พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1211 กฎระเบียบในครอบครัว

เมื่อเขากล่าวแบบนี้ ทุกคนก็ย่อมประหลาดใจสุดขีด

“หนิวโหย่วเต๋อใจกล้าขนาดนี้ได้ยังไง รู้ถึงผลที่ตามมาจากการฆ่านายน้อยจารึเปล่า?” เถียนเฟิงฮ่าวถามอย่างทำใจเชื่อได้ยาก

โจวหรานกล่าวว่า “เจ้าบ้านั่นจะให้เหตุผลปกติมาอ้างอิงได้ยังไง ศีรษะหลายพันใบที่โดนตัดอยู่นอกจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกยังอธิบายปัญหาไม่ได้อีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เขาโดนกดดันเป็นสุนัขกระโดดกำแพงแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าทำอีก”

เถียนเฟิงฮ่าวยังไม่ทันได้ถามอะไรมาก หวงฝู่จวินโหรวก็แย่งถามต่อด้วยท่าทางสุดร้อนใจแล้ว “หัวหน้าสมาคมโจว ท่านบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อคนเดียวโจมตีกำลังพลห้าหมื่นจนแตกพ่ายเหรอ?”

“นั่นน่ะสิ! จะเป็นไปได้ยังไง” เถียนเฟิงฮ่าวกล่าว

ทุกคนทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“เป็นไปได้ยังไงน่ะเหรอ? ยังมีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่านั้นอีก” โจวหรานถอนหายใจเบาๆ “ตีทัพห้าหมื่นแตกยังไม่เท่าไรหรอก ความโหดยังอยู่ตอนหลัง ซูลี่ที่พวกเราเอามาคุยเล่นเป็นเรื่องตลกกันก่อนหน้านี้ พวกเจ้าเดาสิว่าเป็นยังไง? เพื่อที่จะกำจัดสิ่งสกปรกในบ้านตัวเอง หนิวโหย่วเต๋อบุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้าน เอาชีวิตเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนล้วงกระเป๋าหยิบของ ฆ่าซูลี่ทิ้งแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อีกเก้าคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวตกใจจนหนีหัวซุกหัวซุน”

ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก เถียนเฟิงฮ่าวบอกว่า”หนิวโหย่วเต๋อกำเริบเสิบสานขนาดนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าในทัพใหญ่หนึ่งล้านที่เข้าร่วมการทดสอบไม่มีใครออกหน้าจัดการเขา?”

โจวหรานตอบว่า “ก็มีคนอยากจะจัดการอยู่หรอกนะ แต่ที่สำคัญคือไม่มีใครจัดการไหว เขาลุยเดี่ยวโจมตีเข้าๆ ออกๆ อยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ราวกับเข้าไปในที่ที่ไม่มีคน ไม่มีใครขัดขวางได้ ท้าทายทัพใหญ่หนึ่งล้านเพียงลำพัง โบกทวนตะโกนถามว่ามีใครจะกล้าสู้กับเขา จ้านหรูอี้อันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งของการทดสอบครั้งก่อนไม่ยอมแพ้และรับคำท้า ปรากฏว่าสู้หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ แค่ประมือกันท่าเดียวก็โดนหนิวโหย่วเต๋อโจมตีจนหายใจรวยรินเกือบตาย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกน้องชิงแย่งตัวหนีไปก่อน จ้านหรูอี้จะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็ทิ้งคำพูดเอาไว้แล้วเดินจากไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร องอาจห้าวหาญไร้ที่เปรียบ!”

เมื่อได้ยินโจวหรานพูดแบบนี้ คาดว่าโจวหรานก็คงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาหลอกลวงพวกเขาเช่นกัน ทุกคนได้ยินแล้วสูดหายใจอย่างตกตะลึง คำพูดแดกดันถากถางที่ตลาดสวรรค์มีต่อหนิวโหย่วเต๋อ บวกกับควาสมงบเสงี่ยมของของหนิวโหย่วเต๋อในหลายปีมานี้ ทำให้ทุกคนแทบจะลืมไปแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อเคยเป็นผู้กล้าที่ได้อันดับหนึ่งมาก่อน ต่อให้จะรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อห้าวหาญมีพลัง แต่ก็นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะห้าวถึงขั้นนี้ สามารถลุยเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ถ้านี่คือเรื่องจริง ก็นับว่าองอาจห้าวหาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้

อวี้ซวีเจินเหรินที่นั่งอยู่ตรงนั้นงุนงงประหลาดใจ ทำสีหน้าเหมือนเชื่อได้ยาก เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะรับหนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกศิษย์ในปีนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ

ส่วนหวงฝู่จวินโหรวที่เปลี่ยนเป็นเงียบงันก็รู้สึกปลายปลื้มในใจอย่างบอกไม่ถูก มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่หวังให้ผู้ชายของตัวเองเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่นแห่งยุค?

ถึงแม้ภูมิหลังของนางจะทำให้นางไม่กล้าประกาศถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเหมียวอี้ แต่นางก็ถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้ตั้งนานแล้ว และเห็นเหมียวอี้เป็นผู้ชายของตัวเองด้วย เท่าที่นางรู้ในตอนนี้ นางกับเหมียวอี้คือหนึ่งเดียวของกันและกัน ในใจนางถนอมและเห็นคุณค่าความสัมพันธ์แบบหลบซ่อนนี้มาก ถึงแม้เหมียวอี้มักจะปฏิบัติต่อนางแบบห่างเหินก็ไม่ใช่ ใกล้ชิดก็ไม่เชิง ถึงขั้นหลอกลวงนางเหมือนเป็นเรื่องเด็กเล่นด้วยซ้ำ แต่ความเร้าใจนี้ก็ทำให้นางรู้สึกถึงอกถึงใจเหมือนจะเป็นจะตาย ทำให้ชีวิตการฝึกตนที่เชื่องช้าของนางไม่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป นางเฝ้าคอยมากว่าวันหนึ่งจะมีเงื่อนไขปัจจัยเหมาะสมจนนางกับเหมียวอี้สามารถบรรลุเป้าหมายได้

หลังจากเหมียวอี้หลอกนางแล้วแอบไปเข้าร่วมการทดสอบในนรก คนนอกก็ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของนางได้ นางทั้งวิตกกังวลทั้งโกรธแค้น แต่ตอนนี้พอได้รู้ว่าเหมียวอี้ผ่านด่านที่อันตรายที่สุดของการทดสอบไปได้อย่างราบรื่น ในใจก็ปลาบปลื้มจนอธิบายไม่ถูก ความกังวลกลัดกลุ้มที่อยู่ในใจก็ถูกกวาดหายไปหมด

สำหรับนางแล้ว เหมียวอี้มักสร้างความเร้าใจให้นางแบบไม่ซ้ำเดิมเสมอ

หลังจากทุกคนเงียบงันพูดไม่ออกไปสักพัก จู่ๆ โจวหรานก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านสั่นคลอนแล้ว ตอนที่ทัพใหญ่รวมตัวกันไม่มีใครกล้าสู้กับขา ตอนหลังก็คงจะไม่มีใครไปหาเรื่องเขาแล้ว เกรงว่าทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้ดีในกรณีที่เขารอดชีวิตกลับมา”

“ยังนึกว่าหัวหน้าสมาคมโจวจะกังวลอะไร ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง” ผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนกล่าวกลั้วหัวเราะ

“จะไม่กังวลได้ยังไง ข้าแอบขัดคำสั่ง ตั้งกฎของสมาคมร้านค้าแยกออกมาลับหลังเขา กลัวก็แต่เขาจะรอดชีวิตกลับมาแล้วมาคิดบัญชีกับพวกเราย้อนหลัง” โจวหรานกล่าว

หูอวี้หยวนส่ายหน้า “พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกหรอก การทดสอบที่นรกเพิ่งจะเริ่มต้น นอกเสียจากเขาจะอวดดีช่วงชิงอันดับดีๆ ในการทดสอบได้ แบบนั้นถึงจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ไว้ได้ แต่นรกคือสถานที่ที่จะไปอวดดีได้เหรอ? ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าเขาทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านหวาดกลัวได้ยังไง แต่นรกไม่ใช่ที่ที่จะไปโอหังอวดดีได้แน่นอน ยิ่งเขาอวดดีก็จะยิ่งตายไว ดังนั้นข้าก็หวังว่าเขาจะอวดดีนะ ในทางกลับกัน ถ้าเขาหลบอยู่ในนรกเพื่อปกป้องตัวเอง กลับมาโดยไม่มีผลงานอะไร มีหรือที่จะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้? ตราบใดที่เขารักษาตำแหน่งอำนาจไว้ในมือไม่ได้ ต่อให้รอดชีวิตกลับมาได้ก็ยังตายสถานเดียว ยังกลัวจะไม่มีโอกาสเล่นงานเขาให้ตายอีกเหรอ? มิหนำซ้ำการทดสอบหนึ่งร้อยปีก็เพิ่งเริ่มต้น วันหลังยังอีกยาวไกล ทุกคนต้องตื่นตกใจไปเองด้วยเหรอ?”

“พูดถูก!”

“ใช่เลย!”

ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ชั่วขณะนั้นทุกคนรู้สึกผ่อนคลายอีกครั้ง แต่หวงฝู่จวินโหรวกับอวี้ซวีเจินเหรินรู้สึกจิตตกนิดหน่อย โดยเฉพาะหวงฝู่จวินโหรว ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดด้วยภูมิหลัง นางก็อยากจะเล่นงานเจ้าพวกเวรนี่นั่งอยู่ตรงนี้ให้ตายจริงๆ

“ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ก็เถอะ ทุกคนยังต้องพยายามติดต่อกับคนที่ทดสอบในนรกผ่านเครือข่ายของตัวเอง พยายามสังเกตทิศทางการเคลื่อนไหวของเจ้าเวรนั่น ถ้าเจ้านั่นสามารถรอดชีวิตกลับมาได้จริงๆ พวกเราจะได้เตรียมตัวได้สะดวก” โจวหรานกำชับทุกคน

ทุกคนพากันตอบรับ หลังจากประชุมเสร็จ ก็ยังไม่มีธุระเรื่องอื่น หลังจากแยกย้ายกันแล้วก็รีบกลับไปสืบเรื่องโจวหรานบอกว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ทัพใหญ่หนึ่งล้านต้านทานหนิวโหย่วเต๋อคนเดียวไม่ไหวได้ ไม่ใช่เพราะกังวลว่าโจวหรานจะหลอกพวกเขา เพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไปหน่อย…

ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เป็นเพราะคนที่เข้าร่วมการทดสอบมีเยอะเกินไป ทั้งยังมีระฆังดาราสำหรับติดต่อกันทางไกล มีบางคนได้ข่าวมาบ้างไม่มากก็น้อย หลังจากนั้นหนึ่งวัน เรื่องการทดสอบในนรกก็ค่อยๆ แพร่ไปที่ตลาดสวรรค์ ราวกับโยนหินลงน้ำแล้วเกิดระลอกคลื่นนับพัน

“…นายท่านฆ่าจาเหรินจวิ้นตายภายในทวนดียว จากนั้นอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวตีกองทัพห้าหมื่นแตกพ่าย…หลังจากฆ่าต่งอิ้งเกาตายตอนตั้งทัพประจันหน้ากัน ก็บุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้าน แล้วเลี้ยวสังหารกลับมาอีก ปลิดชีพซูลี่ท่ามกลางทัพใหญ่หนึ่งล้าน…จ้านหรูอี้ อันดับหนึ่งของการทดสอบครั้งก่อนนำทัพต่อสู้ แต่โดนนายท่านโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส บุกสังหารกำลังพลหลายแสนก็แพ้ยับเยินเช่นกัน…นายท่านองอาจห้าวหาญ ถือทวนบุกเดี่ยวฝ่าเข้าฝ่าออกอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ฆ่าตายไปหลายพันคนด้วยกำลังของตัวเองคนเดียว พูดทิ้งท้ายว่า ‘พวกหนูต่ำต้อย หนิวอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอับอาย’ แล้วจากไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร…”

ที่ร้านโฉมเมฆา ช่างไม้กับช่างหินที่ไปสืบข่าวมาจากข้างนอกเรียกได้ว่าผลัดกันเล่าอย่างตื่นเต้นไม่หยุด เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเข้าสนามทดสอบอย่างละเอียด สำหรับความห้าวหาญองอาจของเหมียวอี้ ทั้งสองรู้สึกตกตะลึงจริงๆ ถึงขั้นปลาบปลื้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อติดตามอยู่กับคนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็มีความมั่นใจในอนาคตทั้งนั้น

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ฟังจนสีหน้าสดชื่นร่าเริง สำหรับหญิงรับใช้ทั้งสอง ตั้งแต่อยู่กับเหมียวอี้มา นายท่านอย่างเหมียวอี้ก็ไม่เคยทำให้พวกนางผิดหวังเลย ในสายตาพวกนาง ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เหมียวอี้ลำบากได้ เพียงแต่ความสง่างามยามเหมียวอี้ควบสัตว์พาหนะบุกเดี่ยวเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้านก็ยังทำให้ทั้งสอง神往ไม่หยุด ดวงตาแวววาวเป็นพิเศษ ดีใจจนออกนอกหน้า บรรยายอารมณ์ตื่นเต้นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

กลับเป็นอวิ๋นจือชิวที่นั่งสงบเยือกเย็นอยู่ในศาลา หลังจากฟังจบก็แค่ยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า “รู้แล้ว พวกเจ้าไปสืบข่าวต่อ ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายท่านก็ให้มารายงานทันที”

“รับทราบ!” ช่างไม้กับช่างหินกล่าวขอตัว

ในศาลา อวิ๋นจือชิวติดไข่มุกและหยกที่มวยผม สวมชุดกระโปรงสีเขียวคราม กำลังนั่งจ้องบ่อน้ำนอกศาลาที่โดนลมพัดจนเป็นระลอกคลื่นอย่างเงียบๆ เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์สบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมฮูหยินได้ยินข่าวแล้วไม่ทำท่าทางดีใจเลยสักนิด นายท่านต่อสู้ชนะไม่ควรค่าแก่ความดีใจเหรอ?

ผ่านไปไม่นาน ระฆังดาราในกำไลเก็บสมบัติของอวินจือชิวก็สั่น พอได้ติดต่อกัน ถึงได้รู้ว่าจีเหม่ยลี่และพวกอนุภรรยามาถึงด้วยกันผ่านทางใต้ดินแล้ว ขอให้อวิ๋นจือชิวเปิดค่ายกลป้องกันของร้านโฉมเมฆาเพื่อปล่อยพวกนางเข้ามา

ไม่ต้องถามเลย อวิ๋นจือชิวรู้ว่าพวกนางมาเพราะเรื่องเหมียวอี้ ข่าวแพร่ไปที่ตลาดสวรรค์แล้ว ไม่มีเหตุผลที่พวกนางจะไม่ได้ยินข่าว

พอเปิดค่ายกลป้องกัน สองพี่น้องหลางหลางหวนหวน ฉินเวยเวย จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวและฝ่าอินก็เข้ามาด้วยกัน มาเข้ามาในศาลาก็ย่อตัวคำนับพร้อมกัน “ฮูหยิน!”

“อืม!” อวิ๋นจือชิวลุกขึ้น “ที่นี่ไม่สะดวกจะให้พวกเรารวมกลุ่มคุยกัน ไปชัยภูมิถ้ำสวรรค์เถอะ”

จากนั้นก็นำพวกนางขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ก่อนจะเข้าประตู อวิ๋นจือชิวก็หันกลับมาบุ้ยปากไปทางห้องข้างๆ “เสวี่ยเอ๋อร์ ไปเรียกหงเฉินมา”

“เจ้าค่ะ!” เสวี่ยเอ๋อร์เอย่รับคำสั่งแล้วออกไป

ผ่านไปไม่นาน ในศาลายาวที่สร้างใหม่หลังจากโดนเฮยทั่นถล่ม อวิ๋นจือชิวนั่งลงที่หัวโต๊ะ แล้วยื่นมือไปทางซ้ายและขวา เชิญให้ทุกคนนั่งลงคุยกัน นอกจากนางที่นั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งหลัก จีเหม่ยลี่และคนอื่นๆ ก็แยกกันนั่งตรงม้านั่งยาวที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวา

รอจนกระทั่งเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์นำน้ำชามาวางให้บรรดาหรูฮูหยิน อวิ๋นจือชิวถึงได้ถามว่า “น้องๆมาด้วยกันแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ?”

พวกนางมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ส่งสายตาบอกใบ้กัน คนนี้บอกให้คนนั้นพูด ก็นั้นก็บอกให้คนนี้พูด

เมื่อเห็นพวกนางลังเล อวิ๋นจือชิวก็จ้องฉินเวยเวยก่อน ถามว่า “เวยเวย หงเหมียน ลู่หลิ่วบาดเจ็บไม่เป็นไรมากใช่มั้ย?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉินเวยเวยก็มองเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่ทำหน้านิ่งอยู่ข้างหลังอวิ๋นจือชิวอย่างอับอายนิดหน่อย แล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงค่ะ เป็นข้าเองที่อบรมไม่ดี เดี๋ยวกลับไปจะอบรมให้เข้มงวดขึ้นแน่นอน”

สาเหตุที่ถามตอบกันแบบนี้ ก็เป็นเพราะหงเหมียน ลู่หลิ่วอาศัยว่าตัวเองได้นอนร่วมห้องกับเหมียวอี้ กลายเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้แล้ว นอกจากจะเมินเฉยไม่เคารพฝ่าอิน พวกนางยังเห็นฝ่าอินมีประสีประสาโลก แอบบอกให้ฝ่าอินแอบคบชู้ ตอนแรกอวิ๋นจือชิวก็อึ้งกับคำพูดนอกลู่นอกทางของฝ่าอินเหมือนกัน ตอนหลังแปลกใจว่าฝ่าอินเอาคำพูดเหลวไหลไร้สาระพวกนี้มาจากไหน ไม่มีเหตุผลที่จะมีคนเอ่ยเรื่องแบบนี้ขึ้นมาต่อหน้าผู้หญิงส่งเดช จึงแอบสั่งให้พนักงานที่จับยัดเข้าไปในร้านค้าของฉินเวยเวยสืบ ตอนยังไม่สืบก็ยังไม่รู้ พอสืบแล้วถึงได้พบว่าเป็นแผนของหงเหมียนกับลู่หลิ่ว

อวิ๋นจือชิวเดือดดาลมาก ตัวเองเป็นคนดูแลเรื่องในบ้าน มีหรือที่จะยอมให้เรื่องสกปรกโสมมเกิดขึ้น ถ้าปล่อยไปโดยไม่สนใจ ก็อาจจะทำให้คนสงสัยว่านายหญิงอย่างนางมีความคิดสกปรกอะไรหรือเปล่า เดิมทีนางคิดจะลงโทษหงเหมียน ลู่หลิ่วด้วยตัวเอง ถึงขั้นจะเอาผิดฉินเวยเวยด้วยซ้ำ แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุผลหลายๆ ด้านแล้ว นางก็ไม่ได้ออกหน้าด้วยตัวเอง

ดังนั้นเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์จึงออกหน้าไปถามเอง เมื่อสองคนนี้ออกหน้า แม้แต่ฉินเวยเวยก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ อย่าว่าแต่ฉินเวยเวยเลย แม้แต่อวิ๋นจือชิวเองถ้าไม่มีเหตุผลมากพอก็ไม่กล้าไปแตะต้องเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ง่ายๆ เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางแก้ตัวกับเหมียวอี้ได้

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนยุยงให้อนุภรรยาของนายท่านไปมีชู้และสวมเขานายท่าน แบบนี้ไม่แย่หรอกเหรอ เชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์ก็โมโหเหมือนกัน เรียกได้ว่าใช้กฎระเบียบในครอบครัวโดยตรงต่อหน้าฉินเวยเวย ตัดขาหงเหมียนกับลู่หลิ่ว ไม่ไว้หน้าฉินเวยเวยเลยสักนิด ตอนหลังหยางชิ่งให้ฉินเวยเวยพาหงเหมียนกับลู่หลิ่วไปคุกเข่าตบปากต่อหน้าอวิ๋นจือชิว จนกระทั่งอวิ๋นจือชิวเอ่ยปากว่าไม่เป็นไร เรื่องนี้ถึงได้นับว่าผ่านไปแล้ว

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset