พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1741 หัวหน้าภาคหนิว

ผ่านไปไม่ นานเว่ยซูก็ปรากฏตัวในสวนต้องห้ามอีกครั้ง เดินมาข้างกายสองพ่อลูกที่กำลังเล่นหมากล้อมกัน รายงานว่า “นายท่าน ตรวจสอบเจอแล้วขอรับ ช่วงที่หนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นในสวนกลางเขียวขจี ราชินีสวรรค์แอบส่งเทพธิดาคนหนึ่งไปติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ สร้างระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อโดยตรง”

“หึ!” เซี่ยโห้วลิ่งถือตัวหมากพลางทำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะวางหมากลง

เซี่ยโห้วท่าไม่แม้แต่จะเงยหน้า ท่ามกลางเสียงลงหมากดังก๊อกแก๊ก เขากล่าวอย่างไม่หยี่ระว่า “บีบให้นางส่งระฆังดาราออกมา บอกนางว่า ต่อไปนี้อย่าติดต่อกับหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลโดยตรงอีก ราชินีสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานแอบไปพัวพันกับตัวละครต่ำต้อยระดับนั้นมันไม่เข้าท่า เรื่องแบบนี้ให้คนระดับล่างจัดการก็พอ คนของตำหนักนารีสวรรค์หละหลวมเกินไปแล้ว ควรจะดึงสติให้พวกนางสักหน่อย”

“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับ รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร

ตำหนักนารีสวรรค์ วันนี้เอ๋อเหมยยังรายงานทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็กเกี่ยวกับวังหลังต่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตามธรรมเนียม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นางก็ตั้งใจเอ่ยว่า “นางในเสี่ยวฮวนแอบติดต่อกับคนนอก ปลิดชีพตัวเองหนีความผิดไปแล้วเพคะ”

“เสี่ยวฮวน…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หน้าตึงโดยฉันพลัน นางย่อมรู้ว่าเสี่ยวฮวนคือใคร นั่นคือสาวใช้คนสนิทที่นางแอบฝึกเลี้ยงไว้ ทว่าภายนอกกลับคงสีหน้าท่าทางใจเย็นเอาไว้ “นางในเล็กๆ คนหนึ่งเอาความกล้าจากไหนมาติดต่อคนนอก?”

เอ๋อเหมยตอบว่า “ไม่ใช่แค่มีความกล้าเพคะ แต่มีความกล้าไม่ใช่น้อยๆ นางวิ่งไปรายงานความผิดต่อหน้าบ่าว ยอกว่าเหนียงเหนียงสั่งให้นางแอบติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อ บอกว่าเป็นเรื่องช่วงที่หนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นในสวนกลางเขียวขจี บอกว่าช่วยเหนียงเหนียงกับหนิวโหย่วเต๋อแลกระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกันโดยตรง”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หัวใจเต้นรัวทันที ตะคอกด้วยใบหน้าตึงดุว่า “นางตัวดีสมควรตายแล้ว พูดจาเหลวไหล!”

เอ๋อเหมยจึงบอกว่า “บ่าวก็ตำหนินางอย่างนี้เช่นกัน แต่ที่สำคัญคือทางพ่อบ้านเว่ยเชื่อนางแล้ว พ่อบ้านเว่ยฝากบ่าวมาบอกเหนียงเหนียงเพคะ”

“อ้อ ไม่ทราบว่าพ่อบ้านเว่ยมีความคิดที่เหนือชั้นอะไร?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฝืนยิ้ม

เอ๋อเหมยตอบอย่างใจเย็น “พ่อบ้านเว่ยให้เหนียงเหนียงส่งมอบระฆังดาราที่เหนียงเหนียงใช้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อให้เพคะ บอกว่าคนฐานะระดับเหนียงเหนียงไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับหัวหน้าภาคต่ำต้อยเดี๋ยวจะเสื่อมเกียรติ ต่อไปนี้ให้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อผ่านบ่าวเท่านั้นเพคะ”

“ระฆังดาราอะไร? เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น จะให้ข้ามอบให้ได้ยังไง?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กระแทกเสียง

เอ๋อเหมยจึงบอกว่า “บ่าวเองก็บอกไปอย่างนี้เพคะ แต่ท่าทีของพ่อบ้านเว่ยดูแข็งกร้าวมาก ถึงขั้นไม่พูดด้วยเหตุผลเลย ให้บ่าวมาบอกเหนียงเหนียงว่า ให้ส่งมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นทางตลาดผีจะมีคนควบคุมหนิวโหย่วเต๋อไว้ทันที ถ้าค้นตัวหนิวโหย่วเต๋อแล้วเจอระฆังดาราที่มีตราอิทธิฤทธิ์ของเหนียงเหนียงเมื่อไร เช่นนั้นก็รับประกันได้ยากแล้วว่าจะเกิดเหตุอะไรกับเลือดเนื้อในครรภ์ของเหนียงเหนียง แล้วเขาก็รับประกันด้วยว่าจะทำให้เหนียงเหนียงถูกถอดจากตำแหน่งราชินีภายในสามวัน ภายในสามวันนี้จะทำให้เหนียงเหนียงตกลงจากความสูงส่ง ทำให้กลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย จะไม่ได้รับการปกป้องจากตระกูลเซี่ยโห้ว พ่อบ้านเว่ยรับประกันว่าในวังจะมีผู้หญิงกลุ่มใหญ่ทำให้เหนียงเหนียงรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘อยู่มิสู้ตาย’ ! พ่อบ้านเว่ยจะทำให้เหนียงเหนียงเชื่อว่าเขามีความสามารถที่จะทำได้!”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตัวสั่นทั้งที่ไม่ได้หนาว นางย่อมรู้ว่าทรัพยกรและอำนาจที่เว่ยซูสามารถใช้ได้นั้นน่ากลัวขนาดไหน นางไม่สงสัยเลยว่าเว่ยซูจะทำได้อย่างที่พูด ถ้าไม่มีเด็กในครรภ์ ถ้าไม่มีการปกป้องจากตระกูลเซี่ยโห้ว เมื่อกลายเป็นราชินีที่ถูกถอดแล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่าพวกนางตัวดีในวังหลังจะทรมานนางอย่างไร พอนึกถึงใบหน้างามแต่ละหน้าที่ซ่อนความโหดเหี้ยมแบบกินคนไม่เหลือกระดูก นางก็เริ่มขนลุกขนชันแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าวิธีการโหดร้ายที่ตัวเองเคยใช้กับสนมคนอื่นจะย้อนมาเกิดขึ้นกับตัวเอง

“เว่ยซูก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ของตระกูลเซี่ยโห้ว มีหรือที่จะกล้ารังแกเจ้านาย!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ระงับความโกรธไม่ไหว

เอ๋อเหมยเห็นด้วยทันที “เหนียงเหนียงกล่าวถูกแล้ว บ่าวเองก็รู้สึกว่าพ่อบ้านเว่ยพูดแรงไป หรือไม่อย่างนั้น เหนียงเหนียงติดต่อไปฟ้องนายท่านเองเลยดีมั้ยเพคะ?”

“…” ประโยคนี้ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พูดไม่ออก ต่อให้ฉลาดน้อยแค่ไหนแต่ก็รู้ว่าทำไมเว่ยซูถึงกล้าพูดอย่างนี้ออกมาได้ ถ้าไม่มีนายท่านชี้แนะ เว่ยซูจะกล้าพูดกับนางอย่างนี้หรือ? การที่นายท่านไม่ติดต่อมาหานางโดยตรง ก็นับว่าเหลือทางกลับตัวไว้ให้นางแล้ว แต่ถ้านางติดต่อไปหานายท่านเองเพื่อทำลายทางกลับตัวนี้ แล้วนางจะได้คำตอบอะไรดีๆ จากนายท่านงั้นเหรอ? จะลงโทษเว่ยซูหรือเปล่า? ยังไม่รู้เลยว่าจะลงโทษใครกันแน่

หรือจะฟ้องประมุขชิง? นางไม่กล้าหรอก! ตระกูลเซี่ยโห้วจับทางจุดนี้ได้แล้ว ที่จริงตระกูลเซี่ยโห้วไม่กล้าไปแตะต้องเลือดเนื้อในครรภ์ของนางเลย ประมุขชิงที่สามารถทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วอดกลั้นเก็บเรื่องราวไว้ในใจได้เป็นคนอ่อนแอเสียที่ไหนล่ะ? ลองตระกูลเซี่ยโห้วกล้าแตะต้องเลือดเนื้อเชื้อไขของประมุขชิงดูสิ!

ทว่าสมองคนเราเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับอายุ คนที่อายุเท่ากันบ้างก็ใช้ชีวิตอย่างเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเหลือทน ไม่เกี่ยวว่าอยู่มานานหลายปีแล้วจะมีสมองที่ยอดเยี่ยม บางสิ่งคือส่วนผสมระหว่างพรสวรรค์และการฝึกฝนในภายหลัง นางไม่มีสมองและมุมมองต่อสถานการณ์ภากรวม จึงไม่กล้าบอกประมุขชิง ถ้ายั่วให้ประมุขชิงตำหนิตระกูลเซี่ยโห้วเมื่อไร นางก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะทำอะไรนาง แค่คิดถึงผลที่ตามมานางก็กลัวแล้ว นางมากก็แค่เล่นอุบายตื้นๆ ลับหลังได้นิดหน่อย ถ้าจะพูดในเชิงลึกก็คือ เป็นเพราะในมือนางไม่มีกำลังที่จะต่อต้านหรือคานอำนาจใดๆ นางเข้าใจเช่นกันว่าประมุขชิงไม่ได้โปรดปรานนาง

แกร๊ง! สุดท้ายเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็โยนระฆังดาราอันหนึ่งลงบนพื้น นางหน้าขาวซีก หลับตาลงสองข้าง ความอัปยศนี้ฝังลึกเจ้ากระดูกนาง

เอ๋อเหมยเก็บระฆังดาราขึ้นมา แล้วนำแผ่นหยกขึ้นมาอีก บนแผ่นหยกมีตราอิทธิฤทธิ์ของหนิวโหย่วเต๋อ หลังจากเปรียบเทียบตราอิทธิฤทธิ์บนระฆังดาราจนแน่ใจแล้วว่าเป็นอันที่ใช้ติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อ นางก็เก็บไว้แล้วกล่าวคำนับ “บ่าวขอตัวเพคะ!”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ตอบกลับอะไร รอจนกระทั่งนางออกไปแล้ว รอจนตรงนี้ไม่มีคนอื่น เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถึงได้ลืมตา นางกำหมัดแน่น โกรธจนตัวสั่นหน้าเขียว นางคว้าถ้วยน้ำชาขึ้นมาเตรียมจะเขวี้ยง แต่สุดท้ายก็วางลงเบาๆ ไม่กล้าปล่อยออกจากมือ

ข้างกายมีแต่คนของตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าเขวี้ยงถ้วยน้ำชาจนเกิดเสียงดังให้คนเห็น เกรงว่าพวกนั้นคงจะรายงานกลับไปทางตระกูลเซี่ยโห้วทันที จะทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้ทันทีว่านางเคียดแค้นตระกูลเซี่ยโห้ว นางไม่กล้าให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้ว่านางแค้นตระกูลเซี่ยโห้วขนาดไหน ความเคียดแค้นอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ฝังซ่อนอยู่ส่วนลึกในใจนาง บางทีถ้าไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอาจจะไม่แค้นขนาดนี้ก็ได้ แต่เนื่องจากคนในครอบครัวเดียวกันปฏิบัติต่อนางอย่างนี้ ถึงได้ทำให้ความแค้นของนางเข้มข้น

ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กำลังพลมาสักกลุ่ม แต่ก็ถูกตระกูลเซี่ยโห้วตัดขาดอำนาจการควบคุมไปง่ายๆ อย่างนั้นแล้ว ทุกเรื่องต้องให้คนข้างกายทำแทน นี่ก็คือการตัดขาดอำนาจการควบคุมไม่ใช่หรือ

ก็อย่างที่เซี่ยโห้วท่าบอก ตระกูลเซี่ยโห้วไม่สนใจว่านางจะแค้นหรือไม่แค้นตระกูลเซี่ยโห้ว ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วมีศักยภาพเหนือกว่า เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ยังต้องซื่อสัตย์ว่านอนสอนง่าย

ยังไม่จบเมท่านี้ ในตำหนักนารีสวรรค์เริ่มเดินการปรับปรุงจัดระเบียบใหม่แล้ว

“สนมรักกลับไปก่อนเถิด”

ประมุขชิงที่เดินออกจากประตูหลังจากมาหาความสำราญที่ตำหนักพระสนมโบกมือให้สนมที่ออกมาส่ง

หน้าตาของสนมคนนี้งดงามจนพระจันทร์และมวลหมู่บุปผายังต้องอาย ใบหน้าสดใสชื่นมื่น แก้มแดงเรื่อยังไม่จาง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนขณะออกมาส่ง “หม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาทเพคะ”

ประมุขชิงตอบ “อื้ม” แล้วเดินก้าวยาวออกไป ซ่างกวนชิงที่เฝ้าตระประตูเดินตามหลัง เมื่อเดินออกมาสักระยะแล้ว ซ่างกวนชิงถึงได้เอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท ทางตำหนักนารีสวรรค์มีความเคลื่อนไหวนิดหน่อย เหมือนจะมีนางในที่ไม่รู้ความถูกลงโทษตายไปหลายคนขอรับ”

“อ้อ?” ประมุขชิงทำท่าครุ่นคิด แล้วจู่ๆ ก็แสยะหัวเราะ “ดูท่าแล้วตระกูลเซี่ยโห้วคงไหวตัวเร็วมาก เรื่องในครอบครัวพวกเขา เจ้าก็อย่ายื่นมือไปสอดเลย ให้เฉิงอวี่จัดการเอาเอง ให้นางได้เห็นว่าครอบครัวตัวเองทำกับนางยังไงก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เลอะเลือนเรื่องจุดยืนของตัวเอง ในโลกนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าแต่งกับไก่ต้องตามไก่ แต่งกับสุนัขต้องตามสุนัข แต่นางล่ะ? นางต้องเข้าใจว่าลูกในท้องนางต่างหากที่จะเป็นที่พึ่งของนางไปทั้งชีวิต ไม่ใช่ตระกูลเซี่ยโห้วอะไรนั่น นางควรจะเสียเปรียบเพื่อให้ตัวฉลาดขึ้นสักหน่อย ไม่อย่างนั้นหากลูกชายเกิดแล้วเติบโตอยู่ข้างกายนาง ข้าก็ไม่วางใจจริงๆ หึ!”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงยิ้มบางๆ

ส่วนสนมคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงประตูอยู่นานโดยไม่ยอมหันกลับไป มองส่งประมุขชิงเดินจากไปจนไกล เหมือนอยากจะให้ทุกคนรู้ใจจะขาดว่าประมุขชิงเพิ่งออกมาจากตำหนักของนาง

สถานการณ์ที่วุ่นวายไร้ความแน่นอนในวังหลังก็เป็นอย่างนี้ โลกภายนอกวังก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง ผู้ที่ตำหนักนารีสวรรค์ส่งไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็คือตงฟางเลี่ย

ตำแหน่งต่างๆ ของกำลังพลหนึ่งแสนยังไม่ได้ถูกกำหนดแน่นอน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นความประสงค์ของเบื้องบน จะต้องหาใครบางคนมาเป็นพยานอยู่แล้ว นอกจากพวกหยางเจาชิงและคนข้างกาย เหมียวอี้เรียกนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสามสิบคนมาเติมจำนวนตรงนั้น อวิ๋นจือชิวหลบอยู่หลังตำหนัก นางไม่ได้มีฐานะขุนนาง ไม่สะดวกจะออกหน้ารับคำสั่ง

ถึงแม้ทุกคนจะเดาเนื้อหาคร่าวๆ ของคำสั่งนี้ได้ล่วงหน้า แต่เมื่อตงฟางเลี่ยประกาศคำสั่งต่อหน้าทุกคนอย่างเป็นทางการ ในดวงตาทุกคนก็ฉายแววตื่นเต้นฮึกเหิม หัวหน้าภาคเชียวนะ! แม่ทัพภาคเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคแล้ว แสดงว่าต้องมีตำแหน่งมากมายขนาดไหนที่รอคนไปเติม คาดว่าแต่ละคนที่อยู่ตรงนี้คงได้ชุ่มฉ่ำน้ำฝนไปด้วย เพิ่งมาได้ไม่นานก็จะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว คิดไปคิดมาก็พบว่าการมาขอพึ่งพาที่นี่ช่างคุ้มค่า ดีกว่าเป็นพวกเทพแห่งภูผาเทพแห่งผืนดินไปตลอดชีวิต

มีอยู่ข้อหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คือเหมียวอี้คงไม่ให้คนนอกมารับตำแหน่งในจวนหัวหน้าภาคหรอก ถ้าทำอย่างนั้นก็ถือว่าล่วงเกินลูกน้องหมดแล้ว ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมกับตำแหน่งพวกนี้แน่นอน ทว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ นั่นก็คือทุกคนยศต่ำขนาดนี้ บางตำแหน่งถ้าให้พวกเขาไปนั่งโดยตรงก็เหมือนจะไม่ค่อยสอดคล้องกับกฎระเบียบ ท่านหัวหน้าภาคก็เหมือนจะช่วยเลื่อนขั้นให้ทุกคนต่อเนื่องกันโดยไร้เหตุผลไม่ได้

หลังจากฟังคำสั่งจบแล้ว เหมียวอี้ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าและใช้สองมือรับคำสั่ง “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!”

ตงฟางเลี่ยที่ส่งต่อคำสั่งเรียบร้อยแล้วมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ในใจรู้สึกปลงไม่หยุด จากนั้นก็ยิ้มให้เหมียวอี้ “หัวหน้าภาคหนิว ยินดีด้วย!”

“ลำบากนายท่านตงฟางแล้ว” เหมียวอี้กล่าวตามมารยาท จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งต่อลงไป ส่งให้ทุกคนตรงนั้นได้ตรวจอ่าน ที่จริงแล้วเป็นการพิสูจน์ว่าตงฟางเลี่ยปลอมแปลงคำสั่งหรือไม่ ฐานะหัวหน้าภาคของเขาได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการโดยตำหนักนารีสวรรค์

“ภารกิจรักษาความปลอดภัยของกองทัพองครักษ์เสร็จสิ้นแล้ว กำลังจะถอนกำลังเดี๋ยวนี้ เรื่องราวที่เหลือล้วนอยู่ในภาระหน้าที่ของหัวหน้าภาคหนิว กองทัพองครักษ์ไม่รบกวนแล้ว” ตงฟางเลี่ยกล่าว

“หลังจากนายท่านตงฟางมาที่นี่ หนิวก็ยุ่งอยู่กับการรับสมัครคนตลอด ยังไม่ได้แสดงไมตรีของเจ้าบ้านเต็มที่เลย นายท่านตงฟางอยู่ต่อสักสองสามวันเถอะ ให้หนิวได้แสดงน้ำใจ”

“หัวหน้าภาคหนิวเกรงใจแล้ว ข้ายังต้องกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานอีก ยิ่งไปกว่านั้นจวนหัวหน้าภาคก็เพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้น เรื่องในขอบข่ายงานยังมีอีกเยอะ หัวหน้าภาคหนิวอาจต้องจัดการอีกหลายเรื่อง ข้าไม่รบกวนแล้ว ในภายหลังก็ว่ากัน”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้  เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง”

ทั้งสองกล่าวอำลาตามมารยาท จากนั้นก็ทำหนังสือปิดงาน เมื่อพิสูจน์ว่าอีกคนถ่ายทอดคำสั่งลงมาถึงแล้ว และอีกคนก็รับคำสั่งแล้ว

ลูกน้องแต่ละคนที่ได้อ่านคำสั่งสะท้อนใจไม่หยุด เรื่องที่แม่ทัพภาคหนิวเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคหนิวนับว่าจบลงด้วยความสำเร็จ เจ้าหนุ่มนี่เริ่มต้นจากการเป็นทหารเลวที่ตลาดสวรรค์ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีก็ไต่เต้าถึงตำแหน่งหัวหน้าภาคแล้ว เป็นความเร็วของเทพอย่างแท้จริง พวกลูกหลานขุนนางส่วนใหญ่ยังไม่เร็วเท่านี้เลย คนส่วนใหญ่ก็ยิ่งไม่มีโอกาสนี้เลยทั้งชีวิต ไม่รู้ว่าจะมีวันที่เขาได้ยืนประชุมในราชสำนักหรือไม่

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset