พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 103 หกล้มทั้งคู่

“อ๋า?”วารุณีตะลึงก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็หลบสายตาอย่างร้อนตัว“แม่ แม่กำลังพูดอะไรน่ะ จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“ลูกหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกแม่ไม่ได้นะ แม่เห็นหมดแล้ว สายตาที่ลูกมองนัทธีนั้นไม่เหมือนกัน”จู่ๆ วรยาก็มีท่าทีต่อเธอเปลี่ยนไป
วารุณีอ้าปาก อยากจะพูดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
วรยาถอนหายใจ“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“แม่……”วารุณีดึงแขนเสื้อของเธอ
วรยามองลูกสาวตรงหน้าตัวเองอย่างสงสาร“แม่ผิดเองแหละ ถ้าตอนนั้นแม่ไม่ได้เป็นเพราะการขัดขวางของครอบครัวลูกชายคนโตของคุณท่านบรรพต เลยยอมแพ้ไปหานัทธี ก็ไม่แน่ว่าตอนนี้ลูกกับนัทธีอาจจะแต่งงานกันไปแล้ว ลูกก็ไม่ต้องไปมีลูกกับคนอื่น นัทธีก็จะไม่ถูกลูกสาวของขยานีผู้หญิงคนนั้นแย่งไป”
“แม่ อย่าพูดแบบนี้สิ!”วารุณีหัวเราะ เอาหน้าซุกไปที่ไหล่เธอ“ทุกอย่างผ่านไปหมดแล้ว”
“ใช่ ทุกอย่างก็ผ่านไปหมดแล้ว อย่างที่นัทธีบอกนั่นแหละ ลูกกับเขาเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นวารุณี ลูกรีบยอมแพ้ต่อเขาเถอะ ไม่ต้องไปรักเขาแล้ว ตอนนี้ลูกมีลูกแล้ว เขาก็มีคู่หมั้นแล้ว คุณรักเขาต่อไปมีแต่จะเสียใจ เข้าใจไหม?”วรยาเตือนอย่างจริงจัง
วารุณีละสายตาลง ปกปิดความเศร้าในดวงตา พึมพำตอบอือไปเบาๆ “เข้าใจค่ะแม่”
ที่จริงตั้งแต่แรกเธอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้กับนัทธี ดังนั้นเลยเอาความรู้สึกซ่อนไว้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเงียบๆ มาโดยตลอด ไม่ให้ใครรู้
แต่ตอนนี้ถูกคนพูดตรงๆ ว่าเป็นไปไม่ได้อย่างนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจหน่อยๆ
“เข้าใจก็ดี”วรยาตบไหล่ด้านหลังของวารุณี
วารุณีถูไหล่ของเธอ“แม่ ดึกมากแล้ว พวกเรานอนกันเถอะ นานแล้วที่ไม่ได้นอนกับแม่”
“โอเค งั้นคืนนี้แม่จะนอนกอดลูก”วรยาหัวเราะเหอะเหอะ
วันรุ่งขึ้น หลังจากวารุณีเอาลูกทั้งสองคนไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล ก็ถือถุงใบหนึ่งมาที่โรงพยาบาล มาหาพงศกร
พงศกรกำลังตรวจคนไข้คนหนึ่งอยู่ พอเห็นเธอมา ก็ส่งสายตาให้เธอ
วารุณีส่งสัญลักษณ์OKไปให้ เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ อย่างเงียบๆ รอเขาทำงานเสร็จ
รอประมาณสิบกว่านาทีได้ คนไข้ก็ออกไป พงศกรลุกขึ้น ไปตรงหน้าเครื่องกรองน้ำ ใช้ถ้วยกระดาษรองน้ำแก้วหนึ่งมาตรงหน้าวารุณี แล้วเอาแก้วน้ำให้เธอ“คุณมาได้ไงครับเนี่ย?”
“แม่ฉันให้ฉันเอาของมาให้คุณค่ะ”
พูดไป วารุณีก็วางแก้วน้ำลง หยิบถุงข้างตัวยื่นให้เขา“ข้างในนี้เป็นของขวัญที่แม่ฉันเอากลับมาจากต่างประเทศ และยังมีหนังสือแพทย์สองสามเล่มที่ที่ปรึกษาของคุณให้แม่ฉันเอามาให้คุณด้วย”
“ดีจัง ฝากขอบคุณแทนคุณป้าด้วยนะครับ”พงศกรรับถุงไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงถาม“ใช่สิ คุณป้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนค่ะ”วารุณีดื่มน้ำไปคำหนึ่งแล้วตอบ
พงศกรเอาหนังสือแพทย์ออกมาจากถุง วางบนโต๊ะทำงาน“งั้นศรัณย์ก็อยู่ต่างประเทศคนเดียวน่ะสิ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ สองสามวันนี้แม่ฉันก็จะไปแล้ว”วารุณีโบกมือพูด
พงศกรพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรอีก พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างลนลาน“คุณหมอพงศกร เมื่อครู่มีคนไข้เนื้องอกในสมองคนหนึ่งย้ายมาที่โรงพยาบาล คุณหมอพิชิตให้คุณหมอไปเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ค่ะ”
พงศกรขมวดคิ้ว
วารุณียืนขึ้นมา“พงศกร ในเมื่อคุณมีงานเข้า งั้นฉันก็ไม่รบกวนแล้วค่ะ”
“โอเค ตอนค่ำเรียกคุณป้าออกมาทานข้าวสิ ผมเลี้ยงเอง”พงศกรหยิบเสื้อกาวน์ขาวบนชั้นวางมาสวม
วารุณีตอบอือไป
จากนั้น พงศกรก็ตามพยาบาลไป
วารุณีก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกนาน ปิดประตูห้องทำงานเขา เตรียมจะออกไป
ตอนที่เธอเดินออกจากอาคารห้องตรวจของหมอ ตอนที่ผ่านสวนดอกไม้ จู่ๆ เสียงผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนก็เรียกเธอไว้“ใช่คุณวารุณีหรือเปล่า?”
วารุณีหยุดฝีเท้าลง หันหน้าไปมอง
มองเห็นนวิยาสวมชุดคนไข้ สวมวิกผมนั่งอยู่บนรถเข็นกำลังยิ้มให้เธอ ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย“คุณนวิยา”
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จะเจอนวิยาที่นี่
“คุณวารุณีจริงๆ ด้วย ฉันคิดว่ามองผิดซะอีก”นวิยาควบคุมรถเข็นมาตรงหน้าวารุณี
วารุณียิ้มให้เธอ“คุณนวิยาออกมาได้ไงคะ?ไม่มีคนตามมาเหรอ?”
“มีค่ะ แต่เขากลับไปเอาเสื้อคลุมให้ฉันค่ะ”นวิยามองไปที่อาคารโรงพยาบาล ถามทันทีว่า“คุณวารุณีมาเยี่ยมคุณหมอพงศกรเหรอคะ?”
“อือ ใช่ค่ะ”วารุณีพยักหน้า
“งั้นฉันถามหน่อยนะคะ คุณวารุณีเป็นอะไรกับคุณหมอพงศกรเหรอคะ?”นวิยากะพริบตา มองเธออย่างแปลกใจ
วารุณีทัดผม“เป็นเพื่อนกันค่ะ”
“เหรอคะ ฉันคิดว่าคุณวารุณีเป็นแฟนของคุณหมอพงศกรเสียอีก ฉันเห็นพวกคุณเหมาะสมกันมาก”นวิยาทำปากจู๋อย่างเศร้าๆ
วารุณีหัวเราะอย่างอึดอัด“จะเป็นไปได้ไง นวิยาอย่าพูดแบบนี้สิคะ”
“ฉันพูดจริงๆ ค่ะ แต่ว่า ……ช่างเถอะ คุณวารุณีประคองฉันไปนั่งตรงนั้นได้ไหมคะ รถเข็นนี้นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”นวิยาชี้ไปที่เก้าอี้ด้านหลังวารุณี
วารุณีมองเล็กน้อย พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็เข้าไปประคองนวิยาบนรถเข็น
แต่ตอนที่วารุณีประคองนวิยาไปที่เก้าอี้ จู่ๆ ร่างของนวิยาก็ล้มไปที่เธอ เกือบจะเอาน้ำหนักตัวทั้งหมดกดทับใส่ร่างของเธอ
วารุณีที่ยืนไม่มั่นคง ก็ล้มลงไปกองกับพื้น
นวิยาก็ล้มลงไปที่ตัวเธอ ชนจนเธอทำเสียงฮึดฮัด รู้สึกว่าอวัยวะภายในเคลื่อนไหวไปหมด
ที่สาหัสที่สุดก็คือแขนของเธอ ที่ไถลไปกับพื้น จนผิวถลอก เจ็บจนสีหน้าเธอซีดขาว มุมหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา
“นวิยา!”เวลานี้ เสียงผู้ชายที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็ดังขึ้นมา
จากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็รีบเดินเข้ามา ประคองนวิยาขึ้นมาจากตัววารุณี มองสำรวจเธออย่างเป็นห่วง“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร”นวิยาส่ายหน้า จากนั้นก็ไปดูวารุณีที่พื้น
นัทธีก็มองตามไป ตอนที่เห็นหน้าของวารุณีชัดๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง“ทำไมถึงเป็นคุณ?”
วารุณีทนความเจ็บยืนขึ้นมาจากพื้น ยิ้มให้เขา“ประธานนัทธี”
เธอก็ตกใจเล็กน้อย
ที่แท้คนที่ไปช่วยนวิยาหยิบเสื้อคลุม ก็เป็นเขา!
“คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”นัทธีเม้มปากมองวารุณี ในน้ำเสียงมีความสอบถามหน่อยๆ
รอยยิ้มที่ใบหน้าวารุณีก็แข็งทื่อ ละสายตาลงตอบกลับไปว่า“เมื่อกี๊คุณนวิยาบอกว่าอยากไปนั่งเก้าอี้ค่ะ ฉันเลยประคองเธอไปนั่ง สุดท้ายก็ล้มลง”
เขากำลังโทษที่เธอทำให้นวิยาล้มเหรอ?
“เป็นแบบนี้เหรอ?”นัทธีเอาสายตามองไปที่นวิยา
“ค่ะ”นวิยาพยักหน้า จากนั้นก็ขอโทษอย่างรู้สึกไม่ดี“ขอโทษนะคะคุณวารุณี จู่ๆ ฉันก็หมดแรง ทำเอาคุณล้มไปด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”วารุณียิ้มที่มุมปากอย่างฝืนๆ ตอบกลับไป
สีหน้าขมวดของนัทธีก็ผ่อนคลายลง“โอเค เวลาก็พอประมาณแล้ว ผมพาคุณกลับไปที่ห้องคนไข้ก่อน”
“ไม่เอา ฉันยังไม่ไปดูดอกไม้ข้างหน้าเลย”นวิยาไม่อยากไปจึงชี้ไปที่สวนดอกไม้ด้านหน้า
“ครั้งหน้าค่อยไปดู!”นัทธีเอาเธอกลับไปที่รถเข็น แล้วเข็นเธอออกไปเลย
มองแผ่นหลังทั้งสองคนออกไปไกลแล้ว ดวงตาวารุณีอดไม่ได้ที่จะหรี่ลง
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือไม่ เมื่อกี๊ที่ประคองนวิยาขึ้นมาจากรถเข็น เป็นไปอย่างราบรื่นชัดๆ ทำไมตอนที่จะนั่งเก้าอี้ จู่ๆ นวิยาก็ยืนไม่มั่นคง ล้มไปที่ร่างของเธอได้ล่ะ?
จงใจหรือเปล่า?
วารุณีละสายตากลับไป มองจุดที่หกล้มลงไปเมื่อกี๊ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้าย เธอได้แต่คิดว่าเป็นอุบัติเหตุ กำแขนที่ไถลไปจนถลอก แล้วออกไปจากโรงพยาบาล
ตอนบ่าย วารุณีสวมแว่นกรอบดำ สวมชุดนอนสบายๆ กำลังนั่งขัดสมาธิวาดร่างออกแบบบนโซฟา ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น
เธอเอาหนังสือออกแบบกับดินสอวางบนโต๊ะน้ำชา ลุกขึ้นไปเปิดประตู
เปิดประตู นัทธีมองเห็นเธอแต่งตัวไม่เป็นระเบียบอย่างที่ผ่านมา หางคิ้วก็เลิกขึ้น“ปกติคุณอยู่บ้าน สวมชุดแบบนี้เหรอ?”

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"

Options

not work with dark mode
Reset