พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1840 แลกเปลี่ยนตัวประกัน

คำกล่าวนี้สื่อเจตนาที่จะแลกเปลี่ยนอย่างชัดเจน ขอเพียงเหมียวอี้ยอมปล่อยคน เรื่องที่ทัพใหญ่แดนรัตติกาลฆ่าคนเผ่าเทพอสรพิษดำมากมายขนาดนั้น นางก็เตรียมจะปล่อยผ่าน เหตุผลฟังดูเสียเปรียบไปบ้าง แต่ที่สำคัญคือนางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวความขัดแย้งระหว่างเหมียวอี้กับตระกูลอิ๋ง ถึงได้ยอมสละชีวิตคนมากมายขนาดนี้เพื่อแลกเปลี่ยน

ตอนนี้นางนับว่าเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ประตูเมืองไฟไหม้ เดือดร้อนถึงปลาในคูเมือง[1]’ เผ่าเทพอสรพิษดำเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตำหนักสวรรค์แล้ว เผ่าเทพอสรพิษดำของนางกลายเป็นตัวหมากในมือคนอื่น การต่อสู้ในตำหนักสวรรค์โหดร้ายมาก อำนาจที่เกี่ยวข้องซับซ้อนมาก เรื่องเล็กน้อยมักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาคนที่ตั้งใจจะสร้างสถานการณ์เสมอ ดีไม่ดีอาจจะทำให้เผ่าเทพอสรพิษดำโดนขุดรากถอนโคน พวกผู้มีอำนาจมหาศาลเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร เผ่าเทพอสรพิษดำก็มีเรื่องด้วยไม่ไหวทั้งนั้น นางอยากจะถอนตัวให้เร็วที่สุด

นางนึกว่าตัวเองยอมจ่ายมากพอแล้ว ถึงอย่างไรเหมียวอี้ก็สังหารเผ่าเทพอสรพิษดำไปมากขนาดนั้น ทว่าเหมียวอี้ไม่ยอมให้นางสมปรารถนาเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องอ้อมไกลขนาดนี้ คงไปหาตระกูลอิ๋งโดยตรงแล้ว เขาแสยะยิ้มบอกว่า “ตระกูลอิ๋งเหรอ? หนิวไม่เข้าใจความหมายของอ๋องอสรพิษดำ ทำไมไปเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งได้ล่ะ? ในเมื่ออ๋องอสรพิษดำใจกว้างขนาดนี้ หนิวก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะ…”

พอพูดถึงตรงนี้ เดิมทีอ๋องอสรพิษดำนึกว่าจะพลิกสถานการณ์ได้ แต่ใครจะคิดว่าคำพูดของเหมียวอี้เกือบทำให้นางเสียสติ “ขอเพียงอ๋องอสรพิษดำสามารถทำให้ตระกูลอิ๋งพูดเรื่องนี้ออกมาชัดๆ ให้ยอมรับว่าพวกเขาจับตัวสวีถังหรานไป เรื่องที่ราวต่อจากนี้อ๋องอสรพิษดำก็ไม่ต้องกังวลแล้ว จะปล่อยคนของเผ่าเทพอสรพิษดำทันที ไม่กลืนคำพูดตัวเองเด็ดขาด!”

อ๋องอสรพิษดำกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก เรื่องแบบนี้ตระกูลอิ๋งจะยอมรับได้อย่างไร ไปถามที่ตำหนักสวรรค์ถามก็ไม่ยอมรับเช่นกัน นางไม่มีทางทำให้ตระกูลอิ๋งเปิดปากพูดได้เลย ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ความแค้นระหว่างเจ้ากับตระกูลอิ๋ง ตัวเจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ เผ่าเทพอสรพิษดำของข้าบริสุทธิ์ เจ้าอย่ารังแกกันเกินไปนัก!”

เหมียวอี้บอกว่า “จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ข้าก็ไม่รู้หรอก ใครจับคนของข้าไป ข้าก็จะไปทวงจากคนนั้น เป็นหลักการฟ้าดิน! เผ่าเทพอสรพิษดำของเจ้าจับคนไปแล้วไม่ยอมปล่อย พูดปากเปล่าว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งก็จะให้ข้าเชื่อแล้วเหรอ ยังมาบอกว่าข้ารังแกกันเกินไป ใครกันแน่ที่รังแกกันเกินไป!” ชัดเจนว่ากัดเผ่าเทพอสรพิษดำแน่นไม่ยอมปล่อย

ชิงเยว่กับหลงซิ่นสบตากันแวบหนึ่ง มองเหมียวอี้ด้วยสายตานับถือเล็กน้อย

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ายังมองเจตนาของเหมียวอี้ไม่ออก เช่นนั้นทั้งสองก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้ว ตอนแรกยังนึกว่าเหมียวอี้ต้องการล้างแค้นให้สวีถังหราน แต่ตอนนี้ทั้งสองนับว่าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมเหมียวอี้ถึงดึงดันจะล้างเลือดดาวเคราะห์ดวงนี้ ต่อให้พวกเขาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องปฏิบัติตาม  รู้ว่าตระกูลอิ๋งมีกำลังมาก จึงไม่ปะทะกับตระกูลอิ๋งโดยตรง แต่จับตัวประกันแล้วบีบให้เผ่าเทพอสรพิษดำไปเผชิญหน้ากับตระกูลอิ๋งแทน

ตั้งแต่ทั้งสองมาขอพึงพาเหมียวอี้ จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็อยู่ในสภาพสั่งสมกำลังเงียบๆ มาตลอด ทัพใหญ่แดนรัตติกาลยังไม่เคยเคลื่อนไหวใหญ่มาก่อน วันนี้ทั้งสองได้ติดตามเหมียวอี้มาปฏิบัติภารกิจใหญ่ขนาดนี้ นับว่าได้รู้แล้วว่าหัวหน้าภาคท่านนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน ลองนึกถึงข่าวลือเมื่อก่อนนี้ ถึงได้รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อสมคำร่ำลือจริงๆ!

ส่วนสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่บอกพวกเขา ทั้งสองก็เข้าใจได้เช่นกัน กุญแจสำคัญของแผนนี้ก็คือ ถ้าปล่อยให้ให้ข่าวหลุดจนถูกตระกูลอิ๋งฉวยโอกาสไปก่อน เขาก็เล่นแผนนี้ไม่ได้แล้ว สิ่งที่ต้องการก็คือต้องฉวยโอกาสตอนอีกฝ่ายไม่เตรียมตัว จู่โจมอีกฝ่ายจนลนลานทำอะไรไม่ถูก

ทั้งสองเดาไว้ไม่ผิดสักนิด เหมียวอี้ไม่ได้คิดจะใช้กำลังปะทะกับตระกูลอิ๋งซึ่งๆ หน้าตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะหลังจากรู้ว่าตระกูลอิ๋งแอบระดมทัพใหญ่ห้าล้าน เขาก็รู้แล้วว่าถ้าอาศัยแค่ทัพใหญ่แดนรัตติกาล ถึงอย่างไรก็ตายสถานเดียว

เขาเองก็รู้แจ่มแจ้งมาก ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลอิ๋งจะปล่อยสวีถังหราน ถึงขั้นแม้แต่เก็บศพก็ไม่ให้โอกาสเขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังอยากพยายามให้เต็มที่ แต่การพยายามเต็มที่ไม่ได้แปลว่าเขาต้องเอาทัพใหญ่หนึ่งแสนลงหลุมศพไปด้วยกัน

ในอดีตยังเป็นชายหนุ่มเลือดร้อน การที่คนบางพวกเสียสละคนอื่นเพื่อคำนึงถึงภาพรวม เขารู้สึกว่าการกระทำนี้ไร้ยางอายและน่าโกรธแค้น เพราะไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เขาเคยถูกทำให้กลายเป็นเครื่องสังเวยนั้น พอเดินมาถึงจุดนี้เขาถึงได้เข้าใจ ทั้งยังตัดสินใจเลือกอย่างไม่ลังเล วันนี้เขากลายเป็นคนที่ตัวเองในปีนั้นเคยเกลียดชังเสียแล้ว

ดังนั้นตอนที่เขานำกำลังพลมา ก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะเสียสละสวีถังหราน ไม่มีทางเอาชีวิตของทัพใหญ่หนึ่งแสนไปดันทุรังสู้เพื่อสวีถังหรานคนเดียว และไม่ใช้ให้ทัพจากแดนอเวจีไปทำอย่างนั้นด้วย ถ้าใช้ทัพแดนอเวจีไปสู้กับตระกูลอิ๋งเมื่อไร ต่อให้เขาชนะก็เท่ากับแพ้อยู่ดี ส่วนตระกูลอิ๋งนั้นต่อให้แพ้ก็ถือว่าชนะแล้ว

หยวนกงที่อยู่ในขบวนรบจ้องเหมียวอี้ด้วยแววตาเป็นประกาย กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

อ๋องอสรพิษดำกลับถูกคำพูดเหมียวอี้กดดันจนแทบเป็นบ้า ตวาดเสียงแหลมว่า “ตกลงเจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย!”

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของนาง อ่อนปวกเปียกแทบไม่ไหว มีแนวโน้มว่าจะใช้กำลังปะทะ ทำให้พวกชิงเยว่มีสีหน้าตึงเครียด

ส่วนเหมียวอี้ที่มีสีหน้าสุขุมกลับยกมืออย่างเด็ดขาด ชูสองนิ้วชี้ไปเพื่อให้คำตอบ

ก่อนหน้านี้เคยเห็นแล้ว ว่าหลังจากเขาชูนิ้วแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำตึงเครียดทันที พอจะเดาออกแล้วว่าชูสองนิ้วหมายความว่าอะไร

ผลที่ได้ก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลคุมตัวพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำสองพันคนที่กำลังร้องตะโกนขอความช่วยเหลือมาหน้าแถวทันที แต่ละคนกำลังวิงวอนไปทางอ๋องอสรพิษดำ

หลงซิ่นอกสั่นขวัญแขวนนิดหน่อย ถ้าใช้กำลังปะทะกันแบบนี้ ดีไม่ดีจะแหลกราญทั้งหินทั้งหยก

เหมียวอี้หันขวับกลับมา จ้องหลงซิ่นด้วยสายตาเย็นเยียบ ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหารแล้ว ความหมายตำหนิชัดเจนมาก

เหมียวอี้โมโหแล้วจริงๆ เขาเป็นคนที่ดิ้นรนสู้ตายมาจนชินแล้ว เวลานี้แบบนี้คือการเดิมพันชีวิต มีหรือที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าฝ่ายนี้อ่อนแอน่ารังแก!

หลงซิ่นหัวใจกระตุกวูบ รู้ว่าความลังเลของตัวเองยั่วโมโหเหมียวอี้แล้ว จึงตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “เตรียมลงโทษประหาร!”

ชวิ้ง! ดาบละกระบี่ชูขึ้นอีกครั้ง พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำสองพันคนหวาดกลัวถึงขีดสุด เรียกได้ว่าดิ้นรนเอาชีวิตรอด ทว่าพลังอิทธิฤทธิ์ถูกระงับไว้จึงหนีไม่พ้น

“ท่านอ๋อง…”

“ท่านอ๋อง! ช่วยพวกเรา…”

เสียงวิงวอนร้องขอชีวิตนั้นน่าอนาถจนไม่คิดว่ามีอยู่จริงในโลกนี้

ฉากนี้ทำให้ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำแทบตาถลนแล้ว พวกเขาหายใจลำบาก เพราะในจำนวนนั้นมีเด็กน้อยอยู่มากมาย!

ในดวงตาอ๋องอสรพิษดำแทบจะแดงเดือดไปด้วยเลือด พลันชี้ไปที่เหมียวอี้แล้วคำรามอย่างเดือดดาลโกรธแค้น “เจ้ากล้าเหรอ!”

“ประหาร!” เหมียวอี้ตะโกนสั่งอย่างไม่ลังเล เสียงดังก้องราวกับฟ้าผ่า เด็ดขาดที่สุด!

“หยุดนะ!” ท่ามกลางทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำ มีคนไม่น้อยตะโกนอย่างเสียสติ

ทว่าตะโกนอะไรไปก็สายไปเสียแล้ว เหมียวอี้ปกครองทัพเข้มงวดมาก การปฏิบัติตามคำสั่งและการละเว้นตามข้อห้ามคือเรื่องพื้นฐานที่สุด

แสงดาบเงากระบี่แวบผ่าน เลือดสายสายพุ่งพรวด ศีรษะสองพันใบกระเด็นออกไปแล้ว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเด็ดขาดมากจริงๆ

“อา…”

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำทุบอกคำรามอย่างเสียสติ ราวกับจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ได้แต่มองเด็กสตรีและคนชราในเผ่าตัวเองตายอนาถโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ หัวใจเจ็บปวดรวดร้าว หัวใจสลายหมดแล้ว อ๋องอสรพิษดำหน้าซีดเผือด ทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม มือสองข้างกำหมัดแน่น อยากจะตะโกนคำว่า “ฆ่า” หลายครั้ง กัดริมฝีปากจนเลือดไหลแล้ว

โหยวฮ่วนที่ตกอยู่ในมือทัพใหญ่แดนรัตติกาลหลับตาในขณะที่น้ำตาไหล ทนมองฉากอันน่าสังเวชใจต่อไปไม่ได้แล้ว

โหยวโยวที่อยู่ในกระบวนทัพเผ่าเทพอสรพิษดำตัวสั่นเช่นกัน หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่กระชั้น ขณะมองดูบาปที่ตัวเองก่อไว้ ทันใดนั้นก็คำรามอย่างเสียสติว่า “ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้าแล้ว!” นางถลันตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

“กลับมา!” อ๋องอสรพิษดำตวาดเรียกอย่างตกใจ

ชิงเยว่ หลงซิ่นแทบจะมาขวางตรงหน้าเหมียวอี้พร้อมกัน วรยุทธ์ของโหยวโยวไม่ได้อ่อนด้อย เป็นยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์

มือธนูสามพันคนออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ลำแสงเกือบหมื่นสายยิงรวมไปที่คนคนเดียว

บึ้ม!

หมอกสีแดงกลุ่มหนึ่งระเบิดอยู่ในดาราจักร คนเป็นๆ คนหนึ่งไร้รูปร่างในชั่วพริบตาเดียว เห็นเพียงละอองเลือดล่องลอย

โหยวโยวพุ่งออกมาแล้วจริงๆ ที่ดิ้นรนสู้ตายก็เป็นความจริง แต่กลับไม่ได้ต้านทาน ไม่ว่าใครก็เห็นทั้งนั้นว่าวินาทีสุดท้ายนางกางแขนปล่อยให้ลูกธนูนับหมื่นแทงผ่านหัวใจ ถูกพลังโจมตีที่แข็งแกร่งฉีกร่างแหลกเป็นผุยผง

วินาทีนั้นแม้แต่เหมียวอี้ก็ตะลึงเช่นกัน มองออกแล้วว่าโหยวโยวกำลังร้องขอความตาย

“ท่านแม่…” โหยวฮ่วนพลันลืมตาเพราะได้ยินเสียงตะโกนของโหยวโยว เขาได้แต่พึมพำร้องไห้อย่างน่าเวทนา

ฝั่งเผ่าเทพอสรพิษดำก็หยุดแล้วเช่นกัน มองดูหมอกเลือดกลุ่มนั้นเงียบๆ

เหมียวอี้ทำลายความเงียบอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อ๋องอสรพิษดำ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง สวีถังหราน พวกเจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย!”

อ๋องอสรพิษดำยกมือขึ้นช้าๆ ชี้เหมียวอี้พลางกล่าวด้วยสีหน้าเยียบเย็นราวกับน้ำค้างเกาะ “ถ้าฆ่าหมดแล้ว เจ้าก็อย่าคิดเลยว่าจะรอดชีวิตออกจากที่นี่ไปได้ อย่าคิดว่าจะรอดออกไปแม้แต่ตัวเดียว!”

เหมียวอี้พยักหน้าช้าๆ “หนิวผู้นี้ผ่านศึกสงครามมาเนิ่นนาน เอาชีวิตรอดจากศึกตายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อยู่บนสนามรบไม่เคยประนีประนอม อ๋องอสรพิษดำกำลังขู่ข้าเหรอ? ดีมาก! วันนี้ข้าก็อยากจะเห็นว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะต้านทานทัพใหญ่แดนรัตติกาลของข้าได้หรือเปล่า ถ้ารั้งข้าไว้ไม่ได้ วันข้างหน้าข้าจะต้องมาขุดรากถอนโคนเผ่าเทพอสรพิษดำแน่นอน!” พูดจบก็ยกกระบี่ขึ้น แล้วพาดไปที่คอโหยวฮ่วน

โหยวฮ่วนหลับตาลง ปิดสองตาที่เต็มไปด้วยน้ำจาอย่างช้าๆ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งการหลุดพ้น

ชวิ้ง! ดาบทวนของทัพใหญ่แดนรัตติกาลชูขึ้นทันที เตรียมตัวจะสังหารเชลยศึกเผ่าเทพอสรพิษดำให้หมด แค่รอให้ศีรษะของโหยวฮ่วนกระเด็นเพื่อเป็นสัญญาณคำสั่ง

“ท่านอ๋อง…”

ชั่วพริบตานั้นเสียงร้องขอชีวิตก็ดังต่อเนื่องเป็นระลอก ทั้งทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำแทบจะหยุดหายใจ ส่วนใหญ่ถลึงตาจ้อง กำอาวุธในมือแน่นจนแทบแตกละเอียดแล้ว

หยวนกงจ้องเขม็ง คอแห้งจนกลืนน้ำลาย ตอนนี้นึกเสียใจทีหลังแทบแย่ ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรไปขอสมัครเข้าจวนแม่ทัพภาคตลาดผีเลย เขากำระฆังดาราไว้ในมือเงียบๆ เตรียมตัวจะเรียกคนมารับทุกเมื่อ

“หยุดนะ!”

ตอนนี้กระบี่ในมือเหมียวอี้กำลังจะออกแรงฟันคอโหยวฮ่วน อ๋องอสรพิษดำก็พลันตะโกนห้าม ตะโกนบอกราวกับเป็นบ้าไปแล้ว “เดี๋ยวค่อยปรึกษากันก็ได้!”

เมื่อเจอกับคนบ้าแบบนี้ นางก็ไม่กล้าเดิมพันอีกแล้ว ได้ยินว่าเจ้าบ้านี่กล้านำกำลังพลครึ่งกองธงไปสู้ตายกับทัพใหญ่หนึ่งล้าน เจ้าคิดว่าเขาไม่กล้าฆ่าตัวประกันจนหมดแล้วค่อยสู้ตายกับเผ่าเทพอสรพิษดำเหรอ? ถึงตอนนั้นคนที่ตายก็ไม่ได้มีแค่แสนกว่าแล้ว หากสองฝ่ายเข่นฆ่ากันจริงๆ ต่อให้ฝั่งนี้ชนะ แต่คาดว่าคงบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย กำลังพลหนึ่งแสนฝ่ายตรงข้ามไม่มีใครวรยุทธ์ต่ำกว่าบงกชรุ้ง ทั้งยังมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อยู่ในมือด้วย

ในฐานะที่เป็นอ๋องเผ่าเทพอสรพิษดำ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเผ่าเทพอสรพิษดำ การพยายามปกป้องคนในเผ่าคือภารกิจของนาง…

เหมียวอี้ชะลอกระบี่ในมือวางไว้บ่าของโหยวฮ่วน แล้วเลิกคิ้วถามว่า “หรือว่าอ๋องอสรพิษดำยินดีจะส่งคนให้?”

ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่จิตใจพะวงอยู่กับการเคลื่อนไหวของกระบี่ในมือเขา

“เจ้าปล่อยคนในเผ่าข้าก่อน!” อ๋องอสรพิษดำกล่าว

“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?” เหมียวอี้ถามเสียงต่ำ

อ๋องอสรพิษดำกล่าวเสียงดังว่า “สถานการณ์เป็นยังไง เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ คนอยู่ในมือตระกูลอิ๋งแล้ว ต่อให้ตอนนี้เจ้าฆ่าพวกเขาจนหมด ข้าก็ส่งตัวคนให้เจ้าไม่ได้อยู่ดี พวกเราแลกเปลี่ยนกันได้ เจ้าปล่อยพวกเขา แล้วข้าจะไปเป็นตัวประกันเอง พวกเราปรึกษากันได้ว่าจะช่วยคนจากตระกูลอิ๋งยังไง ใช้ประโยชน์คนเผ่าเทพอสรพิษดำของข้าคือผลลัพธ์ที่เจ้าต้องการไม่ใช่เหรอ?”

ในใจนางมีแผนการแล้ว นางเตรียมจะสละตัวเองแล้ว ถ้าคนในเผ่านางหลุดพ้นการควบคุมเมื่อไร นางก็จะสั่งให้คนในเผ่าไม่ต้องช่วยนาง ให้ถอนกำลังไปทันที

“ท่านอ๋อง! ไม่ได้นะ”

“ท่านอ๋อง! ทำอย่างนี้ไม่ได้ ท่านเสี่ยงอันตรายนี้ไม่ได้ พวกเราไม่ยอมเอาท่านไปแลกเปลี่ยน!”

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำทั้งซาบซึ้งทั้งเศร้าโศก ผู้อาวุโสหลายคนตะโกนเกลี้ยกล่อมอ๋องอสรพิษดำซ้ำๆ

…………………………

[1] ประตูเมืองไฟไหม้ เดือดร้อนถึงปลาในคูเมือง 城门失火殃及池鱼 หมายถึง คนใหญ่คนโตขัดแย้งมีปัญหากัน แต่ผู้น้อยเดือดร้อนไปด้วย

Related

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset