พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1844 ปิดประตูตีสุนัข

บรรดาแม่ทัพฟังอย่างจริงจังตั้งใจ ได้ยินแล้วพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วย

แม่ทัพคนหนึ่งที่ชื่อว่าลู่ผิงฟางกุมหมัดคารวะ “แม่ทัพใหญ่ อ๋องอสรพิษดำรู้สถานการณ์ชัดเจนแล้ว เพื่อที่จะช่วยตัวประกัน เกรงว่าคงจะไม่เจตนาดีรักษาความลับให้พวกเรา มีความเป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะรู้สถานการณ์เบื้องลึกของพวกเราแล้ว ดักซุ่มอยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไรอีก แต่ถ้าจะรุกโจมตีอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่เหมาะอีก เรื่องนี้ค่อนข้างจัดการยาก”

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นต่อหน้าอิ๋งอู๋หม่านง่ายๆ ให้คนไม่เชี่ยวชาญมาบัญชาการคนที่เชี่ยวชาญ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดอยู่แล้ว แต่ภูมิหลังของอีกฝ่ายดันยิ่งใหญ่อีก ไม่คุ้มที่จะไปยั่วให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนต่างก็รู้จักกำพืดกันดี จึงค่อนข้างเปิดเผย

อ๋าวเฟยกล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่มีอะไรจัดการยาก สั่งให้ทัพใหญ่ถอดเกราะรบตำหนักสวรรค์ เปลี่ยนเกราะรบที่ตัวเองเตรียมไว้ เปลี่ยนหน้ากากแล้วใช้ตัวตนปลอมรุกโจมตี ขอเพียงกำจัดหนิวโหย่วเต๋อและทัพใหญ่แดนรัตติกาลทิ้งได้ ยามถึงเวลาพิเศษก็ใช่ว่าจะใช้วิธีการพิเศษไม่ได้ เรื่องโต้เถียงบนราชสำนักก็มีแต่ต้องส่งให้อ๋องสวรรค์แบกรับ สิ่งที่พวกเรากังวลตอนนี้ก็คือ หนิวโหย่วเต๋ออาจจะรู้สถานการณ์แล้วหนีไปแล้ว ลู่ผิงฟาง!”

“ขอรับ!” ลู่ผิงฟางออกนอกแถวมากุมหมัดคารวะ

อ๋าวเฟยกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “พี่ลู่ ให้กำลังพลหนึ่งล้านแก่เจ้า ไปดักซุ่มบริเวณทางเข้าออกสระน้ำมังกรดำ ถ้าเจอพวกหนิวโหย่วเต๋อหนีไป จะต้องสกัดไว้ให้ได้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว! เพื่อป้องกันไม่ให้ฝั่งเผ่าเทพอสรพิษดำทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา นำกำลังพลส่วนหนึ่งไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยของเผ่าเทพอสรพิษดำ จับตัวประกันมาให้ข้า ยิ่งมากก็ยิ่งดี ไปปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”

“รับทราบ!” ลู่ผิงฟางเอ่ยรับคำสั่งแล้วหันตัวจากไป

อ๋าวเฟยย้ายสายตาไปที่คนอื่น แล้วตะโกนเรียก “อูจินหวน!”

“ขอรับ!” แม่ทัพอีกคนออกนอกแถวมากุมหมัดคารวะ

อ๋าวเฟยสั่งว่า “พี่อู ให้กำลังพลเจ้าหนึ่งล้าน ไปปิดทางเข้าสระน้ำมังกรดำให้ข้า ป้องกันไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อมีกำลังพลสนับสนุน ไม่ว่าจะมีใครเข้ามา ถ้ายังไม่มีคำสั่งของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามปล่อยไปทั้งนั้น ฆ่าไม่ละเว้น!” บนใบหน้าเขายิ่งฉายแววดุร้าย เรื่องในครั้งนี้เขารู้ถึงจุดประสงค์ของอ๋องสวรรค์อิ๋งชัดเจน การที่ท่านอ๋องจับลูกชายไว้ก็ได้พิสูจน์แล้ว เขาจะต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อทำให้บรรลุจุดประสงค์ของอ๋องสวรรค์อิ๋ง

ส่วนตัวเขาในตอนนี้ เมื่อเทียบกับยามปกติที่เป็นคนเชื่องช้า ก็แตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน ที่จริงแล้วหลายคนก็เป็นอย่างนี้ ไม่สามารถทำทุกเรื่องให้สมบูรณ์แบบได้ มีแต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ตัวเองถนัดเท่านั้น ถึงจะฉายแววเปล่งประกายแตกต่างไปจากเดิมได้ การที่อิ๋งจิ่วกวงเปลี่ยนให้เขามาคุมสถานการณ์รบหลังจากตระหนักได้ถึงสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ย่อมมองเห็นอีกด้านหนึ่งของเขาอยู่แล้ว

“รับทราบ!” อูจินหวนเอ่ยรับคำสั่งแล้วไปปฏิบัติตาม

“จงซานหมิง!” อ๋าวเฟยเรียกอีก

“ขอรับ!” จงซานหมิงออกจากแถวมากุมหมัดคารวะ

“พี่จง ให้กำลังพลหนึ่งล้านแก่เจ้า เป็นสายลับให้ทัพใหญ่ที่สระน้ำมังกรดำ” อ๋าวเฟยกล่าว

เมื่อสั่งแบบนี้ จงซานหมิงก็อึ้งไปชั่วขณะ บรรดาแม่ทัพก็ยิ่งมองหน้ากันเลิกลั่ก ให้กำลังพลหนึ่งล้านไปเป็นสายลับเหรอ?

จงซานหมิงกุมหมัดคารวะ “แม่ทัพใหญ่ แค่สระน้ำมังกรดำเล็กๆ การใช้กำลังพลหนึ่งล้านไปเป็นสายลับนั้นเยอะไปหรือเปล่า? พอกำลังพลหนึ่งล้านไปแล้ว ในมือแม่ทัพใหญ่ก้จะเหลือกำลังพลเพียงสองล้านไม่ใช่เหรอ?”

อ๋าวเฟยตอบว่า “ข้ากลัวก็แต่หนิวโหย่วเต๋อจะหลบไปทั่วทุกที่ ถ้าใช้กำลังปะทะกันซึ่งๆ หน้า ต่อให้เผ่าเทพอสรพิษดำร่วมด้วย ใช้กำลังพลสองล้านนี้รับมือก็เพียงพอแล้ว ที่ข้ากังวลกว่านั้นก็คือหนิวโหย่วเต๋อจับคนพวกนั้นเป็นตัวประกันแล้ว จะทำงานร่วมกับเผ่าเทพอสรพิษดำหรือเปล่า?”

“เผ่าเทพอสรพิษดำจะกล้าล่วงเกินท่านอ๋องเหรอ?” จงซานหมิงถาม

อ๋าวเฟยกล่าวว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำประสบหายนะ ในใจพวกเขาต้องเคียดแค้นท่านอ๋องแน่ ประการต่อมา อย่าลืมว่าเบื้องหลังหนิวโหย่วเต๋คือตำหนักนารีสวรรค์ โยงไปถึงตระกูลเซี่ยโห้วได้ ท่านอ๋องยังใช้อำนาจกดดันเผ่าเทพอสรพิษดำได้เลย แล้วทำไมตระกูลเซี่ยโห้วจะทำบ้างไม่ได้ เผ่าเทพอสรพิษดำจะเอนเอียงไปฝั่งไหนก็เดาได้ยาก ในเวลานี้ วางแผนไม่ให้แพ้ก่อน แล้วค่อยวางแผนให้ชนะ อุดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นทิ้งไปก่อน จะให้ผิดพลาดไม่ได้ ถ้าเผ่าเทพอสรพิษดำเอนเอียงไปฝั่งหนิวโหย่วเต๋อ ปัจจัยด้านชัยภูมิและกำลังคลก็เอื้อให้ฝั่งพวกเราแล้ว จะต้องเกิดปัจจัยมากมายที่ไม่เป็นผลดีต่อพวกเราแน่นอน ตั้งแต่สมัยโบราณมา ตัวอย่างที่ฝ่ายกำลังอ่อนแอเอาชนะฝ่ายกำลังเข็มแข็งก็มีให้เห็นเยอะเยอะ มันเคยเกิดกับหนิวโหย่วเต๋อมาแล้ว หนิวโหย่วเต๋อชำนาญเรื่องใช้งานทหาร ข้าจับตาดูมานานแล้ว ความสามารถในการพลิกแพลงสถานการณ์ของเขาไม่ธรรมดา และที่นี่ก็คืออาณาเขตของเผ่าเทพอสรพิษดำ ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ในสายตาเผ่าเทพอสรพิษดำหมดแล้ว หากเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็ไม่เป็นผลดีกับพวกเราเลย เวลานี้ข้าจะต้องรู้ความเคลื่อนไหวที่สระน้ำมังกรดำเป็นอย่างนี้ ให้กำลังพลหนึ่งล้านกับเจ้า ไม่ใช่แค่ต้องแสดงบทบาทสายลับเท่านั้น แต่เมื่อพบสายลับของอีกฝ่ายก็กำจัดทิ้งทันที ข้าต้องการทำให้พวกเขาตาบอด เมื่อถึงเวลาจเป็นก็อาจจะต้องขอให้พี่จงร่วมมืออย่างเต็มกำลัง ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญที่สุด พี่จงประมาทไม่ได้เด็ดขาด!”

“เข้าใจแล้ว แม่ทัพใหญ่วางใจได้!” จงซานหมิงพยักหน้า กุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป

จากนั้นอ๋าวเฟยก็นำแผนที่ดาวและเข็มทิศโลหะออกมา หลังจากจ้องแผนที่ดาวพลางครุ่นคิดเงียบๆ พักหนึ่ง ก็เรียกชื่ออีก “เชออู่ ไป่หลี่เจี๋ย เวินลิ่วกง หลัวเจ๋อ หลงเต๋ออัน”

แม่ทัพห้าคนก้าวออกมากุมหมัดคารวะ “ขอรับ!”

อ๋าวเฟยกวักมือเรียก บอกใบ้ให้ทุกคนล้อมเข้ามา แล้วชี้หลายจุดบนแผนผังดาว “ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ ข้าให้กำลังพลเจ้าหนึ่งล้านห้าแสน แบ่งไปคนละสามแสน ดักซุ่มอยู่ที่ห้าจุดนี้ เตรียมพร้อมสนับสนุนการจู่โจมทุกเมื่อ ข้าจะให้จงซานหมิงกวาดล้างสายลับตรงห้าจุดนี้ไว้ก่อน พวกเจ้ารอฟังคำสั่งข้า เตรียมตัวเข้าประจำที่ทุกเมื่อ”

“รับทราบ!” ห้าคนเอ่ยรับคำสั่ง แล้วไปนับกำลังพลก่อน

หลังจากกลุ่มแม่ทัพที่เหลือรออยู่สักพัก ก็เห็นอ๋าวเฟยจ้องเข็มทิศเงียบๆ เหมือนจะไม่มีงานของพวกเราแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะสบตากัน

แม่ทัพหวังหย่วนเฉียวเตือนว่า “แม่ทัพใหญ่ ที่พวกเราเหลือแค่กำลังพลห้าแสนแล้ว ถ้าทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำเข้าพวกกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลจริงๆ ทางนี้ก็จะกดดันแล้ว เพราะเผ่าเทพอสรพิษดำรู้ตำแหน่งของพวกเรา พวกเราต้องย้ายที่ใหม่หรือเปล่า?”

อ๋าวเฟยจ้องเข็มทิศโดยไม่ได้เงยหน้า “ไม่ย้าย ไม่กลัวพวกเขาโจมตีเข้ามาหรอก กลัวก็แต่พวกเขาจะไม่มา ถ้าพวกเราเป็นเหยื่อล่อให้พวกเขาออกมาได้ นั่นก็ดีที่สุดแล้ว”

ในขณะนี้เอง มีแม่ทัพคนหนึ่งถือระฆังดาราแล้วหันมามอง “แม่ทัพใหญ่ สายลับรายงานมา เหมือนหนิวโหย่วเต๋อจะปล่อยตัวประกันของเผ่าเทพอสรพิษดำไปแล้ว เผ่าเทพอสรพิษดำแก้สถานการณ์ได้แล้ว แม้แต่ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็แยกย้ายหายไปแล้ว สายลับมีจำกัด ไม่รู้เหมือนกันว่าควรตามไปทางไหน”

“หายไปแล้วเหรอ? น่าสนใจ” อ๋าวเฟยเอามือลูบคางครุ่นคิดพลางแสยะยิ้ม แล้วหันมาบอกว่า “ติดต่อท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ขอให้ท่านอ๋องติดต่อกับอ๋องอสรพิษดำสักหน่อย ข้าอยากจะรู้ท่าทีของอ๋องอสรพิษดำให้ชัดเจน”

เมื่อกล่าวแบบนี้ ก็มีคนหยิบระฆังดาราออกมาจัดการทันที

ใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำ อิ๋งจิ่วกวงก็หยิบแผนที่ดาวและเข็มทิศออกมาเช่นกัน ยืนเอามือไขว้หลังจ้องประเมินแผนที่ดาวของอาณาเขตดาวสระน้ำมังกรดำ

จั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ มือหนึ่งถือระฆังดารา อีกมือหนึ่งถือแผ่นหยกร่ายอิทธิฤทธิ์บันทึกอะไรบางอย่าง

ผ่านไปสักพัก จั่วเอ๋อร์ก็ก้าวขึ้นมามอบแผ่นหยกให้ “ท่านอ๋อง นี่คือความเคลื่อนไหวทุกอย่างเกี่ยวกับอ๋าวเฟยทางสระน้ำมังกรดำที่แอบรายงานมา อ๋องอสรพิษดำรู้ตัวแล้ว อ๋าวเฟยขอให้ทางนี้หยั่งเชิงท่าทีของอ๋องอสรพิษดำค่ะ”

อิ๋งจิ่วกวงรับแผ่นหยกมาไว้ในมือ “เจ้าติดต่อทางอ๋องอสรพิษดำได้หรือยัง?”

“ยังเลยค่ะ ทางนั้นไม่ตอบอะไรเลย ทุกคนที่รู้จักก็ติดต่อไม่ได้เลย” จั่วเอ๋อร์ตอบ

“งั้นเจ้าก็บอกอ๋าวเฟยตามความจริงแล้วกัน ตอนนี้เขาต้องบัญชาการโดยตัดสินจากสถานการณ์จริง” อิ๋งจิ่วกวงพูดทิ้งท้ายแล้วกลับมานั่งบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วหยิบแผ่นหยกในมือมาตรวจอ่านเงียบๆ

“ค่ะ!” จั่วเอ๋อร์ทำตามที่สั่งทันที หลังจากรายงานสถานการณ์ไปทางสระน้ำมังกรดำแล้ว จู่ๆ นางก็เหลือบตาขึ้น พบหญิงงามสวมเครื่องประดับหรูหราสองคน ‘บังเอิญ’ ปรากฏตัวที่ริมแม่น้ำพอดี แล้วก็ ‘บังเอิญ’ เห็นอิ๋งจิ่วกวง จึงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มทันที พวกนางคืออนุภรรยาทั้งสองของอิ๋งจิ่วกวงนั่นเอง

จั่วเอ๋อร์หันกลับไปมองอิ๋งจิ่วกวงแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบเข้าไปต้อนรับอนุภรรยาสองคนนั้น กันทั้งสองเอาไว้ แล้วทำความเคารพ “บ่าวคำนับฮูหยินทั้งสอง” ฮูหยินเอกของอิ๋งจิ่วกวงไม่อยู่แล้ว กลุ่มอนุภรรยาทั้งหมดล้วนเป็นฮูหยิน ดังนั้นอิ๋งจิ่วกวงจึงมีฮูหยินเยอะมาก มีหลายร้อยคน

หลังจากสามงามทั้งสองพยักหน้าแล้ว ก็แหวกม่านใบหลิวเดินไปข้างหน้าต่อ จั่วเอ๋อร์ยื่นมือห้ามทันที แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋องมีธุระ ไม่สะดวกจะรบกวนค่ะ”

สาวงามทั้งสองชำเลืองไปทางนั้น เห็นอิ๋งจิ่วกวงนั่งสบายๆ ข้างๆ ยังปักเบ็ดตกปลาไว้ด้วย เหมือนคนมีธุระเสียที่ไหนกัน จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มทันที “พ่อบ้านจั่ว พวกเราแค่ไปทักทายท่านอ๋องแล้วก็จะไปแล้ว ไม่รบกวนท่านอ๋องหรอก”

รอยยิ้มบนใบหน้าจั่วเอ๋อร์หายไปทันที จ้องทั้งสองอย่างเย็นเยียบ แล้วยืนยันอีกครั้ง “ท่านอ๋องมีธุระ ไม่สะดวกจะรบกวน เชิญฮูหยินทั้งสองกลับไปก่อน!”

“…” สามงามทั้งสองยิ้มค้าง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือรู้สึกขนลุกเพราะแววตาแบบนั้นของจั่วเอ๋อร์ อยู่ที่จวนอ๋องสวรรค์ แม้แต่ลูกชายของอ๋องสวรรค์ก็ยังไม่กล้าล่วงเกินจั่วเอ๋อร์เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอนุภรรยาอย่างพวกนางแล้ว จึงกล่าวด้วยสีหน้าอึดอัดทันที “พ่อบ้านจั่วลำบากแล้ว งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว” พวกนางเลี้ยวกลับไปแต่โดยดี เพียงแต่ในใจคงจะด่าจั่วเอ๋อร์แทบตาย

แต่สำหรับจั่วเอ๋อร์แล้ว ความคิดภายในใจพวกนางไม่สำคัญเลยสักนิด นางเดินกลับมาอยู่ข้างกายอิ๋งจิ่วกวงอีก

ผ่านไปครู่เดียว อิ๋งจิ่วกวงที่อ่านเนื้อหาในแผ่นหยกจบแล้วก็เงยหน้าขึ้น แล้วโบกแผ่นหยกในมือพลางพยักหน้ากล่าวว่า “อ๋าวเฟยน่ะ ปากจริงจังไปหน่อย ล่วงเกินคนอื่นได้ง่าย ให้คุมอาณาเขตไม่ค่อยเหมาะ แต่ให้นำทัพออกศึกยังพอได้ วางแผนไม่ให้แพ้ก่อน แล้วค่อยวางแผนให้ชนะ…อืม ดี! มีเขาอยู่ทางนั้น ข้าก็วางใจแล้ว เดี๋ยวเจ้าจับตาดูไว้นะ อย่าให้ใครทำอะไรซี้ซั้วกับเขา จะได้ไม่ทำให้คนผิดหวังท้อใจ ลูกน้องข้าต้องมีคนที่ทำงานจริงได้ไว้บ้างสิ จะมีแต่พวกขี้ประจบไม่ได้หรอก!”

“ใช่ค่ะ!” จั่วเอ๋อร์พยักหน้ายิ้ม

นางเองก็เฝ้าหวังให้อ๋าวเฟยทำงานให้ดี เพราะนางทำพลาดเรื่องหนิวโหย่วเต๋อหลายครั้งแล้ว ถูกด่าจนแทบจะโง่หัวไม่ขึ้นแล้ว พอเห็นอิ๋งอู๋หม่านถ่อไปหลับหูหลับตาทำงานนางก็เซ็งแล้ว ถ้าทำพลาดอีกครั้งนางจะชี้แจ้งอย่างไร? ดังนั้นจึงไม่ทันรอให้อิ๋งอู๋หม่านปล่อยหมัด นางก็วางอุบายนิดหน่อยเพื่อกันอิ๋งอู๋หม่านไว้แล้ว

นี่ก็คือสาเหตุที่อนุภรรยาสองคนเมื่อครู่นี้กับทุกคนในจวนอ๋องสวรรค์กลัวนาง ไม่มีเรื่องกับคนสนิทข้างกายท่านอ๋องไม่ได้ แม้แต่ลูกชายของท่านอ๋องเอง บทจะโดนกลั่นแกล้งก็โดนกลั้นแกล้งโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลย นับประสาอะไรกับคนอื่นล่ะ?

เมื่อได้รับข่าวจากจั่วเอ๋อร์ อ๋าวเฟยก็เงียบไปแล้ว

ในตอนนี้เอง ลูกน้องที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานก็มารายงานว่า “แม่ทัพใหญ่ ทางแม่ทัพลู่รายงานมา กำลังพลบุกเข้าไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยของเผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว แต่ไม่เห็นเงาเผ่าเทพอสรพิษดำเลยสักคน แปลกพอสมควร ตอนนี้กำลังต้นหาต่อไปขอรับ”

อ๋าวเฟยเอียงหน้าครุ่นคิด แล้วยกมือขึ้น “ไม่ต้องค้นหาแล้ว คนน่าจะย้ายไปก่อนแล้ว ถ้าค้นหาอีกก็เปลืองแรง ไปบอกแม่ทัพลู่ ให้เขาเฝ้าทางเข้าออกไว้ อย่าให้ใครหนีไป หนิวโหย่วเต๋อน่าจะยังอยู่ที่สระน้ำมังกรดำ ข้าจะปิดประตูตีสุนัข!”

………………

Related

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset