พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 970 ชัยภูมิถ้ำสวรรค์

บทที่ 970 ชัยภูมิถ้ำสวรรค์

เหมียวอี้ไม่โมโหกับคำด่านี้ ทั้งยังอธิบายกับอีกฝ่ายไม่ได้ด้วย นี่ก็คือสาเหตุที่เขาไม่อยากให้อวิ๋นจือชิวมาที่พิภพใหญ่ พอจินตนาการว่าผู้หญิงคนนี้จะได้เจอกันทุกๆ สามวันห้าวัน เขาก็อกสั่นขวัญแขวนแล้ว ทางหวงฝู่จวินโหรวยังไม่เท่าไร กลัวก็แต่อวิ๋นจือชิวจะสู้ตายกับเขาหลังจากที่รู้ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเมียตัวเองนิสัยเป็นอย่างไร เวลาจะหยาบคายไร้เหตุผลขึ้นมา ก็เหมือนแม่ค้าปากตลาดอย่างแท้จริงๆ ดีไม่ดีอาจจะฉวยโอกาสตอนของเขาตอนเขาหลับก็ได้

สิ่งที่ทำให้เขาขนหัวลุกที่สุดก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าหวงฝู่จวินโหรวจะถ่ายทอดเสียงคุยกับเขาต่อหน้าอวิ๋นจือชิว เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นจือชิวรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ นางมองทั้งสองด้วยความสงสัย

เหมียวอี้ทำได้เพียงถ่ายทอดเสียงตอบ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ?”

ไม่เกี่ยวอะไรหรอก ตนถึงขั้นช่วยคนอื่นฆ่าเขาด้วยซ้ำ! แต่หวงฝู่จวินโหรวได้ยินแล้วอยากจะเตะเขาให้ตาย แสยะยิ้มตอบว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหรอก แต่ข้ารับรองว่าเจ้าจีบนางไม่ติดแน่นอน!” พูดจบก็หันหน้าเดินจากไป

เจ้ารับรองเลยเหรอ? เจ้าเอาอะไรมารับรอง? เหมียวอี้ได้ยินแล้วแทบจะเงยหน้าหัวเราะลั่น อยากจะบอกหวงฝู่จวินโหรวมากว่า นางเป็นผู้หญิงของข้าตั้งนานแล้ว ถ้าข้าเต็มใจ นางก็มีโอกาสคลอดลูกชายให้ข้ามากกว่าเจ้าอีก!

“ผู้จัดการร้านหวงฝู่กลับดีๆ!” อวิ๋นจือชิวยังโบกมือส่ง แล้วก็หันหน้ามาถามเหมียวอี้ด้วยเสียงต่ำเบาว่า “พวกเจ้าถ่ายทอดเสียงคุยอะไรกันต่อหน้าข้า? คงไม่ได้แอบทำเรื่องผิดอะไรลับหลังข้าหรอกนะ?”

เมื่อก่อนถ้าได้ยินคำนี้ เขาคงจะอกสั่นขวัญแขวน แต่ตอนนี้เหมียวอี้เริ่มค่อยๆ มีภูมิคุ้มกันเวลานางโพล่งถามเหมือนสงสัยเขา รู้ว่านางปากไม่ตรงกับใจ จึงตอบเบาๆ ว่า “พูดเหลวไหล ข้ากับนางก็แค่ขู่กันเฉยๆ เท่านั้น”

ที่จริงอวิ๋นจือชิวไม่ได้คิดเลยว่าทั้งสองจะทำเรื่องน่าอับอายกันจริงๆ ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็นศัตรูคู่แค้นที่หมายจะเล่นงานกันถึงตาย ถ้าสงสัยเหมียวอี้กับคนอื่นยังพอเป็นไปได้ แต่ไม่มีทางสงสัยหวงฝู่จวินโหรว คำพูดประเภทนี้ของนาง เป็นเพียงคำด่าหยอกระหว่างคู่รักที่นางใช้ระบายอารมณ์กับเหมียวอี้จนชินแล้ว

สองสามีภรรยากลับเข้ามาในร้าน เหมียวอี้ถือโอกาสมองไปยังของในตู้แสดงสินค้าแวบหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า “ข้าว่าราคาของในตู้สูงจนไร้เหตุผลไปหน่อยรึเปล่า ต่างหูคู่เดียวก็หนึ่งล้านผลึกแดงแล้ว สร้อยคอเส้นเดียวเจ้ากล้าขายหนึ่งร้อยล้านผลึกแดงเลยเหรอ?”

อวิ๋นจือชิวตอบว่า “เจ้าหรือข้าที่เข้าใจผู้หญิงมากกว่ากัน? ของแบบนี้ยิ่งเจ้าเน้นปริมาณขายเยอะ ก็จะได้กำไรไม่เท่าไร ของที่ยิ่งทำให้ผู้หญิงปรารถนาอยากได้ ก็ยิ่งทำเงินจากผู้หญิงได้ ต้องทำให้คนส่วนใหญ่ซื้อไม่ไหวสิ ถึงจะมีคนอยากซื้อมากขึ้น ช่างเถอะ หัวใจที่รักสวยรักงามของของผู้หญิง พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง ปลายปีคอยดูว่าฮูหยินของเจ้าขายได้กำไรเท่าไร เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”

เหมียวอี้หัวเราะจนตัวโยน หวังว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริง แต่จะสนใจอะไรนางล่ะ มีร้านนี้ไว้ฆ่าเวลาให้นางเท่านั้น ขอแค่นางเล่นอย่างมีความสุขก็พอแล้ว

“มานี่สิ ข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง!” อวิ๋นจือชิวถ่ายทอดเสียงบอก

ทั้งสองเดินขึ้นชั้นบน พอเดินมาถึงห้องที่เยารั่วเซียนอยู่ อวิ๋นจือชิวก็เคาะประตู ข้างในไม่มีเสียงตอบ จึงผลักเข้าไปโดยตรง พบว่าในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน

“ตาแก่เยาไปไหนแล้ว?” เหมียวอี้แปลกใจ

อวิ๋นจือชิวชี้ไปยังศาลเจ้าหลังหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นติดกำแพง แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “วางค่ายกลไว้แล้ว ถ้าไม่ได้เดินออกประตูใหญ่ ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่สังเกตเห็น นี่คือ ‘ชัยภูมิถ้ำสวรรค์’ ที่ข้าซื้อให้เขา เขาคงเข้าไปหลบอยู่ในนั้น จึงตะโกนใส่ศาลเจ้าว่า “ท่านจื่อหยาง!”

พอสิ้นเสียง ในศาลเจ้าก็มีแสงยิงออกมาสายหนึ่ง ปรากฏเป็นเงามายาตรงหน้าศาลเจ้า อวิ๋นจือชิวก้าวเข้าไปช้าๆ แล้วเงาคนก็หายไปในเงามายานั้น ตอนหลังเหมียวอี้เดินตามเข้าไป พอก้าวเข้าไปในเงามายา ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นฟ้าดินอีกแห่งทันที

ในลานบ้านเล็กๆ มีเสียงหายใจดังเป็นพักๆ เฮยทั่นกำลังนอนงีบอยู่ในศาลา มันกินยาเจี๋ยตันขั้นห้าไป ไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไร

ในลานบ้านยังมีเตาหลอมของเยารั่วเซียนวางอยู่ด้วย บนบันไดนอกห้องโถงเล็กๆ เยารั่วเซียนกำลังนั่งขัดสมาธิ เพียงเงยหน้ามองทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วก็เล่นของวิเศษในมือตัวเองต่อไป พอตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่เห็นเหมียวอี้กับภรรยาอยู่ในสายตาแล้ว

อวิ๋นจือชิวชี้ไปที่ลานบ้านพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อมี ‘ชัยภูมิถ้ำสวรรค์’ นี้แล้ว เขาก็สามารถศึกษาวิธีหลอมของวิเศษในร้านค้าได้อย่างสงบได้ ตอนนี้เขาสนใจของวิเศษที่พิภพใหญ่มาก”

เหมียวอี้มองไปรอบๆ พบว่าภาพในห้องด้านนอกลานบ้านชัดเจนมาก แต่เหมือนสิ่งของจะเปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นแล้ว ตอนอยู่ในลานบ้านแล้วมองไปในห้องข้างนอก ก็รู้ว่าว่าตัวเองเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์

พอหันกลับมองมองสิ่งของที่เยารั่วเซียนกำลังถือเล่นอยู่ในมือ ก็ขมวดคิ้วถามว่า “ปีศาจเฒ่า เกราะรบชุดนั้นของข้า เมื่อไรท่านจะเริ่มหลอมสร้างให้?”

เยารั่วเซียนไม่สนใจเขาเลย อวิ๋นจือชิวจึงยิ้มบางๆ และตอบแทนว่า “ท่านจื่อหยาง สถานการณ์ที่พิภพใหญ่ไม่ค่อยดีสำหรับพวกเรา เกราะรบชุดนั้นมีประโยชน์ต่อหนิวเอ้อร์มาก หวังว่าท่านจะใช้ความคิดกับมันสักหน่อย ช่วยทำให้เขาเร็วๆ”

เยารั่วเซียนได้ยินแล้วเงยหน้า พยักหน้าตอบว่า “ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มหลอมสร้างแล้ว”

เหมียวอี้กลอกตามองบนทันที เจ้าปีศาจเฒ่าเห็นคำพูดของเขาเป็นเหมือนลมตด!

ที่จริงเยารั่วเซียนหวาดกลัวอวิ๋นจือชิวมาก สามารถปีนเกลียวเหมียวอี้ได้ แต่กลับไม่กล้าทำกำเริบเสิบสานต่อหน้าอวิ๋นจือชิว ประการแรกเป็นเพราะชื่อเสียงของหลานสาวปราชญ์มารอวิ๋นอ้าวเทียนสามารถกดดันเขาได้หลายส่วน ประการต่อมาเป็นเพราะเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ล้วนอยู่ในการควบคุมดูแลของอวิ๋นจือชิว

“งั้นก็ดี พวกเราสองสามีภรรยาไม่รบกวนแล้ว” อวิ๋นจือชิวตอบพร้อมยิ้มบางๆ ก่อนจะหันตัวไปพยักหน้าให้เหมียวอี้ แล้วมุดออกจากประตูใหญ่ของเงามายาพร้อมกัน กลับมาอยู่ในห้องด้านนอกศาลเจ้าแล้ว

เหมียวอี้หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เงามายานั้นพลันหายไปแล้ว พอเดินออกจากประตู เหมียวอี้ก็ถามว่า “เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์พักที่ไหน?”

“พวกนางพักอยู่กับข้า!” อวิ๋นจือชิวพาเขาขึ้นไปชั้นบนสุด ไปที่ห้องนอนของนาง

ศาลเจ้าที่วางอยู่ในห้องสะดุดตามาก พออวิ๋นจือชิวร่ายอิทธิฤทธิ์ชี้ เงามายาแบบเดียวกันก็ยิงกระจายออกมานอกศาลเจ้า แล้วทั้งสองก็เข้าไปพร้อมกัน

ลานบ้านที่อยู่ตรงหน้าใหญ่กว่าลานบ้านของเยารั่วเซียนเยอะ ตั๊กแตนฝูงหนึ่งกำลังกัดกินผลึกแดงเสียงดังกรอบแกรบ

อวิ๋นจือชิวพาเขาเดินเล่นรอบหนึ่ง มีโถงหลัก มีลานบ้านด้านหลัง ในลานบ้านด้านหลังมีห้องนอนหลัก ฝั่งซ้ายและขวามีห้องรอง อวิ๋นจือชิวชี้ไปยังห้องทางซ้ายและขวา “สองฝั่งนี้เป็นที่พักของเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ ตรงกลางเป็นห้องของพวกเรา”

เหมียวอี้เผยรอบยิ้มมีลับลมคมใน วางมือข้างหนึ่งที่เอวอ่อนของนาง แล้วลูบไล้บนบั้นท้าย “เอ่อคือ ฮูหยิน เหมือนพวกเราจะไม่เคยจู๋จี๋กันใน ‘ชัยภูมิถ้ำสวรรค์’ เลยนะ ปกติข้าไม่สะดวกจะมาที่นี่บ่อยด้วย ในเมื่อมีโอกาสเหมาะ ก็ปล่อยตามธรรมชาติ…”

“ออกไป!” อวิ๋นจือชิวทำเสียงหงุดหงิด บิดตัวหลบมือมารของเขา แล้วกลอกตาอย่างหยาดเยิ้ม “วันเปิดร้านแท้ๆ ถ้าไม่เห็นเงาเถ้าแก่เนี้ยเลยคงไม่เข้าท่าแล้ว วันนี้ไม่ได้!” พูดจบก็จับเขาหันตัวไป “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้าเองก็อยู่กับข้านานเกินไปไม่ได้เหมือนกัน ออกไปๆ!”

พอออกจากชัยภูมิถ้ำสวรรค์ เหมียวอี้ก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยู่กับข้า งั้นข้าไปหาเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์นะ?”

“สันดานคน!” อวิ๋นจือชิวพูดดูถูก แล้วออกจากห้องนั้นมาคนเดียว ไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้าน

เหมียวอี้หัวเราะแห้งๆ ผ่านไปครู่เดียวก็ไปหาเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังงานยุ่งอยู่ที่ลานบ้านด้านหลังของร้านค้า แล้วก็จูงมือสองสาวที่กำลังเขินอายเข้าไปในชัยภูมิถ้ำสวรรค์…

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตอนที่เหมียวอี้มาที่ร้านค้าอีกครั้ง ก็พบว่าอวิ๋นจือชิวเริ่มคบค้ากับพวกสตรีสูงศักดิ์ของตำหนักสวรรค์แล้ว ผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งพูดคุยหัวเราะคิกคักอยู่ในห้องที่หรูหรา

“เสวี่ยเอ๋อร์ ไปหาผู้จัดการร้าน นำเครื่องประดับราคาแพงที่ไม่ได้ตั้งแสดงมาให้ฮูหยินทั้งหลายดูหน่อยสิ”

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ด้านในเพิ่งจะพูดจบ เสวี่ยเอ๋อร์ที่แหวกม่านไข่มุกออกมาก็พบว่าเหมียวอี้แอบฟังอยู่ข้างนอก ก็แลบลิ้นให้เหมียวอี้เงียบๆ แล้วรีบออกไป

ผ่านไปครู่เดียว นางก็หอบกล่องเครื่องประดับที่งดงามประณีตกลับมาหลายใบ ทำให้ด้านในมีเสียงเดาะลิ้นชื่นชมของผู้หญิงดังขึ้นเร็วมาก

ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของกลุ่มผู้หญิง ก็ได้ยินเสียงอวิ๋นจือชิวแซมออกมา “หันฮูหยิน ชิ้นที่แพงที่สุดอาจจะไม่ได้เหมาะกับท่านเสมอไป ท่านลองดูชิ้นนี้สิคะ ชิ้นนี้เหมาะกับราศีบนใบหน้าท่านที่สุด ท่านลองสิ”

คำพูดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนนางอยากจะหาเพื่อนมากกว่าขายของ เหมียวอี้แอบฟังจนปวดประสาท ส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ แล้วหันตัวเดินจากไป พบว่าเมียตัวเองถนัดเรื่องเข้าสังคมจริงๆ ด้วย ดูท่าทางแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่ร้านค้าร้านนี้จะไม่ทำเงิน

หนึ่งเดือนจากนั้น วันหนึ่งตอนที่เหมียวอี้มาอีกครั้ง ก็พบว่ามีเกี้ยวสีดำหลังหนึ่งจอดอยู่นอกร้านค้า ประตูร้านปิดครึ่งหนึ่ง บันฑิตและพวกพ่อครัวเฝ้าอยู่ที่ประตู

เหมียวอี้ที่กำลังประหลาดใจอยากจะเข้าไปดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปรากฏว่าโดนบัณฑิตกับพ่อครัวยื่นมือขวางไว้ “ขออภัย ร้านปิดชั่วคราว”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เหมียวอี้ฉงนใจ

บัณฑิตถ่ายทอดเสียงตอบทันที “ปี้เหยว่ฮูหยินมาแล้ว กันคนออกชั่วคราว ผู้ชายถูกกันออกหมด เถ้าแก่เนี้ยกำลังอยู่เป็นเพื่อนนางด้วยตัวเอง เจ้ากลับไปก่อนแล้วค่อยมา”

“…” เหมียวอี้กลัดกลุ้ม นึกไม่ถึงว่า ‘ร้านโฉมเมฆา’ จะดึงดูดปี้เหยว่ฮูหยินให้มาด้วยเหมือนกัน สงสัยเครื่องประดับจะมีแรงดึงดูดต่อผู้หญิงมากจริงๆ

เมื่อมาอีกครั้งในวันต่อไป ร้านค้าก็ไม่ได้ปิด เขาเดินผ่านโต๊ะคิดเงิน แล้วถามอย่างขอไปทีว่า “เถ้าแก่เนี้ยล่ะ?”

“ผู้จัดการร้านหวงฝู่มาแล้ว กำลังคุยกับเถ้าแก่เนี้ยอยู่ที่ลานบ้านด้านหลัง” บัณฑิตตอบ

เหมียวอี้ชะงักฝีเท้า ตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว รีบหันตัวกลับทันที ถอนทัพ!

หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เมื่อไม่เจออวิ๋นจือชิว เหมียวอี้จึงถามหา พ่อครัวตอบว่า “ปี้เหยว่ฮูหยินเชิญเถ้าแก่เนี้ยไปชมดอกไม้ที่ตำหนักคุ้มเมือง เถ้าแก่เนี้ยพาเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ไปด้วย!”

นี่ตีสนิทกับปี้เหยว่ฮูหยินได้แล้วเหรอ! เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน พบว่าฮูหยินของตัวเองช่างมีความสามารถ เรียบร้อยแล้ว สามารถสร้างเส้นสายกับปี้เหยว่ฮูหยินได้ ต่อไปถ้าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นที่ตลาดสวรรค์ ตนก็ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของอวิ๋นจือชิวแล้ว เป็นเหมือนที่นางบอก เหมียวอี้ไม่ต้องกังวลเรื่องทางร้านค้า

หลังจากกลับมาที่จวนผู้บัญชาการ เหมียวอี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมปี้เหยว่ฮูหยินถึงมีอารมณ์ไปชมดอกไม้ เป็นเพราะเจ้าสองคนที่ตลาดสวรรค์ที่ทำให้นางปวดหัวกำลังจะได้ออกไปแล้ว

ตำหนักคุ้มเมืองส่งคนมาคุมเขตเมืองตะวันออกแล้ว โค่วเหวินหลานเพียงพูดอย่างรวบรัด ว่าให้นักพรตบงกชทองใต้บังคับบัญชาของเขาสามสิบคนมารวมตัวกัน และไม่ได้กล่าวอะไรอีก รีบประกาศว่า “ตำหนักสวรรค์ส่งข่าวมาแล้ว มีคนพบเฮยหวังปรากฏตัวที่เขาภูตพเนจรของแดนอเวจี ท่านแม่ทัพสั่งให้พวกเรารีบไปค้นหาและจับตัวมาลงโทษ ทุกคนติดตามข้าออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ต้องนำอยู่ข้างหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงเท่านั้น!”

“รับทราบ!” ทุกคนทำได้เพียงเอ่ยรับคำสั่ง

พอโค่วเหวินหลานโบกมือ ก็เหาะขึ้นฟ้านำไปทันที นักพรตบงกชทองสามสิบกว่าคนตามไปข้างหลัง ใช้วิธีเหาะออกจากประตูเมืองของเขตเมืองตะวันออกโดยตรง

ขณะเดียวกัน กำลังพลกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกจากประตูเมืองตะวันตก เมื่อเห็นพวกโค่วเหวินหลานเหาะขึ้นฟ้าไปไกล เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล “เร็วๆ หน่อยสิโว้ย!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset