พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1811 เป็นคนของเรา

คลื่นลมฉากหนึ่งได้ผ่านไปอย่างนี้แล้ว ประมุขชิงเหมือนจะอยากทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องก็เล็กลงแล้ว

สนมฉินรวมทั้งหญิงรับใช้ทั้งสองไม่ได้กลับวังสวรรค์ ตอนออกจากพระตำหนักอุทยานก็ถูกคนดักไว้ แล้วส่งพวกนางกลับไปเยี่ยมญาติที่ครอบครัวตัวเอง นี่คือคำพูดฉากหน้าเท่านั้น เพราะแอบสั่งเป็นการส่วนตัวไว้แล้ว ว่าให้สนมฉินกลับไปบ้านแล้วกักบริเวณตัวเอง หากไม่ได้รับบัญชาสวรรค์ก็ห้ามออกข้างนอกโดยพลการ

ไม่ให้พวกนางมีโอกาสแม้กระทั่งกลับวังไปเก็บกระเป๋า คุ้มกันส่งพวกนางกลับไปเสียเลย ทำให้พวกนางสนมที่มีเจตนาจะสืบข่าวผิดหวังแล้ว

สำหรับสนมฉิน นี่กลับเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ไม่ได้สิ้นชีวิตก็นับว่าดีแล้ว แต่นางก็ตระหนักได้เช่นกัน ว่าไม่ใช่เพราะประมุขชิงไม่อยากฆ่านาง แต่เป็นเพราะถ้าฆ่านางตอนนี้จะเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไป จะทำให้คนคิดมากได้ง่าย

ส่วนทางด้านชิงหยวนจุน ตอนนี้ยังไม่มีความเห็นที่จะลงโทษใดๆ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้สึกไม่มั่นใจ จึงถามความเห็นของเหมียวอี้ ทางฝั่งเหมียวอี้รู้สึกว่าในเมื่อประมุขชิงตั้งใจจะฝึกฝนลับคมชิงหยวนจุนแล้ว ก็ไม่น่าจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ อย่างนี้ เพียงแต่นี่เป็นเรื่องเสื่อมเสียภายในครอบครัว ประมุขชิงไม่อยากให้วุ่นวายจนทุกคนรู้กันหมด ไม่อยากให้คนนำเรื่องการลงโทษสนมฉินกับการลงโทษชิงหยวนจุนมานึกเชื่อมโยงกัน

พอเป็นอย่างนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็พะวงใจอีกแล้ว ไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองกำลังรอการลงโทษอะไร

ส่วนตระกูลเซี่ยโห้วนั้น หลังจากได้รู้ว่าสนมฉินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รู้ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นฝ่ายนำตัวชิงหยวนจุนไปรับผิดเอง ก็ทำให้เซี่ยโห้วลิ่งโมโหพอสมควร จึงตักเตือนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไปยกหนึ่ง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โดนด่าจนข่มกลั้นไฟโกรธไว้เต็มอก แอบด่าในใจว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เอง แล้วยังจะมาโทษข้าอีกเหรอ?

ไม่เหมือนตอนเผชิญหน้ากับเซี่ยโห้วท่า บารมีของเซี่ยโห้วลิ่งยังห่างกับเซี่ยโห้วท่าไม่ใช่น้อยๆ คนที่สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีแค่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ พวกพี่น้องของเซี่ยโห้วลิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับก็เหมือนกัน หากเซี่ยโห้วท่ายังอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยโห้วท่าพูดอะไร ทุกคนก็ยำเกรงหวาดกลัวแล้ว

หลังจากจบการประชุมราชสำนักของตำหนักสวรรค์ กลุ่มขุนนางก็แยกย้ายกันไป จู่ๆ อิ๋งอู๋หม่านที่เดินมาถึงประตูวังสวรรค์ก็ถูกนางในคนหนึ่งเชิญให้หยุด “ท่านโหวอิ๋ง ทูตขวาเกาเชิญตัวค่ะ”

อิ๋งอู๋หม่านมองตามนางใน เห็นเพียงเกาก้วนที่สวมชุดคลุมดำและหมวกทรงสูงกำลังยืนบนบันไดหน้าตำหนักใหญ่อย่างเย็นชา กำลังใช้สายตาเย็นเยียบจ้องเขา

อิ๋งอู๋หม่านบอกเพื่อมร่วมงานที่เดินอยู่ข้างกัน แล้วเลี้ยวกลับมา เดินไปถึงตีนบันไดแล้วกุมหมัดคารวะเกาก้วนด้วยรอยยิ้ม “ทูตขวาเกา ไม่ทราบว่ามีอะไรจะกำชับ?”

“เชิญไปคุยกันเป็นการส่วนตัว!” เกาก้วนมองต่ำลงมาพลางเดินลงบันได ตอนที่เดินผ่านเขาไปก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วตัวเองก็เดินออกไปคนเดียว

ต้องไปคุยกันเป็นการส่วนตัวด้วยเหรอ? อิ๋งอู๋หม่านแปลกใจนิดหน่อย ไม่รู้ว่าผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้อยากจะคุยอะไรกับเขา แต่เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นถือวิสาสะมาแตะต้องเขา ถึงได้เดินตามไปที่ลานตำหนักด้านข้าง

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขานึกไม่ถึงเลยก็คือ พอเข้ามาในประตูพระจันทร์ก็พบความไม่ชอบมาพากลทันที คนชุดดำแถวหนึ่งมาขวางตรงหน้าเขา แล้วก็มีคนชุดดำอีกแถวรีบเดินแทรกไปด้านหลังเพื่อตัดทางถอยของเขา ชั่วพริบตานั้นดาบทวนเผยออกมาพร้อมกัน ล้อมเขาเอาไว้ตรงกลาง คมทวนแทบจะจิ้มแผ่นหลังเขาแล้ว

คนที่ล้อมเขาไว้สวมหมวกสีดำปักลายเมฆทอง ชุดคลุมสีดำขอบทอง ตรงเอวคาดเข็มขัดหยก ชัดเจนว่าทุกคนคือคนของหน่วยตรวจการขวา

อิ๋งอู๋หม่านมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบ จ้องเกาก้วนที่เดินออกจากกลุ่มคนอย่างไม่รีบร้อน พร้อมถามเสียงเข้ม “เกาก้วน หมายความว่าอะไร?”

เกาก้วนไม่แม้แต่จะหันกลับมา เพียงหันหลังให้อีกฝ่ายเท่านั้น กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มีคนรายงานว่าท่านโหวอิ๋งสมคบกับโจรกบฏ เชิญท่านโหวอิ๋งกลับไปช่วยตรวจสอบ!”

“หากตั้งใจจะใส่ความ ก็หาข้ออ้างได้เสมอ ข้าต้องการพบฝ่าบาท!” อิ๋งอู๋หม่านกล่าวด้วยเสียงเดือดดาล

“หน่วยตรวจการขวาฟังคำสั่ง ใครฝ่าฝืนการตรวจสอบ ให้มองว่าช่วยเหลือโจรกบฏ ฆ่า!” เกาก้วนขี้คร้านจะเปลืองคำพูด ถ่ายทอดคำสั่งลงไปเสียเลย

ดาบจอบนคออิ๋งอู๋หม่านทันที อิ๋งอู๋หม่านที่กำลังจ้องเงาร่างสวมชุดคลุมดำเดินจากไปไกลเรียกได้ว่าโมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร คนอื่นจะสังหารเขาอาจจะต้องไตร่ตรองสักหน่อย แต่ในมือของเจ้าสารเลวเกาก้วนมีอำนาจที่สามารถประหารก่อนรายงานได้ ทั้งยังถ่ายทอดคำสั่งฆ่าแล้ว ถ้าเขากล้าขัดขืนแม้แต่นิดเดียว หัวก็จะร่วงลงพื้นทันที

ลักษณะการทำงานของเกาก้วนก็เห็นๆ กันอยู่ ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย

ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ท่านโหวอิ๋งผู้สง่าภูมิฐานถูกหน่วยตรวจการขวาพาตัวไปอย่างนี้แล้ว

“ตรวจสอบเจอหรือยัง?”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ถังเฮ่อเหนียนก้าวเดินเบาๆ อยู่ในป่าไผ่ โค่วหลิงซวีที่กำลังคุยกับโค่วเจิงในป่าเห็นเขามาแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยปากถาม

ถังเฮ่อเหนียนย่อมรู้ว่าเขากำลังถามอะไร หลังจากกุมหมัดคารวะทั้งสองแล้ว ถึงได้ส่ายหน้าตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสนมฉินกลับไปเยี่ยมบ้านเหตุใด ในวังเหมือนจะไม่มีใครรู้สาเหตุขอรับ แต่จากเหตุการณ์ที่นำตัวไปจากที่นาหลวง ก็แสดงว่าในนั้นมีปัญหาอะไรแน่นอน สนมฉินคือคนที่ฝั่งตระกูลอิ๋งส่งเข้าวัง คาดว่างทางอิ๋งจิ่วกวงอาจจะรู้เบื้องหลังบางอย่าง ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับที่สนมสวรรค์กลับวังหรือไม่ขอรับ”

โค่วหลิงซวีเอามือขยี้หนวด กล่าวอย่างลังเลว่า “ประมุขชิงส่งสัญญาณแล้ว เกรงว่าคงจะกระตุ้นให้อิ๋งจิ่วกวงเกิดความคิดที่จะให้สนมสวรรค์ขึ้นตำแหน่งสูงสุด ไม่รู้ว่าในระหว่างนั้นสนมฉินได้แสดงบทบาทอะไรไปแล้วบ้าง”

คนที่ติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของสนมฉินไม่ได้มีแค่ตระกูลโค่ว เดิมทีก็มีกลุ่มคนจับตาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของวังหลังตำหนักสวรรค์อยู่แล้ว ชั่วขณะนั้นก็ต่างคนต่างสืบข่าวและคาดเดา เพราะอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง อิ๋งจิ่วกวงที่ในอยู่ในห้องหนังสือกำลังโบกพู่กันสะบัดหมึกเขียนอักษร ดูมีความรู้ที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาดี

หลังจากจั่วเอ๋อร์เข้ามาทำความเคารพข้างใน ก็เดินมาใกล้โต๊ะหนังสือแล้วรายงานว่า “สนมฉินกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว มีคนจากวังตามเข้าไปจับตาดูด้วย แต่สิ่งที่บิดานางรายงานขึ้นมามีความหมายคลุมเครือ บอกว่าลูกสาวเขาต้องจ่ายไปเยอะขนาดนี้ สิ่งที่ควรทำก็ได้ทำแล้ว แล้วตำแหน่งหัวหน้าภาคจะให้เขาเมื่อไร”

“บอกเขาไป ว่าอ๋องผู้นี้ไม่เคยปฏิบัติอย่างอยุติธรรมต่อคนที่ทำงานให้ ถ้าเลื่อนตำแหน่งให้เขาตอนนี้จะชัดเจนเกินไป ทนต่อแนวโน้มสถานการณ์ตอนนี้อีกสักคน ในวังท่านนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ต่อโอรสสวรรค์เหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงเอ่ยถามขณะยกพู่กันจุ่มหมึก

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่เคลื่อนไหว มีความเป็นไปได้ว่าไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่ในบ้านแพร่งพราย ไม่อยากลงโทษพร้อมสนมฉินให้คนนึกเชื่อมโยงกันได้ หรือไม่ประมุขชิงก็ตามใจลูก ไม่คิดจะจัดการโอรสสวรรค์หรอก”

อิ๋งจิ่วกวงเขียนอักษรเสร็จแล้วก็วางพู่กันไว้ด้านข้าง รับผ้าเปียกจากมือจั่วเอ๋อร์มาเช็ดมือ “ถ้าเป็นอย่างหลังจริงๆ ก็เกรงว่าพวกเราจะเดาเจตนาของประมุขชิงผิดไปแล้ว การจะให้สนมสวรรค์แทนที่ตำแหน่งราชินีสวรรค์ เกรงว่าจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” เรื่องในครั้งนี้นับว่าเป็นการหยั่งเชิงของพวกเขา

จั่วเอ๋อร์บอกว่า “ถ้าเป็นอย่างแรก เกรงว่าประมุขชิงไม่อยากให้เรื่องฉาวในครอบครัวแพร่งพรายก็คงยาก หากสนมสวรรค์ขึ้นตำแหน่งเมื่อไร ก็ต้องตัดโอกาสผู้สืบทอดของชิงหยวนจุน จะต้องเก็บโอกาสนี้ไว้ให้ลูกของสนมสวรรค์…” ความหมายในคำพูดก็คือสามารถปล่อยข่าวได้

อิ๋งจิ่วกวงพยักหน้า “รอไปก่อนแล้วกัน ถ้าจะจัดการจริงๆ ก็คงไม่นานเกินไป หากพวกเราเข้าใจผิดจริงๆ เช่นนั้นก็หยุดเถอะ พวกเราพุ่งนำหน้าไปปะทะกับตระกูลเซี่ยโห้วไม่ใช่เรื่องดีอะไร ใครจะไปรู้ว่าผีตาแก่เซี่ยโห้วท่าวางหมากอะไรไว้บ้างตอนยังมีชีวิตอยู่”

ในขณะนี้เอง จั่วเอ๋อร์ก็ได้รับข่าวจากระฆังดารา หลังจากหยิบระฆังดารามาสื่อสารแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับท่านโหวแล้ว ถูกเกาก้วนพาตัวไปแล้ว ถูกขังและสอบสวนที่คุกสวรรค์”

“สอบสวน?” อิ๋งจิ่วกวงอึ้งไปชั่วขณะ แล้วถามอย่างเดือดดาล “มีเรื่องอะไร?”

“ผู้ติดตามของท่านโหวถามแล้ว บอกว่ามีคนรายงานว่าท่านโหวสมคบกับโจรกบฏ หลังจากจบการประชุมขุนนางแล้ว ท่านโหวยังไม่ทันออกจากวังสวรรค์ก็ถูกเกาก้วนถูกคุมตัวไปอย่างลับๆ แล้ว” จั่วเอ๋อร์ตอบ

แต่ความโกรธนี้ก็มาไวไปไว ไม่นานสีหน้าโกรธเคืองก็หายไปเร็วมาก เขาหรี่ตาแล้วโบกมือ “บอกลูกน้องของอู๋หม่านว่าอย่าประกาศ เกาก้วนน่าจะปล่อยอู๋หม่านเร็วๆ นี้ เขาไม่เป็นอะไรหรอก”

จั่วเอ๋อร์งงไปชั่วขณะ ยังไม่ทันเข้าใจ ถามว่า “เพราะอะไรคะ?”

“ก็อย่างที่บอก ประมุขชิงไม่อยากให้ข่าวฉาวในบ้านแพร่งพราย เขาคุมตัวอู๋หม่านไปเพราะกำลังจะเตือนพวกเรา ว่าถ้าเรื่องฉาวในบ้านเขาแพร่งพรายไปเมื่อไร เขาก็จะเอาชีวิตอู๋หม่านได้ทุกเมื่อ นอกเสียจากต่อไปนี้คนของตระกูลอิ๋งจะไม่เข้าประชุมราชสำนักอีก ไม่อย่างนั้นคนของตระกูลอิ๋งก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะมีที่ยืนในราชสำนัก ขอเพียงพวกเรากล้าทำ เขาก็กล้าเอาคืนเช่นกัน” อิ๋งจิ่วกวงแสยะยิ้ม

จั่วเอ๋อร์ได้ยินแล้วเงียบไป ในใจแอบถอนหายใจ สงสัยจะแพร่งพรายเรื่องฉาวในครอบครัวประมุขชิงไม่ได้อีกแล้ว ก็ช่วยไม่ได้ อำนาจการควบคุมที่อยู่ในมือประมุขชิงไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลอิ๋งจะเทียบติด เขาสามารถตัดขาดความคิดของตระกูลอิ๋งได้ด้วยมือเดียว

เป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่นานจั่วเอ๋อร์ก็ได้รับข้อความผ่านระฆังดาราอีก หลังจากติดต่อเสร็จแล้วก็ถอนาหายไป แล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง เป็นอย่างที่ท่านคาดไว้ หน่วยตรวจการขวาปล่อยตัวท่านโหวแล้ว”

เมื่ออิ๋งจิ่วกวงอนุญาตแล้ว เรื่องนี้ก็ถูกวางไว้ชั่วคราว เขาเอามือไขว้หลังเดินอ้อมโต๊ะออกมา “วิธีการจัดการปัญหาของตระกูลเซี่ยโห้วในครั้งนี้ทำให้ข้ารู้สึกผิดคาด ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะเป็นฝ่ายนำโอรสสวรรค์ไปยอมรับผิดก่อน ไม่มีท่าทีว่าจะงัดข้อกับข้าเลยสักนิด เซี่ยโห้วลิ่งเพิ่งจะขึ้นตำแหน่งก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เรื่องแล้วเหรอ?”

“บางทีเซี่ยโห้วลิ่งอาจมีอำนาจสั่งการภายในตระกูลเซี่ยโห้วไม่พอ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม” จั่วเอ๋อร์กล่าว

“อำนาจสั่งการไม่พอนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยโห้วลิ่งจะมีบารมีเท่าเซี่ยโห้วท่า แต่ก็จะประมาทไม่ได้” อิ๋งจิ่วกวงหันตัวมาจ้อง บอกว่า “ถ้าเซี่ยโห้วลิ่งต้องการจะลงมือ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะลงดาบกับสนมฉินก่อน!”

จั่วเอ๋อร์พยักหน้า เข้าใจความหมายของเขาแล้ว

จวนท่านปู่สวรรค์ สวนต้องห้าม ใต้ต้นไม้ใหญ่โบราณ เซี่ยโห้วลิ่งที่เรียกเว่ยซูมาหาก็ถามคล้ายๆ กับอิ๋งจิ่วกวงเช่นกัน “ทางวังสวรรค์ประมุขชิงไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับองค์ชายเลยเหรอ?”

“ยังไม่มีขอรับ” เว่ยซูตอบ

เซี่ยโห้วลิ่งไตร่ตรองพักหนึ่ง แล้วบอกว่า “ไม่รอแล้ว สนมฉินอะไรนั่น หึ! ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู ต่อไปคอยดูว่าประมุขชิงจะเอายังไงกันแน่ ถ้าไปคิดบัญชีนี้กับตระกูลอิ๋ง! พี่น้องพวกนั้นของข้าคงไม่ถึงขั้นทำเรื่องพวกนี้ได้ไม่ดีหรอกใช่มั้ย?”

เว่ยซูเข้าใจ นี่ต้องการจำลงมือกับสนมของราชันสวรรค์ จึงตอบว่า  “ในเวลาแบบนี้ บรรดาคุณชายไม่ถึงขั้นแยกแยะความสำคัญไม่ได้ จะจัดการอย่างดีขอรับ”

“เตือนพวกเขาให้ระวังตัวหน่อย ดีไม่ดีทางนั้นอาจจะวางกับดักรอไว้แล้ว อย่าให้ติดกับดัก” เซี่ยโห้วลิ่งกล่าว

“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับแล้วออกไปเตรียมการ

ทว่าเมื่อผ่านไปครึ่งวัน เว่ยซูก็รีบร้อนมาหาเซี่ยโห้วลิ่งที่สวนต้องห้าม “นายท่าน เกรงว่าจะลงมือกับสนมฉินนั่นไม่สะดวกแล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งนั่งขัดสมาธิแต่ไม่ได้ฝึกตน กำลังพักผ่อนร่างกาย เขาลืมตาแล้วถามว่า “มีปัญหาอะไร?”

เว่ยซูยิ้มเจื่อน “คุณชายเก้าส่งข่าวมา บอกว่าที่จริงแล้วสนมฉินนั่นเป็นคนของเรา ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หวังจัวบิดาของสนมฉินคือคนของเราขอรับ”

เซี่ยโห้วลิ่งนิ่งชะงัก แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในชั่วพริบตาเดียว “ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าเป็นคนของพวกเราจริงๆ สนมฉินทำเรื่องแบบนี้ทำไมพวกเราถึงไม่รู้เลยสักนิด?”

เว่ยซูตอบว่า “สนมฉินเองก็ไม่รู้ถึงภูมิหลังที่แท้จริงของบิดาตัวเอง ทางตระกูลอิ๋งควบคุมก่อนลงมือได้ดีมาก ไม่ให้มีข่าวใดๆ เล็ดรอด หวังจัวไม่รู้เรื่องนี้ล่วงหน้าเช่นกัน หลังจากจบเรื่องสนมฉินถูกส่งตัวกลับมาถึงได้รู้เรื่องนี้ ตอนนี้หวังจัวกำลังทวงคำสัญญาที่ตระกูลอิ๋งให้ไว้กับลูกสาวเขา ดังนั้นอีกไม่นานหวังจัวก็จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคแล้ว ในอนาคตอาจจะได้แสดงบทบาทมากกว่านี้!”

………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset