พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 238 พิชญาหนีแล้ว

“ใช่ เขาคิดว่าเป็นฉันที่บอกร่องรอยของพ่อแม่เขาให้กับพ่อแม่ฉัน พ่อแม่ฉันเลยบอกคนพวกนั้น ไม่ว่าพวกเราจะอธิบายอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อ”
ปาจรีย์เอามือปิดหน้าอย่างเจ็บปวด“ที่จริงตอนที่พ่อแม่เขาถูกฆ่า ฆาตกรเคยโทรหาพ่อแม่ฉัน อย่างไรก็ตามพอพ่อแม่ฉันไปก็สายไปเสียแล้ว ในที่นั้นเหลือแค่ศพของพ่อแม่เขา ไม่มีฆาตกร จากนั้นพงศกรก็กลับมา”
วารุณีกอดร่างที่สั่นของเธอไว้“ฉันพอจะเข้าใจแล้ว คนพวกนั้นที่ฆ่าพ่อแม่พงศกร จงใจเรียกพ่อแม่เธอไป เพื่ออยากให้พงศกรเข้าใจผิด ว่าพ่อแม่เธอทำร้ายพ่อแม่เขาตาย ให้พงศกรเกลียดพวกเธอ”
“ใช่ ตรงนี้ทุกคนต่างมองออก แต่มีเพียงพงศกรคนเดียวที่ถูกความเกลียดชังบังตา ไม่ยอมเชื่อ”ปาจรีย์ร้องไห้แล้วพูดออกมา
วารุณีตบหลังเธออย่างปลอบใจ“งั้นจากนั้นล่ะ พงศกรทำอย่างไร?”
“ต่อมาพงศกรอยู่ที่โรงพยาบาลประสาทสามปี”ปาจรีย์เช็ดน้ำตา“เพราะว่าตอนที่พงศกรเห็นศพของพ่อแม่เขา จิตใจและสติก็เกิดปัญหาขึ้นมา เกือบจะเป็นคนหลายบุคลิกภาพ ถึงแม้สุดท้ายจะแยกหลายบุคลิกไม่สำเร็จ แต่ก็มีข้อเสีย ก็คือถูกกระตุ้นไม่ได้ ถ้าได้รับการกระตุ้น นิสัยก็จะเปลี่ยนไปสุดขั้ว”
ได้ยินตรงนี้ วารุณีอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสภาพที่เห็นพงศกรในจอภาพอินเตอร์คอมตอนนั้น บ้าคลั่งอย่างมากจริงๆ สุดขีดไปเลย
“ดังนั้นเพื่อควบคุมความไม่มั่นคงของจิตใจ หลังจากพงศกรออกมาจากโรงพยาบาลประสาทแล้ว จึงเรียนควบคู่ด้านประสาทและจิตวิทยา”ปาจรีย์ถอนหายใจยาวๆ
“ที่แท้การสะกดจิตของเขา ก็มาได้แบบนี้นี่เอง”วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย สื่อว่าเข้าใจแล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจ กับอดีตของพงศกร
ส่วนปาจรีย์ก็โล่งอกเป็นอย่างมาก ที่พูดความลับพวกนี้ออกมา จากนั้นจึงฟุบหลับไปที่โต๊ะทำงาน
วารุณีมองเธอที่หลับอย่างเหนื่อยล้า ก็ถอนหายใจอย่างเจ็บปวด หลังจากหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้เธอแล้ว ก็ออกไปเงียบๆ
ตอนหัวค่ำ วารุณีสวมชุดราตรีสีดำเข้ารูปขับรถไปที่โรงแรมเซ็นจูรี่ ร่วมนิทรรศการของพวกMr.Dylan
ตอนที่เธอไปถึง นิทรรศการก็มีคนมาไม่น้อยแล้ว ต่างเป็นดีไซเนอร์ที่ได้รับการเชิญ และผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัตถุที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
วารุณีเข้าไป หลังจากทักทายกับดีไซเนอร์ที่รู้จักบางส่วนกับพวกผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัตถุแล้ว ก็เข้าไปเดินชมผลงานของพวกMr.Dylan
สไตล์การออกแบบของMr.Dylanเหมือนกับเธอมาก เธอคิดจะถ่ายผลงานไว้ แล้วกลับไปศึกษาดีๆ โดยเชื่อว่าจะต้องพัฒนาทักษะการออกแบบของตัวเองแน่
ตอนที่วารุณีถ่ายรูปอย่างสุดโต่งอยู่นั้น จู่ๆด้านข้างก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนี้ หัวแม่มือของวารุณีสั่น กดชัตเตอร์ลงไปทันที จากนั้นภาพก็เบลอ
แต่ว่าเธอไม่สนใจ หลังจากลบรูปนี้แล้ว ก็วางโทรศัพท์ลง หันหน้าไปมองด้านข้าง เห็นใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นชานั้นของชายหนุ่ม ก็พูดอย่างตกใจ:“ประธานนัทธี คุณกลับมาแล้วเหรอ?”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย“เพิ่งกลับมา ลงจากเครื่องก็มาเลย”
“แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้า
ตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์ในมือเธอก็ดังขึ้นมา
วารุณีเงยขึ้นมอง เห็นเป็นเบอร์ที่คนของบริษัทนักสืบโทรมา จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นยิ้มให้นัทธี“ขอโทษนะคะประธานนัทธี ฉันรับสายก่อน”
นัทธีสังเกตพฤติกรรมของเธอ รู้ว่าสายนี้จะต้องสำคัญมากแน่ จึงไม่พูดอะไร ทำท่าเชิญตามสบายไปให้
เพื่อไม่รับกวนผู้อื่นที่ชื่นชมผลงาน วารุณีจึงหยิบโทรศัพท์ค่อยๆเดินออกไป ไปตรงที่ที่มีคนน้อย แล้วจึงเอาโทรศัพท์ไปแนบหู“ฮัลโหล นักสืบธนดล ทางพิชญามีข่าวคราวไหมคะ?”
“ครับ ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เป็นเวลาพักของคนไข้ในโรงพยาบาลประสาท ผมเห็นว่าทุกคนไปสวนดอกไม้หมดเลย มีแค่พิชญาคนเดียวที่ไม่ไป ดังนั้นจึงไปห้องของพิชญาเพื่อจะสืบดู จากนั้นพบว่าพิชญาไม่อยู่ห้อง”
“ไม่อยู่ห้อง?”วารุณีหรี่ตาลง น้ำเสียงสูงขึ้น“หมายความว่าไง?”
นัทธีที่อยู่ไม่ไกลสังเกตเธอตลอด เห็นสภาพจริงจังของเธอนี้ ริมฝีปากบางๆเม้มเข้า อดไม่ได้ที่จะเดินไป“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
วารุณีคิดไม่ถึงว่าเขาจะมา จึงส่ายหน้าให้เขา สื่อว่าเดี๋ยวค่อยพูด
นัทธีเข้าใจ จึงเงยคางขึ้น ไม่ถามอีก แต่สายตากลับจ้องโทรศัพท์ของเธอตลอด
ที่ปลายสาย นักสืบธนดลตอบกลับอย่างละอายใจเล็กน้อย:“ความหมายก็คือ เธอน่าจะออกไปจากโรงพยาบาลประสาทชั่วคราว ขอโทษนะครับคุณวารุณี ผมทำเธอหายไปแล้ว”
วารุณีขมวดคิ้ว ไม่ได้จะโทษเขา “ไม่เป็นไรค่ะ คุณก็ไม่ใช่คนที่มีความสามารถไปซะทุกอย่างสักหน่อย แต่ว่าทำไมคุณต้องบอกว่าเธอออกไปจากโรงพยาบาลประสาทชั่วคราวล่ะคะ?”
นักสืบธนดลดันแว่น“เพราะว่าผมเพิ่งสืบข้อมูลที่เธอเข้ามา ยังไม่ถูกยกเลิก และก็ยังไม่ได้คืนห้อง และแม่ของเธอขยานีก็ยังอยู่ที่นี่ ดังนั้นผมจึงเดาว่าพิชญาน่าจะออกไปชั่วคราว ไปทำเรื่องอะไรบางอย่าง”
“ออกไป……”วารุณีกำโทรศัพท์แน่“ดูเหมือนว่าเธอจะแกล้งบ้าจริงๆ เลขาธนดล คุณเฝ้าที่นั่นต่อไป ถ้าพิชญากลับไป คุณรีบแจ้งฉันทันที!”
“ครับ”เลขาธนดลพยักหน้าตอบรับไป
วารุณีวางโทรศัพท์ลง นัทธีขมวดคิ้วถาม“พิชญาเป็นอะไรอีก?”
วารุณีเงยหน้ามองเขา“เพื่อที่จะหนีคุก พิชญาแกล้งทำเป็นผู้ป่วยทางจิต ที่คุกเลยส่งเธอไปโรงพยาบาลประสาท เพื่อจะเก็บหลักฐานที่เธอแกล้งป่วย ฉันเลยให้นักสืบคนหนึ่งคอยสอดส่องเธอ คิดไม่ถึงว่าเมื่อกี๊นักสืบจะบอกว่าพิชญาหนีจากโรงพยาบาลประสาทไปแล้ว”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลง
“ค่ะ เพื่อไม่ต้องติดคุก ตอนนี้เธอทำได้หมดทุกอย่าง”วารุณีถูขมับ“แต่ว่าตอนนี้ที่ฉันอยากรู้มากที่สุด ก็คือพิชญาไปไหน และจะทำอะไรอีก?”
“ผมจะให้มารุตสืบ”พูดไป นัทธีก็หยิบโทรศัพท์มาติดต่อมารุต
วารุณีก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะว่าหาพิชญาเจอไวถือเป็นเรื่องดี
ตอนนี้พิชญาเป็นระเบิดเวลาอันหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าหนีออกมาจะทำอะไร?
กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆวารุณีก็ได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของคนกลุ่มหนึ่งที่ดังมาตรงหน้า“Mr.Dylan มาแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ดวงตาวารุณีเป็นประกายทันที ก้าวเท้าขึ้นเหยียดคอเพื่อมองไปข้างหน้า
เห็นเพียงแค่ชายชรารูปงามคนหนึ่งที่สวมชุดทันสมัย ร่างสูงใหญ่กำลังรายล้อมไปด้วยผู้คน ลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
ลงมาแล้ว เขาโบกมือตอบกลับทุกคนอย่างเป็นมิตรไป ก็มองไปรอบๆด้วย เหมือนว่ากำลังหาอะไร
สุดท้าย ชายชรารูปงามมองมาทางวารุณี ยักคิ้วขึ้นแล้วยิ้มออกมา เดินมาทางนี้
วารุณีใจเต้นแรงมากขึ้น กลืนน้ำลายอย่างทนไม่ไหว จับแขนชายหนุ่มด้านข้าง พูดด้วยเสียงที่ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นได้:“ฉัน……ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เหมือนว่าMr.Dylanจะเดินมาที่พวกเรา”
นัทธีละสายตาลงมองมือที่เธอจับแขนตัวเอง อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากบางๆขึ้น หัวเราะเบาๆ“คุณไม่ได้ฝันไป เขาเดินมาจริงๆ”
พูดจบ Mr.Dylanจึงหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน
เขามองนัทธี ยื่นมือออกไป พูดภาษาไทยอย่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก“ประธานนัทธี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!”
“ไม่เจอกันนานเลยครับ”นัทธีจับมือกับเขา
หลังจากจับมือเสร็จ Mr.Dylanจึงมองไปที่วารุณีที่อยู่ข้างนัทธี“คุณผู้หญิงท่านนี้คือ……”
วารุณีตะลึงเล็กน้อย แม้แต่ความตื่นเต้นในใจที่ได้เจอไอดอล ก็หายไปไม่น้อย
แปลกจัง Mr.Dylanไม่รู้จักเธอ?
ในเมื่อไม่รู้จัก งั้นทำไมถึงเชิญเธอล่ะ เชิญเธอมาร่วมนิทรรศการคืนนี้?

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"

Options

not work with dark mode
Reset