พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1077 ปี้เยว่ฮูหยินปวดหัว

บทที่ 1077 ปี้เยว่ฮูหยินปวดหัว

“ผู้น้อยมอบตัว!”

ใช้เวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็มีปลาลอดแหออกมาคุกเข่ามอบตัวสิบกว่าคนแล้ว แต่ละคนตัวสั่นด้วยความหวาดระแวงกลัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมียวอี้จะรักษาคำพูดหรือเปล่า

เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่คนพวกนี้หลบอยู่ท่ามกลางฝูงชนและเห็นฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้ว รู้ว่าตลาดสวรรค์ปิดทางเข้าออกทำให้หนีไปข้างนอกได้ยาก จึงต้องมอบตัวเพื่อที่จะรอดชีวิต

ส่วนพวกที่ไม่ได้แสดงตัวออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ ก็คงจะยังกอดความหวังว่าจะโชคดีรอดชีวิต

เหมียวอี้เอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกใบ้อิงอู๋ตี๋ อิงอู๋ตี๋โบกมือเรียกลูกน้องให้นำตัวพวกที่มอบตัวออกไปทันที ย่อมต้องอยากได้คำให้การอยู่แล้ว

จากนั้นเหมียวอี้ก็ออกคำสั่งอีกครั้ง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามจัดตั้งสมาคมร้านค้าใดๆ ที่ตลาดสวรรค์เป็นการส่วนตัว ผู้ใดฝ่าฝืน ประหาร! สมาคมร้านค้าที่มีตอนนี้แบ่งเป็นสี่ส่วน แบ่งตามเขตเมืองที่มี แบ่งเข้ามาให้จวนผู้บัญชาการของสี่เขตเมืองควบคุม แล้วแต่ละเขตก็แบ่งพื้นที่ย่อยอีกที ให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการของแต่ละจวนผู้บัญชาการทำหน้าที่ควบคุมตรวจตราพื้นที่ ควบคุมอย่างเข้มงวด! นี่คือตลาดสวรรค์ของตำหนักสวรรค์ ไม่ใช่ตลาดสวรรค์ของผู้มีอำนาจตระกูลไหนทั้งนั้น ถ้าเกิดเรื่องประเภทร่วมมือกันออกนอกลู่นอกทางอีก ผู้ที่รับผิดชอบดูแลเขตนั้นก็ถือหัวมันมาหาข้าได้เลย! เดี๋ยวกลับไปผู้บัญชาการสี่เขตเมืองนำระเบียบข้อบังคับรายงานขึ้นมาด้วย!”

“รับทราบ!” ฝูชิงและอีกสามคนเอ่ยรับคำสั่ง

สวีถังหรานเรียกได้ว่าแอบดีใจ มีอำนาจที่ถูกต้องชอบธรรมในการเข้าไปแทรกแซงแล้ว ไม่ต่างอะไรกับการได้ช่องทางทำเงินเพิ่มขึ้นอีกช่องทาง

ผู้ช่วยผู้บัญชาการของสี่เขตเมืองก็พากันตาเป็นประกายเช่นกัน สภาพจิตใจย่อมเหมือนกับสวีถังหรานอยู่แล้ว เบื้องบนกินเนื้อ พวกเรากินน้ำ ทุกคนล้วนมีกิน แน่นอนว่าสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บัญชาการใหญ่จากใจจริง

กลุ่มผู้ช่วยผู้บัญชาการตื่นเต้นดีใจจนตะโกนเสียงดังว่าผู้บัญชาการใหญ่ปราดเปรื่อง! พวกเขามองไปยังศพที่เกลื่อนเต็มพื้นอีกครั้ง รู้สึกว่าการฆ่าครั้งนี้เหมาะสมมาก!

แต่ในใจทุกคนก็มีความกังวลเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผู้บัญชาการใหญ่จะผ่านด่านนี้ไปได้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็อาจจะดีใจเร็วเกินไปหน่อย!

ร้านค้าใหญ่ๆ แต่ละร้านได้ยินแล้วแอบร้องในใจ ต่อไปนี้จะต้องนำของมามอบให้เบื้องบนเพื่อแสดงความกตัญญูมากขึ้นแล้ว!

เหมียวอี้กวาดสายตามองคนนับพันจากร้านค้าหนึ่งร้อยร้านที่ถูกจับมา แล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “คุมตัวพ่อค้าที่ต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการร่วมมือก่อกบฏไปที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกให้หมด แล้วสอบสวนทันที ถ้ากล้ามีคนไม่สารภาพเรื่องพฤติกรรมออกนอกลู่นอกทางแต่โดยดี ประหาร! ส่วนร้านค้าร้านอื่นๆ ของตลาดสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ต่างคนต่างไปสารภาพผิดต่อจวนผู้บัญชาการของเขตตัวเองทันที คนที่มายอมรับเองจะได้รับอภัยโทษ ส่วนคนที่ปิดบังไม่ยอมรายงาน ถ้าตรวจสอบแล้วเจอ โดนข้อหาวางแผนก่อกบฏอย่างลับๆ ประหาร!”

“รับทราบ!” พวกฝูชิงเอ่ยรับอีกครั้ง จากนั้นก็เรียกลูกน้องให้คุมตัวคนหนึ่งพันกว่าคนไปที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกทันที

ฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้น ทั้งยังมี ‘คำสั่งประหาร’ ที่บ้าเลือดตามมาอีกเป็นชุด ทำเอาสมาชิกของร้านค้าที่มุงดูอยู่รอบๆ รู้สึกได้ถึงอันตราย แต่ละคนหวาดระแวงกลัว มีคนไม่น้อยแอบด่าพวกเย่สวินเกาว่าสมน้ำหน้าที่ไม่ตายดี พวกเจ้าตายก็ตายไปสิ ยังจะลากพวกเราลงน้ำไปด้วยอีก ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อควบคุมร้านค้าทุกร้านที่ตลาดสวรรค์อย่างเข้มงวด ทุกคนเลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้อิสระเหมือนเมื่อก่อน

สรุปว่าตั้งแต่ตำหนักสวรรค์ก่อตั้งตลาดสวรรค์ขึ้นมา นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่กลุ่มผู้จัดการร้านค้าได้รัรู้ถึงผลลัพธ์ของการต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ สังหารจนโลหิตไหลกลายเป็นสายน้ำ! สะเทือนขวัญเกินไปแล้ว!

คนที่ก่อนหน้านี้นึกว่าตัวเองมีคนหนุนหลังอยู่บ้างนิดหน่อย ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าต่อให้คนหนุนหลังใหญ่กว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ อยู่ที่นี่มีดาบมาจ่อคอได้ทุกเมื่อ จะโดนปลิดชีวิตได้ทุกเมื่อ!

และนี่ก็คือมาดที่เหมียวอี้ตั้งใจจะแสดงออกมา สาเหตุหลักที่ลงโทษประหารแบบเปิดให้ทุกคนได้เห็น ก็เพราะต้องการให้ทุกคนข้าใจ ว่าอย่าคิดว่าการที่พวกเจ้ามีคนหนุนหลังแล้วข้าจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะดึงพวกเจ้ามารับกรรมด้วยกัน ถ้าข้าโดนกดดันให้จนตรอกเมื่อไร ก็คอยดูแล้วกันว่าใครที่จะซวย!

หลังจากถ่ายทอดคำสั่งชุดนี้เสร็จ เหมียวอี้ก็หันตัวเดินจากไป พอหันหน้ามาก็อึ้งไปชั่วขณะ

สาเหตุไม่ใช่เพราะอะไร ไม่รู้ว่าผู้การสองหลันเซียงโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไร กำลังยืนอยู่ตรงประตู มองดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าซีดขาว

เหมียวอี้เอียงหน้ามองเป่าเหลียนที่ยังคงเหม่อลอย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ต้องพูดเลย ทิ้งหลันเซียงไว้ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์คนเดียวโดยไม่สนใจ ถ้าเจ้าตัวไม่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็แปลกแล้ว

เป่าเหลียนที่หันหน้ามองตามสีหน้าเปลี่ยนทันที พบว่าตัวเองเสียอาการจนสร้างปัญหาให้ผู้บัญชาการใหญ่แล้ว ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ!

เหมียวอี้ที่สีหน้าเย็นเยียบดุร้ายรีบเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้ม เดินก้าวยาวเข้าไปกุมหมัดคารวะ “ผู้การสอง ขออภัยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับ หนิวกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ไปต้อนรับไม่ทัน โปรดให้อภัยด้วย!”

นี่เรียกว่าปฏิบัติหน้าที่เหรอ? หลันเซียงโมโหจนตัวสั่นเล็กน้อย ตอนที่นางออกมา ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เหมียวอี้ฆ่าคนไปหมดเกลี้ยงแล้ว!

แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดผิด กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่จริงๆ แต่ปฏิบัติหน้าที่นี้มันสะเทือนขวัญไปหน่อย!

“เจ้า…” หลันเซียงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี นางชี้เขา พลางพยักหน้าด้วยความโมโหสุดขีด ทำท่าเหมือนบอกว่า นับว่าเจ้ากล้าหาญ!

ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ก่อเรื่องจนมาถึงขั้นนี้ นางเองก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้เช่นกัน ถลันตัวออกไปทันที ไปที่ตำหนักคุ้มเมืองแล้ว

เหมียวอี้เอียงหน้ามองไปทางตำหนักคุ้มเมือง นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินก้าวยาวต่อไป

เป่าเหลียนเดินตามหลัง กล่าวอย่างหวั่นเกรงว่า “นายท่าน คือว่าข้า…ข้าเห็นอวี้ซวีเจินเหรินก็อยู่เหมือนกัน ตอนที่ข้ากังวลก็เลย…”

“ครั้งหน้าก็ระวังหน่อย!” เหมียวอี้กล่าวขณะที่หันหลังให้ ไม่ได้สืบสาวเอาความอีก

เรื่องบางเรื่องไม่ช้าก็เร็วที่จะต้องได้เผชิญหน้า ถ้าจะผลักเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไปให้เป่าเหลียน ก็จะฟังดูเหลวไหลเช่นกัน เป่าเหลียนยังไม่มีคุณสมบัติที่จะรับผิดชอบเรื่องที่ใหญ่ใหญ่ขนาดนี้

แต่เป่าเหลียนกลับแอบตำหนิตัวเองแทบแย่ ฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้น ฆ่าทาสของตระกูลผู้มีอำนาจไปมากมายขนาดนั้น นี่ต้องเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตขนาดไหนกัน แผนที่ผู้บัญชาการใหญ่วางไว้อาจจะพังด้วยน้ำมือตนก็ได้ แบบนี้จะทำอย่างไรดี!

คนที่ล้อมดูอยู่นอกจวนผู้บัญชาการพากันทอดถอนใจ ทยอยกันแยกย้ายจากไปด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่มั่นคง

อวิ๋นจือชิวที่อยู่บนหลังคาสังเกตเห็นปฏิกิริยาของผู้การสองเมื่อครู่นี้แล้ว ขณะจ้องมองทิศทางที่ผู้การสองมุ่งไป สีหน้าและดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ หันกลับมาสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “สิ่งที่ควรเตรียมตัวก็ยังต้องเตรียม ไปกันเถอะ!”

กลุ่มคนทยอยกันแยกย้าย เหล่าทหารสวรรค์กำลังจัดการเก็บกวาดศพที่กองอยู่เต็มพื้น

ผ่านไปไม่นาน ปี้เยว่ฮูหยินนั่งไม่ติดที่แล้ว เหาะด้วยความเร็วสูงมายังจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกด้วยตัวเอง โดยมีผู้การสองหลันเซียงติดตามมาด้วย

ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง นางก็ไม่มีทางเชื่อว่าเหมียวอี้จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้

หลังจากได้เห็นกับตาตัวเอง สีหน้าก็ซีดลงทันที ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ศพเกลื่อนเต็มพื้น! ฆ่าจนเลือดกลายเป็นแม่น้ำ!

ศีรษะหลายใบที่กลิ้งอยู่บนพื้น เมื่อวานนางยังเจออยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองอยู่เลย แต่ละคนยังฟ้องความผิดเหมียวอี้อย่างโอหังอวดดี ผลปรากฏว่าวันนี้เมื่อเจอกันอีกครั้ง ทุกคนก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว โดนเหมียวอี้ตัดหัวหมดแล้ว! พวกติงกุ้ยยังอยู่ระหว่างทางกลับจวนท่านโหวอยู่เลย คนที่มาร้องเรียนที่นี่ถูกคนที่ตัวเองร้องเรียนฆ่าทิ้งหมดเกลี้ยงแล้ว!

ภาพนี้ฉากนี้ ทำให้ร่างกายของปี้เยว่ฮูหยินโอนเอนครู่หนึ่ง ปวดเศียรเวียนเกล้าเล็กน้อย แบบนี้จะทำอย่างไรดี!

นางไม่มีทางจินตนาการถึงผลลัพธ์ของเรื่องนี้ได้เลย เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจมากมายขนาดนี้ แถมส่วนใหญ่ยังมีตำแหน่งสูงกว่าท่านโหวเทียนหยวนอีก ถ้าพวกนั้นร่วมมือกันมาเล่นงาน เหมียวอี้ย่อมสมควรตายอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่นางก็จะหนีไม่พ้น อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่ท่านโหวเทียนหยวนสามีของนางก็จะได้รับผลเสียไปด้วยเช่นกัน สามารถกระตุกจากข้างบนลงมาข้างล่างได้เลย ทั้งข้างบนข้างล่างจะซวยต่อกันเป็นทอด!

มีจุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนมาก เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้อยู่ใต้หนังตานาง สร้างสถานการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ประหารคนไปเป็นพันคน ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายก็จะบอกว่าทำไมนางไม่ออกมาห้าม จะให้บอกว่าไม่ทันสังเกตเห็นแล้วให้เรื่องผ่านไปเหรอ แบบนั้นใครจะเชื่อล่ะ!

ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายก็จะบอกว่า ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้เกิดอยู่ใต้หนังตาแท้ๆ แต่เจ้ายังไม่สังเกตเห็น แล้วเจ้าจะไปนั่งทำมาหากินอะไรที่นั่น?

เมื่ออีกฝ่ายถามมาแบบนี้ แม้แต่แก้ตัวเจ้าก็ไม่มีทางแก้ตัวได้

คนเสียสติ! นี่ต้องเสียสติถึงขั้นไหนถึงจะทำเรื่องนี้ออกมาได้!

ปี้เยว่ฮูหยินหันหน้าหนี แล้วถลันตัวเข้าไปในจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก ทหารยามจะขวางนางได้เสียที่ไหนกัน

นางบุกตรงไปที่ลานบ้านด้านหลังของจวนเหมียวอี้ สิ่งที่ทำให้ปี้เยว่ฮูหยินอยากจะชูนิ้วให้ก็คือ เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบและยังมีรอยเลือดติดรองเท้า ในตอนนี้กำลังเอามือไขว้หลังดมดอกดอกไม้ริมสระน้ำ ในความองอาจกล้าหาญเผยความสง่างามไปอีกแบบ

เหมียวอี้ที่ได้ยินเสียงและหันกลับมาแทบจะชนกับปี้เยว่ฮูหยิน ชั่วพริบตาเดียวทั้งสองก็แทบจะยืนชนหน้ากันแล้ว

“คำนับฮูหยิน!” ยืนใกล้กันเกินไป พอกุมหมัดคารวะมือก็เลยชนกับหน้าอกอิ่มเอิบที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งของนาง เหมียวอี้รีบถอยหลังไปคำนับอีกรอบ “กำลังจะไปพบฮูหยินที่ตำหนักคุ้มเมืองพอดี นึกไม่ถึงว่าฮูหยินจะมาเยือนก่อนแล้ว ข้าน้อยขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ!”

ปี้เยว่ฮูหยินที่ใบหน้าชมพูดระเรื่อเปลี่ยนเป็นซีดขาวเพราะความโมโห ตอนนี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วจริงๆ นางพ่นออกมาอย่างชัดเจนทีละคำว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าช่างใจกล้านัก! บังอาจปิดบังอำพรางการรับรู้ของฮูหยินคนนี้ สมควรจะโดนข้อหาอะไร!”

“ฮูหยินโมโหที่ข้าสังหารคนด้านนอกพวกนั้นเหรอ?” เหมียวอี้ถามกลั้วหัวเราะ ในใจกำลังครุ่นคิดว่าต้องรีบระงับความโกรธของนาง ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำเรื่องอะไรขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว นางต่างหากที่เป็นอันตรายที่อยู่ตรงหน้าสุด เขารีบเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน โค้งเอวค้างไว้นานๆ แล้วกุมหมัดคารวะกล่าวปลอบโยน “ฮูหยินคิดมากไปแล้ว เรื่องนี้ดูเหมือนเสี่ยงอันตราย แต่ที่จริงแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น!”

“เหลวไหลเหมือนผายลม!” ปี้เยว่ฮูหยินด่าตรงๆ สตรีชั้นสูงที่งดงามหยาดเยิ้มเย้ายวนใจ ตอนนี้ถูกใครบางคนทำให้โมโหจนสบถคำหยาบคายแล้ว

“สามวัน!” เมื่อเห็นนางวู่วามจะลงไม้ลงมือ ตนใช่คู่ต่อสู้ของนางเสียที่ไหนกัน เหมียวอี้รู้สึกเครียดในใจ รีบรับมือให้นางสงบลง ชูสามนิ้วขึ้นมาอย่างแน่วแน่ พร้อมบอกว่า “ฮูหยิน ให้เวลาข้าแค่สามวันเท่านั้น หลังจากนี้สามวันก็จะทราบเหตุผล ถึงตอนนั้นฮูหยินจะไม่ใช่แค่จะไม่ผิดพลาด แต่กลับจะมีผลงานด้วย!”

จะทราบเหตุผลภายในสามวันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องพูดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต่อให้จะเป็นคำพูดเหลวไหลไร้สาระ แต่การทำให้ผู้หญิงคนนี้สงบลงก็คือเรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเช่นกัน!

ที่จริงเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเลย ครั้งนี้เป็นการเดิมพันภายใต้ความโมโหเท่านั้น เดิมพันแล้วชนะก็ไม่เป็นไร สามารถทำให้ตนนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้อย่างมั่นคง แต่เดิมพันแพ้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ร้านค้าระดับบนของตลาดสวรรค์นับร้อยร้านถูกเขารีดไถจนหมดเกลี้ยง ถึงตอนนั้นหอบของหนีกลับพิภพเล็กก็ยังมีกินไปอีกหลายปี

อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาก็ขาดทุนอยู่ดี แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ? สรุปก็คือเขาไม่มีทางยอมรับการโดนพวกพ่อค้าควบคุมอยู่ตลอดตอนที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว!

ส่วนปี้เยว่ฮูหยินจะพบปัญหาอะไรหลังจากที่เขาหนีไปแล้ว นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากังวล ตั้งแต่เมื่อวานที่ปี้เยว่ฮูหยินพูดออกมาว่าให้เขาจัดการเรื่องของตัวเองให้ดี เขาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ทิ้งเขา เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงสนใจตัวเอว ถึงได้ตัดสินใจลงมืออย่างไม่ลังเล!

คำพูดนี้ค่อนข้างหลอกลวง แต่ก็ได้ผลพอสมควร! เมื่อเห็นเขาแน่ใจขนาดนี้ ถึงแม้ปี้เยว่ฮูหยินยังจะยังโมโห แต่อย่างน้อยไฟโกรธก็ไม่ได้พุ่งพล่านขนาดนั้นแล้ว นางอยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน หมัดที่ง้างขึ้นมาเล็กน้อยค่อยๆ วางลง กัดฟันถามว่า “ภายในสามวันจะไปหาเหตุผลมาจากไหน?”

สามารถคุยกันดีๆ ได้ก็พอแล้ว เขากลัวแค่ว่าจะไม่มีโอกาสได้คุยกันดีๆ !

เหมียวอี้ทำท่าเหมือนโน้มน้าวด้วยเจตนาดีทันที กุมหมัดกล่าวอีกครั้งว่า “ฮูหยิน! ถึงแม้ชีวิตหนิวโหย่วเต๋อจะไร้ค่า แต่ข้าก็เป็นคนรักชีวิตเช่นกัน จะนำชีวิตตัวเองไปล้อเล่นง่ายๆ ได้อย่างไร ฮูหยินได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจน!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset