พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 963 ของขวัญสองชิ้น

บทที่ 963 ของขวัญสองชิ้น

บนถนนหนทางข้างนอกยังคงเจริญเฟื่องฟู แต่ในร้านค้าว่างเปล่าเงียบเหงา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใจสื่อถึงใจหรือเปล่า…

เหมียวอี้กำลังจัดโต๊ะเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดอยู่ในร้านค้า กำลังครุ่นคิดว่าจะบอกอวิ๋นจือชิวดีมั้ยว่าได้ร้านค้ามาแล้ว เขายังกังวลว่าเรื่องมั่วโลกีย์ระหว่างเขากับหวงฝู่จวินโหรวจะโดนอวิ๋นจือชิวจับได้

ตัวเองกับหวงฝู่จวินโหรวทะเลาะกันถึงขั้นนั้น เดิมทีนึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองน่าจะจบลงได้แล้ว แต่หลังจากโดนหวงฝู่จวินโหรวประกบปากกัดปาก เขาก็เริ่มกลัวนิดหน่อย กังวลว่าผู้หญิงคนนั้นจะเกาะแกะไม่เลิก

อยากจะทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาดสักหน่อย แต่ใจก็ไม่เด็ดเดี่ยวขนาดนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ขืนใจครอบครองความบริสุทธิ์ของนาง ถ้าไม่รับผิดชอบก็จะฟังไม่ขึ้นแล้ว หากจะทำเรื่องที่โหดเกินไปเขาก็ทำไม่ลง

ขณะกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ ระฆังดาราในกำไลเก็บสมบัติก็เริ่มสั่น พอเขาเรียกออกมาดู พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอวิ๋นจือชิวเมียของเขานั่นเอง

เขาตั้งใจฟัง อวิ๋นจือชิวถามว่า : หนิวเอ้อร์ เจ้าอยู่ที่ไหน?

เหมียวอี้ตอบว่า : นอกจากพิภพใหญ่แล้วจะเป็นที่ไหนได้?

อวิ๋นจือชิว : ที่ไหนของพิภพใหญ่?

เหมียวอี้ : ตลาดสวรรค์! ข้ามีธุระที่นี่นิดหน่อย ช่วงนี้ยังกลับไปหาเจ้าไม่ได้

อวิ๋นจือชิว : ไม่รบกวนให้เจ้ามาหาหรอก ข้าทนทุกข์จากความคิดถึงไม่ไหวแล้ว เป็นฝ่ายมาหาเจ้าเอง ข้ามาถึงตลาดสวรรค์แล้ว เจ้าอยู่ตรงไหน?

เหมียวอี้พูดไม่ออก ลองตอบไปทันทีว่า : เลิกทำเป็นเล่นได้แล้ว ข้ามีธุระต้องจัดการ

อวิ๋นจือชิว : ทำเป็นเล่นอะไรล่ะ ข้ามาถึงแล้วจริงๆ อยู่ในซอยนอกร้านขายของชำซื่อตรง พวกผู้ชายบ้ามันน่ารำคาญจริงๆ ใช้แววตาเจ้าเล่ห์กวาดมองเรือนร่างข้า อย่างกับหมาป่า เหมือนอยากจะถอดเสื้อผ้าข้าออกให้หมด นิสัยเหมือนเจ้าเลย!

มีคนคิดไม่ซื่อกับเมียตัวเอง แย่แล้วล่ะ! เรื่องบางเรื่องผู้ชายสามารถทนได้ แต่เรื่องบางเรื่องผู้ชายเขาถือ! เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที ถามสถานที่อย่างละเอียดว่าอยู่ตรงไหน ไม่รอให้อวิ๋นจือชิวมา เขาเป็นฝ่ายวิ่งขึ้นตึกไปชะโงกหน้ามองหาตรงหน้าต่างเอง

ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นจือชิวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวครามก็ปรากฏตัวที่หัวถนน เดินเนิบนาบอย่างสง่างาม เหลียวซ้ายแลขวาตามหาร้านค้าที่เหมียวอี้บอก

เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงมาแต่ไกลๆ ทันที “ไม่ต้องมองซ้ายมองขวาแล้ว ตรงมาข้างหน้าห้าสิบจั้ง ตึกสองชั้นที่อยู่ทางขวามือ!” ขณะที่พูดก็กวักมือเรียกตรงหน้าต่าง

อวิ๋นจือชิวต้องใจจ้องไปข้างหน้า พอเห็นเหมียวอี้แล้ว นางก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานแพรวพราวทันที ทำให้ผู้ชายที่สัญจรอยู่บนถนนหันมามองเป็นระยะ

เดินอย่างไม่รีบร้อนจนมาถึงร้านค้าร้านนั้น อวิ๋นจือชิวมองสำรวจทั้งข้างบนข้างล่าง พบว่าประตูร้านค้าเปิดแค่บานเดียว แม้แต่ป้ายร้านก็ถอดไปแล้ว ดูค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อเทียบกับร้านค้าที่อยู่ทางซ้ายและขวา

แล้วนางก็หันกลับมามองรอบๆ อีกครู่หนึ่ง ถึงได้เดินเข้าไปอย่างช้าๆ เมื่อเห็นโต๊ะเก้าอี้วางระเนระนาดเต็มพื้น ในดวงตาก็ฉายแววสงสัยอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหมียวอี้มาหดหัวทำอะไรอยู่ที่นี่

เหมียวอี้ที่เดินลงมาจากชั้นบนโบกมือให้นาง แล้วประตูใหญ่ของร้านค้าก็ปิดสนิท สลักประตูเด้งขึ้น

อวิ๋นจือชิวหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาเหมียวอี้ สายตากวาดมองรอบๆ พร้อมถามว่า “มีแค่เจ้าคนเดียวเหรอ?”

กังวลว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่สะดวกจะแสดงความสนิทสนมมากเกินไป ถึงอย่างไรเหมียวอี้ก็บอกไว้แล้ว ว่าไม่อยากประกาศความสัมพันธ์ของทั้งสองที่พิภพใหญ่

เหมียวอี้พยักหน้า แล้วขมวดคิ้วถามว่า “เถ้าแก่เนี้ย เจ้ามาได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นว่าที่นี่มีแค่เขาคนเดียว อวิ๋นจือชิวก็ยิ้มอย่างสนิทสนมและเข้ามาเกาะแกะทันที กระโจนเข้าใส่อ้อมกอด แล้วคล้องคอเขาด้วยรอยยิ้มสดใสราวดอกไม้ “ก็บอกแล้วไงว่าคิดถึงเจ้า พอส่งข้อความมาหาเจ้า เจ้าก็เอาแต่บอกว่ามีธุระ ข้าเลยต้องมาดูด้วยตัวเอง ว่าธุระอะไรกันแน่ที่ทำให้เจ้าไม่สนใจแม้แต่เมีย”

เหมียวอี้ดึงมือที่ซุกซนของนางออก แล้วจูงมือนางเดินไปด้วยกัน “มีอะไรก็ไปคุยกันข้างบน!”

อวิ๋นจือชิวสะบัดมือออก แล้วกางแขนสองข้างพร้อมบ่นว่า “ข้าเดินมาตั้งไกล ปวดขาไปหมดแล้ว อุ้มขึ้นไปหน่อยสิ!”

เหมียวอี้ส่ายหน้าอย่างจนใจมาก ก้าวเข้ามากางแขนอุ้มไว้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน อวิ๋นจือชิวเหมือนจะชอบเสพสุขกับท่าทางนี้มาก นางยิ้มอย่างเบิกบานใจ เป็นฝ่ายหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง

พอขึ้นมาชั้นบน แล้วเข้ามาในห้องที่ค่อนข้างลับตาคน ทั้งสองก็แยกออกจากกัน อวิ๋นจือชิวมองเกราะทองบนตัวเขา แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ทำไม?”

เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข้าเข้าเป็นคนของตำหนักสวรรค์แล้ว ตอนนี้เป็นทหารเลวสามแถบที่แต่งตั้งโดยตำหนักสวรรค์”

“เอ๋! กลายเป็นขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์แล้วเหรอ!” อวิ๋นจือชิวพูดหยอก “นี่เป็นเรื่องดีนะ จะทำท่าทางกลุ้มใจไม่มีความสุขทำไมล่ะ ไม่ใช่ว่าเห็นข้าแล้วอารมณ์เสียหรอกใช่มั้ย? บอกมาเสียดีๆ ลับหลังแอบข้าทำอะไรแล้วกลัวโดนข้าจับได้ใช่มั้ย?”

นางพูดมั่วแต่ดันพูดถูก ทำเอาเหมียวอี้ระแวงไม่หาย แต่เหมียวอี้ย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เปลี่ยนประเด็นพูดทันที “ขุนนางใหญ่บ้าอะไรล่ะ ทหารเลวสามแถบของตำหนักสวรรค์มีเยอะเหมือนขนวัว เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าได้ตำแหน่งนี้มายังไง? แลกมาด้วยหุ้นสองส่วนของร้านขายของชำซื่อตรง”

เมื่อได้ยินเขากล่าวแบบนี้ อวิ๋นจือชิวก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้ากินยาผิดมาใช่มั้ย? ทหารเลวคนหนึ่งจะมีรายได้ต่อปีเท่าไรกันเชียว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะนำหุ้นสองส่วนของร้านขายของชำไปแลก ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้ว่ารายได้จากร้านขายของชำเยอะขนาดไหน? ผลาญสมบัติขนาดนี้ เจ้ายังจะเลี้ยงพวกผู้หญิงในบ้านอยู่รึเปล่า? ถ้าเลี้ยงไม่ไหว เจ้าจะแต่งงานมาทำไมเยอะขนาดนั้น?”

“ข้าไม่ได้บอกนี่ว่าจะแต่งงาน เจ้าตัดสินใจเองทั้งนั้น” เหมียวอี้เถียงกลับ

อวิ๋นจือชิวไม่ยอมทันที ดวงตางามทั้งคู่ถลึงจ้อง “หนิวเอ้อร์ เจ้าพูดมาให้ชัดเจนเถอะ ตอนแต่งงานกลับมานอนด้วยคนแล้วคนเล่าทำไมไม่พูดคำนี้ล่ะ? ตอนนี้มาบ่นว่าข้าตัดสินใจเองโดยพลการเหรอ เจ้ายังมีมโนธรรมอยู่บ้างรึเปล่า!” ตามด้วยการกระทำที่เคยชิน นางถกกระโปรงขึ้น แล้วเตะที่ต้นขาเหมียวอี้หนึ่งที

ปรากฏว่าเตะแล้วตัวเองก็เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันเอง ลืมไปว่าบนตัวเหมียวอี้สวมเกราะรบ ตอนที่เตะไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์ด้วย เตะจนตัวเองเจ็บนิ้วเท้าเสียเอง

สิ่งนี้ทำให้เหมียวอี้หัวเราะอย่างมีความสุข อวิ๋นจือชิวเดือดดาลแล้ว กระโจนเข้าไป ‘สู้สุดชีวิต’ ทันที

ตอนนี้วรยุทธ์ของทั้งสองไม่ต่างกันเท่าไร เหมียวอี้ลงมือเร็วกว่านาง จับมือสองข้างของนางเอาไว้ พร้อมอธิบายดีๆ ว่า “เลิกทำเป็นเล่นได้แล้ว ข้ากำลังวุ่นวายใจเพราะเรื่องนี้นี่แหละ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะแลกหุ้นสองส่วนนั้นเหรอ ข้าเองก็โดนกดดันจนหมดทางเลือกเหมือนกัน ถ้าไม่ให้เขาไป ข้ากลัวว่าแม้แต่รอดชีวิตออกจากตลาดสวรรค์ก็ทำไม่ได้”

พอได้ยินว่าร้ายแรงขนาดนี้ อวิ๋นจือชิวก็ชักมือออก ถามด้วยสีหน้าเจือความกังวล “เรื่องเป็นยังไง?”

เหมียวอี้เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ นางฟังจนแค้นแยกเขี้ยวยิงฟัน “ปีศาจโลหิต นางตัวดีหวงฝู่!” จากนั้นก็กอดแขนและพูดปลอบใจเหมียวอี้ทันที “ไม่เป็นไรนะ! เงินทองหายไปเดี๋ยวก็กลับมาใหม่ได้ เป็นลูกผู้ชายจะมากลุ้มใจเรื่องเล็กๆ แบบนี้ได้ยังไง รวยก็เคยรวยมาแล้ว จนก็เคยจนมาแล้ว ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ สักวันนึงจะต้องทวงของที่เสียไปกลับคืนมาได้แน่นอน คิดให้ได้สิ มากลุ้มใจเพราะเงินทองเล็กน้อยแค่นี้ไม่คุ้มหรอก ไม่เป็นอะไรนะ”

เหมียวอี้ส่ายหน้า “เสียหายหนักเกินไป ปวดเนื้อนะ!”

เรือนร่างนุ่มนวลหอมกรุ่นของอวิ๋นจือชิวเข้ามาแนบชิดทันที กระซิบข้างหูเขาว่า “แต่เนื้อของข้ายังอยู่ในมือเจ้านะ! ข้าไม่กลัวปวดเนื้อหรอก เจ้ารังแกได้ตามใจชอบเลย”

คำพูดนี้ยั่วยวนเกินไปแล้ว ทำให้เหมียวอี้รุ่มร้อนท้องน้อยทันที เหลือบมองหญิงงามช่างยั่วข้างกายที่สามารถหยิบกินได้ทุกเมื่อ

ปรากฏว่าพอไปสบประสานกับสายตายั่วหยอกของอวิ๋นจือชิว เขาก็หัวเราะแห้งๆ ทันที พลิกฝ่ามือยื่นแผ่นหยกแผ่นหนึ่งในนาง “ถึงแม้จะเสียหายนักมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย ข้ามอบของขวัญให้เจ้า!”

ผู้หญิงสนใจคำว่าของขวัญมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รับมาดูในมือทันที

เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน ดิน!

เมื่ออักษรหกตัวปรากฏสู่สายตา อวิ๋นจือชิวก็เบิกตากว้างทันที พลันเงยหน้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “นี่…”

เหมียวอี้พยักหน้า แล้วเล่าเรื่องที่ไปหาสมบัติให้ฟังรอบหนึ่ง

อวิ๋นจือชิวฟังปลาบปลื้มดีใจอย่างหาที่สุดมิได้ เขาไปกอดจูบเขาอย่างบ้าคลั่งทันที “สามีที่ดี ช่างเป็นท่านสามีที่ดีของข้าจริงๆ…”

“อย่าเพิ่งรีบเลย! ยังมีของขวัญอีกอย่างที่เจ้าต้องชอบมากแน่ๆ!” เหมียวอี้นำแผ่นหยกอีกแผ่นออกมา แล้วยัดเข้าไปในมือนาง “ดูสิ!”

ไม่ใช่ของอะไรอย่างอื่น เป็นสัญญาของร้านค้าร้านนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอวิ๋นจือชิวอ่านแล้วมีปฏิกิริยาแบบไหน เรียกได้ว่ากระโดดโลดเต้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง ตบหน้าอกเหมียวอี้พร้อมบอกว่า “ไม่กลัว! มีบ้านที่มีข้าวกินแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะเลี้ยงอนุภรรยาพวกนั้นของเจ้าไม่ไหว ต่อไปเจ้าจะเลี้ยงผู้หญิงเยอะกว่านี้ก็ไม่กลัวแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเลี้ยงเอง!”

“ใจกว้างขนาดนี้เชียวเหรอ?” เหมียวอี้ถามอย่างสงสัย “จริงหรือล้อเล่น?”

อวิ๋นจือชิวยิ้มค้างทันที ราวกับโดนน้ำเย็นสาดหน้า พบว่าตัวเองดีใจเกินไปหน่อย จึงมองค้อนทันที “ในบ้านยังกินไม่หมดเลย เจ้ายังอยากได้เพิ่มอีกเหรอ?”

เหงื่อแตก! ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนหน้าเร็วจริงๆ! เหมียวอี้ตอบเสียงต่ำว่า “อย่าได้ยินเสียงลมกลายเป็นเสียงฝน ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ามาคนเดียวเหรอ? ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจะทำอย่างไร?” สีหน้าจริงจังมาก!

ถึงคราวที่นางจะต้องกินปูนร้อนท้องบ้างแล้ว รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้แล้วจะทำให้เขากังวล อวิ๋นจือชิวจึงใช้ท่าไม้ตายทันที นางขี้เกียจเถียงแล้ว พูดออดอ้อนว่า “ท่านสามี นอนกอดหมอนคนเดียวมันเหงานะ คิดถึงเจ้าก็เลยมาหาเจ้า แบบนี้ก็ผิดด้วยเหรอ?”

เหมียวอี้ดึงนางเข้ามาทันที แล้วตีก้นนางจนเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ

นางตะโกนร้องว่าเจ็บด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย จงใจเล่นหูเล่นตายั่วยวนเขา อีกคนที่โดนยั่วจึงเกิดไฟชั่วร้ายลุกในใจ สันดานสัตว์ป่าปะทุทันที…

หลังจากลมฝนสงบ ก็นำถังอาบน้ำออกมาใบหนึ่ง น้ำใสร้อนระอุอยู่ภายใต้เคล็ดวิชาอัคนีดารา ทั้งสองคลอเคลียกันอยู่ในถังไม้อาบน้ำ เรียกได้ว่าอิจฉาเพียงนกยวนยาง ไม่อิจฉาเซียน

อวิ๋นจือชิวผมยาวห้อยสยายออกนอกอ่าง กอดเหมียวอี้ที่กำลังเอนกายอยู่ในอ้อมอกของตน นางสีหน้าผ่อนคลายเต็มอิ่ม ต้นขาขาวดุจหิมะทั้งสองข้างกำลังพันเอวของเขาอยู่ “หนิวเอ้อร์ หายโกรธรึยัง? ถ้าหายโกรธแล้วก็เริ่มให้ข้าบริหารร้านค้าร้านนี้ได้แล้ว”

เหมียวอี้ใช้มือบีบขยำต้นขานาง “ข้าจนปัญญากับเจ้าจริงๆ เจ้าอยู่ที่นี่นานๆ ให้พวกเวยเวยดูแลทางนั้นจะเหมาะสมเหรอ?”

“มีอะไรไม่เหมาะสมล่ะ อย่างมากข้าก็แค่วิ่งไปวิ่งมาสองฝั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามของเจ้าอยู่ในมือมู่ฝานจวิน ข้าคงทิ้งไว้ไม่สนใจแล้ว ให้เวยเวยรับต่อไปให้หมดเลย” พอพูดถึงเยว่เหยา นางก็โมโหนิดหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะเยว่เหยา นางก็จะได้ครองผู้ชายคนนี้คนเดียว ไม่จำเป็นต้องให้เหมียวอี้แต่งงานมีอนุภรรยาหลายคน

เมื่อพูดถึงเยว่เหยา เหมียวอี้ก็ปวดหัวเหมือนกัน “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว! ถ้าไม่สามารถหาทางนำเคล็ดวิชาภาคคนที่สมบูรณ์มาจากมือของปู่เจ้าได้ เจ้ามีเคล็ดวิชาภาคดินไปก็ไร้ประโยชน์ เกรงว่าเรื่องนี้จะยุ่งยากนิดหน่อย ถ้าอยากให้ปู่เจ้ามอบเคล็ดวิชาภาคคนให้อย่างเต็มใจก็คงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะเอาภาคดินไปแลก?”

อวิ๋นจือชิวตอบอย่างรู้สึกขำว่า “เจ้าก็รู้ดีว่าปู่ข้าเป็นคนอย่างไร ถ้าเขารู้ว่าในมือเจ้ามีเคล็ดวิชาภาคดิน เรื่องแรกที่เขาจะทำก็คือแย่งมาไว้ในมือตัวเอง แย่งไปแล้วก็อาจจะสังหารข้าก็ได้ เขาไม่ยอมให้ข้าเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลอวิ๋นหรอก! เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะค่อยๆ คิด สนใจเรื่องของเจ้าก่อนเถอะ หุ้นสองส่วนของร้านขายของชำนั่น หมดไปแล้วก็ปล่อยให้หมดไป ไม่ต้องคิดมาก คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อได้เข้าตำหนักสวรรค์ ก็ต้องพยายามบากบั่น ขอเพียงมีอำนาจ ของที่เสียไปแล้วก็นำกลับมาได้เสมอ หนิวเอ้อร์ การมีผู้หญิงเยอะ ถึงแม้จะได้เสวยสุข แต่ก็เป็นภาระที่จะต้องรับผิดชอบ ภรรยากับอนุภรรยาที่บ้านกำลังรอให้เจ้าดูแล ลูกผู้ชายยิ่งแพ้ก็ยิ่งต้องกล้าหาญ อย่าท้อแท้ เจ้าคือเสาหลักของบ้าน ถ้าเจ้ายืนไม่ไหว แล้วพวกเราจะทำยังไงล่ะ? เรื่องในบ้านเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลจัดการให้ดี ไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายใน เจ้าสนใจแต่เรื่องนอกบ้านก็พอ!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset