พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1437 สนมสวรรค์หรูอี้

สวนท้อเงียบสงบและสวยงาม หมอกหนาทึบถึงเข่า หนึ่งคนเดินข้างหน้า สองคนเดินตามหลัง ตอนนี้ยังไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนเดินเล่นช้าๆ อยู่ในสวนท้อ

เดิมทีในหัวอิ๋งจิ่วกวงก็คิดไม่หยุดอยู่แล้ว ครุ่นคิดมาตลอดว่าประมุขชิงอยากจะทำอะไรกันแน่ ทว่าเดาไม่ค่อยออก

ข้างหน้าปรากฏศาลาแห่งหนึ่ง ประมุขชิงก้าวเข้าไปในนั้นแล้วนั่งลง ซ่างก่วนชิงรีบหยิบระฆังดาราออกมาส่งข่าว ไม่นานก็มีเทพธิดาสองคนเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา วางถาดที่มีผลไม้เซียนชนิดต่างๆ ผสมปนกัน ทั้งยังมีสุราหยกด้วย

หลังจากเทพธิดาทั้งสองถอยไปแล้ว ประมุขชิงก็ยกจอกสุราหยกขึ้นมาชิมอย่างช้าๆ แล้วกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “จากการตรวจสอบ ตอนที่ตำหนักสวรรค์วางกับดักจับคนที่ตลาดผี ได้ข่าวว่ามีคนเปิดเผยความลับด้วย อ๋องสวรรค์อิ๋งคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

อิ๋งจิ่วกวงที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างล่างทำสีหน้าเหมือนประหลาดใจทันที “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือขอรับ? ใครกันที่ช่างบังอาจเช่นกันนี้!” เขาบอกก่อนว่าตัวเองไม่รู้ แล้วก็โยนคำถามทิ้งกลับไป

ประมุขชิงดมกลิ่นหอมในแก้ว หางตาเหล่มองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “ปฏิบัติการครั้งนั้นรักษาความลับอย่างเหมาะสมที่สุด คนที่รู้สถานการณ์ล่วงหน้ามีเพียงสี่คน หนึ่งคือข้า อีกสองคนคือเกาก้วน ฮวาอี้เทียน แล้วก็ยังมีหลานสาวของเจ้า จ้านหรูอี้ อ๋องสวรรค์อิ๋งรู้สึกว่าใครที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด?”

อิ๋งจิ่วกวงแอบด่าในใจว่า ‘คนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดเผยความลับมากที่สุดก็คือเจ้าไง เจ้าให้นางหนูหรูอี้ไปเข้าร่วมเรื่องนี้ด้วย ก็ไม่ใช่เพราะอยากให้นางเปิดเผยความลับหรอกเหรอ?’

ทว่าเรื่องบางเรื่องทุกคนก็ทำได้เพียงรู้อยู่แก่ใจเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถเปิดโปงได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ทุกคนเล่นต่อไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแกล้งโง่ “นางหนูหรูอี้คงจะไม่กล้าหาญขนาดนั้นหรอกกระมัง?”

ประมุขชิงกล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่ว่าจะมีความกล้านั้นหรือไม่ เดี๋ยวตรวจสอบแล้วก็ย่อมรู้เอง”

หมายความว่ายังไง? อิ๋งจิ่วกวงรู้สึกหนาวๆ ในใจ จ้องมองปฏิกิริยาของประมุขชิง ต้องการจะตรวจสอบนางหนูหรูอี้งั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าอยากจะฉีกหน้ากัน? เขาจึงหัวเราะแห้งๆ แล้วบอกว่า “ฝ่าบาทกล่าวมีเหตุผล มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง ต้องตรวจสอบสักหน่อยขอรับ”

ประมุขชิงเงยหน้าดื่มสุราหยกจนหมดจอก ตบจอกสุราลงบนโต๊ะดังปั้ง เผยลักษณะที่น่ากลัวให้เห็นรางๆ พร้อมบอกว่า “บรรดาขุนนางใหญ่ตรวจสอบชื่อคนที่ติดกับดักซ้ำแล้ว ไม่สังเกตเห็นอะไรบ้างหรือ? ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีผู้เหลือรอดของหกลัทธิเลยสักคน พอหว่านแหลงไป ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ตัวละครเล็กๆ ที่เหลือรอดของหกลัทธิก็จับไม่ได้สักคน อ๋องสวรรค์อิ๋ง เจ้าว่าเป็นไปได้เหรอ? ไม่รู้สึกบ้างเหรอว่ามีเงื่อนงำ?”

ในตอนนี้ อิ๋งจิ่วกวงถึงได้รู้สึกตกใจจริงๆ แล้ว ในที่สุดก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหาแล้ว เข้าใจแล้วว่าประมุขชิงกำลังหมายถึงเรื่องที่จ้านหรูอี้เปิดเผยความลับต่ออ๋องสวรรค์อิ๋ง ทั้งยังมีคนเปิดเผยความลับให้ผู้เหลือรอดของหกลัทธิรู้ด้วย สิ่งนี้ล้ำเส้นประมุขชิงแล้ว!

เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตลาดผี แผนการปฏิบัติงานโดยละเอียดนั้นเป็นอย่างไรเขาก็ไม่รู้ชัด แต่ประมุขชิงได้พูดไว้ชัดเจนแล้ว ว่าคนที่รู้เรื่องนี้ล่วงหน้ามีเพียงสี่คนเท่านั้น แต่ประมุขชิง เกาก้วนและฮวาอี้เทียนจะเปิดเผยความลับต่อผู้เหลือรอดของหกลัทธิเหรอ? ไม่น่าจะเป้นไปได้นะ! ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จ้านหรูอี้จะเปิดเผยความลับต่อผู้เหลือรอดของหกลัทธิ แต่นางก็เปิดเผยให้อ๋องสวรรค์อิ๋งรู้แล้วจริงๆ ถ้าจับจ้านหรูอี้ไปสอบสวนขึ้นมา จ้านหรูอี้จะทนการสอบสวนจากเกาก้วนได้เหรอ? ถ้านางให้ปากคำไปว่าเปิดเผยความลับต่ออ๋องสวรรค์อิ๋ง เช่นนั้นใครจะพิสูจน์ได้ว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งไม่ได้สมคบกับผู้เหลือรอดของหกลัทธิ?

พอนึกถึงจุดนี้ อิ๋งจิ่วกวงก็แทบจะเหงื่อแตก ในใจเกิดความคิดสังหารขึ้นมาแวบหนึ่ง เก็บนางเด็กหรูอี้นั่นไว้ไม่ได้แล้ว!

ตอนนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้จ้านหรูอี้ถูกพาตัวไปสอบสวนไม่ได้เด็ดขาด กลับไปจะต้องตัดสินใจทันที ทั้งยังต้องทำให้รวดเร็วด้วย!

จ้านหรูอี้แค่คนเดียว เมื่อเทียบกับอนาคตทั้งหมดของอ๋องสวรรค์อิ๋ง ก็ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงจริงๆ!

แต่ภายนอกเขากลับไม่เผยพิรุธใดๆ กลับพยักหน้าเห็นด้วย “เรื่องนี้มีเงื่อนงำจริงๆ ขอรับ แต่ข้าน้อยรับประกันได้ ว่านางหนูหรูอี้ไม่มีทางสมคบกับผู้เหลือรอดของหกลัทธิแน่นอน ฝ่าย่อมก็ยิ่งไม่ใช่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทางเกาก้วนกับฮวาอี้เทียนจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เขาอยากจะเปลี่ยนประเด็นสนทนาก่อน

“เรื่องนี้ข้ามีข้อมูลอยู่ในใจแล้ว!” ประมุขชิงแสยะยิ้ม แต่สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว “เราคุยกันทีละเรื่องดีว่า เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น พูดถึงหลานสาวของเจ้า สิ่งที่นางทำตอนอยู่ตลาดผีก็นับว่าสร้างผลงานใหญ่แล้วเช่นกัน สาเหตุที่ข้ายังไม่ได้ให้รางวัลเลย ก็เป็นเพราะจะพิจารณาท่าทีของเจ้าก่อน อ๋องสวรรค์อิ๋งคิดว่าข้าควรจะให้รางวัลอะไรหลานสาวเจ้าดีล่ะ?”

อิ๋งจิ่วกวงถูกเขาปั่นจนสับสนงุนงงไปหมดแล้ว ความน่าเกรงขามของราชันนั้นยากจะคาดเดา ไม่เข้าใจว่าประมุขชิงอยากจะทำอะไรกันแน่ เขาครุ่นคิดไปสักประเดี๋ยว ก่อนจะปฏิเสธอย่างสุภาพว่า “ในเมื่อนางทำงานรับใช้ตำหนักสวรรค์ นั่นคือเรื่องที่นางสมควรทำ ตามหลักการแล้วให้ลูกน้องปฏิบัติตามกฎก็พอ มิบังอาจให้ฝ่าบาทลำบากเอ่ยวาจาชมด้วยตนเองขอรับ

“พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ทำผิดก็ต้องลงโทษ สร้างผลงานก็ต้องได้รางวัล จะเอ่ยปากกับใครก็ไม่เป็นไร” ประมุขชิงโบกมือ แล้วเอียงหน้าจ้องเขาพร้อมถามด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่นี้ข้าเห็นนาง รู้สึกชื่นชมมาก ตลอดทางที่เดินมาข้ากำลังคิดว่า จะให้รางวัลอะไรนางดีนะ? ตอนหลังข้าก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เลยตัดสินใจจะให้รางวัลนางโดยการรับนางเป็นสนม อ๋องสวรรค์คิดว่าอย่างไร?”

“…” อิ๋งจิ่วกวงอ้าปากกว้าง เรื่องราวหักมุมขนาดนี้เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ ใบหน้าชราแสดงอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

อย่าว่าแต่อิ๋งจิ่งกวงเลย ขนาดซ่างก่วนชิงที่อยู่ข้างกัน ก็ยังตะลึงค้าง หันหน้าช้าๆ ไปมองที่ประมุขชิง อยากจะดูว่าเขาพูดจริงหรือล้อเล่น ทว่าจากประสบการณ์ที่อยู่รับใช้เขามาหลายปี ตอนนี้เขาไม่เหมือนกำลังล้อเล่น ทั้งยังเหมือนคิดจะทำแบบนี้จริงๆ ด้วย

อิ๋งจิ่วกวงย่อมรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฝ่าบาทกำลังหมายถึงจะรับหรูอี้เป็นสนมหรือขอรับ?”

“ทำไมล่ะ? ไม่ได้เหรอ?” ประมุขชิงขมวดคิ้ว “หรือไม่อย่างนั้น อ๋องสวรรค์ไม่เต็มใจเหรอ?”

“เปล่าขอรับ เปล่าๆ…” อิ๋งจิ่วกวงรีบโบกมือปฏิเสธ อาศัยโอกาสนี้ ในหัวเริ่มคิดวนไปวนมาอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ที่ประมุขชิงตัดสินใจแบบนี้

ใช่ว่าประมุขชิงจะไม่เคยเจอผู้หญิงมาก่อน หลานสาวคนนั้นของตนถึงแม้จะหน้าตาไม่แย่ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นยอดหญิงงาม ผู้หญิงสวยเลิศล้ำแบบไหนที่ประมุขชิงไม่เคยลิ้มลองบ้างล่ะ ถ้าจะบอกว่ายอดหญิงงามมีอยู่ที่ไหนเยอะที่สุด ก็ย่อมเป็นวังหลังของประมุขชิงอยู่แล้ว แต่ทำไมประมุขชิงยังดึงดันจะรับนางหนูหรูอี้นั่นเป็นสนมให้ได้ล่ะ?

ไม่นานเขาก็พบคำตอบแล้ว เกรงว่าประมุขชิงคงจะไม่พอใจตระกูลเซี่ยโห้วเข้าแล้ว ต้องการให้มีผู้หญิงจากตระกูลขุนนางใหญ่เข้าไปคานอำนาจในวังหลัง โดยเฉพาะเรื่องที่ตลาดผี หอสัตยพรตกับประมุขชิงประมือกันมาตลอด ภายนอกประมุขชิงไม่ได้พูด แต่ในจะต้องมีเคืองแน่ ตอนนี้กำลังจะเริ่มเตือนตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว!

และถ้าต้องการจะคานอำนาจตระกูลเซี่ยโห้ว ผู้หญิงจากตระกูลขุนนางใหญ่ทั่วไปก็คานอำนาจเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ไหว เป็นเพราะอำนาจในวังและอำนาจนอกวังมีไม่พอ มีเพียงผู้หญิงจากตระกูลสี่อ๋องสวรรค์ถึงจะมีคุณสมบัตินั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ลูกสาวหลานสาวของสี่อ๋องสวรรค์คนไหนยังจะรอให้คนมาสู่ขออีก พวกนางแต่งงานออกเรือนกันไปหมดแล้ว ความรับผิดชอบนี้จึงตกมาอยู่ที่ตัวหลานสาวคนนี้ไปโดยปริยาย ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางหนูหรูอี้กับอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ยังมีความสัมพันธ์ห่างกันระดับหนึ่ง ตรงกลางยังมีตระกูลจ้านกั้นอยู่ เกรงว่านี่คงจะเป็นเหตุผลที่ประมุขชิงเลือกนางหนูหรูอี้

ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าการที่ประมุขชิงพูดจาบีบคั้นเขาก่อนหน้านี้หมายความว่าอะไร เรื่องนี้เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าเขาไม่ตอบตกลง ตอนนี้ตนถูกแยกออกมาอยู่ตามลำพังแล้ว ประมุขชิงสามารถสั่งให้จับจ้านหรูอี้ไปสืบสวนเรื่องเปิดเผยความลับได้ทันที ทำให้เขาเล่นตุกติกอะไรไม่ทันเลย

แต่ประมุขชิงกลับไม่เหลือทางหนีที่ไล่ไว้ให้เขาเลย ที่รับจ้านหรูอี้เป็นสนมก็เพื่อจะบอกว่าจะไม่สืบสาวเรื่องเปิดเผยความลับกับอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้วก็ได้ ทำไมไม่สืบสาวเอาเรื่องล่ะ? เมื่ออยู่ในบางระดับ สี่อ๋องสวรรค์คือผู้ที่ร่วมมือกัน ไม่ยอมเห็นฝ่ายตัวเองถูกลดทอนกำลังอำนาจง่ายๆ ประมุขชิงจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ ดังนั้นประมุขชิงจึงฉวยโอกาสตักเตือนตระกูลเซี่ยโห้วดีกว่า ให้อำนาจสองฝ่ายได้สู้กัน!

พอนึกถึงตรงนี้ ในใจอิ๋งจิ่วกวงก็รู้สึกเร่าร้อน ในสายตาของประมุขชิงอาจจะเป็นการต่อสู้ของคนสองฝ่าย แต่สำหรับอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว สิ่งนี้กลับทำให้มองเห็นโอกาส ถ้าสามารถฉวยโอกาสข่มตระกูลเซี่ยโห้วได้ เช่นนั้นเขาก็จะยินดีมาก เกรงว่าอีกสามอ๋องสวรรค์ก็คงจะยินดีมากเช่นกัน อำนาจใต้ดินถูกควบคุมโดยตระกูลเซี่ยโห้วมาตลอด พวกเขาสี่คนยื่นมือเข้าไปแทรกไม่ได้เลย

แทบจะเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว อิ๋งจิ่วกวงเดาความคิดของประมุขชิงไปจนเกือบเสร็จสรรพแล้ว เรียกได้ว่าแอบปลื้มปีติยินดีมาก!

เป็นเพราะเพิ่งทิ้งเทพประจำดาวของตัวเองไปสองคน ทำให้จิตใจของกำลังพลเบื้องล่างไม่มั่นคง หรือจะบอกว่า ‘กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้’ ก็ได้ ถ้าหรูอี้กลายเป็นสนมโปรดของระมุขชิง กำลังพลเบื้องล่างก็จะต้องชั่งน้ำหนักอิทธิพลของเขาที่มีต่อตำหนักสวรรค์อีกครั้ง สามารถช่วยให้ใจคนสงบมั่นคงได้ เรียกได้เป็นเรื่องดีแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว!

เขาจึงพูดต่อว่า “การที่ฝ่าบาทสามารถชื่นชอบนางได้ ก็นับเป็นวาสนาของนางขอรับ เพียงแต่นางหนูนั่นไม่ได้หน้าตาสวยโดดเด่น เมื่อเข้าวังหลังแล้วเกรงว่าอาจจะไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท!”

นี่เป็นการเริ่มคุยเงื่อนไขกันแล้ว!

ประมุขชิงเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ในเมื่อเป็นหลานสาวของอ๋องสวรรค์ มีหรือที่ข้าจะปฏิบัติด้วยอย่างขาดความยุติธรรม ข้าจะแต่งตั้งนางเป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ จะประทานเกี้ยวหงส์เดี่ยวให้ด้วย เงินประจำตำแหน่งในวังหลังก็อิงจากตำแหน่งสูงสุดในบรรดาสนม เป็นรองเพียงราชินีสวรรค์เท่านั้น นอกจากข้ากับราชินีสวรรค์ เมื่อเห็นคนอื่นก็ไม่ต้องทำความเคารพ! อ๋องสวรรค์คิดว่าอย่างไร?”

อิ๋งจิ่วกวงได้ยินแล้วดีใจมาก นับตั้งแต่ตำหนักสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ คนแรกที่ถูกแต่งตั้งให้เป็น ‘สนมสวรรค์’ ก็คือหลานสาวของเขา ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ก็ยิ่งสมปรารถนาตามใจคิดเหมือนกับชื่อของนาง ถือเป็นเกียรติอย่างที่สุด เกี้ยวหงส์เดี่ยวถึงแม้จะมีน้อยกว่าหงส์คู่ของราชินีสวรรค์หนึ่งตัว แต่ก็มีกฎว่ามีเพียงราชินีสวรรค์เท่านั้นที่สามารถใช้พาหนะหงส์ได้

เมื่อลองคิดไปต่างๆ นาๆ ก็พบว่านางหนูหรูอี้นั่นจะได้เป็นสตรีอันดับสองของใต้หล้าแล้ว มีตระกูลสนับสนุนแบบนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะได้กลายเป็นสตรีอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ได้ เมื่อมีเกียรติยศรองรับ เขาก็จะอธิบายกับฝั่งลูกสาวตัวเองได้สะดวก ไม่อย่างนั้นถ้าให้หรูอี้เข้าวังไปเป็นสนมธรรมดา คาดว่าต่อให้ตีให้ตาย ลูกสาวตนก็ไม่มีทางตอบตกลง

อิ๋งจิ่วกวงโค้งตัวค้างไว้นานๆ ทันที “ข้าน้อยขอขอบคุณในความเมตตาอันใหญ่หลวงของฝ่าบาทแทนนางหนูหรูอี้!” นี่เท่ากับเป็นการตอบตกลงแล้ว

ซ่างก่วนชิงผู้การใหญ่วังสวรรค์แอบรู้สึกทึ่ง สิ่งที่ผู้หญิงมากมายในวังหลังพยายามคิดหาทางเอาใจฝ่าบาทอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่ได้ แต่กลับมีคนได้มาง่ายๆ ตั้งแต่ยังไม่เข้าวังแล้ว กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายเท่าไรอิจฉาริษยา! แต่ของแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นางเกิดในตระกูลขุนนางที่มีตำแหน่งน้อยมากในใต้หล้าล่ะ ตอนนี้ราชินีสวรรค์มีคู่แข่งแล้ว!

ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เกรงว่าความคิดของคนหนุ่มสาวจะไม่เหมือนกันน่ะสิ! อ๋องสวรรค์กลับไปปรึกษากับคนที่บ้านก่อนก็ได้ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที!”

“คนหนุ่มสาวจะไปรู้อะไร การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมาก็ล้วนต้องฟังคำสั่งบิดามารดา ฟังคำพูดแม่สื่อ จะเห็นเป็นเรื่องเด็กเล่นได้อย่างไร ผู้ใหญ่ย่อมมีอำนาจตัดสินใจอยู่แล้ว!” อิ๋งจิ่วกวงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ประมุขชิงโค้งมุมปากยิ้มหยอกล้อ “อ๋องสวรรค์หมายความว่า…กำหนดตามนี้เหรอ?”

กับเรื่องแบบนี้อิ๋งจิ่วกวงไม่สนว่าเขาจะล้อเล่นหรือไม่ กลัวก็แต่ว่าถ้าปล่อยให้เวลานานไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงพยักหน้ารับรองทันที “มิบังอาจล้อเล่นต่อหน้าฝ่าบาท ตกลงตามนี้ขอรับ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” ประมุขชิงลุกขึ้นยืน ถอดแผ่นหยกสีรุ้งที่พกติดตัวออกมา แล้วยื่นให้อีกฝ่าย” ใช้สิ่งนี้เป็นของขวัญแทนใจที่ข้ามอบให้หรูอี้ก็แล้วกัน ต่อไปนี้นางสามารถอาศัยสิ่งนี้เพื่อเข้าออกวังสวรรค์ได้โดยไม่ต้องถูกราชินีสวรรค์ควบคุม ข้าจะปฏิบัติต่อนางให้สมกับชื่อ ‘สนมสวรรค์หรูอี้[1]!”

…………………………

[1] หรูอี้ 如意 แปลว่าสมปรารถนา

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset