พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1190 ตีไม่พัง

“เขามีพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ เขาขอค่ายกลแปดทิศที่พิภพเล็กจากข้า เตรียมจะศึกษาเรียนรู้ค่ายกลวิเศษ พร้อมทั้งเตรียมเตรียมวิเคราะห์วิธีการหลอมสร้างระฆังดาราด้วย ดูว่าจะหลอมสร้างเป็นระฆังอันเดียวที่สามารถติดต่อได้ทีละหลายๆ คนได้มั้ย เขารู้สึกว่าระฆังดาราที่ใช้อยู่ตอนนี้ยุ่งยากเกินไป ทั้งยังบอกด้วยว่าถ้าเจ้าอยู่ที่พิภพใหญ่แล้วเจอของวิเศษอะไรแปลกๆ ก็ให้นำมาให้เขา” ขณะที่พูดอธิบาย อวิ๋นจือชิวก็เก็บเมฆลอยสังหาร กลายเป็นลูกกลมโลหะสีแดงลูกหนึ่งตกอยู่ในฝ่ามือนางอีกครั้ง แล้วส่งมอบให้เหมียวอี้

“เจ้าให้ค่ายกลแปดทิศเขาไปแล้วเหรอ?” เหมียวอี้ทำสีหน้าตกใจ เหมือนกำลังเตือนนางถึงราคาของค่ายกลแปดทิศ ถ้าพังขึ้นมาจะขาดทุนใหญ่โต

อวิ๋นจือชิวพยักหน้าบอกว่า “ให้เขาศึกษานิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก คิดเสียว่าเขาหลอมสร้างของล้ำค่าให้เจ้า มอบให้เขาก็ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าบอกนะว่ายังมีของล้ำค่าอะไรที่สำคัญกว่าชีวิตตัวเองอีก?”

เหมียวอี้พูดไม่ออกแล้ว

“พอแล้ว! เจ้าเองก็ไม่ใช่คนขี้งกอะไรขนาดนั้น”

“นี่ไม่เกี่ยวขี้งกหรือไม่ขี้งก ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าพวกเขาหลอมของวิเศษ ในเมื่อหลอมของวิเศษก็มุ่งทำลายของล้ำค่าโดยเฉพาะ เวลาศึกษาของวิเศษของคนอื่นก็มักจะรื้อออกมาตรวจดูอยู่แล้ว ตอนที่อยู่ตลาดสวรรค์เขาก็ทำลายไปหลายชิ้นแล้ว ถ้าเขาอยากจะศึกษา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องให้ของแพงกับเขาขนาดนี้”

อวิ๋นจือชิวกลอกตามองเขา “งั้นจะให้ข้าขอเขากลับคืนมาเหรอ?”

เหมียวอี้อ้าปากค้าง บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามในทันที ชี้ไปยังของอีกชิ้นในมือนาง “แล้วนี่คืออะไรอีกล่ะ?”

อวิ๋นจือชิวเผยเม็ดกลมเล็กผลึกแดงขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองสิบหกเม็ดในฝ่ามือ ทุกเม็ดมีตะขอเล็กอยู่บนนั้นด้วย คล้ายๆ ต่างหูของผู้หญิง “นี่เป็นของดีเชียวนะ เป็นของที่เยารั่วเซียนทุ่มเทจิตใจและกำลังไปมากมายเพื่อหลอมสร้างขึ้นมา เจ้าอย่าไปมองว่ามันเล็ก ตามที่เยารั่วเซียนบอก นี่คือสุดยอดผลงานที่เขารวบรวมกำลังสติปัญญาและประสบการณ์หลายปีตั้งแต่ที่เคยศึกษาค้นคว้าของวิเศษแบบผ่อนแรงเป็นต้นมา นี่คือของวิเศษแบบป้องกันตัว เขาบอกว่าสมรรถนะการผ่อนแรงในเกราะรบและทวนเกล็ดย้อนที่เคยหลอมสร้างให้เจ้า เมื่อนำมาเทียบกับชิ้นนี้แล้วต่างกันเหมือนรุ่นเล็กมาเจอกับรุ่นใหญ่เลย เทียบไม่ติดเลยสักนิด เขาให้สิ่งนี้เจ้าไว้ป้องกันตัว ถ้าใช้ได้อย่างเหมาะสม ต่อให้เจอกับนักพรตบงกชรุ้ง มันก็ช่วยให้เจ้าต้านทานได้สักพักหนึ่งเช่นกัน เขาอดหลับอดนอนจนหัวหงอกไปเยอะเลย วาดภาพไปไม่รู้ตั้งกี่ภาพกว่าจะหลอมสร้างของที่เอาไว้ให้เจ้าปกป้องชีวิตได้ อาศัยแค่ของล้ำค่าชิ้นนี้ มอบค่ายกลแปดทิศให้เขาก็ไม่เสียเปรียบเลยสักนิด”

“อ้อ!” เหมียวอี้เกิดความสนใจขึ้นมาทันที “ของเล็กๆ แบบนี้ร้ายกาจจนต้านทานการโจมตีจากนักพรตบงกชรุ้งได้เลยเหรอ?”

ต้องทราบไว้ว่าต่อให้บนตัวเขาจะสวมเกราะรบผลึกแดง แต่ก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีจากนักพรตบงกชรุ้งได้ บางทีเกราะรบอาจจะไม่เป็นไร แต่กายเนื้อที่อยู่ในนั้นจะต้องถูกทำลายอยู่ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งแน่นอน

อวิ๋นจือชิวยิ้มตอบว่า “ถ้าใส่ของนี้ไว้บนตัวเจ้า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเจอการโจมตีจากยอดฝีมือจะสามารถปกป้องชีวิตได้ เม็ดกลมเล็กสิบหกเม็ดนี้สามารถปกป้องชีวิตเจ้าได้สิบหกครั้ง เดิมทีเขาอยากจะทำให้เจ้าหลายๆ เม็ดกว่านี้ แต่เขาพิจารณาแล้วว่าถ้าสิบหกเม็ดนี้ช่วยเจ้าต้านทานศัตรูไม่ไหว ต่อให้บนตัวเจ้ามีเยอะกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะของสิ่งนี้ก็มีข้อเสียของมันเหมือนกัน บวกกับเวลาไม่เพียงพอด้วย ถ้าหลอมสร้างต่อไปวัตถุดิบก็ไม่พอ ก็เลยหลอมสร้างให้เจ้าแค่สิบหกเม็ด เยารั่วเซียนตั้งชื่อให้มันแบบไม่ค่อยไพเราะเท่าไร มันชื่อว่า ‘ตีไม่พัง’!”

“ตีไม่พัง?” เหมียวอี้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วกล่าวด้วยตาเป็นประกายว่า “มาๆๆ ลองดูหน่อย ดูว่าจะตีไม่พังยังไง”

อวิ๋นจือชิวมองไปรอบๆ มองดูพื้นที่ว่างในห้องสมาธิ แล้วส่ายหน้าบอกว่า “คงไม่ดีถ้าจะใช้งานที่นี่ ไปหาที่ข้างนอกลองเถอะ”

“ได้!” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วทั้งสองก็ออกจากห้องสมาธิด้วยกัน เข้าสู้แม่น้ำใต้ดินผ่านทางใต้ดิน

ตอนที่ดำเข้ามาในแม่น้ำใต้ดิน อวิ๋นจือชิวก็พบว่าเหมียวอี้หันกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ จึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสียงถาม “ในน้ำดำมืดแบบนี้ เจ้ามองดูอะไรของเจ้า?”

“ไม่ได้ดูอะไร แค่ระวังตัวก็เท่านั้นเอง” เหมียวอี้พูดเอาตัวรอดไปอย่างนั้น ที่จริงทางร้านค้าสมาคมวีรชนก็มีเส้นทางที่ผ่านแม่น้ำใต้ดินเหมือนกัน เพียงแต่ปากทางเข้าอยู่ข้างหลัง เขาบังเอิญว่าจะเจอหวงฝู่จวินโหรวโผล่มาพอดี

เมื่อถึงร้านโฉมเมฆาแล้ว ทั้งสองก็ปลอมตัวออกมาพร้อมกัน หลังจากออกจากตลาดสวรรค์ ทั้งคู่ก็เหาะขึ้นฟ้าไปตามหาดาวเคราะห์ที่สงบเงียบลับตาคนในดาราจักรอันกว้างใหญ่ ยืนตรงข้ามกันจัดรูปแบบสถานการณ์เพื่อทดสอบของวิเศษ

“ดูให้ดีนะ!” อวิ๋นจือชิวเตือน พอพลิกมือ ก็จับเม็ดกลมเล็กสิบหกเม็ดที่เปล่งแสงอยู่ในฝ่ามือ พอนางเขย่าฝ่ามือ เม็ดกลมเล็กสิบหกเม็ดก็เปล่งแสงสีทองออกมาทันที แสดงรายละเอียดที่แฝงอยู่ในของวิเศษขั้นห้า มันลอยขึ้นมากลางอากาศ ภายใต้การร่ายอิทธิฤทธิ์ชี้นำของอวิ๋นจือชิว จู่ๆ มันก็กระจายออกไปแขวนอยู่บนเสื้อผ้าของอวิ๋นจือชิว ไปแขวนตรงด้านหน้าของหน้าอก แขนข้างซ้ายและขวา บนขาสองข้าง แขวนกลับด้านบนแผ่นหลัง ถึงขั้นแขวนอยู่บนปิ่นปักผมบนศีรษะด้วยเม็ดหนึ่ง ดูแล้วไม่สะดุดตาเท่าไรเลย ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็นึกว่าเป็นเครื่องประดับบนตัวนางเท่านั้น

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว นางก็เตือนอีกว่า “ตอนเข้าร่วมการทดสอบ เจ้าสามารถแขวนมันบนเกราะรบของเจ้าแบบนี้เพื่อเตรียมป้องกันไว้ทุกเมื่อ สามารถเก็บไว้ในกำไลเก็บสมบัติ แล้วค่อยนำออกมาตอนจะใช้ก็ได้เหมือนกัน”

เหมียวอี้ยังมองไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร แต่อวิ๋นจือชิวก็หัวเราะคิกคักพลางกวักมือเรียกเขาแล้ว “มาสิ! ปล่อยออกมาให้เต็มที่เลย โจมตีข้าให้เต็มที่เลย ดูว่าของวิเศษของข้าจะต้านทานไหวหรือเปล่า”

เหมียวอี้เหลือบมองเม็ดกลมเม็ดเล็กๆ บนตัวนาง แล้วกล่าวเหมือนกระตือรือร้นอยากจะลอง “ให้ข้าโจมตีเต็มที่จริงเหรอ? อย่าให้ตัวเจ้าบาดเจ็บเลย”

“พูดเหลวไหลอะไร ข้ามีของวิเศษปกป้องร่างกาย เจ้าแค่ลงมือก็พอ”

“ใช้มือเปล่า หรือใช้อาวุธดี?”

“ตามใจเจ้า ใช้อาวุธแล้วกัน!”

“ได้! ระวังตัวไว้นะ” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็โบกมือช้อนทวนเกล็ดย้อนขึ้นมา จากนั้นถลันตัวเข้าไป พุ่งทวนแทงออกไปหนึ่งครั้ง

พออวิ๋นจือชิวพลิกฝ่ามือร่ายอิทธิฤทธิ์ ลูกกลมเล็กเม็ดหนึ่งตรงหน้าอกก็กะพริบแสงสีแดงลอยขึ้นมาทันที แล้วจู่ๆ ก็กลายเป็นลูกกลมใหญ่สีแดงลูกหนึ่งบังตรงหน้านางไว้

บึ้ม! เสียงระเบิดดังสนั่น ทวนของเหมียวอี้โจมตีโดนลูกกลมโลหะสีแดง

หลังจากโจมตีโดนแล้วถึงได้ค้นพบทันทีว่า สิ่งที่เรียกว่าพลังป้องกันของสมบัติชิ้นนี้ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมสักเท่าไร โดนทวนของเขาโจมตีทีเดียวจนกลายเป็นหลุมเข้าไป

เขายังกังวลอยู่เลยว่าถ้าใช้แรงมากเกินไปจะทำให้อวิ๋นจือชิวที่อยู่ข้างหลังบาดเจ็บหรือเปล่า แต่ใครจะคิดว่าจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น นั่นก็คือโจมตีจนเป็นหลุมเข้าไปข้างในแต่ไม่ทะลุ อีกด้านหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกลับแตกออกและกระเด็นกลับมา เป็นการแตกออกและกางกลับหลัง ราวกับร่มที่โดนพายุฝนกระหน่ำโจมตีแล้วพลิกกลับหลังหักเข้ามา

เหมียวอี้นึกไม่ถึงว่าจะยังมีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อีก ทำเอาฉุกละหุกจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งตัวโดนพลิกครอบอยู่ในพื้นที่ว่างรูปทรงกลม

เมื่อลูกกลมนั้นโดนโจมตี ก็จะพลิกครอบเขาไว้ทันทีราวกับตอบสนองตามเงื่อนไข เหมียวอี้ถือทวนอยู่ในพื้นที่ว่างที่มีขนาดเท่าห้องเล็กๆ พลางเหลียวซ้ายแลขวา พอไม่รู้สึกถึงการโจมตีอะไร เขาก็โบกทวนโจมตีทันที เกิดเสียงดังปั้ง ลูกกลมที่ห่อคลุมตัวเองอยู่เด้งกลับออกไปอีกครั้ง

เขาได้อิสระกลับมาอีกครั้ง ลูกกลมนั้นกลับสู่สภาพเดิมตอนก่อนจะโจมตีครั้งแรก ขณะกำลังจะลงมือกับอวิ๋นจือชิวอีก อวิ๋นจือชิวก็ยกมือส่งสัญญาณให้เขาหยุด แล้วยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์ ของชิ้นนี้เป็นยังไงบ้าง?”

เหมียวอี้เก็บทวน แล้วมองลูกกลมขนาดใหญ่ พร้อมขมวดคิ้วบอกว่า “ก็ไม่เท่าไร ต้านทานการโจมตีได้แค่ครั้งเดียว มองไม่ออกว่ามีประโยชน์อะไร”

อวิ๋นจือชิวหลุดขำออกมา “อุตส่าห์ออมมือให้เจ้า เจ้ายังไม่รู้จักแยกแยะอีก เจ้ารู้รึเปล่าว่าถ้าเมื่อครู่นี้ข้าร่ายอิทธิฤทธิ์ปิดผนึกมันเอาไว้ ตอนนี้เจ้าคงโดนขังอยู่ในนั้นออกมาไม่ได้หรอก นอกเสียจากวรยุทธ์เจ้าจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นทำลายเกราะรบผลึกแดงได้”

เหมียวอี้ได้ยินแล้วตกใจ “เจ้าหมายความว่า เมื่อครู่นี้หลังจากเจ้าห่อข้าแล้ว ยังปิดตายขังข้าได้ด้วยเหรอ?”

อวิ๋นจือชิวพยักหน้า “นี่ก็คือจุดที่มหัศจรรย์ของมัน ยิ่งวรยุทธ์สูง การโจมตีก็ยิ่งรุนแรง กระตุ้นให้การอาศัยแรงกางกลับของมันเร็วยิ่งขึ้น บวกกับแรงเฉื่อยของร่างกายผู้โจมตี ถ้าไม่รู้สถานการณ์แล้วลืมป้องกัน เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือมันขึ้นมา จะต้องเสียเปรียบและโดนห่อไว้แน่นอน เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว จุดที่มหัศจรรย์ที่สุดของมันก็คือสมรรถนะการอาศัยแรงผ่อนแรง ต่อให้อานุภาพการโจมตีจะแรงกว่านี้ แต่ก็ยากที่จะทำให้มันพังเสียหายได้”

ขณะที่พูดนางก็ชกหมัดไปบนลูกกลม ทำให้ลูกกลมหักกลับทันที ชั่วพริบตาเดียวก็ครอบห่อทั้งสองเข้าไว้ในลูกกลม เมื่ออวิ๋นจือชิวร่ายอิทธิฤทธิ์เล็กน้อย รอบข้างก็มีเสียงแกร๊กเบาๆ “ตอนนี้ข้าปิดตายมันแล้ว ถ้าคนที่โดนขังอยู่ข้างในอยากจะออกไปให้ได้ภายในเวลาอันสั้น ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน นอกเสียจากจะคิดหาทางทำให้มันพังได้ หรือไม่ก็เจอกับคนที่วรยุทธ์สูงล้ำลึกจริงๆ แต่ถ้าเป็นคนที่วรยุทธ์สูงเกินไป ของวิเศษชิ้นนี้ก็ขังอีกฝ่ายไว้ไม่ได้เช่นกัน”

ปั้งๆๆ! นางควบคุมแรงชกออกไปอีกสามหมัด แต่ลูกกลมที่ขังทั้งสองไว้ก็เปิดไม่ออกจริงๆ “ถ้าเห็นว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ไม่มีที่ให้หลบแล้วจริงๆ ก็สามารถเข้าไปหลบข้างในเพื่อถ่วงเวลาได้”

จากนั้นก็ร่ายอิทธิฤทธิ์คลายผนึกทันที ปั้ง! พอชกไปอีกหนึ่งหมัด ลูกกลมก็ระเบิดแผ่ไปข้างหลังกลายเป็นลูกกลมอีกครั้ง ปล่อยทั้งสองออกมาแล้ว

อวิ๋นจือชิวชี้ลูกกลมพร้อมอธิบายว่า “เมื่อครู่ตอนที่พวกเรารวมการโจมตีไปที่จุดเดียว มันก็จะหักกลับ แต่ถ้ามันโดนโจมตีเป็นบริเวณกว้าง มันก็จะคว่ำตามพลังโจมตี จะปกป้องคนที่หลบอยู่ข้างหลังเอาไว้ เดี๋ยวพอข้าทดลองให้เจ้าดู เจ้าก็จะเข้าใจแล้ว”

พูดจบก็ลอยออกไปอยู่ไกลๆ แล้วจู่ๆ ก็บิดตัวฟาดฝ่ามือออกมาหนึ่งครั้ง

ปั้ง! ด้านหน้าของลูกกลมที่โดนโจมตีราวกับโดนกดให้แบนในทันที

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างลูกกลมมองเห็นความเปลี่ยนแปลงทางด้านหน้าและด้านหลังของลูกกลมทุกอย่าง ทำให้เข้าใจหลักการของมันทันที

ด้านหน้าของลูกกลมโดนโจมตีทั้งแถบ จึงถูกผลักไปข้างหลังราวกับถูกกดให้แบนลีบ ส่วนพื้นผิวด้านหลังที่ยังไม่โดนโจมตีกลับไม่ขยับเลย ทั้งตัวลูกกลมแทบจะโดนกดจนแบนราบ จากนั้นก็งอโค้งกลายเป็นรูปชามตามพลังโจมตีที่ได้รับ ตอนนี้พื้นผิวที่โดนโจมตีถึงได้แตกออกแล้วไหลไปข้างหลังเหมือนสัตว์ลอกคราบ สุดท้ายก็พลิกกลับหลังไปปิดช่องโหว่จนกลายเป็นลูกกลมอีกครั้ง

ไม่ใช่การกางออกทั้งแถบแล้วพลิกคว่ำกลับหลังแบบก่อนหน้านี้ แต่เป็นการพลิกเข้ามาเหมือนตอนถอดถุงเท้า ลูกกลมราวกับถูกแรงโจมตีรอบดันบีบอัดให้ลอกคราบ

เหมียวอี้ย่อมจินตนาการออก ว่าคนที่หลบอยู่ข้างหลังลูกกลมจะต้องถูกลูกกลมครอบเอาไว้แน่ ก็เท่ากับปกป้องเอาไว้แล้วเช่นกัน ทั้งยังสามารถต้านทานการโจมตีระลอกที่สองให้ผู้ถูกปกป้องได้ด้วย

อวิ๋นจือชิวถลันตัวเข้ามาถาม “เห็นชัดเจนแล้วใช่มั้ย?”

เหมียวอี้พยักหน้า แล้วเดาะลิ้นชม “ตาแก่เยาช่างก่อความวุ่นวายเก่งจริงๆ ขนาดของวิเศษแบบนี้ยังหลอมสร้างออกมาได้ ของสิ่งนี้ยังสามารถทนรับแรงโจมตีได้มากขนาดไหนกัน?”

อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ ถึงอย่างไรเยารั่วเซียนก็บอกแล้วว่าของสิ่งนี้แสดงสมรรถนะการอาศัยแรงเพื่อผ่อนแรงได้อย่างสุดยอด เจ้าไม่เห็นเหรอว่าตอนที่เราโจมตีมัน มันก็แทบจะอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหนเลย? ตอนที่มันพลิกออกก็แทบจะสลายพลังโจมตีส่วนใหญ่ออกไปหมด เยารั่วเซียนบอกว่าถ้าโดนโจมตีเกินความสามารถที่มันจะรับไหว มันก็จะพลิกกลับหน้ากลับหลังซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าพลังโจมตีที่ได้รับสลายไปมันถึงจะหยุด คนที่ควบคุมมันแทบจะไม่โดนพลังโจมตีใดๆ เลย อย่างน้อยก็ช่วยเจ้าต้านทานการโจมตีหนึ่งครั้งได้อย่างเต็มร้อย เยารั่วเซียนคาดว่าต่อให้เจอนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ เจ้าแค่อย่าทำให้ข้างหลังมีจุดรับแรงตอนที่ของวิเศษชิ้นนี้โดนโจมตีก็พอ หรือไม่ก็อย่าให้อีกฝ่ายจับตัวเจ้ามาโจมตีได้ คาดว่านักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพก็อาจจะทำลายมันไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน นี่ก็เป็นสาเหตุที่เยารั่วเซียนตั้งชื่อให้มันว่า ‘ตีไม่พัง’ !”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset