พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1121 ไม่ฝืนใจ

บทที่ 1121 ไม่ฝืนใจ

อะไรนะ? ฉินซีหวาดกลัวทันที ถ้าให้ฉินเวยเวยรู้ว่าตัวเองมีภูมิหลังที่น่าอับอายแบบนั้น ถ้าให้รู้ว่าเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่คบชู้ จะให้ฉินเวยเวยทนความรู้สึกได้อย่างไร ต่อไปจะให้ฉินเวยเวยเงยหน้ามองคนอื่นได้อย่างไร? ต่อให้ตีนางให้ตาย นางก็ไม่มีทางปล่อยให้ฉินเวยเวยรู้เรื่องนี้เด็ดขาด

เมื่อเห็นอวิ๋นจือชิววางถ้วยน้ำชาแล้วยืนขึ้น ฉินซีก็รีบโบกมือห้าม และคุกเข่าลงเช่นกัน “พวกท่านได้โปรดอย่าบอกให้เวยเวยรู้ ข้าจะแต่งงาน!”

ตอนนี้รู้สึกนึกเสียใจทีหลังมากจริงๆ การกระทำชั่วครู่ที่ทำไปเพื่อล้างแค้นเฟิงเป่ยเฉิน กลับทำให้ต้องแบกความรับผิดชอบไปทั้งชีวิต!

หยางชิ่งถอนหายใจ เขาเดาว่าเหมียวอี้กำลังขู่เขา แต่เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าเจ้าคนบ้าคนนี้จะทำเรื่องอะไรได้บ้าง จึงไม่กล้าเดิมพันกับเหมียวอี้ เอียงหน้ากุมหมัดตอบว่า “ข้าน้อยยินดีแต่งงาน!”

“มันต้องอย่างนี้แหละ! ผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้ ให้เจ้าแต่งงานด้วยก็ถือว่าเจ้าได้เปรียบแล้ว!” เหมียวอี้รู้สึกบันเทิง สุดท้ายก็แก้ปัญหาหญิงงามนำภัยอย่างฉินซีได้สักที ไม่อย่างนั้นถ้าเก็บนางไว้ข้างกาย ทุกคนก็จะพากันคิดว่าเจ้าอยากจะทำมิดีมิร้ายนาง แต่นางดันเป็นมารดาแท้ๆ ของฉินเวยเวย จะทิ้งไปโดยไม่สนใจก็ไม่ได้ แล้วหญิงงามนำภัยอย่างนางก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรด้วย พอขาดคนให้พึ่งพิง ก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าผลจะเป็นอย่างไร ให้หยางชิ่งรับช่วงต่อนั้นดีที่สุดแล้ว

เขาหันไปสั่งอวิ๋นจือชิวอีกว่า “แทนที่จะผัดวันประกันพรุ่ง ไม่รู้จัดการวันนี้เลยดีกว่า จ้าไปเตรียมการสักหน่อยเถอะ จัดงานมงคลคืนนี้เลย!”

อวิ๋นจือชิว ฉินซีและหยางชิ่งต่างก็งุนงง แต่ละคนทำสีหน้าอัศจรรย์ใจมาก พากันมองไปที่เหมียวอี้อย่างพูดไม่ออก ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไปแล้ว เร่งขนาดนี้เลยเหรอ?

โดยเฉพาะอวิ๋นจือชิว วันนี้นับว่าได้รับรู้ถึงความไร้เหตุผลของเหมียวอี้แล้ว ไม่เชื่อฟังกันใช่มั้ย? เช่นนั้นก็เล่นงานหยางชิ่งโดยใช้อำนาจขู่บังคับ เรียกได้ว่าเผด็จการและไร้ระเบียบ ไม่มีการเจรจาเลย ไม่สนด้วยว่าจะทำร้ายความรู้สึกหรือไม่ ข้าอยากจะทำอย่างไรก็จะทำอย่างนั้น ถ้าเก่งนักก็ลองขัดขืนข้าดูสิ เรียกได้ว่าใช้ไม้แข็งเสียเลย!

หารู้ไม่ ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเหมียวอี้ก็ไม่เคยใช้เหตุผลกับหยางชิ่งอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช้วิธีการที่แข็งกร้าว ก็ใช้วิธีการที่ไร้ระเบียบ ตราบใดที่ทำให้หยางชิ่งหัวหมุนได้ นั่นก็แปลว่ามาถูกทางแล้ว นี่ก็คือลักษณะการลงมือที่เขาใช้กับหยางชิ่งมาตลอด ในปีนั้นที่เขาจะรับหยางชิ่งมาเป็นลูกน้อง หยางชิ่งก็ไม่ได้อยากจะติดตามเขามาเลย มีทั้งเหตุผลและวิธีการที่จะปฏิเสธเขา แต่ผลก็คือเหมียวอี้ไปขอคำสั่งย้ายคนจากฮั่วหลิงเซียวโดยตรง ไม่สนหรอกว่าหยางชิ่งจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ไม่ได้ขอความยินยอมจากหยางชิ่งเลย ดันทุรังพาตัวหยางชิ่งไป สรุปก็คือถึงเจ้าจะไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป ให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำ แบบนั้นน่ะถูกแล้ว!

อวิ๋นจือชิวที่เหม่อค้างไปชั่วครู่พยายามทำหน้านิ่ง แล้วบอกว่า “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าเร่งรีบไปหน่อยรึเปล่า?”

“รีบเหรอ?” เหมียวอี้โบกมือชี้สองคนที่กำลังคุกเข่า “พวกเขารีบกว่าที่เจ้าคิดอีก คบชู้กันจนคลอดลูกสาวไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว!”

คำพูดนี้ทำให้หยางชิ่งกับฉินซีครองสติไม่อยู่แล้ว ทั้งสองไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ

“ไม่ใช่ค่ะ! ข้ารู้สึกว่าเร่งรีบไปหน่อยรึเปล่า?” อวิ๋นจือชิวนับว่าเตือนเขาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องจัดให้มีหน้ามีตาสักหน่อย อย่างน้อยเรื่องใหญ่อย่างแต่งงานงานก็ต้องเลือกฤกษ์มงคลสักหน่อยสิ?

เหมียวอี้ไม่รู้สึกว่าเร่งรีบเลยสักนิด การรับมือกับคนอย่างหยางชิ่ง จะปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาตอบโต้ไม่ได้ อีกประเดี๋ยวก็ยังไม่รู้เลยว่าหยางชิ่งจะคิดหาวิธีการอะไรมาแก้วิกฤตอีก ต้องกำหนดฐานะไว้ก่อน ให้เข้าห้องหอไปก่อน ต้องหนดเรื่องราวให้เป็นรูปธรรมก่อนถึงจะเป็นหลักการที่ถูกต้อง!

ดังนั้นจึงโบกมือสั่งอย่างเผด็จการว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน! เจ้าไปจัดการเดี๋ยวนี้ ถ้ากำลังคนไม่พอก็ไปขอกับพวกพี่ใหญ่ บัดนี้! เดี๋ยวนี้!”

หลังจากผ่านเรื่องราวมาหลายครั้ง อวิ๋นจือชิวก็นับว่าได้ทำความรู้จักผู้ชายของตัวเองใหม่ รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้จะต้องมีจุดประสงค์แน่นอน จึงไม่ดึงดันอีก รีบไปจัดการทันที!

พอออกจากประตู หยางชิ่งกับฉินซีก็มองหน้ากันไปมองหน้ากันมาอย่างเลิกลั่ก

ฉินซีไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ หัวใจยุ่งเหยิงราวกับปมเชือก ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ว่าจะได้มาแต่งงานกับหยางชิ่งที่นี่ เฟิงเป่ยเฉินเพิ่งจะตายได้ไม่นาน จะให้นางทนความรู้สึกได้อย่างไร!

ส่วนหยางชิ่งก็แอบทอดถอนใจแรงๆ เขายอมรับว่าตัวเองเคยหลงใหลในความงามของผู้หญิงคนนี้ แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ทิ้งลูกสาวแล้วจากไป หยางชิ่งก็ถูกทำให้เจ็บใจหนักมาก เขาไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้อีกเลยตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่รู้ที่มาที่ไปของผู้หญิงคนนี้ เขาก็ไม่อยากให้ฉินเวยเวยเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีก

แต่วันนี้เขากลับต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ในบ้านของอดีตสามีนาง มิหนำซ้ำ อดีตสามีของนางก็เพิ่งตายไปได้ไม่นาน!

ผู้หญิงในฝันที่ทำให้เขาต่อสู้ฟันฝ่าถูกแย่งตัวไปเป็นอนุภรรยาคนอื่น ทั้งยังบังคับให้เขาแต่งงานกับฉินซีที่นี่! สำหรับการลงโทษที่แทบจะเป็นความอัปยศแบบนี้ หยางชิ่งสับสนวุ่นวายใจแทบแย่ เกือบจะอยู่ในสภาพโง่เขลาแล้ว เคยคิดว่าจะเจออะไรโหดๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะโหดขนาดนี้ ในใจมีเพียงสี่คำที่จะมอบให้เหมียวอี้ : ไอ้เวรตะไล!

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะขัดขืน แต่ทุกคนที่นี่แม่งเป็นคนของเหมียวอี้ มีคนเป็นโขยงที่เตะให้เขาหมอบได้ ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับภาพรวม เหมียวอี้ดึงดันจะใช้วิธีการที่แข็งกร้าวแบบนี้ แถมลูกสาวก็คือจุดอ่อนของเขา ไม่มีที่เหลือให้เขาขัดขืนเลยสักนิด!

การวางแผนครั้งนี้ไม่สามารถทำอะไรอวิ๋นจือชิวได้ ทั้งยังทำให้ตนมีสภาพเป็นแบบนี้ นึกเสียใจทีหลังแล้วจริงๆ อยากจะตบปากตัวเองสักสองที!

อวิ๋นจือชิววิ่งไปเชิญท่านปู่มาดื่มสุรามงคล ปรากฏว่าอวิ๋นอ้าวเทียนตบโต๊ะ ยืนขึ้นกล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “เฟิงเป่ยเฉินเพิ่งตายอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฉินซีจะแต่งงานใหม่ในเวลานี้ได้ พวกเจ้าบังคับนางใช่มั้ย?”

อวิ๋นจือชิวรีบกล่าวอย่างขื่นขมว่า “ท่านปู่ ท่านใส่ร้ายพวกเราแล้วจริงๆ ทำไมฉินซีถึงยอมจำนนให้ฝ่ายพวกเราล่ะ ที่จริงนางไม่ได้มีความรู้สึกต่อเฟิงเป่ยเฉินตั้งนานแล้ว นางไปมาหาสู่กับหยางชิ่งลูกน้องข้าตั้งนานแล้ว ไม่ได้บังคับนางจริงๆ ถ้าไม่เชื่อท่านก็ลองไปถามเองสิ”

อวิ๋นอ้าวเทียนไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น จึงให้อวิ๋นเซี่ยวไปถาม พบว่าฉินซีบอกว่าตัวเองเต็มใจจริงๆ แต่ด้วยท่าทีแบบนั้น ไม่ว่าใครก็มองออกว่ามีปัญหา

หลังจากไปหาฉินซีกลับมา อวิ๋นจือชิวก็ขวางเขาไว้ “ท่านอาหก อย่าทำให้ท่านปู่ลำบากใจเลย!”

อวิ๋นเซี่ยวอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อเข้าใจเจตนาของนางแล้ว เขาก็พยักหน้าเงียบๆ…

ในลานบ้านเล็กๆ ประดับประดาโคมไฟและผ้าหลากสีอย่างรวดเร็ว พวกนักพรตปีศาจรีบดึงตัวคนบรรเลงดนตรีและคนจัดพิธีจากในเมืองใกล้ๆ มากลุ่มหนึ่ง

มีโต๊ะฉลองเพียงสิบกว่าโต๊ะเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นปีศาจจากทะเลดาวนักษัตร แต่ละคนทำสีหน้าประหลาดขณะมองดูคู่บ่าวสาวไหว้ฟ้าดิน พวกเขาถ่ายทอดเสียงคุยกันมั่วไปหมดแล้ว

“หยางชิ่งคนนี้เป็นลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้ไม่ใช่เหรอ? มาจัดงานแต่งงานในเวลานี้เนี่ยนะ ยังไงก็รู้ว่าเหมียวอี้กำลังเล่นงานเขาอยู่?” จีเต๋อจวินถ่ายทอดเสียงถามจงเจิ้น

“เจ้าถามข้า แล้วจะให้ข้าไปถามใครล่ะ?” จงเจิ้นถาม

“ครั้งนี้เฟิงเป่ยเฉินตายตาไม่หลับแล้วจริงๆ! ข้ากำลังคิดอยู่ ว่าอีกประเดี๋ยวบ่าวสาวคู่นี้จะมีอารมณ์เข้าห้องหอกันรึเปล่า?” หวังเต้าหลินถ่ายทอดเสียงถ่ายทอดเสียงถามพวกที่นั่งโต๊ะเดียวกัน

อวิ๋นอ้าวเทียนไม่มีทางเข้ามาประสมโรงกับเรื่องแบบนี้  นั่งโต๊ะถัดไปจากโต๊ะของรุ่นลูก

คนกลุ่มนี้แอบวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาไม่รู้การเตรียมงานที่โหดยิ่งกว่านั้นของเหมียวอี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ฉินเวยเวยไปดำเนินพิธีด้วยตัวเอง ยิ่งกดดันให้หยางชิ่งกับฉินซีไม่กล้าผ่านงานพิธีนี้ไปอย่างไม่ซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นทั้งสองก็รับผลที่จะตามมาไม่ไหวหากเกิดความวุ่นวายจนฉินเวยเวยถามหาสาเหตุ

ตอนไหว้ฟ้าดินข้างนอกก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว หลังจากเข้าห้องหอ ฉินเวยเวยก็เป็นพิธีกรด้วยตัวเอง บอกให้หยางชิ่งกับฉินซีคล้องแขนดื่มสุรา!

ฉินเวยเวยไม่รู้ว่าหยางชิ่งกับฉินซีเข้าพิธีแต่งงานเพื่อนาง แทบจะถูกนางกดดันให้คล้องแขนดื่มสุราแล้ว

จะโทษว่าเหมียวอี้ทำเรื่องนี้อย่างสุดโต่งไม่ได้ เขาไม่สะดวกจะจัดการหยางชิ่งเพราะติดที่ฉินเวยเวย แต่ครั้งนี้หยางชิ่งมาแตะต้องอวิ๋นจือชิว ทำให้เขาโมโหมากจริงๆ ครั้งนี้เขาจะทำให้หยางชิ่งจดจำไว้นานๆ ว่า อย่านึกว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียว!

ครั้งนี้หยางชิ่งถูกเหมียวอี้เล่นงานจนเจ็บหนักแล้วจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้เขาจดจำไปทั้งชีวิตแล้ว ทำให้เขาสะอิดสะเอียนไปทั้งชีวิตเช่นกัน!

เหมียวอี้กำลังเตือนเขาอย่างชัดเจนว่า ข้าก็จะทำอย่างนี้แหละ และจะไม่ฆ่าเจ้าด้วย ข้าให้โอกาสเจ้าล้างแค้น ถ้าอยากจะล้างแค้นก็จัดมาได้เลย!

อวิ๋นจือชิวกำลังนั่งดื่มสุรามงคลอยู่กับเหมียวอี้ นางอดไม่ได้ที่จะมองดูเขาพูดคุยกับคนข้างๆ อย่างสนุกสนาน นางพบว่าตัวเองเข้าใจเหมียวอี้มากที่สุดในด้านการใช้ชีวิต แต่ในด้านการเผชิญปัญหา เขาเหนือกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้ นางประหลาดใจทุกครั้งที่เจอ พบว่าตัวเองประเมินความสามารถของเขาต่ำไปมาก

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ อวิ๋นจือชิวกลับมาลองครุ่นคิดดู พบว่าที่จริงแล้วเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน และวิธีการจัดการของเหมียวอี้ก็ยังคงเป็นแบบการรัวดาบฟันเชือก[1] แต่ไม่ใช่การฟันมั่วซั่วแน่นอน เขาฟันได้อย่างแม่นยำถูกจุด ตอบสนองได้รวดเร็วมาก เรื่องราวที่ต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ เมื่อมาถึงมือเขาและโดนตัดทิ้ง ก็จะถูกแก้ไขอย่างง่ายดายทันที!

อวิ๋นจือชิวกำลังยิ้มแย้มพลางยกจอกสุราให้คนที่มาดื่มฉลองด้วย พอจิบสุราไปคำหนึ่งแล้ว นางก็มองเหมียวอี้ที่กำลังกระซิบกระซาบคุยกับสงเวยอีก นางอดไม่ได้ที่จะขำออกมา ก่อนหน้านี้นางกังวลในความบุ่มบ่ามของเหมียวอี้มาตลอด วันนี้ถึงได้เข้าใจ ว่าคนที่จะโยนงานให้ลูกน้องทำแทนได้ก็ต้องมีคุณสมบัติเหมือนกัน และเจ้าหมอนี่ก็มีคุณสมบัติที่จะโยนงานให้ลูกน้องทำแทนจริงๆ!

คนที่โต๊ะฉลองแยกย้าย ในเรือนหอ หยางชิ่งกับฉินซีนั่งเคียงกันอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับไปไหน และไม่พูดไม่จากันด้วย นั่งอยู่อย่างนั้นตลอดจนฟ้าสว่าง…

นภาหมื่นปีศาจ ค่ำคืนที่เลือนราง ประดับประดาไม่ด้วยหมู่ดาว

จีเหม่ยลี่ คนงามสมชื่อ หน้าตางดงามมาก เอวบางร่างน้อย เรียวขายาวเป็นพิเศษ ปล่อยผมยาวโดยไม่มัด ทิ้งตัวลงประบ่าโดยไม่มีเครื่องประดับใดๆ ใบหน้าที่ไร้เครื่องปกทินโฉมแหงนมองฟ้า ดวงตางามหน้าผากกว้าง จมูกโด่งคิ้วเข้ม เผยความองอาจแฝงอยู่ในความงามหยาดเยิ้มของใบหน้า สวมกระโปรงบานยาว ผมยาวปลิวพลิ้วขณะที่ก้าวเดิน

นภาหมื่นปีศาจเงียบขรึมอยู่ภายใต้ความมืดยามราตรี ไม่เห็นโคมไฟ ประตูใหญ่กำลังเปิดอยู่ ในดวงตาจีเหม่ยลี่ฉายแววฉงนสนเท่ห์ขณะที่เดินขึ้นบันได รู้สึกว่านภาหมื่นปีศาจในวันนี้ค่อนข้างต่างไปจากปกติ และการที่บิดาเรียกพบนางทันทีที่กลับจากข้างนอก ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมากเช่นกัน

พอก้าวเข้ามาในตำหนัก ก็พบว่าจีฮวนกำลังเอามือไขว้หลังยืนหันหลังให้อยู่นอกประตู ในตำหนักไม่มีคนอื่นแล้ว จีเหม่ยลี่คำนับแล้วถามว่า “ท่านพ่อ! ไม่ทราบว่าเรียกพบลูกด้วยธุระอะไรคะ?”

จีฮวนหันตัวมามองนาง มองประเมินนางศีรษะจดเท้าอยู่พักหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าเก้า มีเรื่องหนึ่งที่ข้าจะบอกเจ้า ที่นภาหมื่นปีศาจนี้ นอกจากพ่อกับพี่สองของเจ้า ตอนนี้ก็จะบอกให้เจ้าฟังเท่านั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพิภพใหญ่…”

เขาเล่าเรื่องพิภพใหญ่อย่างละเอียดมาก ถึงขั้นบอกต้นสายปลายเหตุที่เกี่ยวข้องกับพิภพใหญ่ออกมาทั้งหมดด้วย

จีเหม่ยลี่ตั้งใจฟังอย่างละเอียดมาก ยิ่งฟังก็ยิ่งทำสีหน้าตกตะลึง พอฟังจบก็มองจีฮวนอย่างเหม่อค้าง นางไม่รู้ว่าบิดาจะบอกเรื่องนี้ให้นางรู้ทำไม นางไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรที่นภาหมื่นปีศาจเลย ทำไมไม่บอกพี่ชายกับพี่สาวก่อน ทำไมต้องบอกนาง? จึงถามว่า “ท่านพ่ออยากจะให้ลูกทำอะไรคะ?”

จีฮวนจ้องนางพร้อมกล่าวช้าๆ ว่า “มู่ฝานจวินให้เทพธิดาหงเฉินลูกศิษย์ตัวเองแต่งงานเป็นอนุภรรยาของเหมียวอี้แล้ว จะจัดงานอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้”

ชั่วพริบตานี้ จีเหม่ยลี่เข้าใจเจตนาของจีฮวนทันที นางกัดริมฝีปาก แล้วบอกว่า “เหม่ยเหมยตายด้วยน้ำมือเหมียวอี้นะ”

จีฮวนส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจ “ถ้าเทียบกับผลประโยชน์ของทั้งตระกูลจี ความเป็นความตายของคนส่วนใหญ่ในตระกูลจี การตายของเหม่ยเหมยไม่นับว่าสำคัญอะไร ถ้าการตายของพ่อสามารถแลกกับความก้าวหน้าที่รวดเร็วของทั้งตระกูลจีได้ พ่อก็จะไม่สียดายชีวิต!”

“พี่สาวทำงานได้น่าเชื่อถือมากกว่า ได้รับความไว้วางใจจากท่านพ่อมากกว่าด้วย ทำไมไม่ไปหาพี่สาว มาหาข้าทำไมคะ?” จีเหม่ยลี่ถาม

จีฮวนตอบว่า “เพราะในบรรดาลูกสาวของข้าทั้งหมด เจ้าหน้าตาสวยที่สุด ถ้ารูปโฉมไม่งดงามมากพอ จะทำให้เหมียวอี้หวั่นไหวได้เหรอ? เรื่องแบบนี้จะไปหาคนนอกมาทำแทนก็ไม่ได้ และแน่นอน พ่อจะไม่ฝืนใจเจ้าเรื่องนี้เช่นกัน จะตอบตกลงหรือไม่พ่อก็จะฟังเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยินยอม ก็คิดเสียว่าพ่อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้!”

หลังจากจีเหม่ยลี่ครุ่นคิดนานมาก ก็ก้มหน้าตอบอย่างเศร้าสลดว่า “ถ้าท่านพ่อรู้สึกว่าเหมาะสม ลูกสาวเชื่อฟังท่านพ่อก็ได้!”

…………………………

[1] รัวดาบฟันเชือก 快刀斩乱麻 หมายถึง ตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset