พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1458 จู่โจมอย่างต่อเนื่อง

ภูเขาสูง สายลมเหน็บหนาว แสงแดดงดงามสาดส่องอยู่ด้านบน หิมะขาวปกคลุมแนวภูเขา

หมวกทรงสูงสีดำ ผ้าคลุมบ่าสีดำปลิวสะบัดอยู่ท่ามกลางลมหนาวเหน็บ เกาก้วนที่สีหน้าเย็นชายืนลำพังเงียบๆ อยู่ริมหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

เงาคนคนหนึ่งเหาะอ้อมภูเขาเข้ามาอย่างเงียบๆ หลังจากเห็นเงาแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวบนหน้าผาแล้ว เขาก็ทำสีหน้าจริงจังแล้วรีบถลันตัวขึ้นไป ไปเหยียบลงข้างกายเกาก้วนแล้วทำความเคารพ “ข้าน้อยเซียวหลินหม่านคารวะท่านทูตขวา”

เกาก้วนไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ทอดสายตามองไปไกลอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางกล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่ต้องมากพิธี”

เซียวหลินหม่านยังคงกุมหมัดคารวะค้างไว้ “ข้าน้อยมาสาย ทำให้นายท่านรอนานแล้ว”

“เป็นข้าเองที่มาเร็วไป ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เกาก้วนกล่าว

“เดิมทีควรจะไปรายงานต่อหน้านายท่านด้วยตัวเอง นึกไม่ถึงว่าจะต้องรบกวนให้นายท่านมาที่นี่เอง” เซียวหลินหม่านกล่าวด้วยสีหน้าอับอาย

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ข้าบังเอิญผ่านมาทางนี้พอดี เลยถือโอกาสมาก็เท่านั้น ว่ามาเถอะ ข่าวนี้น่าเชื่อถือแค่ไหน?” เกาก้วนถาม

“ข่าวนี้บอกไม่ได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือ เพียงแต่ข้าน้อยสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างนิดหน่อย รู้สึกว่ามีเงื่อนงำ” เซียวหลินหม่านตอบ

“ว่ามา!”

เซียวหลินหม่านกล่าวอย่างลังเลว่า “ตามข่าวที่รายงานกลับมาจากสายลับที่อยู่ในสิบปราสาทดำเนิน พบว่าสิบปราสาทดำเนินแทบจะมีการเคลื่อนไหวผิดปกติเกิดขึ้นพร้อมกันในวันเดียว ถึงแม้ทางสิบปราสาทดำเนินจะทำอย่างลับๆ แต่ข้าน้อยก็ยังค้นพบความไม่ปกติบางอย่าง หลังจากรวบรวมสถานการณ์ของทางสิบปราสาทดำเนินแล้ว ลูกศิษย์บางส่วนที่คอยรับใช้บุคคลสำคัญของสิบปราสาทดำเนินต่างก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างจากยามปกติ บางคนก็ไม่มาเอาน้ำแร่ตามแนวภูเขาไปต้มน้ำชาอีก บางคนก็เก็บตัวฝึกตนอย่างกะทันหัน บางคนก็ไม่ออกมาทำตามกิจวัตรเหมือนทุกวันอีก ล้วนเป็นปฏิริยาที่ผิดปกติแบบเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้เพียงปราสาทเดียว ก็อาจจะไม่เป็นอะไร ข้าน้อยคงไม่กล้ารบกวนนายท่านด้วยเหตุผลนี้ แต่สิบปราสาทดำเนินดันแสดงความผิดปกติพร้อมกัน เกรงว่าจะไม่ใช่ความบังเอิญขอรับ ข้าน้อยรู้สึกว่าจะต้องรายงานให้นายท่านทราบ”

“ทำรายงานอย่างละเอียดแล้วหรือยัง?” เกาก้วนถาม

เซียวหลินหม่านหยิบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมาทันที แล้วใช้สองมือยื่นให้ด้วยความเคารพ “รายงานสถานการณ์โดยละเอียด ข้าน้อยใส่ไว้ในนี้หมดแล้วขอรับ”

เกาก้วนยื่นมือออกมาด้านข้าง เซียวหลินหม่านวางแผ่นหยกลงบนมืออีกฝ่ายเบาๆ พอหยิบแผ่นหยกมาแล้ว เกาก้วนก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูนานมาก เห็นได้ชัดว่าอ่านอย่างละเอียดพอสมควร

เซียวหลินหม่านแอบสังเกตสีหน้าท่าทางของเกาก้วน ในใจเรียกได้ว่าทั้งเฝ้าคอยทั้งตื่นเต้นกังวล คนตำแหน่งอย่างเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอทูตตรวจการฝ่ายขวาเกาก้วนบ่อยนัก เป็นเพราะทางสิบปราสาทดำเนินเงียบสงบเกินไปจริงๆ แทบจะไม่ให้โอกาสเขาแสดงความสามารถอะไรเลย ถ้าไม่มีโอกาสแสดงความสามารถก็จะไม่มีโอกาสสร้างผลงาน นั่นก็หมายความว่าจะไม่มีรางวัลใหญ่อะไร อาศัยแค่ค่าจ้างประจำเล็กน้อยจะเอาไปทำอะไรได้? ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถต่อหน้าท่านทูตขวาสักครั้ง เขาอยากจะไขว้คว้าโอกาสนี้ไว้ ไม่อยากพลาด

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เกาก้วนก็พยักหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “เจ้าทำได้ไม่เลว ขนาดรายละเอียดเล็กน้อยในนั้นก็ยังสังเกตเห็น ให้เจ้าเฝ้าอยู่ที่สิบปราสาทดำเนินเฉยๆ หลายปีถือว่านำคนมีฝีมือไปใช้กับงานง่ายๆแล้ว”

เซียวหลินหม่านแอบปลื้มในใจ การได้รับคำชมจากลูกน้องคนสนิทของราชันสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ จึงกล่าวถ่อมตัวว่า “สิ่งนี้ล้วนเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่ขอรับ”

“ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว ทำได้ดีก็คือทำได้ดี ข้าไม่เคยพูดตามมารยาท” เกาก้วนกล่าวเสียงเย็น

“ขอรับ! ขอบคุณที่นายท่านชื่นชม” เซียวหลินหม่านกล่าว

เสื้อคลุมปลิวสะบัดอยู่ท่ามกลางลมหนาวไม่หยุด เกาก้วนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวช้าๆ ว่า “จากเรื่องนี้ ข้าเองก็ได้เห็นความสามารถของเจ้าแล้ว การปล่อยเจ้าไว้ที่นั่นนับว่าเสียของจริงๆ ช่วงนี้ตรวจหน่วยตรวจการขวามีงานเยอะมาก มีบางเรื่องที่หาคนที่เหมาะสมไม่ได้พอดี ข้าอยากจะส่งงานที่ซับซ้อนบางอย่างให้เจ้าทำ เจ้ายินดีจะรับไว้หรือเปล่า?”

เซียวหลินหม่านรู้สึกตื่นเต้นดีใจ นี่กำลังจะใช้ให้เขาทำงานในตำแหน่งสำคัญเหรอ? เขากุมหมัดคารวะอย่างมีพลัง “ข้าน้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟ”

เกาก้วนกล่าวว่า “ความดีความชอบที่เจ้าควรจะได้ ข้าก็จะให้เจ้าครบ ทางกองหกยังขาดผู้ช่วยอยู่คนหนึ่ง เดี๋ยวเจ้าไปรับตำแหน่งที่กองหก ส่วนรางวัลอย่างอื่น หลังจากจบเรื่องแล้วจะมอบให้อย่างเหมาะสม แต่มีบางเรื่องที่เจ้าต้องรู้เอาไว้ ภารกิจของเจ้าที่นี่เป็นความลับ จู่ๆ ให้รางวัลเจ้าอาจจะทำให้คนอื่นสงสัยได้ ถ้าไปที่กองหกแล้วจะยังไม่เลื่อนตำแหน่งให้เจ้าในทันที รอให้ผ่านไปสักระยะจะหาโอกาสให้เจ้าได้สร้างผลงาน จะได้ปิดบังหูตาคนอื่นได้สะดวก หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ เจ้าจะได้รับความอยุติธรรมก่อนชั่วคราว”

ในดวงตาเซียวหลินหม่านฉายแววปลาบปลื้มอย่างบ้าคลั่ง รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกองหกก็เท่ากับได้เลื่อนตำแหน่งรวดเดียวสองตำแหน่ง รางวัลอย่างอื่นคงจะไม่น้อยแน่ จึงรีบตอบว่า “ข้าน้อยยินดีทำตามที่นายท่านเตรียมการไว้”

เกาก้วน “เดี๋ยวจะส่งคนไปรับตำแหน่งต่อจากเจ้า ส่วนใครจะไปรับตำแหน่งแทนเจ้าก็ไม่ต้องสนใจแล้ว และไม่จำเป็นต้องให้คนที่รับตำแหน่งต่อจากเจ้ารู้ด้วยว่าเจ้าเป็นใคร เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสิบปราสาทดำเนิน เจ้าต้องกลืนไว้ในท้องห้ามเอ่ยกับใครอีก ไปรายงานที่กองหกโดยตรงเลย เข้าใจมั้ย?”

เซียวหลินหม่านย่อมเข้าใจอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นความลับสุดยอดก็จะประกาศไม่ได้ ทำแบบนั้นแปลว่าตัวเองเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เขาตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

“ไปเถอะ!” เกาก้วนเอียงหน้ามองเขา

“ขอรับ!” เซียวหลินหม่านกุมหมัดคารวะพร้อมถอยออกไปไกล เสร็จแล้วถึงได้เหาะขึ้นฟ้าไป ยังคงควบคุมความตื่นเต้นดีใจที่เปี่ยมล้นเต็มอกไม่ไหว

ขณะมองคล้อยหลังเขาหายไป เกาก้วนยังคงไม่แสดงสีหน้าที่ผิดปกติใดๆ แต่แผ่นหยกในมือกลับมีเสียงดังแกร๊ก กลายเป็นผุยผงปลิวไปแล้ว

หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ในที่สุดเซียวหลินหม่านก็มารายงานตัวที่กองหกของหน่วยตรวจการขวาอย่างเฝ้ารอมานาน

และเบื้องบนก็ไม่ได้กลืนคำพูดตัวเอง พอมาได้ไม่นานก็มอบโอกาสให้เขาได้สร้างผลงานแล้ว เป็นภารกิจที่ต้องแยกไปปฏิบัติเดี่ยวๆจากกองหก เซียวหลินหม่านย่อมรู้ว่าแบบนี้มีความหมายแฝงว่าอะไร นี่คือการดูแลที่พิเศษ

พอเสียงต่อสู้ที่ไม่รุนแรงจบลง เป้าหมายหลายคนก็ติดกับดักให้จับ เซียวหลินหม่านได้รับคำชม ขณะที่กำลังจะกุมหมัดขอบคุณ ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมา จู่ๆ ร่างกายที่ไม่ได้เตรียมป้องกันก็พลันแน่นตึง เชือกมัดเซียนเส้นหนึ่งก็มัดเขาเอาไว้แล้ว พร้อมรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง

เขามองกระบี่วิเศษที่แทงเข้ามาในหัวใจอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ เบิกตากว้างมองเผยโม่หัวหน้ากองหกที่เพิ่งกล่าวชมตัวเอง

เผยโม่มองเขาด้วยแววตาเย็นชา พร้อมกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “จากไปอย่างสงบเถอะ เจ้าตายในหน้าที่ ครอบครัวของเจ้าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม”

“เพราะอไร…” ในดวงตาเซียวหลินหม่านเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ยอม ในลำคอมีเลือดทะลักออกมา อวัยวะภายในโดนพลังอิทธิฤทธิ์ที่ปล่อยออกจากกระบี่วิเศษกวนจนเละแล้ว

“เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าเพราะอะไร!” เผยโม่ชักกระบี่ออกมา ศีรษะใบหนึ่งกระเด็นออกไปแล้ว…

ขุนเขานภามิเปลี่ยนแปลง สายธารายังหลากไหล ลำธารไหลวนรอบภูเขา ที่ข้างสระน้ำสีเขียวมรกต บนหินก้อนใหญ่ที่มีดอกกล้วยไม้ มีชายชราใส่ชุดผ้าดิบคนหนึ่งกำลังนั่งตกปลา

ในมีเขามีเสียงผิดปกติ ชายแก่ตกปลาเอียงหน้ามองแวบหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นชายแก่ตัดฟืนกำลังหาบไม้ฟืนเดินลงเขาอย่างช้าๆ นี่เอง ท่าทางลำบากมาก

เมื่อเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ชายแก่ตกปลาก็ตกปลาต่อไปอย่างสงบใจ

ชายแก่ตัดฟืนหาบฟืนเดินลงเขาตามทางเล็กๆ ตอนที่ผ่านสระน้ำ ในกองฟืนที่หาบอยู่ด้านซ้ายก็พลันมีแสงเย็นสายหนึ่งแทงออกมา แทงไปโดนแผ่นหลังของชายแก่ตกปลาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ

ทว่าชายแก่ตกปลาก็ตอบสนองรวดเร็วไม่ธรรมดาเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แต่ในขณะที่ตกใจก็พลันยื่นมือคว้าคมกระบี่ที่แทงทะลุออกมาจากหน้าอกเอาไว้ แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมไม่ให้อานุภาพการโจมตีของกระบี่ด้ามนี้ขยายใหญ่กว่านี้ จากนั้นก็ใช้หลังมือตบกลับไป

เชือกมัดฟืนระเบิดออก คนถือกระบี่ปรากฏตัว ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งรับไว้ได้อย่างเหี้ยมหาญ แล้วใช้ฝ่ามือสองข้างปะทะไว้ เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ชั่วพริบตาเดียวพลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดก็ทำให้ภูเขาแม่น้ำผืนนี้ถล่มลง

คนถือกระบี่สะเทือนจนถอยหลัง ชายแก่ตกปลารอดพ้นจากอันตรายแล้ว จ้องมองจากบนฟ้าด้วยแววตาโกรธแค้น สีหน้าโกรธจัด พลางตะโกนถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”

สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นกระบี่บินด้ามหนึ่งที่ระเบิดยิงออกมาจากอีกด้านของกองฟืนราวกับสายฟ้า กระบี่บินฟันออกไปอย่างบ้าระห่ำ มีคนอีกคนปรากฎตัวออกมาจากกองฟืน ร่วมมือกับคนที่สะเทือนจนถอยหลังไปก่อนหน้านี้สังหารออกไปพร้อมกัน ทำศึกเดือดกับชายแก่ตกปลาที่ได้รับบาดเจ็บ

ที่บ่าของชายแก่ตัดฟืนยังคงแบกไม้คาน กำลังจ้องมองฉากต่อสู้ตรงหน้าอย่างสงบเยือกเย็นท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวล

เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสักพักแล้วสองคนนี้ยังจัดการชายแก่ตกปลาที่บาดเจ็บหนักไม่ได้ รอบกายชายแก่ตัดฟืนก็มีกระแสลมพรั่งพรูรวดเร็วรุนแรง ชั่วพริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นปราณกระบี่สุดอันตราย ปราณกระบี่เป็นสีขาวเงินสะดุดตา ทั้งร่างกายพลันกลายเป็นกระบี่ลมด้ามหนึ่งพุ่งออกไป มีลักษณะท่าทางดุดัน

สองคนที่พัวพันต่อสู้อยู่กับชายแก่ตกปลารีบถลันตัวแยกออกไป เงากระบี่ขนาดใหญ่แฉลบผ่านกลางระหว่างทั้งออกไป

เปรี้ยง! กลางอากาศมีเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ชายแก่ตกปลาใช้วิชาดรรชนี มือซ้ายและขวาชูนิ้วออกมาสามนิ้ว นิ้วทั้งหกประสานกันตรงหน้าอก ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้คมกระบี่สีขาวเงินที่จมลงตรงหน้าอกเข้ามาลึกกว่านี้อีกไม่ได้ แต่ดวงตากลับชำเลืองมองคนที่โดนครอบอยู่ในปราณกระบี่อย่างตกตะลึง ราวกับอยากจะมองให้ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามที่สวมหน้ากากปลอมตัวเป็นใครกันแน่

คนที่อยู่ในกระบี่สบตาอย่างเย็นเยียบ สองนิ้วที่ใช้โน้มนำปราณกระบี่ให้แทงออกมาออกรงดันอีกครั้ง ปราณกระบี่แยกออก พลันกลายเป็นปราณกระบี่สิบสองด้ามยิงออกมา

“ปราสาทดำเนินนภา…” ชายแก่ตกปลาเบิกตากว้างพลางอุทานออกมา ตามติดด้วยการกระอักเลือดสดอย่างบ้าคลั่ง บนร่างที่ล้มลงมีปราณกระบี่สิบสองด้ามที่ถูกเขาร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านสุดชีวิตเสียบอยู่ ปราณกระบี่สิบสองด้ามหายไปอย่างช้าๆ กลายเป็นความว่างเปล่าสลายหายไปในอากาศ

ชายแก่ตัดฟืนลอยขึ้นฟ้าแล้วมองอย่างเย็นเยียบ จากนั้นก็ถลันตัวเข้าไป ใช้กระบี่ฟันชายแก่ตกปลาที่ล้มลงให้ตายสนิท สองคนที่กลับมาแล้วรีบไปอีกทิศทางหนึ่งพร้อมกับชายแก่ตัดฟืน จุดที่ทั้งสามไปคือบ้านพักบนภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตรงนี้สิบกว่าลี้ คนที่อยู่ในบ้านพักบนภูเขาตกใจกับการต่อสู้อันดุเดือดที่อยู่ไกลๆ คนที่โผล่ออกมายังไม่ทันรู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็โดนคนนับร้อยล้อมสังหารเข้ามาจากทั่วสารทิศแล้ว ทั้งบ้านพักบนภูเขาพลิกจมลงในดินโคลนในชั่วพริบตาเดียว

ชาวนาที่ทำนาอยู่ในนาต่างก็ถูกฉากศึกใหญ่ของเหล่าเทพทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด มีบางคนตัวสั่นเทิ้ม มีบางคนคุกเข่าหมอบกราบไม่หยุด…

ในราชวังที่ใหญ่โตโอ่อ่า องครักษ์กลุ่มใหญ่กับฝ่าบาทที่กำลังหวาดกลัวพากันวิ่งวุ่น แต่กลับหนีแผ่นดินที่ถล่มม้วนกลิ้งเข้ามาราวกับคลื่นไม่ทัน ตำหนักราชวังถล่มลงอย่างง่ายดาย ชั่วพริบตาเดียวก็โดนโคลนกลบไว้แล้ว

การต่อสู้เริ่มจากอารามเต๋าในวัง แล้วก็เริ่มลุกลามไปทั่วทั้งวัง ไม่รู้ว่ามีคนจากไหนโผล่ออกมาสู้กับนักพรตเต๋าในตำหนักราวกับศึกเทพ รอบข้างมีแต่เสียงร้องตกใจ ผ่านไปไม่นาน กลุ่มองครักษ์กับฝ่าบาทที่กำลังถูกคุ้มกันก็เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ตำหนักหลังหนึ่งที่ปลิวลงมาจากฟ้าตบพวกเขาจมลงในดินทันที

ต่อสู้กันเร็วมาก ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ฝ่ายที่รุกโจมตีใช้ความได้เปรียบอันเบ็ดเสร็จทำให้การเข่นฆ่าสงบลงแล้ว คนชุดดำกลุ่มหนึ่งที่เรือนร่างอ่อนช้อยบอบบางพุ่งขึ้นฟ้าไป หายไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว…

บนท่าเรือริมแม่น้ำ…

ในหมู่บ้านชาวนาที่สงบเงียบ…

บนดาวเคราะห์หลายดวงในดาราจักรอันกว้างใหญ่ แต่ละแห่งที่มีมนุษย์ธรรมดาอยู่อาศัย ดูเหมือนไม่โดดเด่นสะดุดตาอะไร แต่กลับเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจนสะท้านฟ้าสะเทือนดินแทบจะพร้อมกัน

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset