พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 51 ลดอำนาจของคุณพิชญา

“ผู้หญิงคนนี้แหละ ก่อนหน้านี้มีข่าวฉาวกับท่านประธาน ตอนนี้ก็ควงผู้อำนวยการนิรุตติ์อีก!”
“จริงด้วย ฉันได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้แต่งงานแล้ว ทั้งยังมีลูกสองคน คิดไม่ถึงว่าจะไปยั่วยวนผู้ชายคนอื่นอีก หน้าด้านจริงๆ ”
“พวกเธอจะไปเข้าใจอะไร ไม่แน่ยัยนี่อาจจะรังเกียจที่สามีคนปัจจุบันไม่มีเงินก็ได้ อยากจะหาคนที่ดีกว่า”
ฟังคำพูดดูถูกเหล่านี้ วารุณีขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกแย่มาก
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เธอแค่ไปกินข้าวกลับมาเท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นคนหน้าไม่อายในสายตาคนพวกนี้?
คิดถึงตรงนี้ วารุณีเดินไปหาคนพวกนั้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น
เห็นได้ชัดคนพวกนี้คิดไม่ถึงว่าเธอจะเดินมา รีบหยุดพูดทันที แล้วมองวารุณีด้วยความกระอักกระอ่วน
“ใครบอกพวกเธอว่าฉันควงผู้อำนวยการนิรุตติ์?” วารุณียืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอ ถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลังจากที่พวกเขามองหน้ากัน หนึ่งในนั้นยืนขึ้นแล้วตอกกลับ“คนแผนกออกแบบของพวกเธอนั่นแหละที่พูดในกลุ่ม”
“แผนกออกแบบ?” ริมฝีปากแดงของวารุณีเม้มตรง เข้าใจทุกอย่างทันที
จากนั้น เธอก็ไม่สนใจคนพวกนี้ เดินไปยังลิฟต์
ไปถึงแผนกออกแบบ ทันทีที่วารุณีไปถึงออฟฟิศ เธอได้ยินคำนินทาเดียวกันอย่างไม่น่าแปลกใจ
เธอไม่รู้สึกโมโห จากนั้นเธอก็เดินไปยังโซนทำงานของตน หยิบนิตยสารขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วม้วนเป็นวงกลม จากนั้นฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรง
ปั้ง เสียงดังขึ้น ทุกคนต่างตกใจ
สายตาเยือกเย็นของวารุณีกวาดมองไปที่ทุกคนซึ่งมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป พูดเสียงเหี้ยมว่า“ใครกันแน่ที่ได้รับคำสั่งจากคุณพิชญา เผยแพร่เรื่องระหว่างฉันกับผู้อำนวยการนิรุตติ์ ยืนขึ้นด้วยตนเองเดี๋ยวนี้!”
ที่เธอมั่นใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือพิชญามากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะเรื่องที่เธอรู้จักกับนิรุตติ์ มีแค่นัทธีกับพิชญาสองคนเท่านั้นที่รู้ นัทธีไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นคนที่จะทำเรื่องแบบนี้ มีแค่คุณพิชญาเท่านั้น
สำหรับสาเหตุ คงเป็นเพราะอยากจะทำลายชื่อเสียงของเธอที่อยู่ในบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เท่านั้น ช่างเป็นการกระทำที่ต่ำทรามจริงๆ
คนในออฟฟิศได้ยินคำพูดของวารุณี ส่วนมากล้วนตกใจ มีแค่คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่แสดงสีหน้าร้อนตัว
วารุณีจำได้สองสามคน เป็นคนของพิชญา ไม่มีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ ความสามารถที่มีมากที่สุดก็คือประจบพิชญา
“ที่แท้ก็พวกเธอนี่เอง!” วารุณีมองไปที่พวกเขา
พวกเขารู้ตัวว่าถูกจับได้แล้ว เก็บซ่อนต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร จึงยอมรับสารภาพไปตรงๆ “ฝีมือพวกฉันเองทำไมเหรอ?”
“ขอโทษ!” วารุณีพูดสองพยางค์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
พวกเขายืนขึ้น “เธอมีสิทธิ์อะไรให้เราขอโทษนะ? เรื่องทุเรศที่เธอทำ ไม่ให้พวกฉันพูดเหรอ?”
วารุณีหัวเราะ “เรื่องทุเรศ? ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปควงผู้อำนวยการนิรุตติ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเธอก็คาดโทษฉันแล้ว นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว ฉันให้โอกาสพวกเธออีกหนึ่งครั้ง ขอโทษ รวมถึงชี้แจงสิ่งที่พวกเธอใส่ร้ายฉันในกลุ่มด้วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมหยุดง่ายๆ แน่!”
ทว่าหลังจากที่พวกเขาฟัง กลับเมินเฉย ไม่มีทีท่าจะขอโทษแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นแบบนี้ วารุณีพอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่กลัว เธอหัวเราะในใจด้วยความเย็นยะเยือก
คนพวกนี้ โง่มากจริงๆ คิดว่ามีพิชญาคอยให้ท้าย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว นี่มันโง่ขั้นสุด
เป็นเวลาอันประจวบเหมาะ อาศัยโอกาสนี้ ไล่ยัยพวกนี้ออกไปจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ถือเป็นการตัดกำลังของพิชญา ดูสิว่าวันข้างหน้าพิชญาจะเอาใครมาเล่นงานเธอ
ขณะคิด วารุณีทิ้งนิตยสารในมือลง แล้วเปิดคอมพิวเตอร์
คนพวกนั้นเห็นการกระทำของเธอ หัวเราะด้วยความดูถูก
พวกเขาอุตส่าห์คิดว่าเธอเก่งกาจมากเลยนะ ที่แท้ก็เป็นแค่คนที่ขู่เก่งอย่างเดียวเท่านั้น
ชั่วขณะหนึ่ง คนพวกนั้นไม่เก็บเรื่องของวารุณีมาใส่ใจ หลังจากกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตน พูดเรื่องของวารุณีและนิรุตติ์กันต่อ ถึงขั้นจงใจพูดเสียงดัง
วารุณีรู้ว่าพวกเขาพูดให้เธอฟัง ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ปล่อยให้พวกเขาพูด
ยิ่งพวกเขาพูดเกินกว่าเหตุมากเท่าไหร่ สิ่งที่เธอปรินต์ออกมาก็จะยิ่งมากขึ้น
สุดท้าย เธอหยิบเอกสารที่ปรินต์เสร็จแล้วเดินออกไปจากแผนกออกไป จากนั้นเดินไปยังห้องทำงานของท่านประธาน
“ประธานนัทธี ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณค่ะ” วารุณีเคาะประตูห้อง
นัทธีได้ยินเสียงของเธอ ปลายปากกาหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองเธอ “เรื่องอะไรครับ?”
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ……” วารุณีเดินเข้าไปในห้องทำงาน พร้อมกับพูดเรื่องข่าวลือให้เขาฟัง
หลังจากนัทธีฟังจบ ขมวดคิ้วเป็นปม “ใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือนี้?”
“พวกเขาค่ะ” วารุณีหยิบเอกสารในมือออกมาแล้ววางตรงหน้าเขา
นัทธีปรายตามองอย่างไม่ใส่ใจ แล้วไม่ได้มองเอกสารอีก พิงอยู่บนพนักพิงแล้วถาม “แล้วคุณอยากจะทำยังไงครับ?”
วารุณีมองไปที่เขา ตอบด้วยความจริงจัง“คนพวกนี้เผยแพร่ข่าวลือที่เป็นเท็จในกลุ่ม ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฉันกับผู้อำนวยการนิรุตติ์อย่างมาก ทั้งยังปฏิเสธไม่ยอมขอโทษ ดังนั้นฉันจึงขอเสนอให้ไล่พวกเขาออกค่ะ นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล”
นัทธีประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกัน วางไว้บนเข่า พูดเสียงเรียบ “พูดมา!”
“ประธานนัทธีคะ ผลงานการออกแบบของพวกคนที่เผยแพร่ข่าวลือนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ค่ะ ทำไมผลงานการออกแบบแบบนี้ ถึงได้ถูกผลิตเป็นเสื้อผ้าแล้วนำสู่ท้องตลาดได้” วารุณีนำเอกสารที่เหลือยื่นให้เขา
นัทธียื่นมือไปรับ สีหน้าเคร่งขรึม
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจการออกแบบเสื้อผ้า แต่เขามีรสนิยม ย่อมดูออกว่าผลงานการออกแบบเหล่านี้ธรรมดามาก อยู่ไกลจากมาตรฐานของบริษัทมาก
ไม่แปลกที่บริษัทเสื้อผ้าก่อตั้งมาหนึ่งปีกว่าแล้ว ถึงอยู่ในระดับล่างมาโดยตลาด มีผลงานการออกแบบที่ไม่สามารถเอามาเชิดหน้าชูตาได้ แล้วบริษัทจะพัฒนาได้อย่างไร!
คิดถึงเรื่องนี้ นัทธีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหามารุต “มาห้องทำงานของฉันที!”
อย่างรวดเร็ว มารุตเข้ามา เห็นว่าในห้องทำงานมีวารุณีอยู่ด้วย พยักหน้าให้เธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ถือเป็นการทักทาย
วารุณีเองก็ยิ้มตอบ
นัทธียื่นผลงานการออกแบบกองนี้ให้กับมารุต พูดเสียงเยือกเย็น “ไป บอกแผนกบุคคล ไล่คนพวกนี้ออกจากบริษัทของฉันให้หมด!”
ได้ฟังคำพูดนี้ วารุณียิ้มด้วยความพอใจ
เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว อาศัยคำพูดเพียงไม่กี่คำแล้วไล่คนออก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงปรินต์ผลงานการออกแบบพวกนี้ออกมา
ด้วยความจริงจังของนัทธีที่มีต่องาน ไม่สามารถทนรับพนักงานที่เอาแต่สร้างปัญหาและไม่มีความสามารถได้แน่นอน ความจริงพิสูจน์แล้วว่า หมากเกมนี้เธอเดินถูก
หลังจากมารุตออกไป วารุณีเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ เธอจึงขอตัวออกไป
แต่ว่าตอนที่เธอหมุนตัวหันหลัง นัทธีร้องเรียกเธอเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนครับ!”
วารุณีหันกลับไปมองเขา นัยน์ตาของเธอเปี่ยมไปด้วยฉงน “ประธานนัทธีมีอะไรให้รับใช้คะ?”
“เอานี่ไป!” นัทธีดึงลิ้นชักออก แล้วหยิบการ์ดเชิญสีดำออกมาให้เธอ
วารุณีรับเอาไว้ด้วยความงงงวย “นี่คือ……”
“งานเลี้ยงวิจารณ์ด้านแฟนชั่นระดับนานาชาติ วันมะรืนนี้คุณไปร่วมงานกับผม!” นัทธียกกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบ ตอบกลับสั้นๆ
วารุณีเข้าใจแล้ว ดวงตาของเธอเป็นประกาย “ประธานนัทธีต้องการที่จะเชิญนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงในอดีต มาร่วมงานแฟชั่นโชว์‘Bath fire rebirth’เหรอคะ?”
นัทธีพยักหน้า “ถูกต้องครับ!”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไปร่วมงานแน่นอน” วารุณีปิดการ์ดเชิญ แล้วเก็บอย่างระมัดระวัง
นัทธีตอบอื้มสั้นๆ ” ไฟล์ตบินตอนแปดโมงเช้าวันมะรืน อย่าสายนะครับ!”
“ค่ะ” วารุณีพยักหน้า
เวลานี้ ประตูห้องทำงานเปิดกะทันหัน ร่างหนึ่งเดินเข้ามา ไม่กี่ก้าวก็ไปถึงตรงหน้านัทธี เอามือเหยียดบนโต๊ะทำงานของนัทธี ถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “นัทธี ทำไมคุณถึงไล่พนักงานของฉันออก?”
นัทธีขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงใสเคล้าไปด้วยความเยือกเย็น “คุณเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้บุกเข้ามาในห้องทำงานของผมโดยไม่เคาะประตู?”
ทันทีที่เขาพูดจบ วารุณีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
พิชญาได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ หันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ
วารุณียักไหล่ เพื่อบอกว่าตนไม่หัวเราะแล้ว
พิชญาถึงจะถอนสายตากลับไป มองไปที่นัทธีอีกครั้ง “นัทธีฉันขอโทษ ฉันแค่เป็นห่วงพนักงานของฉัน ดังนั้น……”
“พอได้แล้ว” นัทธีไม่อยากฟังคำอธิบายของเธอ พูดแทรกขึ้นมาทันที “ผมขอถามคุณหน่อย ผลงานการออกแบบของบริษัทหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ คุณเป็นคนตรวจสอบใช่ไหม?”

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"

Options

not work with dark mode
Reset