พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 967 ด่ากันกลางตลาด

บทที่ 967 ด่ากันกลางตลาด

ยังโชคดี ที่ตั้งของจวนผู้บัญชาการค่อนข้างเงียบสงบ ถ้าอยู่ในบริเวณที่เจริญคึกคักที่สุดรอบตำหนักคุ้มเมือง อย่างเช่นพวกร้านสมาคมวีรชน คาดว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะต้องชดใช้จนล้มละลายหมดตัวแน่นอน เกรงว่าใช้ทั้งชีวิตก็ชดเชยไม่หมด

วันนี้เหมียวอี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว แบบนี้ใช่ทหารสวรรค์ที่ไหนกัน บอกว่าเป็นโจรสวรรค์ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

ของที่เก็บได้จากร้านค้าที่โดนฉวยโอกาสถล่มพังตอนจับโจรก่อนหน้านี้ พวกเขาชำระเงินชิ้นแล้วชิ้นเล่า พร้อมทั้งมีคนถือพู่กันตรวจสอบทีละชิ้น

“ห้ามเก็บไว้ส่วนตัวนะ ส่งออกมาให้หมด เดี๋ยวถ้าไปเทียบบัญชีกับตำหนักคุ้มเมืองแล้วไม่ตรงกัน ระวังพวกเจ้าจะโดนถลกหนัง” สวีถังหรานคอยตะโกนเตือนอยู่ข้างๆ ไม่หยุด

รองผู้บัญชาการสองคนกับทหารเลวเจ็ดคนกำลังมองดูของที่ค่อยๆ กองสูงขึ้น บางคนก็อมยิ้ม บางคนก็ยิ้มอย่างเริงร่า บางคนก็แอบเล่นหูเล่นตาใส่กัน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ จะรวยแล้ว!

หลังจากจ่ายเงินให้ของทั้งหมดแล้ว สวีถังหรานก็กุมหมัดคารวะพร้อมบอกรองผู้บัญชาการทั้งสองว่า “รองผู้บัญชาการหง รองผู้บัญชาการซุน จะจัดการอย่างไรกับของที่ ‘เก็บ’ ได้พวกนี้?”

รองผู้บัญชาการทั้งสองสบตากันแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ รองผู้บัญชาการหงกล่าวเสียงเรียบว่า “ผู้บัญชาการไม่รู้เรื่องนี้ พวกเราตัดสินใจเอากลับไปเองแล้วกัน”

แค่พูดประโยคเดียวก็ช่วยให้โค่วเหวินหลานบริสุทธิ์แล้ว รองผู้บัญชาการซุนที่อยู่ข้างๆ ยื่นมือไปหยิบบันทึกรายการสินค้าที่เก็บได้ มาสุมหัวดูด้วยกันกับรองผู้บัญชาการหง แอบถ่ายทอดเสียงกระซิบสื่อสารกัน แล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเลือกติ๊กเครื่องหมายบนบันทึกรายสินค้า

หลังจากติ๊กรายการสินค้าไปกองหนึ่งแล้ว ก็นำบันทึกส่งต่อให้สวีถังหราน พอสวีถังหรานเห็นว่ารายการของที่ติ๊กไปมีแต่ของที่แพงที่สุด ในใจก็เข้าใจทันที ว่าทุกคนไม่มีส่วนแบ่งกับพวกนี้แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นของนายท่านผู้บัญชาการ จึงเรียกลูกน้องเข้ามาทันที บรรจุสินค้าแต่ละชิ้นให้ตรงกับรายการสินค้าที่ติ๊กเครื่องหมายถูก

ขณะนี้เอง ด้านนอกก็มีคนเข้ามารายงาน “กำลังพลของตำหนักคุ้มเมืองกำลังตรวจนับความเสียหายของร้านค้าใหญ่ๆ ขอรับ”

รองผู้บัญชาการหงหัวเราะเบาๆ แล้วโบกมือให้ถอยออกไป สื่อว่ารู้แล้ว จากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำว่า “รีบเร่งมือหน่อย!”

ทางสวีถังหรานรีบเร่งมือเก็บของ หลังจากทำซ้ำไปซ้ำมาจนเสร็จ ก็นำกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งยื่นให้รองผู้บัญชาการหง หลังจากรองผู้บัญชาการตรวจสอบแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพอใจ รองผู้บัญชาการหงบอกว่า “ในเมื่อเป็นของที่เก็บได้ คนที่เห็นก็ย่อมมีส่วนแบ่ง ทำตามธรรมเนียมเดิมแล้วกัน! แต่ข้าจะบอกสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อนนะ ใครที่ได้ประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ววันหลังมาเปิดโปง ก็แสดงว่าคนนั้นกินบนเรือนขี้บนหลังคา อย่าหาว่าข้าแปรพักตร์ตั้งตัวเป็นศัตรูก็แล้วกัน!”

“แน่นอน… อยู่แล้ว…” ทุกคนพากันเอ่ยรับ

จากนั้นพวกเขาก็แบ่งของกัน ส่วนของที่เหลือ รองผู้บัญชาการทั้งสองเอาไปคนละหนึ่งส่วนสาม แล้วอีกหนึ่งในสามก็เป็นของเหมียวอี้และทหารเลวอีกคนหกแบ่งกัน แล้วหนึ่งในสามส่วนสุดท้ายก็ให้ลูกน้องระดับล่างแบ่งกัน นี่คือการแบ่งตามลำดับยศ

โอ้แม่เจ้า! หาเงินง่ายเกินไปแล้ว! เหมียวอี้นับของในกำไลเก็บสมบัติที่ได้รับส่วนแบ่งมา คาดว่าคงจะมีมูลค่าประมาณสามหมื่นล้านผลึกแดง เท่ากับทหารเลวทั้งเจ็ดได้ไปรวดเดียวคนละสองพันล้านล้านผลึกแดง ถ้าบวกรวมลูกน้องทั้งหมดกับรองผู้บัญชาการทั้งสอง ก็ได้เกินหกล้านล้านแล้ว ส่วนแบ่งของโค่วเหวินหลานยังมีมูลค่าเยอะกว่าของลูกน้องบวกรวมกันอีก นับดูคร่าวๆ เกรงว่าจะเกินสิบห้าล้านล้านผลึกแดงแล้ว

ครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหลือทนแล้ว ขนาดเหมียวอี้ยังอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ กำไรหลายร้อยปีที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้จากร้านขายของชำก็ชดเชยการขาดทุนนี้ไม่ได้

ความร่ำรวยนี้! เหมียวอี้ทอดถอนใจไม่หยุด แต่จะว่าไปแล้ว การหาเงินแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้บ่อยๆ ถ้าทำเรื่องแบบนี้บ่อยจริงๆ ใต้หล้าต้องวุ่นวายหนักแน่นอน ตำหนักสวรรค์จะเป็นฝ่ายแรกที่ไม่ยอมรับ ถึงขั้นจะเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยซ้ำ!

ถึงแม้จะร่ำรวยง่ายๆ แต่เหมียวอี้กลับดีใจไม่ออก ครั้งนี้ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงหนักมากจริงๆ โค่วเหวินหลานย่อมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว อีกฝ่ายมีความมั่นใจที่จะตั้งตัวเป็นศัตรู เซี่ยโห้วหลงเฉิงโค่นล้มโค่วเหวินหลานไม่ได้ เป้าหมายจึงต้องลดต่ำลงมา หนังหน้าไฟก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหมียวอี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอย่างหัวชนฝาแน่นอน!

ทางนี้เพิ่งจะแบ่งของได้ไม่นาน โค่วเหวินหลานก็กลับมาแล้ว ถามถึงสถานการณ์และสั่งอะไรไว้นิดหน่อย จากนั้นก็นำรองผู้บัญชาการทั้งสองออกไป

ณ ตำหนักคุ้มเมือง ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของปี้เยว่ฮูหยินเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ ในมือถือรายงานความเสียหายจากร้านค้าต่างๆ พบว่าสูงถึงยี่สิบล้านล้านผลึกแดง ส่วนหนึ่งเสียหายไปเพราะตอนต่อสู้กัน แต่ส่วนใหญ่หายไปไหนก็ไม่รู้ นี่ยังไม่รวมความเสียหายจากอาคารบ้านเรือนที่พังพวกนั้น

เสียหายหนักขนาดนี้ จะให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงชดเชยอย่างไรไหว? ต่อให้ชดเชยครึ่งเดียว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็จ่ายไม่ไหวอยู่ดี นอกเสียจากเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะนำหุ้นสองส่วนของร้านขายของชำมาเติม แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ ตระกูลเซี่ยโห้วต้องเก็บหุ้นสองส่วนนั้นของเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปแน่นอน จะให้ของที่สำคัญแบบนี้อยู่ในมือเจ้าโง่นี่ได้อย่างไร

นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างทอดถอดใจว่า “โค่วเหวินหลานคนนี้ เมื่อก่อนไม่เคยทำอะไรเด็ดขาดขนาดนี้มาก่อนเลย สงสัยข่าวลือที่ฝ่ายเราปล่อยไปจะทำให้เขาเริ่มลงมืออย่างเด็ดขาดแล้ว!”

“ฮูหยิน เกรงว่าจะต้องรีบตัดสินใจให้เด็ดขาดแล้ว ถ้าให้ผู้ชายสองคนนี้อยู่สู้กันไปสู้กันมาที่ดาวเทียนหยวนต่อไป จะไม่เป็นผลดีกับฮูหยิน!” ผู้การสองที่อยู่ข้างๆ กล่าว

ปี้เยว่ฮูหยินลากชุดกระโปรงสีเขียวน้ำทะเลเดินไปเดินมา “ใช่แล้ว! เจ้าสองคนนี้ไม่เห็นหัวใคร เดิมทีข้ากังวลว่าถ้าไล่ไปคนหนึ่ง แล้วคนที่เหลือเป็นใหญ่คนเดียวโดยไม่มีใครคอยคานจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร ตอนนี้สู้กันรุนแรงแล้ว ไม่สู้ไล่ไปสักคนจะสบายกว่า ถ้าปล่อยให้พวกเขาก่อเรื่องต่อไปแบบนี้ ข้าคงนั่งในตำแหน่งนี้ไม่ได้แล้ว!”

วันต่อมา ในจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก มีเสียงกลองดังสะเทือนเลือนลั่น ตอนแรกเหมียวอี้ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อถามคนข้างๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นเสียงกลองรบที่ผู้บัญชาการโค่วใช้รวบรวมกำลังพล จึงรีบสวมเครื่องแบบและวิ่งไปรวมตัวกัน

ตำหนักหลักของจวนผู้บัญชาการยังคงพังถล่มเหมือนเดิม โค่วเหวินหลานเปลี่ยนใส่เครื่องแต่งกายสง่างาม สวมเกราะรบห้าแถบสีทองอร่ามกึ่งโปร่งแสง ยืนตระหง่านรับแสงอาทิตย์ยามเช้าสีทองอยู่บนบันได ตรงหน้าคือกำลังพลที่มารวมตัวกัน ภาพลักษณ์องอาจกล้าหาญที่มีอยู่แต่เดิม กลับถูกท่าทางควักผ้าเช็ดหน้าที่สะดีดสะดิ้งทำลายหายจนหมดสิ้น

เมื่อสมาชิกมารวมตัวกันครบ โค่วเหวินหลานก็ออกคำสั่ง เคลื่อนพลหลายร้อยออกจากจวนผู้บัญชาการ ใช้วิธีการเดินเท้ามุ่งตรงสู้จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ดึงดูดให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตลาดสวรรค์ชำเลืองมองมาไม่หยุด

กลุ่มคนมาดักอยู่นอกจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก แล้วตะโกนคำขวัญที่นัดกันไว้พร้อมกัน “เซี่ยโห้วหลงเฉิง ยุยงลูกน้อง ปล้นทำลายทรัพย์ จงรีบชดใช้! เซี่ยโห้วหลงเฉิง ยุยงลูกน้อง ปล้นทำลายทรัพย์ จงรีบชดใช้…”

คนหลายร้อยคนตะโกนประโยคนี้ซ้ำๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นภาพที่อลังการงานสร้าง เหมียวอี้ที่เป็นหนึ่งในทหารเลวเจ็ดคนนั้นก็ไม่มีทางเลือก ต้องตะโกนตามเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เขาทำเรื่องแบบนี้ นักพรตบงกชทองที่สง่าผ่าเผย ยามอยู่ที่พิภพเล็กเป็นชนชั้นสูงขนาดไหน ไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันจะได้มาทำเรื่องน่าอับอายพรรค์นี้

มีเพียงโค่วเหวินหลานที่ไม่ต้องตะโกน เดินเอามือไขว้หลังอยู่ข้างหน้า เดินไปเดินมาอยู่นอกจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก สีหน้าเครียดขรึมจริงจัง

คนแถวนี้ที่มามุงดูยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปครู่เดียว เหมียวอี้ก็เห็นเป่าเหลียนจากร้านขายของชำซื่อตรงปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางมองเหมียวอี้อย่างงุนงงประหลาดใจ เหมียวอี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนอย่างจนใจ

ว่ากันตามจริง เหมียวอี้นับถือไอ้คนตุ้งติ้งอย่างโค่วเหวินหลานมากเช่นกัน นอกจากวางกับดักเซี่ยโห้วหลงเฉิงแล้ว ยังทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตอีก ค่อยๆ บีบบังคับทีละก้าว ชัดเจนว่าอยากจะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างถึงที่สุด ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่มีที่ยืนในตลาดสวรรค์!

เรื่องดำเนินมาจนวันนี้ ลองนำสถานการณ์ที่รู้มาเชื่อมต่อกัน ถ้าเหมียวอี้ยังมองสาเหตุไม่ออก ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนโง่ ที่การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นมากะทันหัน ก็เพราะการแย่งชิงตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์มาถึงช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ว โค่วเหวินหลานอยากจะทำลายชื่อเสียงของเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ป่นปี้ กดดันให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงอับอายจนไม่มีที่ยืนในตลาดสวรรค์ บีบให้ปี้เยว่ฮูหยินเลือกไปในทิศทางเดียว

เมื่อรอไปสักพักแล้วยังไม่เห็นคนข้างในมีปฏิกิริยาอะไร โค่วเหวินหลานก็หันกลับมาถ่ายทอดเสียงสั่ง

ท่วงทำนองของเสียงตะโกนเปลี่ยนทันที “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง ให้เจ้าชดเชยเงิน เซี่ยโห้วหลงเฉิง ฝ่าฝืนคำสั่ง! เซี่ยโห้วหลงเฉิง ยุยงลูกน้อง ปล้นทำลายทรัพย์ จงรีบชดใช้! ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง ให้เจ้าชดเชยเงิน เซี่ยโห้วหลงเฉิง ฝ่าฝืนคำสั่ง…”

เมื่อใช้ข้ออ้างเรื่องฝ่าฝืนคำสั่งมากดดัน เหมือนจะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงร้อนใจแล้ว ไม่นานก็เคลื่อนกำลังพลเขตเมืองตะวันตกออกจากจวนผู้บัญชาการ เซี่ยโห้วหลงเฉิงยืนควงดาบชี้อยู่ข้างหน้า กำลังพลที่ยืนเรียงแถวอยู่ข้างหลังตะโกนตอบเสียงดังทันที “โค่วเหวินหลาน ไอ้คนตุ้งติ้ง คนวิปริต โดนผู้ชายจับขึ้นเตียง ไอ้คนขายตูด! โค่วเหวินหลาน ไอ้คนตุ้งติ้ง คนวิปริต โดนผู้ชายจับขึ้นเตียง ไอ้คนขายตูด…”

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา คนไม่น้อยที่กำลังมุงดูเอาสนุกก็พากันกลั้นขำ

อีกฝั่งโยนความผิด แต่อีกฝั่งโจมตีมาที่ตัวบุคคล!

โค่วเหวินหลานหน้าดำเป็นก้นหม้อทันที เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่เก่งเรื่องแทงข้างหลังเท่าเขา แต่หน้าไม่อายยิ่งกว่าเขา ต่อให้ตายก็จะต้องทำให้ชื่อเสียงของเขาสะเทือนใต้หล้าไปด้วยกัน เรื่องนี้เทียบกันไม่ติดแล้ว

เหมียวอี้ที่กำลังตะโกนแอบทอดถอนใจไม่หาย ช่างเหมือนคำกล่าวที่ว่า สังหารข้าศึกไปหนึ่งพัน แต่ฝ่ายตัวเองสูญเสียไปแปดร้อย

เมื่อเห็นโค่วเหวินหลานสีหน้าดูไม่ได้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดิมทีสีหน้าแย่มากก็รู้สึกสะใจทันที หัวเราะเสียงดังลั่น ถือดาบเดินไปเดินมาโอ้อวดแสนยานุภาพ ทำท่าทางลำพองใจ

“หุบปากกันให้หมด!” เสียงตวาดของผู้หญิงพลันดังมาจากท้องฟ้า ผู้การสองของตำหนักคุ้มเมืองเหาะลงมาแล้ว มาเหยียบลงตรงกลางระหว่างคนสองกลุ่ม แล้วกวาดสายตาเย็นเยียบมองทั้งสองฝั่ง

สองฝั่งที่ส่งเสียงข่มกันพลันหุบปาก โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ถูกผู้การสองพาตัวไปเช่นกัน เหมียวอี้และคนอื่นๆ ที่ตะโกนจนเกือบเสียงแหบ ตอนนี้โล่งใจแล้ว กำลังพลแยกย้ายกลับเขตเมืองตะวันออก

เป่าเหลียนยืนอยู่ริมถนน มองดูเหมียวอี้เดินจากไปพร้อมกำลังพล นางเงียบงันอยู่นานมาก…

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม โค่วเหวินหลานก็กลับมาแล้ว เรื่องแรกที่ทำเมื่อกลับมาก็คือเรียกรวมผู้ใต้บังคับบัญชาไปประชุม

ตำหนักหลักพังแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมแซม ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการทั้งสองกับทหารเลวทั้งเจ็ด คนทั้งสิบไปรวมตัวกันในตำหนักด้านข้าง

โค่วเหวินหลานไม่เปลืองคำพูด และไม่ได้นั่งลง เพียงยืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้ บอกกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า “ทุกคน ข่าวลือเกี่ยวกับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ ทุกคนคงได้ยินกันหมดแล้ว ข้าจะไม่เปลืองคำพูด เมื่อครู่นี้ท่านแม่ทัพกล่าวชัดเจนแล้ว คนที่จะเข้าชิงตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ ก็คือข้ากับไอ้หมีควายเซี่ยโห้ว ใครที่ประหารเฮยหวังที่ทำผิดกฎสวรรค์ได้ คนนั้นก็จะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ไป! ตำแหน่งนี้ข้าต้องได้มา ดังนั้นทุกคนต้องช่วยข้าสุดความสามารถ สำหรับคนที่มีผลงาน ผู้บัญชาการคนนี้ก็ไม่งกรางวัลหรอก ขอเพียงข้าได้ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ ในบรรดาพวกเจ้า หากใครมีผลงานมากที่สุด ตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกก็เป็นของคนนั้น!”

ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ถึงแม้การได้เป็นเขตเมืองตะวันออกผู้บัญชาการคือเรื่องดี แต่ว่า… รองผู้บัญชาการหงกุมหมัดถาม “นายท่าน พวกเราไม่รู้เลยว่าเฮยหวังไปหลบอยู่ที่ไหน ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหน แล้วจะจับเขามาลงโทษได้อย่างไร?”

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะคิดหาทางส่งคนไปสืบข่าว ที่บอกพวกเจ้าตอนนี้เพราะจะให้พวกเจ้าเตรียมตัวล่วงหน้า หากได้ข่าวมาเมื่อไร นักพรตบงกชทองใต้บังคับบัญชาข้าทุกคนต้องติดตามข้าไปออกศึกด้วยกัน!” โค่วเหวินหลานตอบ

รองผู้บัญชาการซุนกุมหมัดถามอีก “นายท่าน ถ้าพวกเราไปกันหมด แล้วจะทำอย่างไรกับเขตเมืองตะวันออกล่ะ?”

“ทางท่านแม่ทัพจะจัดการเอง พวกเจ้าแค่เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อก็พอ!” โค่วเหวินหลานกล่าวเสียงเรียบ

มีคำบางคำที่เขาไม่สะดวกจะพูดออกมา ที่จริงเขาเองก็รู้ชัด ปี้เยว่ฮูหยินอยากจะไล่เขากับเซี่ยโห้วหลงเฉิงออกไปไวๆ จะได้ไม่ต้องก่อเรื่องที่นี่ แม้แต่เรื่องชดเชยค่าเสียหายให้บรรดาร้านค้าที่เขตเมืองตะวันออก ปี้เยว่ฮูหยินก็ส่งคนไปรับงานต่อแล้ว สำหรับเรื่องนี้โค่วเหวินหลานไม่ได้เห็นแย้งอะไร ถึงอย่างไรเงินชดเชยก็เป็นของพ่อค้าพวกนั้น ไม่ได้ให้เขา ผลประโยชน์ที่แท้จริงเขาได้มาไว้ในมือแล้ว

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset