พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1361 แนะนำคน

“นายท่าน ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่เอง”

สำนักหกนิ้ว ที่พักที่จัดหาให้แม่ทัพภาคชั่วคราว ในห้องหนังสือห้องหนึ่ง โป๋เยวนำรายงานสถานการณ์โดยละเอียดของธงพยัคฆ์ดำที่เก็บรวบรวมได้มอบให้ พร้อมทั้งกล่าวตำหนิตัวเอง

เนี่ยอู๋เซี่ยวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือรับแผ่นหยกมาอ่าน แล้วบอกว่า “เรื่องนี้ก็โทษเจ้าไม่ได้หรอก ทั้งสองฝ่ายต่างก็สู้กันเองภายในอย่างมีเจตนาแอบแฝง ไม่มีใครรายงานขึ้นมา เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เกินความคาดหมายของทุกคน” พออ่านแผ่นหยกหมดแล้วก็โยนไปไว้ข้างๆ “หนิวโหย่วเต๋อคนนี้…ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน จริงๆ”

โป๋เยวก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ใช้เวลาสองวันก็ปรับปรุงธงพยัคฆ์ดำเสร็จแล้ว เหนือความคาดหมายจริงๆ! นายท่าน ข้าอยากจะถามสักคำ ก่อนหน้านี้ท่านจัดธงพยัคฆ์ดำไว้แบบนี้ เพราะจงใจจะสร้างโจทย์ยากให้หนิวโหย่วเต๋อรึเปล่า?” เขาคัดค้านการทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

เรื่องนี้พัวพันไปถึงเบื้องบน เรื่องบางเรื่องเนี่ยอู๋เซี่ยวไม่สะดวกจะบอกกับเขาจริงๆ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เจ้าต้องจับตาดูสถานการณ์ทางธงพยัคฆ์น้ำเงินไว้ให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องเหมือนที่ธงพยัคฆ์ดำ”

โป๋เยวยิ้มเจื่อน “ข้าจะกล้าประมาทได้ยังไง ก่อนจะมาได้ติดต่อกับทางธงพยัคฆ์น้ำเงินไว้แล้ว ทุกคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินต่อสู้กับพวกจ้านหรูอี้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวรุนแรงเหมือนฝั่งนี้ก็เท่านั้นเอง”

เนี่ยอู๋เซี่ยวทำสีหน้าจริงจัง ถามว่า “สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

โป๋เยวตอบอย่างจนใจมากว่า “หลังจากจ้านหรูอี้รับตำแหน่งแล้ว ก็อยากจะแต่งตั้งคนที่พามาด้วยให้เป็นผู้บัญชาการของธงอินทรีสิบกองทัพ การกระทำนี้ย่อมก่อให้เกิดการต่อต้าน ตอนแรกจ้านหรูอี้อยากจะส่งคนไปเข้าควบคุมทัพกลาง แล้วให้อีกเก้าคนเข้าควบคุมเก้ากองทัพจากสิบกองทัพของธงอินทรี  ทว่ากำลังพลเบื้องล่างต่อต้าน จ้านหรูอี้คนเดียวเปลี่ยนไม่ได้ ถึงได้เกรี้ยวกราดสุดขีด แสดงความเจ้าอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ออกมา อยากจะใช้วิธีการแข็งกร้าว อยากจะฝืนเปลี่ยนคน ผลปรากฏว่าเกือบจะทำให้เกิดการใช้กำลังทางทหารข่มขู่ ถึงได้หดถอยกลับมา นางตระหนักได้เช่นว่าว่าตกอยู่ในวงล้อมของทัพกลาง คนจำนวนนั้นของพวกนางไม่ได้อยู่ในสายตาของกำลังพลนับหมื่นของทัพกลางเลย ย่อมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวของจ้านหรูอี้ก่อนหน้านี้ค่อนข้างรักษาความลับ กำลังสำรวจสถานการณ์ทั้งข้างบนข้างล่างของธงพยัคฆ์น้ำเงินอย่างละเอียด คาดว่าคงคิดจะหาช่องโหว่ลงมือ”

เนี่ยอู๋เซี่ยวพนักหน้าเบาๆ โชคดีที่ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่คนบ้าเหมือนกัน เขาโล่งใจแล้ว จากนั้นก็เอาหลังพิงเก้าอี้ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “จ้านหรูอี้กับหนิวโหย่วเต๋อนั่นมาพร้อมกับเป้าหมาย ถ้าได้ข่าวจากฝั่งนี้อาจจะรับการกระตุ้น จับตาดูสถานการณ์ของฝั่งนั้นไว้ให้ดี อย่าเข้าไปแทรกแซง”

“ไม่ต้องแทรกแซงเหรอ?” โป๋เยวถามอย่างตกใจ “ถึงยังไงจ้านหรูอี้ก็เป็นหลานสาวของอ๋องสวรรค์อิ๋ง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าโดนอ๋องสวรรค์อิ๋งจับจุดอ่อนที่พวกเราละเลยแล้วยื่นเรื่องสืบสวนหน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้าย ถึงตอนนั้นถ้าเบื้องบนถามหาความรับผิดชอบ พวกเราจะมีที่อยู่ได้ยังไง?”

เนี่ยอู๋เซี่ยวไม่สะดวกจะบอกกเขาอย่างชัดเจน ได้แต่โบกมือบอกว่า “เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้ฟ้าถล่มก็ยังมีเบื้องบนคุ้มหัวอยู่ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นความรับผิดชอบก็ไม่มาถึงตัวเจ้าเหรอก เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าไม่ต้องยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องของธงพยัคฆ์ดำกับธงพยัคฆ์น้ำเงิน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแค่บอกมาก็พอ เดี๋ยวข้าจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง เจ้าแค่ต้องจับตาดูสถานการณ์สองฝั่งนั้นไว้ แล้วรายงานรายละเอียดขึ้นมาให้ทันเวลา”

โป๋เยวพูดไม่ออก แบบนี้เท่ากับเป็นการถอดอำนาจในการควบคุมสองธงพยัคฆ์แล้ว จึงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “รองผู้บัญชาการใหญ่ของธงพยัคฆ์ดำขาดสองตำแหน่ง ไม่ทราบว่านายท่านจะส่งใครไปเติมขอรับ?”

ตำแหน่งรองผู้บัญชาการใหญ่ให้เบื้องบนเป็นผู้แต่งตั้ง เหมียวอี้มีเพียงอำนาจในการแนะนำคนที่เหมาะสมขึ้นไป ไม่มีอำนาจแต่งตั้งโดยตรง ทำแบบนี้เพื่อให้เบื้องบนควบคุมทัพใหญ่เบื้องล่างได้สะดวก จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่คนคนเดียวมีอำนาจตัดสินใจ แล้วเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่มีใครรู้

“รอก่อนแล้วกัน ถ้าหนิวโหย่วเต๋อไม่มีคนที่เหมาะสมรายงานขึ้นมา แล้วค่อยส่งคนไปก็ยังไม่สาย” เนี่ยอู๋เซี่ยวกล่าว

หลังจากยืนยันเรื่องพวกนี้จนแน่ใจแล้ว เนี่ยอู๋เซี่ยวก็กันโป๋เยวออกไป แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเบื้องบนโดยตรง ติดต่ออวี่จ้งเจินที่เป็นผู้ตรวจการของทัพเป่ยโต้ว

หลังจากได้รู้สถานการณ์ฝั่งเหมียวอี้แล้ว อวี่จ้งเจินก็ตกใจเช่นกัน : เมื่อสองวันก่อนเพิ่งจะบอกว่าเขาเพิ่งรับตำแหน่งอยู่เลย รับช่วงต่อธงพยัคฆ์ดำได้ราบรื่นขนาดนี้เชียวเหรอ เจ้าแน่ใจนะว่าข่าวไม่ได้ผิดพลาด?

เนี่ยอู๋เซี่ยว : ตอนนี้ข้าน้อยยังอยู่ที่ธงพยัคฆ์ดำ มายืนยันสถานการณ์ด้วยตัวเองแล้ว

อวี่จ้งเจิน : รายละเอียดเป็นยังไง?

เนี่ยอู๋เซี่ยวนำสถานการณ์โดยละเอียดที่รู้จากฝั่งนี้รายงานขึ้นไปทันที

หลังจากฟังจบแล้ว ฝั่งอวี่จ้งเจินก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับมาว่า : สถานการณ์ตั้งมั่นของกองทัพ ข้ากำลังจะไปลาดตระเวนสำรวจ พรุ่งนี้จะไปดูทางนั้นก่อน

เนี่ยอู๋เซี่ยว : รับทราบ!

หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว เขาก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เรื่องบ้างเรื่องพูดที่ระฆังดาราได้ไม่ชัดเจน เกรงว่าปฏิกิริยาของผู้ตรวจการอวี่จะเหมือนกับตน ที่บอกว่าจะลาดตระเวนสำรวจนั่นเป็นคำโกหก ถ้าไม่ได้ยืนยันด้วยตัวเองสักหน่อยก็จะไม่กล้าเชื่อ

ที่ด้านนอกสวน เหมียวอี้นำเหยียนซิวกับสวีถังหรานมารออยู่ด้านนอก หลังจากโป๋เยวออกมาแล้ว สีหน้าก็ดูย่ำแย่มาก หลังจากเรียกเหมียวอี้มาตำหนิตรงหน้ายกหนึ่ง ก็เตือนว่า “ครั้งนี้เห็นแก่ที่เจ้าเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่เลยไม่เข้าใจสถานการณ์ จะไม่สืบสาวเอาเรื่อง ถ้าครั้งหน้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วกล้าปิดบังไม่รายงานอีก ก็จะโดนลงโทษอย่างร้ายแรง!”

เหมียวอี้รู้สึกเหยียดหยามในใจ ข้างนอกมีอำนาจตัดสินใจโดยพลการตามแต่โอกาส ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็มีแต่ผีเท่านั้นที่จะรายงาน แล้วผีที่ตายแล้วพวกนั้นได้รายงานขึ้นไปมั้ยล่ะ? แต่ภายนอกยังคงกุมหมัดคารวะอย่างเคารพนอบน้อม “รับทราบ!”

โป๋เยวกล่าวด้วยใบหน้านิ่ง “ตอนนี้ฝั่งเจ้าขาดตำแหน่งรองผู้บัญชาการใหญ่สองคน ข้าเลือกคนที่เหมาะสมไว้แล้ว เจ้าเพิ่งมาใหม่ ถ้ายังไม่มีคนที่เหมาะสมจะแนะนำ ก็ลองพิจารณาดูได้”

มารดาเจ้าเถอะ เจ้าบอกแล้วว่าเป็น ‘คนที่เหมาะสม’ แล้วจะจะสะดวกพูดว่าไม่เหมาะสมเหรอ? เหมียวอี้บ่นในใจ แต่ภายนอกยังกุมหมัดคารวะ  “ไม่ทราบว่าเลือกใครมาหรือขอรับ ข้าน้อยจะล้างหูรอฟัง!”

โป๋เยวตอบว่า “วรยุทธ์แต่ไม่เลวทั้งคู่เลย ล้วนมีวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นสอง มียศแม่ทัพสองแถบ ความสามารถก็พอจะมีอยู่บ้าง ผู้บัญชาการสองคนของเป็นธงพยัคฆ์ดิน คนหนึ่งชื่อมู่อวี่เหลียน คนหนึ่งชื่อชวีหย่าหง”

สวีถังหรานที่ยืนเก็บมืออย่างเคารพอยู่ข้างๆ แอบมองปฏิกิริยาของเหมียวอี้เงียบๆ เป็นอย่างที่คาดไว้ เหมียวอี้ขมวดคิ้วทันที แล้วถามหยั่งเชิงว่า “ฟังจากชื่อแล้ว…อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงหมดเลย?”

โป๋เยวพยักหน้า “ไม่ผิดหรอก เป็นผู้หญิงทั้งคู่”

“รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองของธงพยัคฆ์ดำล้วนเป็นผู้หญิง แบบนี้จะ…” เหมียวอี้กล่าวอย่างลำบากใจเล็กน้อย

โป๋เยวพูดตัดบททันที “หนิวโหย่วเต๋อ นี่เจ้าพูดไม่ถูกแล้วนะ เจ้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำ ควรจะแต่งตั้งคนที่มีคุณธรรมและความสามารถสิ ทำไมถึงดูถูกผู้หญิงยกย่องผู้ชายล่ะ?”

เหมียวอี้พยักหน้าบอกว่า “รองแม่ทัพภาคพูดถูก ก็ดีขอรับ ให้พวกนางสองคนเป็นแล้วกัน”

โป๋เยวขานรับ แล้วบอกอีกว่า “หลังจากรายงานชื่อคนที่เลือกขึ้นมาแล้ว ท่านแม่ทัพภาคก็จะช่วยพูดจาดีๆ ให้เจ้าเอง เจ้าขาดกำลังพลพอดี ถ้าพวกนางสองคนมาที่นี่ก็ยังสามารถพาคนมาได้จำนวนหนึ่ง”

ชัดเจนว่ากำลังเร่งรัดให้ตนเลือกคนรายงานขึ้นไป เหมียวอี้พยักหน้าตอบ “ขอรับ!”

ในขณะนี้เอง ในสวนก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เหมียวอี้และคนอื่นๆ รีบยืนหลีกทางให้สองฝั่ง ผู้ที่มาคือเนี่ยอู๋เซี่ยว

“นายท่าน!” พวกเหมียวอี้ทำความเคารพ

“ตอนนี้ยังไม่กลับ” เนี่ยอู๋เซี่ยวบอกโป๋เยว แล้วหันมาบอกเหมียวอี้อีกว่า  “หนิวโหย่วเต๋อ พรุ่งนี้ผู้ตรวจการอวี่จะมาตรวจตราที่นี่ เจ้าเพิ่งจะรับช่วงต่อธงพยัคฆ์ดำ ต้องเตรียมตัวต้อนรับให้ดี อย่าสร้างความผิดพลาดอะไรให้ข้าล่ะ”

“รับทราบ!” เหมียวอี้เอ่ยรับ

เนี่ยอู๋เซี่ยวโบกมือบอกใบ้ให้เขาไปเตรียมตัวทันที แล้วก็หันกลับมาเตรียมจะสั่งงานโป๋เยวต่อ แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะกุมหมัดคารวะอีก “นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้อง”

คนที่เหลือมองมาพร้อมกัน เนี่ยอู๋เซี่ยวถามว่า “เรื่องอะไร?”

เหมียวอี้ตอบว่า “ธงพยัคฆ์ดำคังจือลวี่ เหยาหย่วนชูก่อกบฏจนโดนประหารชีวิต ตอนนี้ตำแหน่งรองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองยังว่างอยู่ ข้าน้อยแนะนำให้มู่อวี่เหลียนกับชวีหย่าหงของธงพยัคฆ์ดินมารับตำแหน่งต่อ”

“มู่อวี่เหลียน ชวีหย่าหง?” เนี่ยอู๋เซี่ยวงงไปชั่วขณะ เหล่ตามองโป๋เยวที่อยู่ข้างๆ โป๋เยวยืนตรงเก็บมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง สายตาของเนี่ยอู๋เซี่ยวจึงย้ายไปที่ตัวเหมียวอี้ แล้วถามเสียงเรียบว่า “ไม่แนะนำคนธงพยัคฆ์ดำของตัวเอง แต่แนะนำคนของธงพยัคฆ์ดิน เจ้ารู้จักพวกนางสองคนเหรอ?”

“ได้ยินว่าพวกนางสองคนมีความสามารถ ข้าน้อยก็เลยอยากได้พวกนางมาป็นผู้ช่วยที่มีฝีมือ” เหมียวอี้ตอบ

ผู้ช่วยที่มีฝีมือ? เนี่ยอู๋เซี่ยวไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าโป๋เยวกำลังใช้อำนาจข่มเหมียวอี้แล้ว ผู้หญิงสองคนนั้นจะกลายเป็นผู้ช่วยที่มีฝีมือของเหมียวอี้หรือไม่ เนี่ยอู๋เซี่ยวก็ยังไม่รู้ แต่เนี่ยอู๋เซี่ยวได้ยินข่าวลือมา ว่าโป๋เยวกับผู้หญิงสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติ อาศัยว่ามีโป๋เยวหนุนหลัง จึงค่อนข้างกำเริบเสิบสาน ทำให้ผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดินบ่นฟ้องอย่างขุ่นเคืองใจ ครั้งก่อนเขาลองหยั่งเชิงเจตนาของโป๋เยวดูนิดหน่อย เตรียมจะถอดผู้หญิงสองคนนั้นออก แต่ใครจะคิดว่าโป๋เยวจะคิดวางแผนกับหนิวโหย่วเต๋อ

“เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการพวกนางสองคน?” เนี่ยอู๋เซี่ยวถาม

“ขอรับ!” เหมียวอี้ตอบ

เนี่ยอู๋เซี่ยวแอบรู้สึกขำ ขนาดไม่ทันรู้ชัดว่าเป็นใครก็ยังกล้ารับ ช่างไม่กลัวปัญหาความยุ่งยากจริงๆ กลับเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดิน จะได้ไม่เอาแต่พร่ำบ่นกับตนอยู่อย่างนั้น โป๋เยวดันเป็นผู้ช่วยที่เบื้องบนแนะนำมาให้เขาอีก คงไม่ดีถ้าเขาจะกรีดหน้าโป๋เยวเกินไปจนยั่วให้คนเบื้องบนไม่พอใจ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าสุดท้ายโป๋เยวจะยุติเรื่องระหว่างหนิวโหย่วเต๋อกับผู้หญิงสองคนนั้นอย่างไร

“อนุญาตแล้ว!” เนี่ยอู๋เซี่ยวตอบตกลงทันที แล้วบอกโป๋เยวว่า “ให้เจ้าจัดการเรื่องนี้แล้วกัน” พูดจบก็เอามือไขว้หลังเดินกลับออกไป

“ขอรับ!” โป๋เยวกุมหมัดคารวะน้อมส่ง ผ่านครู่เดียวใบหน้าก็อมยิ้ม หันตัวมาตบบ่าเหมียวอี้ด้วยสีหน้าชื่นชม นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะง่ายๆ สบายๆ ขนาดนี้ เรื่องที่เขาเพิ่งจะเอ่ยถึงนิดเดียว แต่เหมียวอี้ก็เสนอแนะบุคคลให้เขาจัดการให้เรียบร้อยทันที แก้ไขปัญหาคาใจสุดท้ายที่เขาคิดวนเวียนเรียบร้อยแล้ว ไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด จึงกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ต่อไปถ้าอยู่ที่ธงพยัคฆ์ดำแล้วประสบความลำบากอะไร ก็ให้ติดต่อข้าให้ทันเวลา ถึงยังไงเจ้าก็เป็นผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์ดำ ข้าย่อมต้องพูดเข้าข้างเจ้าอยู่แล้ว เอาล่ะ พรุ่งนี้นายท่านผู้ตรวจการจะมาแล้ว เจ้ารีบเร่งเตรียมตัวเถอะ ถ้ามีอะไรต้องการให้เบื้องบนให้ความร่วมมือ ก็บอกข้าได้เลย” พูดจบก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปข้างใน เดาว่าเนี่ยอู๋เซี่ยวคงมีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา

เมื่อไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เหมียวอี้ก็นำคนถอยออกมาเช่นกัน ตอนที่ลงเขา เขาก็สั่งสวีถังหรานว่า “ไปสืบข่าวมู่อวี่เหลียนกับชวีหย่าหงอะไรนั่นหน่อยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่”

“ขอรับ!” สวีถังหรานเอ่ยรับคำสั่ง ต่อให้เหมียวอี้ไม่บอก แต่จู่ๆ มีรองผู้บัญชาการใหญ่โผล่มาสองคนแบบนี้ เขาย่อมต้องไปสืบข่าวอยู่แล้ว

บนโลกนี้มีเรื่องบางเรื่องที่เป็นความลับที่รู้กันทั่ว โดยเฉพาะข่าวลือระหว่างชายหญิง จะถูกเผยแพร่ปล่อยข่าวได้ง่ายที่สุด สวีถังหรานไม่ได้ใช้ความพยายามสักเท่าไรเลย แค่ถามใครสักคนจากทัพกลางเท่านั้น จากนั้นก็เรียกคนมาถามเพิ่มอีกนิดหน่อย เขาก็รู้สถานการณ์ของรองผู้บัญชาการใหญ่ในอนาคตทั้งสองอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว

หลังจากได้รับรายงานแล้ว เหมียวอี้ก็อึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาเดาเพียงว่า คนที่สามารถทำให้โป๋เยวสิ้นเปลืองความคิดได้จะต้องเป็นลูกน้องคนสนิทของโป๋เยวแน่นอน นึกไม่ถึงว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับโป๋เยว ทั้งยังทำตัวค่อนข้างกำเริบเสิบสานอยู่ที่ธงพยัคฆ์ดินด้วย ทำให้ธงพยัคฆ์ดินผู้บัญชาการปวาดประสาท

ถึงแม้จะเป็นแค่ข่าวลือ แต่เหมียวอี้ก็ไม่ได้โง่ สามารถทำให้โป๋เยวสิ้นเปลืองพลังความคิดแบบนี้ได้ ก็เป็นไปได้สูงว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง ครั้งนี้พ่ายแพ่ให้โป๋เยวแล้วจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายขอสองคนนั้นมาไว้มือ นี่ไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ พอนึกถึงคำถามยืนยันซ้ำจากเนี่ยอู๋เซี่ยวก่อนหน้านี้ เขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเนี่ยอู๋เซี่ยวรู้สถานการณ์เบื้องลึก ดีไม่ดีอาจจะอยากหัวเราะเยาะตนก็ได้

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset