พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ตอนที่ 545 เยือนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์

เมื่อได้ยินว่าในตอนนี้มีผู้ที่สามารถเข้าไปในหมอกได้ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกสงสัยมากทันทีว่ามันเป็นไปได้ยังไง?

หลิงตู้ฉิงถามซ่งเฉียนด้วยสีหน้าสงสัย “คนเหล่านั้นเข้าไปสำรวจได้ถึงระยะเท่าไหร่?”

ตามความคิดของหลิงตู้ฉิง มันไม่ควรจะมีใครในมหาพิภพไร้จุดจบที่สามารถจัดการกับหมอกนี้ได้ ดังนั้นเฉินจี้ซีผู้นี้เป็นใครกันถึงมีความคืบหน้าในการสำรวจหมอกได้?

ซ่งเฉียนเหลือบมองไปยังหลิงตู้ฉิง และตอบว่า “ปัจจุบันพวกเขาสำรวจเข้าไปได้ไกลประมาณ 29 เมตรแล้ว!”

เมื่อได้ยินตัวเลขระยะทางเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงถึงกับเบะปาก

แค่ 29 เมตร? ต่อให้สำรวจเข้าไปได้ 2,900 เมตรมันก็ยังเป็นเรื่องน่าตลกสำหรับเขาอยู่ดี เนื่องจากต้องเข้าไปไกลกว่า 15 กิโลเมตรขึ้นไป ปัญหาที่อยู่ในนั้นมันถึงเริ่มจะบังเกิดแก่ผู้ที่ย่างกรายเข้าไป

ในทางกลับกัน เย่ชิงเฉิงกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไปไกลขนาดนั้นแล้วเหรอ? สามีงั้นพวกเราต้องรีบไปหาท่านแม่ของข้าโดยด่วน แล้วจากนั้นให้แม่ของข้านำท่านไปดูหมอกนั่นทันที!”

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการสำรวจในหมอกหลังสำนัก แต่ถ้าเป็นไปได้ เย่ชิงเฉิงก็อยากจะให้หลิงตู้ฉิงเป็นคนที่สามารถช่วยพ่อของนางออกมาได้มากกว่า

ซ่งเฉียนหัวเราะ “เจ้านี่ใจร้อนจริง ๆ เอ๋…ป้าหลัน เมื่อครู่ข้าไม่ได้สังเกต ตอนนี้ท่านทะลวงระดับไปถึงนภาครามแล้วงั้นเหรอ?”

เย่หยูหลันหัวเราะ “ต่อให้ข้าทะลวงระดับได้ข้าก็ยังด้อยกว่าเจ้าอยู่ดี อันที่จริงการที่ข้าทะลวงระดับได้นั้นหากไม่ได้สามีของคุณหนูข้าคงไม่สามารถทะลวงระดับได้เร็วขนาดนี้ เอาล่ะ ซ่งเฉียน พวกเราขอตัวไปก่อนก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการรบกวนการทำหน้าที่ของเจ้า และอีกอย่างมันยังมีหลายเรื่องที่ข้าต้องรายงานให้นายหญิงรับทราบ”

ซ่งเฉียนพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองตามหลังหลิงตู้ฉิงที่จากไป

เขายังคงสงสัยในคำพูดของเย่หยูหลันที่บอกว่า หลิงตู้ฉิงเป็นคนช่วยเหลือนางให้ทะลวงระดับได้?

ทางด้านของเย่ชิงเฉิง ระหว่างทางที่กำลังไปหาแม่ของนาง นางก็แนะนำสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้หลิงตู้ฉิงได้ทราบ

ถึงแม้ว่าสถานที่นี้จะถูกเรียกว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่สถานที่นี่ก็ไม่ได้มีเพียงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ มันยังถูกรายล้อมไปด้วยเมืองขนาดใหญ่หลายเมือง และสำนักน้อยใหญ่อีกหลายสำนักที่กระจุกรวมกันอยู่ใกล้เคียง ดังนั้นระยะทางระหว่างประตูเคลื่อนย้ายและสถานที่ตั้งจริง ๆ ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จึงอยู่ห่างไกลกันพอสมควร

“นายหญิง บ้านของท่านนี่ใหญ่สุด ๆ ไปเลยจริง ๆ!” หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวเอ่ยขึ้น

ถึงแม้ว่าในระหว่างทางพวกนางจะได้เห็นทั้งเมืองละสำนักใหญ่มามากมาย พวกนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมความใหญ่โตมโหฬารของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เมื่อพวกนางได้มาเห็นกับตาตัวเอง

“สำนักของข้าคือสำนักมหาอำนาจที่อยู่ระดับต้น ๆ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกหรอกที่สำนักของข้าจะมีพื้นที่ใหญ่โต” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ

ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปยังตึกสูงที่เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลเย่ และด้วยความบังเอิญ หานซ่งหยวนที่กำลังเดินอยู่แถวนั้นพอดีก็ได้เห็นหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ เข้า

“นี่พวกเขามาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” หานซ่งหยวนอุทานขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าในไม่ช้าสำนักของข้าคงจะมีเรื่องให้ต้องตื่นเต้นอีกเยอะเลยสินะ!”

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงเองก็พยายามมองสำรวจไปรอบ ๆ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่แม้ว่าสำนักนี้จะก่อตั้งมานานกว่าล้านปีแล้ว

สิ่งที่เขาเห็นในสถานที่แห่งนี้ก็คือมันมีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์อยู่เต็มไปหมด มันไม่มีผู้เชี่ยวชาญแขนงอื่น ๆ อาศัยอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว

“สามี นี่คือบ้านของข้าเอง!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เอ๊ะ ดูสิ นั่นท่านแม่ของข้าออกมารับพวกเราด้วย!”

หลิงตู้ฉิงมองตามไปยังจุดที่เย่ชิงเฉิงมองอยู่เช่นกัน ซึ่งเขาก็ได้เห็นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ใส่ชุดคลุมยาวคล้ายกับที่พวกราชนิกุลสวมใส่กำลังยืนมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมาก ๆ เลย!” เย่ชิงเฉิงวิ่งเข้าไปกอดแม่ของนางทันที

แม่ของเย่ชิงเฉิง มู่หลงหยาน โอบกอดลูกสาวของนางเอาไว้แน่น และพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าเจ้าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะ ยังจะกล้าทำตัวเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีก!”

“ต่อให้ข้าจะแต่งงานแล้ว ข้าก็ยังเป็นลูกสาวของท่านอยู่ดี!” เย่ชิงเฉิงพูดขึ้นด้วยอารมณ์เบิกบาน

จากนั้นเมื่อนางออกจากอ้อมกอดของมู่หลงหยาน นางก็หันกลับไปมองหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ท่านแม่ นี่ไงสามีของข้า หลิงตู้ฉิง ว่าแต่อันที่จริงท่านก็เคยเห็นเขาแล้วนี่นา”

ถึงแม้ว่าในตอนนั้นมันจะเป็นจิตสำนึกของนางที่พบกับหลิงตู้ฉิง แต่เมื่อจิตสำนึกของนางถูกหลิงตู้ฉิงไล่กลับมาหาร่างกายของนาง นางก็ได้รู้เรื่องทั้งหมด ซึ่งมันก็นับได้ว่านางเคยได้เจอกับหลิงตู้ฉิงไปแล้วจริง ๆ

มู่หลงหยานพยักหน้าให้หลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เข้ามาให้ข้าดูหน้าเจ้าชัด ๆ หน่อยสิ ลูกเขยของข้า”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับทันที “เจ้าชื่ออะไร?”

ทุกคนต่างตะลึงงัน เมื่อได้ยินประโยคตอบกลับเช่นนี้

ทุกคนต่างคิดในใจ นี่ท่านจะบ้าไปแล้วเหรอที่เอ่ยถามชื่อแม่ยายตัวเองโต้ง ๆ แบบนี้? เสี่ยวเยว่เฟิงและคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนพูดอะไรไม่ออก

แม้แต่มู่หลงหยานก็ยังรู้สึกโง่งม

หากไม่คิดถึงตำแหน่งอันสูงศักดิ์ของนาง และคิดว่านางเป็นเพียงแค่แม่ยาย ลูกเขยอย่างหลิงตู้ฉิงก็ไม่เควรที่จะถามคำถามห้วน ๆ แบบนี้จริงไหม?

เมื่อเผชิญกับคำถามเช่นนี้ นางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน

เย่ชิงเฉิงกรอกตามองบนทันที และพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “สามี แม่ของข้ามีแซ่ว่า มู่หลง ส่วนชื่อนางมีชื่อว่า หยาน แต่ข้าคงต้องสอนท่านหน่อยว่าในอนาคตเวลาท่านจะถามชื่อของใคร ท่านควรจะใช้ประโยคที่ดูสุภาพสักหน่อยเช่น ‘ไม่ทราบว่าจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรดี?’ หรือ ‘ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?’ แบบนี้เป็นต้น!”

นางอยู่กับหลิงตู้ฉิงมาแล้วสิบกว่าปี ดังนั้นแน่นอนว่านางต้องเคยได้ยินพวกจ้าวเหมิงลู่เล่าเรื่องเกี่ยวกับความซื่อบื้อของหลิงตู้ฉิง ที่ในบางครั้งมันก็ทำให้พวกนางอับอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี ดังนั้นนางจึงรับมือกับสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ด้วยการตอบคำถามของหลิงตู้ฉิงด้วยตัวเอง และสอนหลิงตู้ฉิงไปด้วยในตัว

หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “อืม…ข้าพอจะเข้าใจแล้ว เอาล่ะ ข้าจำได้ว่าระดับการบ่มเพาะของแม่ของเจ้าอยู่ในขอบเขตราชันขั้นกลางใช่ไหม ดูเหมือนว่าแม่ของเจ้าจะไม่เลวเลยทีเดียวที่ในตอนนี้สามารถทะลวงระดับไปได้อีกขั้นแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรีบหันหน้าไปหาแม่ของนางทันทีและพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ท่านแม่ นี่ท่านทะลวงระดับได้แล้วเหรอ!?”

มู่หลงหยานพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ตอนนี้แม่อยู่ในขอบเขตราชันขั้นปลายแล้ว”

ในตอนนี้มู่หลงหยานรู้สึกว่าหลิงตู้ฉิงนั้นพิสดารมาก เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเป็นแค่เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ ดังนั้นมันเป็นไปได้ยังไงที่เขาสามารถมองเห็นระดับการบ่มเพาะของนางได้? และที่สำคัญคำทักทายของหลิงตู้ฉิงที่เอ่ยถามชื่อนางในตอนแรกมันก็ดูว่าเขาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำมันอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไงกันแน่?

เย่ชิงเฉิงหัวเราะอย่างมีความสุข “เยี่ยมไปเลย! ท่านแม่ ในเมื่อท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขั้นปลายแล้ว ถ้างั้นสินสอดที่สามีของข้าจะมอบให้มันก็ยิ่งเหมาะกับท่านมากขึ้นไปอีก! มา ๆ สามี ท่านรีบเข้ามาด้านในและมอบสินสอดของท่านให้แม่ข้าเร็ว ข้าอยากเห็นสีหน้าประหลาดใจของแม่ข้าแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำชักชวน หลิงตู้ฉิงพยักหน้า และจากนั้นเขาก็พาผู้คนทั้งหมดเดินเข้าไปในตึกที่เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลเย่

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset