พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – บทที่ 437 ถึงสนามรบ

หลังจากได้ยินคำพูดของตู้ฉิว ทุกคนที่พยายามหยุดเขาก็ตกตะลึง

ไม่ใช่ว่าหลงเฉินเพิ่งนำตู้ฉิว และคนอื่น ๆ ออกไปเมื่อไม่ถึง 2 ชั่วโมงที่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกลับมาพร้อมกับความตื่นตระหนกและพูดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลงเฉิน และมาขอความช่วยเหลือ? เขาเพิ่งพาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากมายออกไปหยก ๆ ไม่ทันไรตอนนี้พวกเขากลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือ?

“สงบใจและอธิบายกับพวกข้ามาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น?” เหยียนฮ่าวหัวรีบเอ่ยขึ้นกับตู้ฉิว

ไม่ต้องพูดถึงเหยียนฮ่าวหัว คนอื่น ๆ ก็สงสัยเช่นกัน

หลงเฉินเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเผ่ามังกรแถมเขายังนำคนออกไปถึง 70 คน ซึ่งนับได้ว่าเป็นกองกำลังที่เกือบจะไร้เทียมทานอยู่แล้วหากเทียบกับกองกำลังทั้งหลายในทะเลชางหมาง แต่แล้วทำไมตอนนี้กลับมีเพียงแค่ 40 คนเท่านั้นที่หนีรอดกลับมาขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกผู้ที่รอดมาได้ไม่รู้ก็คือแม้ว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อจะเปิดใช้งานเหรียญตราผนึกสวรรค์ควบคู่ไปกับความสามารถในการลอบสังหารของหลิงเทียนหยุน มันจะทำให้พวกเขาขนหัวลุกได้มาก แต่ถ้าหากว่าก่อนหน้าร่างเงานับสิบของหลิงเทียนหยุนไม่ได้ถูกทำลายลงไปตอนที่อยู่ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ผลลัพธ์ที่ออกมาพวกเขาคงจะหนีรอดมาได้ไม่ถึง 20 คน แน่นอน

หลังจากได้ยินตู้ฉิวเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูกและอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก

ตู้ฉิวพูดอย่างกังวลว่า “เร็วเข้า ตอนนี้ผู้บัญชาการหลงได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมันแล้ว พวกเราต้องรีบไปช่วยเขามิฉะนั้นมันจะสายเกินไป!”

ใครบางคนแสดงสีหน้าหวาดกลัวและพูดว่า “พวกมันต้องได้รู้ความลับและสมบัติทั้งหมดของทะเลชางหมางแล้วแน่นอน! ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราจะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยผู้บัญชาการหลงได้กัน?”

หากต้องเผชิญหน้ากับสมบัติลับของทะเลชางหมางใครจะไม่กลัว? เอาแค่ข้อมูลของสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นที่พวกเขาได้ทราบมามันก็แปลกประหลาดจนพวกเขาไม่สามารถเข้าใจกันได้อยู่แล้ว

ใบหน้าของเหยียนฮ่าวหัวมืดหม่นลงเช่นกัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะเป็นผู้รับผิดชอบการรบในทะเลชางหมาง แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญนับร้อยที่อยู่กับเขาตอนนี้ก็คือผู้คนที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะเดียวกันกับเขา ถ้าคนเหล่านี้ไม่ฟัง เขาก็ไม่มีปัญญาอะไรจะไปบังคับได้เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็รู้สึกกลัวมากเช่นกัน

“เราต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้รอบคอบ!” เหยียนฮ่าวหัวพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ถ้าเราทำอะไรผลีผลาม ไม่เพียงแต่เราจะไม่สามารถช่วยผู้บัญชาการหลงได้ พวกเราเองก็คงไม่พ้นจะถูกจับไปด้วยเช่นกัน แถมอีกอย่าง ในเมื่อผู้บัญชาการหลงก็ถูกจับไปนานแล้ว หากมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับจริง ๆ มันก็คงจะเกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราต้องไม่ทำอะไรผลีผลาม!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

ตู้ฉิวก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะเขารู้สึกว่าคำพูดของเหยียนฮ่าวหัวนั้นถูกต้อง อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้ข้อสรุป พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณอีกสายหนึ่งที่กำลังใกล้เข้ามา จนทำให้พวกเขาต้องหันไปมอง ซึ่งภาพที่พวกเขาเห็นมันก็ทำให้พวกเขาทุกคนต้องอ้าปากค้าง เพราะมันคือภาพของมังกรตัวหนึ่งกำลังลากรถม้าที่มีกลุ่มคนอีกหลายสิบบินตามอยู่ด้านหลัง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ตู้ฉิวและเหยียนฮ่าวหัวที่กำลังตกตะลึงก็อุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ผู้บัญชาการหลง…”

พวกเขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่ามังกรที่ลากรถม้าคือ หลงเฉิน!

ผู้เชี่ยวชาญของภูเขาเอ้อหลง หลงเฉินที่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริงได้กลายเป็นสัตว์วิเศษเทียมรถม้า? แถมบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้พวกเขากลับหายดีหมดแล้วแถมยังดูเหมือนว่าได้กลายเป็นคนของฝั่งตรงข้ามไปแล้วอีกต่างหาก?

ตู้ฉิวและเหยียนฮ่าวหัว และคนอื่น ๆ ต่างมองกันอย่างตกตะลึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ในขณะนี้หลงเฉินที่เห็นกลุ่มคนของตัวเองมองดูเขาด้วยสายตาตกตะลึง เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าสลด

ครึ่งวันที่แล้วเขายังคงเป็นผู้บัญชาการของกลุ่มตรงข้ามเขา ครึ่งวันต่อมาเขากลับกลายเป็นสัตว์วิเศษเทียมรถม้าให้ฝั่งศัตรู…

เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ 200 กว่าคนขวางอยู่ข้างหน้า เสี่ยวเยว่เฟิงเองก็ไม่กล้าที่จะทำผลีผลาม นางหยุดรถและตะโกนขึ้น “นายท่าน มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากมายขวางทางอยู่ข้างหน้า!”

เมื่อได้ยินว่ามีคนขวางทาง หลิงตู้ฉิงจึงชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถม้าและมองไปที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่ขวางทางและถามว่า “พวกเจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะขวางทางพวกข้า?”

เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ เหยียนฮ่าวหัวก็ไม่รู้จะตอบอะไรกลับ

“รีบปล่อยผู้บัญชาการหลงของเรามา!” ตู้ฉิวคำราม

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดขึ้นว่า “แม้ว่าข้าจะปล่อยเขาไป เขาก็คงไม่กล้าที่จะจากไปกับพวกเจ้าหรอก! เอาล่ะ ถ้าพวกเจ้าไม่คิดจะขวางทางของข้าก็จงหลีกทางไป”

เมื่อเห็นว่ากลุ่มที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตี หลิงตู้ฉิงจึงปิดหน้าต่างรถม้าพร้อมกับพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิง “ออกรถได้!”

เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย และสั่งหลงเฉินว่า “ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้พวกเขาตายก็จงให้พวกเขาหลีกทางออกไป!”

หลงเฉินมองไปที่เหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ อย่างเศร้าโศก ในขณะที่เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น “พวกเจ้าจงหลีกทางไป ข้าต้องผ่านทางนี้!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของหลงเฉิน บรรดาผู้ที่เขาเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก็เริ่มปั่นป่วนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ

ส่วนทางด้านของหลงเฉินเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกคนเหล่านี้ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะเชื่อฟังเขาหรือไม่ในตอนนี้ แต่เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้สั่งให้เขาเดินหน้าต่อไป เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้า

ซึ่งอันที่จริงหากมีใครที่ก็ตามที่ลงมือกับเขา เขาเองก็ยังไม่รู้เลยเหมือนกันว่าจะตอบโต้กลับไปอย่างไรดี?

แต่โชคดีที่ไม่มีใครลงมือทำอะไรในขณะที่หลงเฉินลากรถม้าผ่าน เหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ ต่างก็เปิดเส้นทางให้เขาไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากผ่านกลุ่มคนมาแล้ว หลงเฉินก็ลากรถม้ามุ่งไปยังสนามรบต่อทันที

ตู้ฉิวและเหยียนฮ่าวหัวต่างมองหน้ากันและถามว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?”

หลังจากคิดสักพัก ทั้งสองคนก็พูดว่า “ตามไปดูกันก่อนก็แล้วกัน!”

หลังจากนั้นทั้งสองก็นำผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้ง 250 คนไปที่สนามรบเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ในช่วงเวลาเพียงครู่เดียว กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ได้มาถึงสนามรบและร่อนลงพื้น จากนั้นพวกเขาก็พากันออกมาจากรถม้าเพื่อดูสถานการณ์ในสนามรบจากระยะไกล ซึ่งพวกเขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าในขณะนี้มีมังกรยักษ์ตัวหนึ่งกำลังพุ่งไปซ้ายทีขวาทีอยู่ที่ใจกลางกองทัพของอาณาจักรหลงซานนับล้านคนราวกับว่ามันกำลังถูกขังอยู่

“ท่านพ่อข้าจะไปช่วยพี่สี่” หลิงฟ่างหัวพูด

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ไปเถอะ แต่จงระวังตัวและอย่าลืมบอกพี่สี่ของเจ้าและคนอื่น ๆ ว่าเรามาถึงแล้ว และเรียกให้เขามาพบกับพ่อก่อน ส่วนคนอื่น ๆ อย่าพึ่งให้ทำอะไรผลีผลามในตอนนี้”

หลิงฟ่างหัวพยักหน้ารับทราบ จากนั้นร่างกายของนางก็จางหายไปต่อหน้าทุกคน ซึ่งมันคือสัญญาณที่นางใช้ทักษะเดินทางผ่านมิติไปยังใจกลางสนามรบ

เปลือกตาของหลงเฉินกระตุกเมื่อเห็นสิ่งนี้

นี่คือความสามารถที่เกิดขึ้นจากสมบัติมิติชิ้นนั้นที่เขาได้รับรายงานมางั้นเหรอ?

ต้องรู้ว่าในมหาพิภพไร้จุดจบนั้นมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสามารถเกี่ยวกับมิติ

ในขณะนี้หลิงฟ่างหัวได้เดินทางผ่านมิติไปจนไปปรากฏตัวที่ด้านข้างมังกรตัวมหึมาเรียบร้อยแล้ว

“น้องห้า เจ้ามาแล้วงั้นเหรอ?” ร่างของหลิงว่านจุนปรากฏขึ้นจากร่างของมังกร

หลิงฟ่างหัวหัวเราะ “พี่สี่ ท่านพ่อและแม่ ๆ ได้มาถึงแล้ว เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านเปิดเส้นทางฝ่าออกไป เมื่อครู่ท่านพ่อได้สั่งมาว่าให้ท่านออกไปพบกับเขา”

หลิงว่านจุนพยักหน้าและพูดว่า “อ่าเยี่ยมเลย ในเมื่อท่านพ่อได้มาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นมันก็คงถึงเวลาที่ข้าจะต้องลงมือสักที”

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset