พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1216 เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น

“เก็บตัวฝึกตนเหรอ?” มู่ฝานจวินแสดงออกว่าไม่เชื่อ “เจ้ามาเข้าร่วมการทดสอบ ถ้าได้คะแนนไม่ดี เจ้าไม่กลัวว่าจะรักษาอำนาจตำแหน่งของตำหนักสวรรค์ไว้ไม่ได้เหรอ?”

“ไม่รีบหรอก” เหมียวอี้พูดทิ้งท้ายแล้วหันตัวเดินออกไป กลับเข้ามาในห้องถ้ำแล้ว

เขาไม่ได้พูดโกหก เขาต้องการจะเก็บตัวฝึกตนจริงๆ ถึงอย่างไรเวลาทดสอบหนึ่งร้อยปีก็ยาวนาน รอให้ตัวเองวรยุทธ์สูงถึงระดับบงกชทองขั้นห้า หลังจากมีความสามารถในการปกป้องตัวเองเพิ่มขึ้นแล้ว ค่อยบุกนรกอีกทีก็ยังมีความั่นใจมากขึ้นหน่อย

ห้าปราชญ์ยังนึกว่าเหมียวอี้กำลังพูดเล่น หลังจากรอไปได้สักระยะ พบว่าเหมียวอี้จะเริ่มเก็บตัวฝึกตนจริงๆ ก็เรียกได้ว่าคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ไม่หยุด

แม่ยายจอมเอาเปรียบอย่างอันหรูอวี้นับว่าทำหน้าที่ได้ดีมาก พยายามดูแลเรื่องที่อยู่และอาหารการกินให้เหมียวอี้อย่างสุดความสามารถ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือจิตใจของพ่อแม่ในโลกนี้ข่างน่าสงสาร นางทำแบบนี้ก็เพราะคำนึงถึงลูกสาวทั้งสองของตัวเอง

ส่วนทางด้านร้านโฉมเมฆา อวิ๋นจือชิวคงการติดต่อกับเหมียวอี้ไว้ตลอด หลังจากได้ยินว่าภายในสี่สิบปีนี้เหมียวอี้จะหลบฝึกตนอยู่ในนรก ไม่คิดจะให้เกิดการปะทะใดๆ อวิ๋นจือชิวก็นับว่าโล่งใจแล้ว ตราบใดที่หาที่ดีๆ หลบและไม่โผล่หน้าออกมา อย่างน้อยภายในสี่สิบปีนี้เหมียวอี้ก็ค่อนข้างปลอดภัย

เมื่อได้รู้ว่าเหมียวอี้สบายดีและอยู่ด้วยกันกับพวกจีฮวน พวกจีเหม่ยลี่ก็นับว่าวางใจลงชั่วคราวเช่นกัน

ถึงแม้เหมียวอี้จะไม่ได้บอกฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเอง แต่ก็ยังคงการติดต่อกับทั้งสามไว้ตลอด สำหรับทั้งสาม ขอเพียงได้รู้ว่าเหมียวอี้ปลอดภัย ทั้งสามก็จะไม่ทำอะไรซี้ซั้วเป็นการชั่วคราว เป็นเพราะเหมียวอี้คนเดียวเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนเยอะเกินไป

กลับเป็นคนพวกนั้นที่สมาคมร้านค้าของตำหนักสวรรค์ คอยเปลี่ยนวิธีการหาทางสืบข่าวจากสี่เขตเมืองอยู่ตลอด อยากจะแน่ใจความเป็นความตายของเหมียวอี้ พวกฝูชิงก็บอกไปว่าติดต่อไม่ได้เลย

ส่วนมู่หรงซิงหัวก็ติดต่อไม่ได้จริงๆ อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่หวงฝู่จวินโหรวกับปี้เยว่ฮูหยินก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน

พอหลุดจากการควบคุมไปแล้ว เหมียวอี้ก็ไม่ยอมให้ใครมาบงการง่ายๆ อีก

“ติดต่อไม่ได้ หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ?”

ในจวนของท่านโหวเทียนหยวน เมื่อเห็นปี้เยว่ฮูหยินใช้ระฆังดาราติดต่อเหมียวอี้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ท่านโหวเทียนหยวนที่อยู่ในห้องโถงก็พึมพำพลางเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา

ปี้เยว่ฮูหยินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกันเก็บระฆังดารา แล้วกลอกตามองเขาพร้อมบอกว่า “เป็นฝีมือเจ้าไม่ใช่รึไงล่ะ เจ้าหวังจะให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะมาเป็นห่วงทำไม”

“เฮ้อ! ตอนแรกใครจะไปรู้ล่ะ ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นทหารเสือที่ห้าวหาญเชี่ยวชาญการรบขนาดนี้ จะให้ไปเป็นเทพแห่งผืนดินหรือผีหลักเมืองแล้วทุ่มทรัพยากรเลี้ยงสักหนึ่งหมื่นปีจะเป็นไรไป การส่งถ่านให้ยามหิมะตกก็คือเวลาที่จะได้ซื้อใจลูกน้องคนสนิท น่าเสียดายแล้ว” เทียนหยวนส่ายหน้าถอนหายใจไม่หยุด

“หึหึ…” ปี้เยว่ฮูหยินหันหน้าแสยะหัวเราะไม่หยุด

คนที่เสียใจที่สุดควรเป็นนางสิ พอนึกถึงความห้าวหาญที่เหมียวอี้สังหารฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน นางก็นึกเสียใจทีหลังแทบแย่ เดิมทีเป็นลูกน้องคนโปรดของตัวเอง แต่ตัวเองกลับทำหายไปแล้ว

นางกลอกตามองเทียนหยวน ต้องโทษเจ้าผีบ้านี่ที่ออกความคิดซี้ซั้ว คราวหลังถ้ามีเรื่องอะไรตัวเองต้องออกความคิดเองซะแล้ว…

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีก ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสี่สิบห้าปี

ในห้องถ้ำ ภายใต้การฝึกตน บนรอยนูนสีแดงตรงหว่างคิ้วที่ปรากฏดอกบัวสีทองสี่กลีบมาตลอดเบ่งบานออกมาอีกหนึ่งกลีบ กลายเป็นวรยุทธ์บงกชทองขั้นห้าแล้ว

เหมียวอี้ที่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านพลิกมือสองข้างเก็บยาเม็ดโลหิต พอโบกมือหนึ่งครั้ง เกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนที่เหมือนไข่มุกก็ครอบร่างกายตัวเองไว้ ยาแก่นเซียนหลายร้อยเม็ดลอยอยู่ในนั้น ยาแก่นเซียนที่ระเบิดกลายเป็นพลังจิตวิญญาณที่เข้มข้นเหมือนนมวัวทันที

หลังจากนั้นหนึ่งวัน หลังจากเก็บเกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนและยาแก่นเซียนที่เหลือแล้ว เหมียวอี้ก็ลืมตาและส่ายหน้าเบาๆ ความเร็วในการกลั่นกรองยาแก่นเซียนเพิ่มขึ้นอีกสามสิบเม็ด ในแต่ละวันจะกลั่นกรองได้สามร้อยยี่สิบเม็ด หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าอยากจะให้วรยุทธ์บรรลุถึงระดับบงกชทองขั้นหก ก็ต้องใช้เวลาอีกสองร้อยสามสิบปี

สำหรับนักพรตคนอื่นๆ ความเร็วแบบนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่สำหรับเขาที่คุ้นชินกับพัฒนาการที่รวดเร็ว ความเร็วแบบนี้ถือว่าช้าเกินไป!

เมื่อออกจากห้องถ้ำ เหมียวอี้ก็มองดูเฮยทั่นที่นอนหมอบงีบอยู่ตรงปากถ้ำ แล้วหยิบแผนที่ดาวออกมาายอิทธิฤทธิ์อ่านดูจุดซ่อนสมบัติ

นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เขามาที่นี่ ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้เก็บสมบัติไป นรกถูกปิดไว้ตลอด ในภายหลังถ้าอยากจะเข้ามาอีกก็ยากแล้ว และถ้าไม่ได้สมบัติฉบับนี้ อิงจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เกรงว่าคงต้องเลิกคิดที่จะหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ตอนหลัง เหล่าไป๋นั่นใช้วิธีการซ่อนสมบัติแบบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทำให้เจ้าไม่มีทางตัดใจทิ้งลง ทั้งยังไม่มีทางได้มาง่ายๆ ด้วย ทรมานคนใช้ได้เลย

สำหรับตำหนักสวรรค์และคนส่วนใหญ่ แดนอเวจีแทบจะเป็นสถานที่ว่างเปล่าที่ไม่มีใครรู้จัก โชคดีที่ในปีนั้นหกมหาราชันของพิภพใหญ่เคยดูแลที่นี่ อย่างน้อยบนแผนที่ดาวก็ยังบอกตำแหน่งดาวหลักและเส้นทางเข้าออกนรกอยู่บ้าง

เพียงแต่เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าทางเข้าออกนรกไม่ได้มีแค่สองที่เหมือนที่บอกไว้บนแผนที่ดาว การที่พวกอวิ๋นอ้าวเทียนสามารถเข้ามาได้จากอีกทางก็ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันแล้ว เห็นได้ชัดว่าจำนวนดาวหลักไม่ได้มีแค่ที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ดาว ถึงอย่างไรขอบเขตดาราจักรของแดนอเวจีก็กว้างใหญ่ไพศาลมาก

ที่โชคดีก็คือ ดาวหลักของจุดซ่อนสมบัติที่ต่อไปก็อยู่บนแผนที่ดาวเช่นกัน ไม่อย่างนั้นตอนแรกคงไม่มีทางรู้ได้ว่าจุดซ่อนสมบัติอยู่ที่นรก

สิ่งที่ทำให้เหมียวอี้ปวดหัวก็คือ ต่อให้ตัดสินแยกแยะจากบนแผนที่ดาว แต่จุดซ่อนสมบัติของประมุขไป๋ในครั้งนี้อยู่ลึกเข้าไปในแดนอเวจี สถานที่แปลกใหม่ที่มีขอบเขตกว้างขวาง ไม่รู้เหมือนกันว่าซ่อนอันตรายอะไรเอาไว้บ้าง เหมียวอี้ค่อนข้างสงสัยว่าตัวเองจะสามารถไปถึงได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ พอเขาออกจากห้องถ้ำ ห้าปราชญ์ก็ทยอยกันโผล่หน้าเข้ามาหาทันที ห้าปราชญ์ผลัดกันส่งลูกศิษย์มาเฝ้าไว้ตลอด เหมือนกับกลัวว่าเขาจะหนีไป

สำหรับสิ่งนี้ เหมียวอี้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมห้าคนนี้ถึงต้องการจะติดตามเขาแบบไม่ยอมปล่อย ตัวเองพูดเปิดเผยไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าหลังจากการทดสอบจบลง คนที่จะออกไปได้ก็มีแค่เขาคนเดียว เขาไม่มีทางพาห้าปราชญ์ผ่านด่านตรวจของตำหนักสวรรค์ได้เลย

“เฮ้อ!” เหมียวอี้ส่ายหน้าถอนหายใจ “พวกเจ้าจะเอาแต่จ้องข้าไม่ยอมปล่อยทำไม? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ อย่าคิดอะไรไม่ซื่อเด็ดขาด ทัพใหญ่ของนักพรตบงกชทองหนึ่งล้านข้าก็สังหารฝ่าเข้าฝ่าออกมาแล้วนะ ถ้าลงมือขึ้นมา ต่อให้พวกเจ้าห้าคนร่วมมือกัน ก็อาจจะยังเสียเปรียบก็ได้”

“รู้แล้วว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง ตอนนี้ต่อสู้เก่งมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดไม่ซื่อกับเจ้าหรอก” อวิ๋นอ้าวเทียนพูดแดกดัน แล้วจ้องแผนที่ดาวที้เก็บอยู่ในมือเขา พร้อมถามว่า “ดูแผนที่ดาวเหรอ? เจ้ามีแผนการอะไรใช่มั้ย?”

ทุกคนจ้องไปที่เหมียวอี้ ค่อนข้างเป็นการจับตาดู

เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง แววตาวูบไหวเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็พูดปนยิ้มว่า “ไม่มีแผนอะไรนี่”

“งั้นอยู่ดีๆ เจ้าจะดูแผนที่ดาวทำไม? จะหนีไปเหรอ?” มู่ฝานจวินถาม

“ข้าจะไปหรือไม่ไป แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าล่ะ?” เหมียวอี้ถามกลับ

ฉางเหลยประนมมือกล่าวว่า “เหมียวอี้ ลูกศิษย์ข้ากลายเป็นผู้หญิงของเจ้าแล้ว ตอนนี้ทุกคนมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกัน เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น อยู่ที่นี่ควรจะสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว”

เหมียวอี้เถียงทันทีว่า “ใครเป็นเจ้าเจ้า เจ้าบวชแล้วใครยังจะเป็นคนในครอบครัวเจ้าได้อีก ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้ามีแผนชั่วร้ายอะไรหรือเปล่า”

พวกเขาค่อนข้างพูดไม่ออก อยู่ที่พิภพเล็กพวกเขาเป็นบุคคลระดับบน เป็นฝ่ายขอให้เจ้าเป็นหัวหน้าแต่เจ้าก็ไม่เต็มใจ แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน

ในหลายปีมานี้ ทั้งห้าคิดทบทวนตัวเองกลับไปกลับมาตลอด บอกว่าจะให้เหมียวอี้เป็นใหญ่ที่สุดในบรรดาทั้งหกคน แต่เหมียวอี้ก็ไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีเรื่องดีๆ แบบโชคหล่นทับแบบ ทำเอาห้าปราชญ์พูดไม่ออกมาก

แต่ทั้งห้าก็พอจะเข้าใจได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา ก็เกรงว่าจะทำใจเชื่อได้ยากเช่นกันว่าจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ ทั้งห้าดันงมงายเชื่อในคำทำนายของเทพพยากรณ์ ไม่สะดวกจะบอกความจริงกับเหมียวอี้ ทำได้เพียงหน้าด้านเกาะแกะอยู่แบบนี้ สง่าราศีหมดสิ้นแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าเหมียวอี้!

ทั้งห้าก็เคยชินกับการเลิกวางมาดต่อหน้าเหมียวอี้แล้วเช่นกัน

จีฮวนถอนหายใจแล้วบอกว่า “ตามหลักการแล้วข้ายังเป็นพ่อตาของเจ้าอยู่นะ ต่อให้เจ้าจะไม่ไว้หน้าข้า แต่ก็ต้องไว้หน้าเหม่ยลี่สักนิดไม่ใช่เหรอ ลูกสาวก็ยกให้เจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าพูดตัดน้ำใจไมตรีแบบนี้ มันไร้เหตุผลไปหน่อยรึเปล่า พวกเราไม่ต้องพูดนอกเรื่องไปไกลหรอก พูดให้ชัดเจนแล้วกัน เจ้าไปไหนก็ต้องพาพวกเราไปด้วย”

เหมียวอี้เอามือลูบคางพร้อมถามว่า “ต้องการจะไปกับข้าจริงๆเหรอ? พวกเจ้าเองก็รู้ว่าข้ามาเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ต้องไปสืบสำรวจให้ทั่ว อยู่กับข้าอันตรายมากนะ พวกเจ้าไม่กลัวเหรอ?”

“ขนาดเจ้ายังกล้าไป แล้วพวกเรายังมีอะไรต้องกลัวอีกล่ะ” ซือถูเซี่ยวพูดเสียงอู้อี้

“ข้าแปลกใจจัง ทั้งๆ ที่รู้ว่าอันตราย แต่พวกเจ้าก็ยังจะไปกับข้า ข้าจะบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ ข้าไม่มีผลประโยชน์อะไรให้ทั้งนั้น” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว

“ไม่ต้องการผลประโยชน์หรอก ทุกคนต้องรวมกลุ่มสามัคคีกันสู้กับภายนอก” มู่ฝานจวินกล่าว

เหมียวอี้เอามือไขว้หลัง “พาพวกเจ้าไปด้วยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ข้าอยากจะรู้ว่าพวกเจ้าหนีรอดจากการไล่ฆ่าของนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพได้จริงเหรอ พิสูจน์ให้ข้าดูหน่อยสิ” นี่ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์ของเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะได้อาศัยแรงหลบหนีได้สะดวก

อวิ๋นอ้าวเทียนเริ่มหัวร้อนแล้ว เป็นเพราะหลายปีมานี้โดนเหมียวอี้ทรมาน เขาพูดดีด้วยหมดแล้วแต่ยังไม่ได้ผล พอวางมาดเป็นท่านปู่ เหมียวอี้ก็ทำท่าเหมือนแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่คำทำนายของเทพพยากรณ์ เขาก็อยากจะสู้กับเหมียวอี้สักตั้งจริงๆ

เขาเองก็ขี้คร้านจะพูดมาก จู่ๆ ก็กางแขนสองข้าง บนตัวมีปราณมารลอยขึ้นมา ก่อตัวเป็นลูกกลมสองลูกที่หลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะระเบิดเป็นปีกสีดำเหมือนปีกค้างคาวอย่างรวดเร็ว พอกระพือปีกทั้งคู่ ทั้งร่างก็พุ่งขึ้นไปที่ขอบฟ้าด้วยความเร็วสูง ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปแล้ว

เหมียวอี้ตกตะลึงกับความเร็วแบบนี้ เร็วกว่าตอนเฮยทั่นเหาะเสียอีก

จนกระทั่งอวิ๋นอ้าวเทียนบินกลับมาอีกครั้งและเก็บปีไว้ เหมียวอี้ก็ถามอย่างตกใจว่า “นี่คือความเร็วของนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพเหรอ?” เขาเองก็ไม่เคยเห็นแบบจริงจังว่าเวลานักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพเหาะนั้นเร็วขนาดไหน

“ไม่ใช่ ความเร็วของนักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ ข้าไม่มีทางเทียบติดเลย ครั้งก่อนที่หนีพ้นการไล่ฆ่าเป็นเพราะโชคช่วยแท้ๆ…” อวิ๋นอ้าวเทียนเล่าสถานการณ์คับขันตอนนั้นให้ฟังทันที

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! หลังจากเข้าใจแล้ว เหมียวอี้ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ยังหวังให้คนกลุ่มนี้มีทักษะเรื่องการหนีอยู่เลย ตอนนี้ดูท่าแล้วคงจะหวังไม่ได้

หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ไปก็ไป! ไปด้วยกัน”

พาคนพวกนี้ไปด้วยอย่างน้อยก็มีกำลังเสริม ไม่อย่างนั้นเหมียวอี้คงไม่มารวมตัวกับพวกเขาหรอก

เมื่อเห็นเขาตอบตกลง ทั้งห้าก็โล่งใจแล้ว มู่ฝานจวินถามว่า “ไปไหน?”

“ไปวนแถวๆ ดาวหลักปิ่งจื้อฮ่าวก่อนแล้วกัน” เหมียวอี้ตอบ

ทั้งห้าได้ยินแล้วหยิบแผนที่ดาวออกมาดู ตอนยังไม่ดูก็ยังไม่รู้ พอได้ดูแล้วก็ตกใจ จีฮวนพลันเงยหน้าถามอย่างตกใจว่า “เจ้าจะถ่อไปไกลขนาดนั้นทำไม? ตรงนั้นแทบจะเป็นใจกลางของแดนอเวจีแล้ว! เจ้ามาสำรวจเพื่อทดสอบ ไม่จำเป็นต้องไปลึกขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

เหมียวอี้เอามือลูบจมูก แล้วหัวเราะแห้งๆ “อยากร่ำรวยก็ต้องเสี่ยงอันตรายไง ถ้าสืบอะไรได้จากแหล่งที่ไม่มีคนกล้าไป แบบนั้นถึงจะมีโอกาสได้อันดับดีๆ”

“ศูนย์กลางของโจรกบฎมีอะไร คงไม่ต้องให้ข้าบอกเจ้าหรอกมั้ง? มิหนำซ้ำแดนอเวจีก็แปลกประหลาดเกินไป ถ่อไปไกลขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรบ้าง…” จีฮวนกล่าว

“จีฮวน!” มู่ฝานจวินพลันพูดตัดบท “ตามใจเขาเถอะ!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset