พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1274 ยอมให้จับแต่โดยดี

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่พิษในตึกศาลากำเริบ ทหารหลายกลุ่มที่มีทั้งจงใจและไม่จงใจเดินลาดตระเวนไปมาอยู่ที่ถนนใกล้ๆ ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท จู่ๆ พวกเขาก็เหาะขึ้นฟ้าพุ่งไปที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท บ้างก็รีบกระจายวางกำลังคนที่ถนนรอบๆ ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ป้องกันไม่ให้มีคนหนีไปแล้วไม่รู้ มีกำลังพลสองกลุ่มนำคนพุ่งข้ามาในกระตูใหญ่โดยตรง เพราะเข้าทางอื่นไม่ได้ มีค่ายกลป้องกัน

“ขุนนางทุกท่าน! วันนี้ที่นี่ไม่รับแขกชั่วคราว…” เมื่อเห็นผู้ที่มาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด คนเฝ้าประตูก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ผู้บัญชาการใหญ่อยู่ข้างใน ถ้าฝืนบุกเข้าไปเกรงว่าพวกท่าน…อา!”

หัวหน้ากองที่พุ่งมาก่อนพลันลงดาบ ฟันคนเฝ้าประตูสองคนจนล้มคว่ำ แล้วใช้มือใหญ่ฉีกหนังปลอมบนใบหน้าลงมา เขาคือราชาปีศาจกระดูกขาวนั่นเอง เขาโบกมือเรียกหนึ่งครั้ง แล้วนำคนพุ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองกำลังอีกกลุ่มก็เฝ้าประตูใหญ่ไว้ทันที ศพสองศพที่นอนอยู่บนพื้นถูกลากไปซ่อนไว้ข้างๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปล่อยกองกำลังอีกสองกลุ่มเข้าไป ก่อนจะปิดประตูใหญ่ในทันที

เฟยหง ดาวเด่นของหอมงกุฎงาม ตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่กลางโถง มองดูเลือดสดไหลนองจนเท้าสองข้างไม่กล้าขยับไปไหน

ศีรษะของผู้จัดการร้านค้าในเขตเมืองเหนือกระเด็นมาใบแล้วใบเล่า มาตกอยู่หน้าโต๊ะยาวของมู่หรงซิงหัว ไม่นานก็รวมกันเป็นกอง พวกฝูชิงถือโอกาสช่วยเหลือแล้ว

มู่หรงซิงหัวที่นอนอยู่บนโต๊ะได้กินยาถอนพิษเข้าไปแล้ว ตอนนี้นางกำลังอาการดีขึ้นทีละนิด ได้แต่มองดูศีรษะกองสุมกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของนางก็เริ่มฟื้นฟูและควบคุมตัวเองได้แล้วเช่นกัน นางประคองจับเก้าอี้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ หันหน้ามองไปยังเหมียวอี้ที่นั่งอยู่ข้างบน

ในดวงตานางสื่ออารมณ์ซับซ้อนคลุมเครือ เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ กินยาถอนพิษไว้ก่อนแล้ว แต่กลับปิดบังนาง เห็นได้ชัดว่าระแวงนาง

เหมียวอี้ก็กำลังมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบเช่นกัน กำลังมองดูนางลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ

หวงฝู่จวินโหรว โจวหราน อูหันซาน อวี้ซวีเจินเหรินก็ค่อยๆ อาการทุเลาเช่นกัน แต่สี่คนนี้โดนเชือกมัดเซียนมักไว้แล้ว ถูกระงับพลังอิทธิฤทธิ์แล้วด้วย

เห็นในงานมีเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ เห็นคนรู้จักคุ้นเคยที่เพิ่งชนจอกสุราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้แต่ละคนกลับโดนตัดหัว โจวหรานกับอูหันซานจึงตัวสั่นหวาดกลัวทันที มองเหมียวอี้ราวกับเห็นปีศาจร้าย พูดอะไรไม่ออกสักคำ และไม่กล้าขู่แล้วด้วย ทุกคนทำถึงขนาดนี้แล้ว ยังกลัวที่จะฆ่าพวกเขาเชียวเหรอ?สิ่งที่เขากังวลตอนนี้ก็คือจุดจบของตัวเอง

อวี้ซวีเจินเหรินกำลังทำสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร เป่าเหลียนที่ยังขวัญผวาไม่หายก็โล่งอก นางมองไปที่เหมียวอี้อย่างเหลือเชื่อนิดหน่อย…

หวงฝู่จวินโหรวที่หันมองรอบข้างกลับโมโหจนตัวสั่น นางหันไปมองเหมียวอี้ด้วยสายตาเดือดดาล ในดวงตาราวกับจะพ่นไฟออกมาได้ นางพบว่าตัวเองถูกเหมียวอี้หลอกใช้แล้ว การช่วยเขากู้หน้าตาศักดิ์ศรีคือเรื่องโกหก การช่วยเขาเอาชีวิตคนพวกนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องจริง!

“หนิวโหย่วเต๋อ ถ้าเจ้ากล้านัก ก็ฆ่าข้าไปด้วยกันเลยสิ!” จู่ๆ นางก็แหกปากตะโกนอย่างเดือดดาล

เหมียวอี้ไม่สนใจนางเลย กำลังจ้องมู่หรงซิงหัวพร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า “มีคนดักซุ่มสังหารข้า ต้องการทำให้ผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ถึงแก่ความตาย แต่ข้ามองออกแล้ว  เจ้าควรทำอย่างไร?”

พอพูดจบ ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานที่ทำงานเสร็จแล้วก็ถลันตัวกลับมา ทั้งสามหันหน้ามองไปที่มู่หรงซิงหัวพร้อมดัน นางกุมหมัดกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าน้อยจะฟังคำสั่งระดมกำลัง!”

เหมียวอี้ส่งสายตาบอกใบ้ทันที ฝูชิงรีบชี้ไปยังหัวคนที่กองรวมกัน บอกให้นางไปรวบรวมกำลังพล หนึ่งศีรษะหนึ่งร้านค้า ถือหัวไปค้นยึดร้านค้า จับกุมพรรคพวกในร้านค้าที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกันทีเดียว

มู่หรงซิงหัวหังจบแล้วพยักหน้า จากนั้นหันไปบอกเหมียวอี้ “ผู้บัญชาการใหญ่ หลังจากจบเรื่องนี้ ข้าน้อยอยากจะคุยกับท่านดีๆ สักหน่อย!”

“ขอเพียงจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เดี๋ยวกลับไปจะให้สวีถังหรานลงครัวเลี้ยงรับรองด้วยตัวเอง” เหมียวอี้บอก

มู่หรงซิงหัวไม่พูดอะไรอีก ร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดกองศีรษะคน แล้วรีบออกไปพร้อมกับพวกฝูชิง

กลิ่นคาวเลือดพุ่งขึ้นไปบนยอดเพดาน คณะนางระบำในตึกศาลาด้านบนตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง มีคนไม่น้อยกำลังตัวสั่น ไม่รู้เลยว่าต่อไปชะตากรรมตัวเองจะเป็นอย่างไร ขนาดผู้จัดการร้านที่ยามปกติมีคนหนุนหลังและทำตัวสูงส่งยังโดนฆ่าแบบนี้ เช่นนั้นชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งไร้ค่าน่ะสิ

ท่านแม่สวีกับเสวี่ยหลิงหลงตกใจจนกอดกันกลม ใบหน้าซีดขาว พวกนางเป็นเพียงนักแสดงที่ขายศิลปะเท่านั้น นึกไม่ถึงว่ามาร่วมแสดงในงานเลี้ยงแล้วจะประสบกับเรื่องแบบนี้ เจอกับการเปิดฉากสังหารใหญ่ของผู้บัญชาการใหญ่หนิว

พวกเชียนหลัวที่ถือดาบปกป้องมองหน้ากันเลิกลั่ก นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ เคยได้ยินว่าเรื่องที่เหมียวอี้ล้างเลือดตลาดสวรรค์มาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะได้เข้าร่วมเหมือนกัน ในใจพวกเขาเซ็งมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้วิธีการต่ำทรามอย่างการวางยาพิษ!

“หนิวโหย่วเต๋อ ไอ้สารเลว!” หวงฝู่จวินโหรวที่โดนหลอกใช้อย่างโหดร้ายไปครั้งหนึ่งเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงแม้จะโดนมัดอยู่ แต่กลับมีรอยเท้าเลือดหลายก้าว นางกระโดดฝ่ากองเลือดเข้ามาใกล้ “ถ้าเจ้าเก่งนักก็ฆ่าข้าสิ!”

เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินลงบันได วินาทีที่ทั้งสองสบตากัน จู่ๆ เหมียวอี้ก็ลงมือ ไม่รู้ว่าเอาน่องไก่มาจากไหน ยัดเข้าในปากหวงฝู่จวินโหรวโดยตรง หวงฝู่จวินโหรวยิ่งประสาทเสียยิ่งกว่าเดิม ปากโดนอุดจนร้องเสียงอู้อี้ กระโจนศีรษะเข้าไปชนเหมียวอี้

เหมียวอี้ใช้ฝ่ามือสับฟันลงไปที่คอนางนาง ทำให้นางตาเหลือกและสลบลงข้างบันได

ตอนนี้ด้านนอกมีคนเหาะลงมาหลายสิบคน ผู้ที่นำกลุ่มก็คือราชาปีศาจกระดูกขาว เขามองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ข้างในแวบหนึ่ง แล้วนำลูกน้องคนสนิทไม่กี่คนเหยียบฝ่ากองเลือดเข้ามา แล้วกุมหมัดคารวะ “ผู้บัญชาการใหญ่!”

“เป็นยังไงบ้าง?” เหมียวอี้ถาม

ราชาปีศาจกระดูกขาวกุมหมัดตอบ “ตรวจสอบคนงานในภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทหมดแล้ว ไม่ขาดไปสักคน คนที่หนีออกไปจากทางนี้ก็กักตัวไว้ได้แล้ว ยอมให้จับแต่โดยดีทั้งหมด ไม่มีการขัดขืนขอรับ!”

เหมียวอี้เงงยหน้ามองบนเพดานตึกศาลา ราชาปีศาจกระดูกขาวมองตามและเข้าใจในฉับพลัน พอโบกมือก็นำคนสิบกว่าคนพุ่งขึ้นไป

ผ่านไปครู่เดียว พวกนักดนตรี นักแสดงหลายสิบคนก็ถูกไล่ลงมาหมด ท่านแม่สวีกับเสวี่ยหลิงหลงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งหมดรวมกลุ่มกันและเอามือกุมศีรษะนั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางกองเลือดในโถงใหญ่ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กำลังตกอยู่ในความหวาดผวา

พอเหมียวอี้ให้สัญญาณเล็กน้อย เป่าเหลียนก็รีบนำคนสิบกว่าคนไปค้นสิ่งของบนร่างศพของพวกผู้จัดการร้านค้า…

“รู้ผลที่ตามมาของการทำแบบนี้หรือเปล่า? ทำไมผู้บัญชาการใหญ่ต้องทำแบบนี้?”

ในจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก กำลังพลรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กงอวี่เฟยตามอยู่ข้างกายสวีถังหรานและถามอย่างร้อนใจ

สวีถังหรานสวมเครื่องแบบแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบแล้ว เขาพลันหันตัวมา สั่งกำลังพลกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันด้วยน้ำเสียงดุดัน “กลุ่มพ่อค้ามีเจตนาไม่ดี จัดงานเลี้ยงและซ่อนมือสังหารเอาไว้ลอบฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ โชคดีที่ผู้บัญชาการใหญ่ดวงดีมาก! ภายใต้ความเดือดดาล ผู้บัญชาการใหญ่กล่าวโทษว่าพวกเขาเป็นโจรกบฏ จึงออกคำสั่งให้ปราบโจรกบฏที่เหลือ ถ้ากำลังพลที่ตลาดสวรรค์ฝ่าฝืนและไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ก็จะโดนลงโทษข้อหาสมรู้ร่วมคิด กงอวี่เฟย เจ้ากำลังจะขัดคำสั่งใช่มั้ย?”

พอพูดจบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการห้าหกคนก็รีบล้อมเข้ามา จ้องมองกงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังอย่างดุร้าย ขาดแค่ใช้อาวุธจ่อที่ตัวทั้งสองเท่านั้น

กงอวี่เฟยที่กำลังตกใจหันกลับไปมองหลี่หวนถังที่กำลังส่ายหน้าเบาๆ ให้นาง แล้วหันกลับมาอีกครั้ง ข่มความโกรธบอกว่า “มิบังอาจ!”

“พวกเจ้าสองคนตามข้ามา!” อาศัยบารมีความหน้าเกรงขามของผู้บัญชาการใหญ่ สวีถังหรานชี้หน้าตะคอกทั้งสองคน แล้วหันกลับมาโบกมือ “ออกเดินทาง!”

“ฮูหยิน! จู่ๆ ประตูภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทก็โดนกำลังพลตำหนักสวรรค์ปิดล้อมไว้ ข้าเห็นกับตาตัวเองก็สองคนที่เฝ้าประตูอยู่ทีแรกโดนกำลังพลตำหนักสวรรค์ฟันตาย”

ช่างไม้รีบร้อนเข้าไปในที่ลานบ้านด้านหลังของร้านโฉมเมฆา รายงานอวิ๋นจือชิวที่กำลังนั่งอยู่ในศาลาด้านหลังภูเขาจำลอง

“จะต้องมือจริงๆ เหรอ?” อวิ๋นจือชิวถอนหาใจเบาๆ นางลุกขึ้นยืน หันตัวไปหาบ่อน้ำเล็กๆ ที่สะท้อนแสงโคมไฟในศาลา หน้านิ่วคิ้วขมวด

เชื่อมโยงกับเรื่องที่เหมียวอี้จัดงานเลี้ยง ทั้งยังไม่มาที่นี่เป็นเวลานาน นางก็เดาออกแล้วว่าเหมียวอี้วางแผนจะลงมือ เขากำลังจงใจหลบเลี่ยงนาง ไม่อยากโดนนางห้ามปราม พอได้ยินว่ากลุ่มผู้จัดการร้านค้าไปรวมตัวกันที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ดีไม่ดีคืนนี้อาจจะได้รู้อะไรบางอย่าง ถึงได้ส่งคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท

จู่ๆ บนบ่อน้ำก็มีเงาดำแฉลบผ่าน อวิ๋นจือชิวเงยหน้ามองขึ้นไป ทำให้เห็นกำลังพลตำหนักสวรรค์หลายกลุ่มเหาะผ่านไป

ซวบ! อวิ๋นจือชิวรีบถลันตัวขึ้นไปยืนบนหลังคาร้าน เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์และช่างไม้ก็ตามขึ้นเช่นกัน เห็นกำลังพลของตลาดสวรรค์เหาะไปทั่วฟ้า เหาะขึ้นเหาะลง บุกเข้าไปในร้านค้าร้านแล้วร้านเล่า ได้ยินเสียงตะคอกดังมาเป็นระยะ

เชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์มองหน้ากัน ลมกลางคืนพัดผ่านใบหน้า อวิ๋นจือชิวสายตาเลื่อนลอย ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าลงมือแล้วจริงๆ ด้วย!”

ร้านค้าเจ็ดอารมณ์ สวีถังหรานใช้วิธีการเดียวกันมาเยือนร้านเป็นครั้งที่สอง นำกำลังพลบุกเข้ามาโดยตรง

สวีถังหรานเอามือไขว้หลังเดินนำกำลังพลเข้ามา ตอนนี้ทำสีหน้าดำมืดชั่วร้าย ถึงแม้จะกังวลในผลลัพธ์ของการทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าขั้นตอนในการทำแบบนี้ทำให้เขาสะใจมากจริงๆ

ไม่สะใจไม่ได้หรอก! ในหนึ่งร้อยปีมานี้เรียกว่าได้ใช้ชีวิตเสียที่ไหนกัน เป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกผู้สง่าผ่าเผยแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าตอนเจอกลุ่มผู้จัดการร้านค้าต้องถ่อมตัวลงสามส่วน ทั้งยังกดจนลูกน้องของตนเงยหน้าไม่ขึ้นตามไปด้วย เก็บกดแทบตายอยู่แล้ว เมื่อครู่นี้ตอนค้นยึดร้านค้าแล้วได้เห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งในเมื่อก่อนเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวร้องขอความเมตตา ในที่สุดก็ได้ลักษณะอันน่าเกรงขามของผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกกลับคืนมาแล้ว

“ผู้บัญชาการสวี พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”

มีคนชี้สวีถังหรานพร้อมตะคอกถามอย่างเดือดดาล กลุ่มคนในร้านถืออาวุธมาคุมเชิงกับกำลังพลตำหนักสวรรค์ที่บุกเข้ามา ต้องการใช้กำลังปกป้องร้านค้าอย่างโจ่งแจ้ง

สิ่งที่ทำให้สวีถังหรานตกใจก็คือ หนึ่งในนั้นเผยวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นสอง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักพรตบงกชรุ้งคุมที่นี่อยู่ เขารีบพลิกมือโยนศีรษะของเถียนเฟิงฮ่าวเข้าไป แล้วตะคอกเสียงเข้ม “เถียนเฟิงฮ่าวสมคบกับโจรกบฏวางแผนฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ แต่การลอบสังหารล้มเหลว ตอนนี้ยอมรับผิดและโดนประหารแล้ว อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าก็เป็นโจรกบฏที่หลงเหลืออยู่และคิดจะก่อกบฏเหมือนกัน? ทุกคนฟังข้าให้ดีนะ ประตูเมืองทั้งสี่ปิดแล้ว พวกเจ้าหนีออกไปไม่พ้น ยอมให้จับแต่โดยดี ถ้าสอบสวนพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะรอดตาย ส่วนใครที่ขัดขืนจะโดนลงโทษข้อหาเป็นโจรกบฏ ฆ่าไม่ละเว้น!”

นักพรตบงกชรุ้งประคองศีรษะของเถียนเฟิงฮ่าวขึ้นมาดูด้วยสีหน้าตกใจกลัว เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้เข้าใจผิด ไม่ใช่การปลอมแปลง เป็นศีรษะของเถียนเฟิงฮ่าวจริงๆ ทั้งยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือโกหก ถ้าพูดจริง เขาก็แบกรับข้อหาขัดขืนไม่ไหว ประเด็นสำคัญก็คือ ถ้าไม่มีใครออกมาบอกว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ให้ ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับกำลังพลตำหนักสวรรค์โดยพลการ เขาเองก็ไม่กล้าตัดสินใจเรื่องนี้เช่นกัน

เมื่อเห็นเขาลังเล สวีถังหรานก็ไม่ให้โอกาสเขาได้คิดเยอะ ถอยเข้าไปหากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง เตรียมตัวเผื่อเห็นท่าไม่ดีจะได้หนี แล้วโบกมือสั่งว่า “จัดการ!”

เชือกมัดเซียนกองหนึ่งถูกโยนออกมา คนงานที่เหลือมองไปที่นักพรตบงกชรุ้งกลุ่มนั้นทันที เมื่อเห็นเขายืนนิ่งไม่ขัดขืน คนที่เหลือก็ไม่กล้าขัดขืนเช่นกัน

พอมัดคนพวกนี้แล้ว กลุ่มทหารก็รีบก้าวขึ้นมาควบคุมไว้แล้วเก็บเข้าในกระเป๋าสัตว์

สวีถังหรานโล่งอก แล้วหันกลับมาชี้กงอวี่เฟย หลี่หวนถังและลูกน้องคนสนิทอีกสองคน “เจ้า เจ้า เจ้า แล้วก็เจ้า ตามข้าไปตรวจสอบด้านหลัง คนที่เหลือค้นตรงนี้ให้ละเอียด”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset