พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ตอนที่ 120 ระดับก้าวกระโดด[รีไรท์]

บทที่ 120 ระดับก้าวกระโดด[รีไรท์]

เมื่อไม่มีคำสั่งของหลิงตู้ฉิง มี่ไลยังคงโคจรวิชาทั้งสอง ในไม่ช้านางรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในจุดตันเถียนมากขึ้น จนนางรู้สึกว่าจุดตันเถียนของนางกำลังจะระเบิด

“โคจรต่อไปอย่าหยุด ข้าอยู่ที่นี่เจ้าจะไม่เป็นไร” หลิงตู้ฉิงตะโกน

มี่ไลเมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงตะโกน นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทนโคจรวิชาต่อไปเรื่อย ๆ และปล่อยให้พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากนั้นไม่นานปริมาณพลังวิญญาณของนางที่อัดแน่นอยู่ในจุดตันเถียน เกิดระเบิดออก กลายสภาพเป็นแอ่งน้ำพลังวิญญาณขนาดย่อม

มี่ไลตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนางสัมผัสได้ว่าตอนนี้นางกลายเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว

“รวบรวมพลังวิญญาณต่อไป อย่าทะลวงสู่ระดับที่สองจนกว่าจะถึงขีดสุดที่เจ้าทนรับไหว” หลิงตู้ฉิงตะโกน

ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงตะโกน เขาวาดอักขระเวทย์ขึ้นบนอากาศอยู่ตลอดเวลาและส่งพวกมันลอยไปประทับลงบนร่างมี่ไล เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายนางระเบิดจากการหลั่งไหลของพลังวิญญาณจำนวนมาก

มี่ไลรวบรวมพลังวิญญาณอย่างไม่หยุด นางรู้สึกว่าแอ่งน้ำที่กักพลังวิญญาณในจุดตันเถียนของนางได้เปลี่ยนจากแอ่งน้ำเล็ก ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นทะเลสาบขนาดย่อมและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อผ่านไปได้สักพัก ใบหน้าของมี่ไลนั้นเริ่มกลายเป็นสีแดง นางรู้สึกว่าตัวนางสามารถที่จะทรุดลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ

หลิงตู้ฉิงที่เห็นอาการของมี่ไลเป็นเช่นนี้ เขารู้ทันทีว่ามี่ไลถึงขีดจำกัดของนางแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงตัดการเชื่อมต่อของพลังวิญญาณจากบริเวณรอบ ๆ ที่กำลังไหลเข้าสู่ตัวมี่ไลออกไปและพูดกับมี่ไล “เอาล่ะ ผนึกทะเลปราณของเจ้าซะ”

มี่ไลที่ได้ยินเช่นนั้น นางจึงรีบทำการปิดผนึกทะเลปราณภายในจุดตันเถียนของนางทันที จากนั้นนางลืมตาขึ้นและถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายท่าน ข้ามาถึงระดับที่สองขอบเขตประสานทะเลปราณแล้วใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ในช่วงเวลาสั้น ๆ นางทะลุจากขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 3 ไปสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 2!?

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราในเมืองหลวงทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงกระแสพลังวิญญาณอันปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากร่างของมี่ไล กระแสพลังที่ปั่นป่วนนี้มีอำนาจพอ ๆ กับช่วงเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปกำลังทะลวงไปยังขอบเขตรวมแสงดารา

ด้วยความสงสัย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจำนวนมากรวมถึงบรรดาอาจารย์ในสถาบันต่างบินมายังจุดกำเนิดความปั่นป่วนของพลังวิญญาณ พวกเขาต้องการที่จะเห็นกับตา เพื่อดูว่าผู้เชี่ยวชาญคนไหนกันที่ทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราในขณะนี้

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าใกล้กับลานบรรยายของคณะเปิดชั่วคราว เสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งตอนนี้กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ตะโกนขึ้น “หยุด! จงถอยออกไป! นายท่านของข้ามีคำสั่งห้ามใครก็ตามเข้ามารบกวนในเวลานี้!”

บรรดาอาจารย์ขอบเขตรวมแสงดาราที่เพิ่งมาถึง เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเยว่เฟิง พวกเขาจึงหยุดทันที และมองไปยังคณะเปิดชั่วคราวในระยะไกลด้วยความสงสัย

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อความปั่นป่วนของกระแสพลังวิญญาณหยุดลง เสี่ยวเยว่เฟิงจึงบินถอยกลับไปร่อนลงข้างหลิงตู้ฉิงเช่นเดิม บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่รอดูอยู่ในระยะห่าง จึงค่อย ๆ บินเข้ามาใกล้ เพื่อสำรวจว่าเป็นใครกันที่ทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราเมื่อสักครู่

แต่น่าเสียดาย เมื่อพวกเขาพยายามไล่มองตรวจสอบบรรดาคนที่อยู่ในลานทีละคน ว่าใครเป็นคนทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา พวกเขากลับหาไม่เจอ เนื่องจากมี่ไลที่เป็นต้นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนของพลังวิญญาณ เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าสถานะของนางเป็นเพียงหนึ่งในผู้หญิงของหลิงตู้ฉิง นางไม่มีความโดดเด่นใด ๆ ในเรื่องการบ่มเพาะมาก่อนจึงไม่มีใครสังเกตก่อนหน้านี้ว่านางอยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะระดับไหน ฉะนั้นการที่นางบรรลุขอบเขตประสานทะเลปราณจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติอะไร

เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดอะไรขึ้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจึงเตรียมหันหลังจากไป

แต่ก่อนที่พวกเขาจะจากไปนั้น ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นดึงดูดความสนใจของพวกเขาให้อยู่ต่อ

“ข้า กู่เจียเฉิง จากคณะศาสตร์ยุทธ ข้าได้ยินผู้คนร่ำลือกันว่านักศึกษาในคณะเปิดชั่วคราวนั้นมีฝีมือเลิศล้ำ ข้ามาที่นี่เพื่อต้องการขอท้าสู้วัดความแข็งแกร่งด้วยตนเองสักหน่อย”

กู่เจียเฉิง ตอนนี้กำลังค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามายังหน้าคณะเปิดชั่วคราวพร้อมกับกลุ่มคนฝูงใหญ่

จิ๋นห้าวหมิงนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เหวินเต๋า เจียงซิงเฉิงและหมิงจู้ออกจากคณะของเขา และเต็มใจไปร่วมกับคณะเปิดชั่วคราว วันนี้เขาจึงสั่งให้กู่เจียเฉิงมาที่คณะเปิดชั่วคราวเพื่อท้าทายนักศึกษาในคณะของหลิงตู้ฉิง หากนักศึกษาของเขาชนะ เขาจะใช้ผลการประลองทำลายชื่อเสียงของคณะเปิดชั่วคราวให้ย่อยยับ และจากนั้น หากเป็นไปได้เขาวางแผนไว้ว่าอาจจะขอยื่นเรื่องยุบคณะบ้านี่ให้หายออกไปจากสถาบัน เนื่องจากว่าถ้าเขาทำสำเร็จไม่ใช่แค่เขาจะสามารถดึงตัวนักศึกษาของเขากลับคืนมายังคณะได้ เขายังจะได้สมบัติระดับวิญญาณของจ้าวปาเทียนที่วางไว้เป็นหลักประกันอีกต่างหาก

ในขณะเดียวกัน หลังจากที่กู่เจียเฉิงตะโกนท้า อาจารย์คณะอื่นได้ส่งสัญญาณให้กับนักศึกษาของตนเช่นกัน

“ข้า กานซู่หมิง จากคณะโอสถศาสตร์ขอท้าประลองนักศึกษาคณะเปิดชั่วคราวเช่นกัน!”

จากนั้น นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็เริ่มตะโกนแย่งกันขอท้าประลองจนแทบจะตีกันเอง

เมื่อได้ยินบรรดาคณะอื่น ๆ ตะโกนท้าประลองพวกเขา นักศึกษาของหลิงตู้ฉิงต่างกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเคือง พวกเขาต่างมองไปยังหลิงตู้ฉิงเพื่อรอคอยคำสั่ง

เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นเหล่านักศึกษาของเขาจ้องมาที่ตนด้วยสายตากระหายอยากออกไปอัดผู้คนที่เข้ามาท้า เขาจึงพูดกับนักศึกษาของเขาว่า “พวกเจ้ายังไม่ควรจะสนใจพวกเขา ตอนนี้พวกเจ้าควรไปหาทางฝึกฝนตามคำชี้แนะของข้าก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง พวกเขาที่ยังมองไปยังนักศึกษาคณะอื่นที่ยังคงตะโกนยั่วยุอยู่ พวกเขายังไม่สามารถทำใจให้เย็นลงได้

โดยเฉพาะโกวเจี้ยน แต่เดิมเขาอยู่อันดับ 2 ในคณะเตรียมทหาร แต่ในวันนี้ไอ้พวกนักศึกษาที่เคยพ่ายแพ้ให้กับเขามาก่อนกลับตะโกนยั่วยุ เยาะเย้ยเขาอยู่ปาว ๆ มันทำให้เขาโกรธจนแทบคลั่ง

“อาจารย์หลิง ได้โปรดอนุญาตให้ข้ารับคำท้าพวกเขาได้ไหม?” โกวเจี้ยนโค้งคำนับหลิงตู้ฉิงแล้วส่งสายตาอ้อนวอน

ในมุมมองของโกวเจี้ยนที่มีต่อคณะของหลิงตู้ฉิงในเวลานี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนตอนเริ่มแรกอีกแล้ว เขาต้องการที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของคณะแห่งนี้ไปพร้อม ๆ กับศักดิ์ศรีของตัวเขาเอง

หลิงตู้ฉิงเหล่มองไปยังโกวเจี้ยนพลางส่ายหัวและพูดขึ้น “งั้นก็ตามใจเจ้า”

“ท่านลุงหลิง แล้วข้าล่ะ ข้ารับคำท้าพวกเขาได้ไหม?” หมิงจู้เริ่มอ้อนวอนหลิงตู้ฉิงเช่นกัน

หมิงจู้นั้นนางมั่นใจเป็นอย่างมาก ด้วยเพลงกระบี่ที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดให้นางรวมไปถึงกระบี่ระดับวิญญาณ นางเชื่อว่าไม่มีใครในบรรดานักศึกษาที่อยู่ที่นี่จะเอาชนะนางได้แน่นอน

หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นความดื้อดึงของนักศึกษาของเขา เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกเจ้าจะออกไปสู้ก็ได้ ข้าไม่ว่า แต่พวกเจ้าห้ามใช้อาวุธใด ๆ ในการสู้กับพวกเขา ถ้าพวกเจ้าตกลงพวกเจ้าก็ออกไปเถอะ”

หมิงจู้ที่ได้ยินเช่นนั้นนางถึงกับหน้าเสีย นางเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจว่านางจะสามารถเอาชนะนักศึกษาพวกนี้ได้หากปราศจากกระบี่ที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ ในเวลานี้นางเริ่มอยากจะกลับคำพูด แต่นางก็อายเกินกว่าจะถอนตัวได้ เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงก้าวออกไปรับคำท้าด้วยอารมณ์ไม่มั่นคง

เมื่อเห็นหมิงจู้ก้าวออกไปรับคำท้า บรรดาคนอื่น ๆ ที่อยู่ในคณะชั่วคราวต่างก็เริ่มก้าวไปด้านหน้าเพื่อรับคำท้าเช่นกันทุกคน

ส่วนหลิงตู้ฉิงนั้นเมื่อเขาพูดจบ เขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในลานฝึกเพื่อเฝ้าดูบรรดาลูก ๆ ของเขาฝึกต่อ โดยไม่สนใจผลการประลองที่ด้านนอกหน้าคณะเลย เนื่องจากว่าตัวเขานั้นรู้ผลการประลองอยู่แล้วตั้งแต่นักศึกษาพวกนี้ยังไม่ได้ประลองกัน

จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน นักศึกษาในคณะของหลิงตู้ฉิงทุกคน ต่างเดินคอตกกลับเข้ามาในสภาพมอมแมม

พวกเขาทุกคนนั้นต่างปราชัยอย่างน่าอนาจ ยกเว้นก็แต่ โกวเจี้ยน ผู้ที่เคยอยู่อันดับ 2 ของคณะเตรียมทหารที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่ชัยชนะที่เขาได้รับมานั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งที่ฝั่งตรงข้ามระดับการบ่มเพาะอ่อนกว่าตัวเขา 1 ขั้น ตอนนี้สีหน้าของเขาเองจึงบูดบึ้งไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่เพิ่งแพ้มาสักเท่าไหร่

อันที่จริง สาเหตุที่พวกเขาแพ้นั้นเพราะว่าในช่วงเวลาตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในคณะเปิดชั่วคราว พวกเขาแทบจะไม่ได้ฝึกการต่อสู้ใด ๆ เลย วัน ๆ หลิงตู้ฉิงให้พวกเขานั่งฟังชั้นเรียนหรือไม่ก็ฟังโม่หยูถังเล่าเรื่องต่าง ๆ หรือไม่ก็ลองเส้นทางการบ่มเพาะใหม่ ๆ ที่หลิงตู้ฉิงชี้แนะให้ พวกเขานั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเส้นทางเต๋าของพวกเขาในตอนนี้กำลังถูกล้างกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่โดยหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงที่เห็นสภาพยับเยินของนักศึกษาคณะตนเอง เขาไม่ได้เอ่ยตำหนิอะไร ในสายตาของเขานักศึกษาพวกนี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับเริ่มต้นเท่านั้น เขาต้องการปั้นนักศึกษาเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ เขาต้องการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคนเหล่านี้และเหตุผลอีกอย่างก็คือเขาต้องการให้นักศึกษาเหล่านี้ได้รับบทเรียนเจ็บตัวบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้ถือตัวจนมากเกินไปที่สามารถเข้ามาอยู่ในคณะเขาได้

ในขณะที่มุมมองของหลิงตู้ฉิงมองว่านี่คือหนึ่งการฝึกฝนนักศึกษาของเขา แต่สำหรับคนภายนอกพวกเขามองว่านี่คือความสะใจ

หลังจากวันแรกที่นักศึกษาคณะอื่นเข้ามาท้า วันต่อ ๆ มาอีกหลายวันพวกเขาก็ยังพากันเข้ามาท้าอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนผลลัพธ์การประลองนั้นก็เป็นเช่นเคย บรรดานักศึกษาของหลิงตู้ฉิงถูกอัดจนสะบักสะบอมกลับมาทุกครั้งไป

เมื่อไปผ่านไป 3 วัน ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงเริ่มจะทนเห็นภาพอันน่าอนาถนี้ไม่ไหว แต่ก่อนที่เขาจะได้เริ่มพูดอะไร เฮ่อเจี้ยนปิงได้วิ่งพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “อาจารย์หลิง! ข้ามีข่าวร้าย ตอนนี้พวกคณบดีและบรรดาอาจารย์คณะอื่นกำลังสร้างความยุ่งยากให้ท่านอยู่ ในห้องของท่านอาจารย์ของข้า!”

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset