มองประเมินทั้งเจ็ดด้วยสายตาเย็นเยียบ เป็นเพื่อนร่วมงานทั้งเจ็ดคนของชิงอวี้หลางนั่นเอง

ส่วนเจ็ดคนนั้น พอได้เห็นเหมียวอี้ก็ตกใจอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มนี่!

ก่อนหน้านี้ทุกคนได้รับรู้ถึงความห้าวหาญของคนคนนี้มาแล้ว อยู่ในนี้ขี่สัตว์พาหนะบินไม่สะดวกด้วย ถ้าให้สู้กับคนแซ่หนิวโดยไม่มีสัตว์พาหนะ พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ประกอบกับที่เหมียวอี้บุกเข้ามาถึงในนี้โดยไม่สะบักสะบอมเหมือนคนอื่น สภาพเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งนี้ยิ่งพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถไม่ธรรมดา จะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด

“ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว ในมือเขาอาจจะรวบรวมนักโทษไว้ไม่น้อย ถ้าจัดการเขาได้จะต้องได้ผลงานใหญ่แน่นอน แถมเกราะรบบนตัวเขาก็ไม่เลวเลย ในเมื่อเขาโดนขังอยู่ในนี้แล้ว พวกเราเจ็ดคนร่วมมือกัน แล้วก็มีค่ายกลของผู้บัญชาการชิงคอยสนับสนุน อาจจะไม่แพ้เขาก็ได้นะ” หนึ่งในนั้นถ่ายทอดเสียงบอกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

ทั้งเจ็ดคนส่งสายตาให้กัน ก่อนจะยกอาวุธขึ้นมาอย่างช้าๆ

ซวบๆๆ! ในชั่วพริบตาเดียว เถาไม้หลายเส้นที่หยาบหนาเหมือนต้นเสาก็กวาดเข้าไปหาเหมียวอี้อย่างบ้าคลั่ง เหมียวอี้หมุนตัวปาดทวนอย่างรวดเร็วพักหนึ่ง ฟันเถาไม้ขาดกระเด็นไป ในขณะเดียวกันนี้เอง เจ็ดคนที่ล้อมอยู่ก็พุ่งเข้ามาลงมือประสานงานกับเถาไม้ที่ฟาดออกมา โดยพุ่งเข้ามาจากซ้ายขวาและบนล่าง

สถานการณ์แบบนี้ย่ำแย่เกินไปจริงๆ ต่อให้วิชาทวนของเหมียวอี้จะดีขนาดไหน แต่ก็รับมือไม่ไหวกับคนที่วรยุทธ์สูงกว่าเขาทั้งยังลงมือพร้อมกันหลายคนในที่แคบเล็ก ให้พื้นที่ว่างสำหรับใช้เป็นทางหนีทีไล่น้อยเกินไปจริงๆ ที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือมีเถาไม้กีดขวางเยอะเกินไป

แทบจะในชั่วพริบตาเดียว บนทวนและบนเกราะรบที่ตัวเหมียวอี้ก็ระเบิดปราณปีศาจเข้มข้นออกมาพร้อมกัน แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งการรุกโจมตีของคนพวกนี้ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถทำให้คนพวกนี้บาดเจ็บ ปราณปีศาจไม่มีมีผลอะไรกับนักพรตบงกชทอง

ทวนขยับอย่างรวดเร็ว ปาดอาวุธที่โจมตีเข้ามายังจุดสำคัญบนร่างกายตัวเอง ขณะเดียวกันก็หมุนตัวกลิ้ง ใช้เท้าเตะเถาไม้ที่ฟาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ใช้มือข้างเดียวแทงทวนออกไปอย่างสุดชีวิต มั่นคง เด็ดเดี่ยว แม่นยำ รวดเร็ว ทวนแทงโดนคอหอยของใครบางคนอย่างแรง ตรงนั้นเกิดเสียงกรีดร้องน่าเวทนาทันที พลิกฝ่ามือควงแขนข้างหนึ่ง ดึงดาบและทวนสามด้ามเอาไว้ในขณะที่บาดเจ็บ ใช้แขนหนีบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ส่วนกระบี่เล็กเพลิงจิตนับร้อยเล่ม ก็ได้ถือโอกาสลอบยิงจู่โจมออกไปตอนนี้แล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดปฏิกิริยาตามมาเป็นพรวน คนที่โดนเหมียวอี้หนีบอาวุธและอยู่ท่ามกลางปราณปีศาจรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งยิงเข้ามา ตกใจมาก!

ทั้งสามโบกมือป้องใบหน้าตัวเองพร้อมกัน ส่วนแขนอีกข้างที่ถืออาวุธก็ออกแรงทุ่ม ปาด หวดแทบจะพร้อมกัน เหมียวอี้วรยุทธ์ห่างไกลกับพวกเขามาก จะทนรับพลังอิทธิฤทธิ์ของทั้งสามคนพร้อมกันได้อย่างไร ประคองแขนไม่อยู่ทันที ทั้งตัวโดนปาดจนกระเด็นขึ้นไป เป็นวิธีการโจมตีที่หมายจะเอาชีวิตจริงๆ

แล้วก็อาศัยช่วงเวลานี้พอดี อาศัยตอนที่ทุกคนหลบหลีกกระบี่เล็กเพลิงจิต เหมียวอี้ที่โดนปาดกระเด็นขึ้นมาได้โอกาสแล้ว เขารีบปาดทวนแทงติดต่อกัน หัวทวนแหลมคมอาศัยช่องโหว่ตอนที่ทั้งสามเพิ่งจะชักอาวุธกลับ แทงอย่างรุนแรงจนเกิดดอกเลือดกระเด็นออกมาสามสาย เสียงกรีดร้องดังเพิ่มอีกสามครั้ง

ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็ไหวตัวเร็วเหมือนกัน ขณะที่หลบการลอบโจมตีจากกระบี่เล็กเพลิงจิต ก็ฉวยโอกาสใช้อาวุธโจมตีไปที่ตัวของเหมียวอี้อย่างหนักหน่วงพร้อมกัน โจมตีจนเกราะรบบนตัวเหมียวอี้เกิดเสียงดังวุ่นวาย

“พลั่ก!” เหมียวอี้กระอักเลือดสดขณะที่กระเด็นออกไป แต่กลับยังโบกมือ

ภายใต้การลอบจู่โจม กระบี่เล็กเพลิงจิตที่ถูกวางไว้รอบกายของทั้งสามระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน กลายเป็นเพลิงเดือดสีเหมือนน้ำ ชั่วพริบตาเดียวก็ครอบร่างกายของสามคนนั้นไว้แล้ว สามคนที่กำลังจะฉวยโอกาสไล่ตามมาโจมตีตกใจมาก รู้สึกได้ว่าเกราะพลังอิทธิฤทธิ์โดนเผาทำลายแทบจะชั่วพริบตาเดียว ต่างก็ตกใจไม่เบา

มีบางคนควงแขนร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุม พร้อมร้องว่า “มันคืออะไร?”

“อา…” มีคนโดนเพลิงจิตมุดเข้าในเกราะและกำลังส่งเสียงร้องน่าเวทนา

เหมียวอี้ที่กระเด็นออกไปใช้สองเท้าถีบบนผนังเถาไม้ และถือโอกาสโบกทวนฟันเถาไม้ที่รัดพันเท้าสองข้างของตัวเอง แล้วหมุนตัวดีดกลับมา วินาทีนั้นก็ออกทวนราวกับมังกร แสงเย็นระบิดยิงออกมาหลายดอก ทำลายเถาไม้ที่มากีดขวาง สังหารจนเกิดดอกเลือดหลายสาย

“อา…” ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหมียวอี้เหยียบลงบนพื้น โบกมือเรียกเพลิงจิตกลับมาปกป้องร่างกาย แล้วควบคุมให้มันเผากระจายไปรอบๆ เถาไม้ที่หวดเข้ามาสัมผัสหดกลับไปอย่างรวดเร็ว

เปลวเพลิงล่องหนที่เพิ่มขึ้นตอนอยู่ที่ดาวสองขั้วทำให้เกิดข้อดีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันเหมือนอาวุธจริงมากขึ้น และควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วย หลังจากหลุดออกจากร่างกายเขาไปแล้ว เขาก็ยังสามารถควบคุมมันได้อยู่ เมื่อก่อนทำแบบนี้ไม่ได้

ศพเจ็ดร่างที่อยู่รอบๆ สูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมแล้ว ล่องลอยอย่างอิสระโดยไร้น้ำหนัก

“ถุย!” เหมียวอี้เอียงหน้าถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาคำหนึ่ง พบว่าถ้าอาศัยเกราะรบอย่างเดียว ก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีจากคนที่วรยุทธ์สูงกว่าตัวเองมากๆ ได้ มิหนำซ้ำยังโดนสามคนนั้นโจมตีพร้อมกัน ถูกทำร้ายไม่เบา แต่โชคดีที่มีเกราะรบที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างให้ ไม่อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเกราะรบธรรมดาก็คงจะตายไปแล้ว

โชคดีที่กินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้า ตอนนี้รู้สึกได้ว่าสมุนไพรเซียนกำลังแสดงสรรพคุณ

ตรงนี้กำลังจะร่ายอิทธิฤทธิ์ดึงร่างเจ็ดร่างมาจัดการเก็บสิ่งของบนตัว แต่จู่ๆ กลับตกใจ เพราะเถาไม้หลายเส้นดึงร่างเจ็ดร่างนั้นหายกลับเข้าไปในทะเลเถาไม้แล้ว

ขณะเดียวกันนี้เอง เถาไม้รอบข้างที่หวดเข้ามาและหดกลับไปอย่างรวดเร็วก็สงบเงียบลงแล้ว เหมียวอี้ถือทวนเฝ้าระแวดระวังโดยรอบ แอบร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งการเยียวยาของสมุนไพรเซียนซิงหัว เร่งการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง

อีกฝั่งหนึ่งของทะเลเถาไม้ ชิงอวี้หลางตกอยู่ในความเงียบแล้ว กำลังมองร่างเจ็ดร่างของเพื่อนร่วมงานที่อยู่ตรงหน้า พร้อมพึมพำว่า “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ใครกันที่สามารถฆ่าพวกเจ้าที่นี่ได้เร็วขนาดนี้?”

ผ่านไปครู่เดียว เขาก็โบกมือกวาดร่างเจ็ดร่างนั้นเก็บไว้ แล้วคว้าทวนไว้ในมือ อุโมงค์เถาไม้สายหนึ่งปรากฏขึ้น เขาถลันตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ออกโรงด้วยตัวเองแล้ว

ที่โลกภายนอก เหล่าผู้บัญชาการพวกนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ในที่สุดก็เริ่มกลัว พบว่าเถาไม้นี้ตีฝ่าได้ยากมาก คนที่ยังรอดชีวิตเริ่มหนีกลับ หนีไปยังจุดลึกของอวกาศ ยังมีคนไล่ตามสังหารต่อไป มีบางคนเอียงหน้ากลับมา จ้องมองมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหราน

เมื่อเห็นว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ กำลังคนของลูกหลานของสิบสองจอมพลกับสามสิบหกเทพประจำดาวก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงว่ามีนักโทษหรือไม่มีนักโทษ ถ้านำของวิเศษบนตัวทั้งสองกลับไปได้ก็มีมูลค่าไม่น้อย พุ่งเป้ามาหาทั้งสองทันที

“รีบหนี!” มู่หรงซิงหัวร้องบอก ไม่ต้องพูดอะไรมาก สวีถังหรานหนีนำหน้านางไปก่อนแล้ว

ในดินแดนเถาไม้ เหมียวอี้พลันหันตัวมา มองไปทางเถาไม้ที่หวดและหดกลับไปเปิดช่องทางให้ช่องทางหนึ่ง เงาคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น ตอนนี้ถลันมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นอกจากชิงอวี้หลางแล้วจะเป็นใครไปได้

“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้า!” ชิงอวี้หลางแสยะยิ้ม แล้วพยักหน้าช้าๆ “มีความสามารถจริงๆ ด้วย แต่ก็น่าเสียดายมาก เจ้าดันมาเจอข้าซะแล้วล่ะ! ทิ้งของทั้งหมดที่อยู่บนตัวเอาไว้ แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปรายงานผลงาน!” ในน้ำเสียงเผยความเย่อหยิ่งลำพองใจ

เหมียวอี้ขี้คร้านจะคุยกับเขา คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ ถลันตัวเข้าไปแทงทวนทันที

ฉึก! ศีรษะของชิงอวี้หลางโดนทวนของเหมียวอี้แทงจนเละ ศีรษะและเกราะหัวกระเด็นออกไปพร้อมกัน

“…” เหมียวอี้พูดไม่ออก งุนงงเล็กน้อย หมายความว่ายังไง? ฆ่าง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?

ตรงนี้ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทวนยาวในมือของชิงอวี้หลางที่ไร้ศีรษะก็ขยับ เหมียวอี้แอบร้องว่าท่าไม่ดีแล้ว เขานับว่าไหวตัวได้เร็ว รีบดึงทวนในมือมาสกัดไว้

ปั้ง! ทวนยาวโดนกระแทกจนสะเทือนกลับมา เข้ามาฟาดร่างตัวเองเข้าอย่างจัง “อั้ก!” เหมียวอี้ที่แผลเก่ายังไม่หายดี ตอนนี้กระอักเลือดสดออกมาอีกแล้ว โดนทวนของชิงอวี้หลางกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้ว

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset