พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1479 หงส์อัคคีน้ำแข็ง

สถานการณ์แบบนี้ค่อนข้างแปลก ที่นี่จะมีกลุ่มผู้หญิงโผล่มาหัวเราะได้อย่างไร

เหมียวอี้เอียงหน้าช้าๆ มองไปทางอวี้ซา แล้วถามเบาๆ ว่า “นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?”

อวี้ซายกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย บอกใบ้ว่าอย่าส่งเสียง แล้วจู่ๆ ก็หันไปมองผาน้ำแข็งที่สูงชันด้านข้าง

เหมียวอี้ก็มองตามเช่นกัน เขาฟังออกแล้ว เสียงหัวเราะของกลุ่มผู้หญิงดังมาจากกำแพงน้ำแข็งหนานั้น ไม่ใช่แค่เสียงหัวเราะ แต่มีทั้งเสียงหัวเราะทั้งเสียงพูดคุย คุยว่าวันนี้จะไปเที่ยวเล่นที่ไหนดี เสียงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น ทันใดนั้นบนกำแพงน้ำแข็งสีฟ้าก็มีขาวข้างหนึ่งก้าวออกมา ตามติดด้วยผู้หญิงสวยแช่มช้อยคนหนึ่งเดินออกมา เป็นผู้หญิงที่สวมชุดนางในสีฟ้าทั้งตัว ผิวกายขาวหมดจด ใบหน้างดงามดุจภาพวาด สดใสเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่สาวน้อยแสนสวยทยอยกันเดินออกมาจากกำแพงน้ำแข็งสิบกว่าคน

ที่จริงแล้วเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกงดงามที่สุด แต่สภาพการณ์แปลกประหลาดจริงๆ เพราะไม่เห็นว่ากำแพงน้ำแข็งจะมีคลื่นอะไรเลย และไม่เห็นรอยแยกอะไรด้วย สาวน้อยกลุ่มนั้นทำราวกับกำแพงน้ำแข็งนั่นไม่มีอยู่ มองเห็นเป็นเหมือนอากาศ ออกมาตามอำเภอใจ บนกำแพงน้ำแข็งไม่มีร่องรอยหรือความเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด

พอเหมียวอี้ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง ก็เห็นถึงลับลมคมในแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นวิญญาณน้ำแข็ง ในใจอดไม่ได้ที่จะอุทานว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์แห่งนี้เก่าแก่โบราณใช้ได้เลย ตอนอยู่ที่พิภพเล็กเขาเคยเห็นวิญญาณน้ำแข็งที่ตำหนักน้ำแข็งมาก่อน เพียงแต่มีลักษณะเป็นเหมือนตัวอ่อนของคน ที่เหมือนคนตั้งแต่ศีรษะยันเท้าแบบนี้ใช่ว่าใช้เวลาสั้นๆ แล้วจะทำได้

สาวน้อยกลุ่มหนึ่งที่เดินตัดผ่านจากข้างหน้ามองข้ามสองคนนี้ไปเลย ราวกับทั้งสองไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาพวกนาง ดูเหมือนไม่มีเจตจาเป็นศัตรูกับทั้งสองเลยสักนิด เอาแต่พูดคุยหัวเราะกับเพื่อนสาวของตัวเอง ทยอยกันเดินเนิบนาบเข้าไปในผาน้ำแข็งที่อยู่ตรงข้าม แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

วิญญาณน้ำแข็งพวกนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายมาหาเรื่องพวกเขาก่อน พวกเขาก็ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นกัน

ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นสักนิดเลยเหรอ? เหมียวอี้กับอวี้ซาสบตากันโดยจิตใต้สำนึก

ขณะที่ทั้งสองเพิ่งจะโล่งใจ ใครจะคิดว่าข้างหลังจะมีเสียงหัว “คิกคิก” ของพวกผู้หญิงดังมาอีก ทั้งสองหันกลับไปมองพร้อมกัน เห็นกลุ่มสาวน้อยที่เดินหายเข้าไปในกำแพงน้ำแข็งเดินออกมาอีกแล้ว ยังคงพูดคุยหัวเราะกันเหมือนเดิม ดูจากหน้าตาแล้วยังเป็นสาวน้อยกลุ่มเดิมก่อนหน้านี้ เดินช้าๆ เข้าไปในกำแพงน้ำแข็งที่อยู่ตรงข้ามอีก ยังไม่แตะต้องทั้งสองแม้แต่ผมเส้นเดียวเหมือนเดิม

รอจนกระทั่งเสียงหัวเราะไปไกลแล้ว ทั้งสองก็มองหน้ากันเลิกลั่ก ขณะที่อวี้ซากำลังจะพาเหมียวอี้ออกจากที่นี่ ใครจะคิดว่าเสียงหัวเราจะดังเข้ามาใกล้อีก

ทั้งสองหันหน้าไปมองทางขวาพร้อมกัน เห็นกลุ่มสาวน้อยเดินพูดคุยหัวเราะออกมาอีกแล้ว แต่รอบนี้กลับเดินจากด้านข้างเข้ามาหาพวกเขา ยังคงมองไม่เห็นพวกเขา เดินตรงเข้ามาชนทั้งสองเลย

มือของอวี้ซาที่พาดบนบ่าเหมียวอี้ขยับเล็กน้อย พาเหมียวอี้ไถลข้างหน้าต่อ หลบเลี่ยงสาวน้อยกลุ่มนั้น

กระทั้งหลังจากสาวน้อยกลุ่มนั้นเข้าไปในกำแพงน้ำแข็งตรงข้ามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง อวี้ซาก็อดทนเสียเวลาต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบพาเหมียวอี้หนีไปอย่างรวดเร็ว ผ่านเข้าไปในหุบเขาน้ำแข็งที่คดเคี้ยวด้านหน้าต่อ

ทว่าในครั้งนี้ เสียงหัวเราะขงสาวน้อยกลุ่มนั้นกลับเหมือนวิญญาณที่ตามติด ไม่ว่าทั้งสองจะไปที่ไหน เสียงหัวเราะก็ดังมาจากกำแพงน้ำแข็งข้างซ้ายและขวาตลอด ราวกับเป็นเงาตามตัว ราวกับอยู่ข้างกายพวกเขาตลอด

ความรู้สึกที่เหมือนโดนเล่นอยู่ในฝ่ามือคนอื่นแบบนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดมาก

เหมียวอี้ยังดีหน่อย เพราะเขาหวังว่าจะให้เกิดเรื่อง ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะหลุดพ้นจากอวี้ซาได้ เขารู้อยู่แก่ใจ ว่าต่อให้เคล็ดวิชาอัคนีดาราของตนจะควบคุมวิญญาณชั่วร้ายได้ขนาดไหน แต่ก็มีพลังต่างกับอวี้ซามากเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวี้ซาเลย มีแต่ต้องให้เกิดเรื่องขึ้นเท่านั้นถึงจะหลุดพ้นจากอีกฝ่ายได้ ไม่อย่างนั้นถ้าไปที่รังหงส์ได้อย่างราบรื่นจริงๆ ก็รับประกันได้ยากว่าอวี้ซาจะเก็บคนหมดประโยชน์อย่างเขาไว้ต่อไป

ที่สำคัญก็คือ มีความเป็นไปได้น้อยที่วรยุทธ์ของวิญญาณน้ำแข็งพวกนี้จะสูงกว่าอวี้ซา กอปรกับเคล็ดวิชาที่เขาฝึกสามารถควบคุมวิญญาณน้ำแข็งได้เช่นกัน มีสองสิ่งนี้ถ่วงดุลกันก็ยังมีความมั่นใจจะรับมือกับวิญญาณน้ำแข็งบ้างนิดหน่อย แต่กับอวี้ซาเขาไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงหวังจะให้เกิดเรื่อง

ส่วนรายละเอียดว่าจะเลือกอะไร ก็ยังต้องดูว่าว่าตอนอวี้ซากับวิญญาณน้ำแข็งพวกนี้สู้กันเป็นอย่างไร ถ้าศักยภาพของวิญญาณน้ำแข็งพวกนี้สูงเกินไป เช่นนั้นก็ช่างเถอะ อย่างน้อยอวี้ซาก็ยังไม่ทำอะไรเขาตอนนี้

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ อวี้ซากักเขาเอาไว้ในมือตลอด ทำให้เขามีความตั้งใจแต่ไร้ความสามารถ อยู่ในระยะที่ใกล้กันกันขาดนี้ ยามเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างอวี้ซา แค่อีกฝ่ายดีดนิ้วก็กำจัดเขาได้แล้ว เลิกคิดเรื่องหนีไปได้เลย

ตอนนี้ทั้งตัวเขาตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉินแล้ว สายตาเป็นประกายล่อกแล่กเป็นระยะ กำลังรีบคิดหาวิธีการ ดูว่าจะอาศัยโอกาสนี้หนีไปได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปถึงรังหงส์ได้จริงๆ แบบนั้นก็อันตรายเกินไป อาจจะโดนอวี้ซากำจัดทิ้งได้ทุกเมื่อ ตัวเองไม่มีกำลังจะตอบโต้ได้เลย

ในตอนนี้  ปราณสังหารบนตัวอวี้ซากลับปราฏให้เห็นรางๆ ภายใต้การก่อกวนซ้ำไปซ้ำมาของวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้น เขาเริ่มร้อนรนบ้างแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ตระหนักได้ว่าการที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีสาเหตุ จะต้องจัดการยากแน่นอน จะต้องได้เผชิญหน้ากันในไม่ช้าก็เร็ว หลบไม่ได้แล้ว

ดังนั้นจึงใช้ฝ่ามือกดหยุดเหมียวอี้เอาไว้ ทั้งสองต้องหยุดเดินทางอีกครั้ง

เป็นอย่างที่คาดไว้ มีกลุ่มสาวน้อยเดินออกมาจากกำแพงน้ำแข็งอีกแล้ว แต่ครั้งนี้กลับมองเห็นพวกเขาสองคน เอามือป้องปากหัวเราะมาตลอดทาง ชี้มาที่ทั้งสองราวกับกำลังวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ๆ แล้วก็หายไปในกำแพงน้ำแข็งที่อยู่อีกข้าง

เห็นได้ชัดเจนมาก ครั้งนี้เปลี่ยนคนแล้ว ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเป็นสาวน้อยอีกกลุ่ม สิ่งนี้ทำให้อวี้ซาและเหมียวอี้แอบถอนหายใจ ถ้ายังเป็นผู้หญิงกลุ่มเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ แบบนั้นก็อาจจะน่ากลัวไปหน่อย ถึงแม้อวี้ซาจะกำลังไถลผ่านน้ำแข็ง แต่วรยุทธ์ก็เห็นๆ กันอยู่ เขาไม่ได้ชักช้าเลย ถ้าสาวน้อยกลุ่มก่อนหน้านี้ใช้วิธีเดินในน้ำแข็งแล้วยังตามพวกเขาทัน ก็ไม่ต้องพูดเยอะแล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังเป็นอย่างไร

เสียงหัวเราะโผล่อยู่ข้างหลังอีกครั้ง เหมียวอี้หันกลับไปมอง แต่อวี้ซากลับหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้หันกลับไปข้างหลังอีก

เห็นเพียงสาวน้อยที่เดินทะลุกำแพงออกมาอีกครั้งเปลี่ยนท่าทางจากก่อนหน้านี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ สะบัดกระโปรงนางในเต้นระบำแล้ว

ครั้งนี้พวกนางไม่ได้เดินไปไหน ยังคงอยู่ในหุบเขา เต้นระบำพร้อมยิ้มเบาๆ อยู่ตรงหน้าทั้งสอง เหมือนจะอยากจะให้ทั้งสองเชยชม

อวี้ซาไม่ปล่อยมือที่พวาดไว้บนบ่าเหมียวอี้เลย หันตัวมาอย่างช้าๆ พร้อมกับเหมียวอี้ มองเหล่าสาวน้อยเต้นระบำด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางยกมือข้างหนึ่งอย่างช้าๆ

เหมียวอี้เหลือบมองมือที่เขาชูขึ้นแวบหนึ่ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย พูดในใจว่าจะเกิดเรื่องแล้ว!

เป็นอย่างที่คาดไว้ จู่ๆ อวี้ซาก็ดีดนิ้ว ปราณสังหารที่ดุร้ายราวกับกระบี่สายหนึ่งกวาดผ่านไป ผู้หญิงพวกนั้นตกใจจนหน้าถอดสี แต่จะหลบแต่ก็หลบไม่ทันแล้ว

แสงกระบี่ที่เหมือนอัสนีบาตสีแดงกวาดผ่านไปพร้อมเสียงดัง เสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงร้องตกใจแล้ว สาวน้อยสิบกว่าคนโดนฟันเอวขาด ไม่มีใครรอดสักคน

กลุ่มสาวน้อยที่โดนสังหารสูญเสียรูปร่างมนุษย์ทันที กลายเป็นละอองน้ำใสพังกระจาย ชั่วพริบตาเดียวก็ก็อบอวลไปด้วยไอหนาวที่เข้าจู่โจมแล้ว

วัตถุรูปละอองน้ำใสพลันระเบิดกระจาย ผนึกไว้ทั้งหุบเขา

จู่ๆ ในหุบเขาก็ปรากฏภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งที่ใสระยิบระยับดุจอัญมณี เหมียวอี้กับอวี้ซาตัวแข็งทื่อ กระดุกกระดิกไม่ได้ ชั่วพริบตาเดียวก็โดนผนึกไว้ในภูเขาน้ำแข็งที่แข็งแรงทนทานแล้ว

เงงาคนในภูเขาน้ำแข็งสั่นไหว ผ่านไปไม่นาน ผู้หญิงสิบกว่าคนนั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้ง อยู่ตรงหน้าทั้งสองนี่เอง พวกนางมองผนึกน้ำแข็งราวกับไม่มีตัวตน มองเหมือนเป็นอากาศ เต้นระบำอยู่ในภูเขาน้ำแข็งที่แข็งแรงทนทาน เพียงแต่เวลาที่อีกฝ่ายขยุ้มมือ ก็จะมีกระบี่น้ำแข็งออกมาจากมือ

นี่เป็นการเต้นระบำเสียที่ไหนกัน พวกนางกำลังจะปลิดชีพสองคนนี้ชัดๆ

พออวี้ซาที่อยู่ในผนึกน้ำแข็งขยับบ่าเล็กน้อย บนตัวเขาก็มีแสงกระบี่ปราณสังหารระเบิดออกมาอย่างเฉียบพลันราวกับเป็นเม่นทันที สาดยิงไปทั่วสารทิศราวกับเป็นรังสี

บึ้ม! ฟ้าสะท้านดินสะเทือน ภูเขาน้ำแข็งในผนึกน้ำแข็งรวมทั้งหุบเขาน้ำแข็งที่อยู่สองฝั่งโดนพลังมหาศาลฉีกจนแตกกระจายทันที น้ำแข็งทั้งก้อนเล็กก้อนใหญ่ปลิวว่อน ตกกระแทกเสียงดังโครมรามบนภูเขาน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ

โชคดีที่อวี้ซาหว่านแหไปฝั่งเดียว แสงกระบี่ปราณสังหารไม่ได้ระเบิดมาทางเหมียวอี้ ไม่อย่างนั้นก็ทำให้ร่างของเหมียวอี้ฉีกได้ภายในชั่วพริบตาเดียว

สาวน้อยสิบกว่าคนที่เต้นระบำอยู่ในน้ำแข็งร่างฉีกในชั่วพริบตาเดียว แต่พวกนางเหมือนฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย พวกนางปรากฏตัวอีกครั้งท่ามกลางก้อนน้ำแข็งที่ปลิวว่อน

ทว่าไม่รอให้พวกนางได้ลงมืออีกครั้งหรอก อวี้ซาโบกมือกวาดกลางอากาศแล้ว ดีดนิ้วทั้งห้าอย่างต่อเนื่อง แสงกระบี่สีเลือดหลายสายฟันร่างพวกนางแหลกอีกครั้ง

มาถึงขั้นนี้แล้ว อวี้ซาก็ไม่มีอะไรให้น่าปิดบังอีก เขาคว้าแขนเหมียวอี้เหาะขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว หมายจะหลุดพ้นจากการพัวพันของผู้หญิงพวกนั้น

ใครจะคิดว่าจู่ๆ บนท้องฟ้าจะมีภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งโผล่มาขวางทางไว้ พออวี้ซาดีดนิ้ว แสงกระบี่ก็โจมตีภูเขาน้ำแข็งจนระเบิด

หลังจากนั้น ทั้งสองก็รีบหยุดอยู่กลางอากาศ เห็นเพียงหลังจากภูเขาน้ำแข็งระเบิดออกแล้วก็มีสาวน้อยวิญญาณน้ำแข็งโผล่ออกมาอีกเยอะมาก มาขวางทางอยู่ข้างหน้า

ทั้งสองหันมองไปรอบๆ ระหว่างแนวภูเขาที่สูงต่ำสลับกันรอบๆ มีสาวน้อยวิญญาณน้ำแข็งลอยขึ้นมาไม่หยุด ปิดล้อมทุกทางของทั้งสองเอาไว้อย่างหนาแน่น

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้อวี้ซาลำบากใจเลย สิ่งที่ทำให้เขาระวังตัวอย่างสูงก็คือจุดแสงสีรุ้งกลุ่มหนึ่งที่ลอยมาด้วยความเร็วสูงจากที่ไกลๆ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นตั้งแต่อยู่ไกลๆ แล้ว

จุดแสงสีรุ้งลอยมา แล้วจู่ๆ ก็กระจายกันบิน จากจุดแสงที่มีเจ็ดสีรวมกลุ่มกัน เหมือนจะกลายเป็นภาพนกแบบง่ายๆ ภาพหนึ่ง  ‘นก’ จำนวนหลายร้อยตัวบินวนรอบทั้งสองอย่างยิ่งใหญ่อลังการ

และภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่างก็พลันส่องสว่าง กลายเป็นสีฟ้าสะดุดตาในชั่วพริบตาเดียว บนภูเขาแต่ละลูกมีเปลวเพลิงโผล่ขึ้นมา เป็นเปลวเพลิงสีฟ้าที่โชติช่วง

เหมียวอี้เรียกได้ว่าไม่แปลกตากับเปลวเพลิงนี้ มันคืออัคคีน้ำแข็ง!

อัคคีน้ำแข็งหลายกลุ่มบินขึ้นมาบนท้องฟ้า บินไปหานกสีรุ้งจำนวนหลายตัว

เหมียวอี้เริ่มเบิกตากว้างทีละนิด ตามที่อัคคีน้ำแข็งกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ากลายเป็น ‘นก’ ที่มีเลือดเนื้อ ทำให้ ‘นก’ พวกนั้นรวมเป็นร่างที่สมบูรณ์ หงส์เฟิ่งหวงที่มีชีวิตปรากฏตัวแล้ว เป็นหงส์เพลิงสีฟ้า ตอนนี้กำลังบินว่อนอยู่รอบตัวทั้งสอง

ฉากนี้งดงามจนทำให้คนตกตะลึงตาค้าง เหมือนความฝันเกินไปแล้ว ทว่าในดวงตาอวี้ซากลับฉายแววหวาดกลัวทีละนิด ออกแรงจับบ่าเหมียวอี้ พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “ตอนนี้ฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้ว”

“ข้า…” เหมียวอี้หันขวับ ทำสีหน้าตกตะลึงมาก “ข้าไม่เคยเห็นด้วยซ้ำว่าไฟสีฟ้านั่นคืออะไร ไม่รู้จักแล้วจะรับมือได้ยังไง!”

สาวน้อยวิญญาณน้ำแข็งสิบกว่าคนที่ล้อมอยู่พลันพุ่งเข้ามา พออวี้ซาโบกมือกวาด แสงกระบี่หลายสายก็ฟันสาวน้อยพวกนั้น

แต่กลับเป็นอย่างที่คาดไว้ แกร๊ง! ภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่โผล่ขึ้นกลางอากาศอีกแล้ว ผนึกทั้งสองเอาไว้ในนั้นทั้งเป็นๆ

บึ้ม! บนตัวอวี้ซามีแสงกระบี่ปราณสังหารโผล่ออกมาอีกครั้ง ลำแสงสีเลือดยิงไปสี่ทิศจนภูเขาน้ำแข็งระเบิด

อวี้ซาที่ดึงแขนเหมียวอี้ยังไม่ทันได้หนี แกร๊ง! โดนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศผนึกไว้แล้ว บึ้ม! ภูเขาน้ำแข็งระเบิดออกอีกครั้ง แกร๊ง! ทั้งสองโดนล้อมไว้อีกครั้ง…

ทั้งสองคนที่ต้องการจะเหาะหนีราวกับเป็นฉากที่ขาดๆ หายๆ เดี๋ยวไปเดี๋ยวหยุด หนีได้ไม่เร็วแล้ว

วูบ! หงส์อัคคีน้ำแข็งนับร้อยตัวที่กำลังบินว่อนพ่นเปลวเพลิงที่ดุเดือดออกมาพร้อมกัน พ่นอัคคีน้ำแข็งสีฟ้าแสนสวยออกมา มองข้ามภูเขาน้ำแข็งที่ระเบิดและก่อตัวใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก พ่นผ่านชั้นน้ำแข็งหนาออกไป เผาไปหาสองคนที่กำลังโดนขังโดยหลบหลีกสิ่งขวางกั้นรอบๆ

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset