พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ตอนที่ 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

บทที่ 576 ห้ามเรียนรู้ ห้ามจดจำ ห้ามมอง!

บรรดาผู้คนต่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน ประโยชน์แรกที่พวกเขาได้รับก็คือเคล็ดวิชา

หลาย ๆ คนที่เห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง พวกเขารีบเปิดอ่านคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าทันที

“เคล็ดวิชานี้มันคือวิชาหลอมโอสถนี่นา! หากข้าเรียนรู้มันได้ทั้งหมดเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ว่าข้าจะสามารถหลอมโอสถระดับสวรรค์ได้ง่ายราวดีดนิ้วเลยไม่ใช่งั้นเหรอ ข้ารวยแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ของข้าเป็นวิธีการเพาะเลี้ยงสมุนไพรระดับสวรรค์ไปจนถึงระดับจักรพรรดิ!”

“ฮ่า! ของข้าเป็นวิธีการสร้างสมบัติวิเศษระดับจักรพรรดิ!”

“ข้าได้วิธีการสร้างสมบัติแห่งชะตาชีวิต!”

เหล่าผู้คนต่างตะโกนร้องดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง

ทางด้านของเหล่าสำนักต่าง ๆ ที่เห็นเช่นนี้ บรรดาตัวตนระดับสูงของสำนักก็พากันออกคำสั่งกับศิษย์ของตัวเอง “จงอ่านเคล็ดต่าง ๆ ในคัมภีร์และจดจำมันเอาไว้ในหัว สำหรับใครที่คิดว่าสามารถฝึกมันได้ก็จงฝึกมันได้เลย ส่วนถ้าใครคิดว่าฝึกไม่ได้ก็จงจดจำรายละเอียดไว้รอกลับไปถึงสำนักแล้วค่อยคัดลอกพวกมันส่งให้กับหอคัมภีร์ของเรา ข้าสัญญาว่าจะแจกแต้มคุณูปการให้อย่างงาม!”

บรรดาตัวตนระดับสูงเหล่านี้ไม่สนใจที่จะฝึกหรืออ่านเคล็ดวิชาเหล่านี้ด้วยตัวเองเพราะพวกเขาไม่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะของตนเองอีกแล้ว และสิ่งที่พวกเขาสนใจจริง ๆ ของที่นี่ก็คือสมบัติไม่ใช่เคล็ดวิชา

“ท่านเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเราเองก็จำเป็นต้องจดจำวิชาพวกนี้เอาไว้เพื่อไปเก็บไว้ในสำนักของเราเช่นกัน” หนิงฉิงพูดกับหมิงยู่

แต่ก่อนที่หมิงยู่จะพยักหน้าตกลง หลิงตู้ฉิงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ห้ามจดจำ ห้ามฝึกฝน ห้ามมองดูมัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เหล่าคนของหลิงตู้ฉิงที่กำลังมองไปยังคัมภีร์ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ก้มหน้าลงทันที

พวกเขาอยู่กับหลิงตู้ฉิงมานานจนรู้ว่าถ้าหากพวกเขาไม่ฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิงแล้วล่ะก็พวกเขาได้ถึงคราวซวยแน่ ๆ

มู่หลงหยานถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หลงหยาน เขาหันไปพูดกับคนของเขาแทน “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แค่เดินตามข้าเข้าไปด้านในตำหนักก็พอ”

หนิงฉิงกับเล้งหยวนมองไปที่หมิงยู่ และหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจนใจ

พวกเขาต่างบ่นพึมพำกันในใจ

หากจะห้ามแล้วก็ควรจะอธิบายอะไรบ้างสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอไง?

มันไม่ใช่แค่หลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พาคนเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าชั้นในของตำหนัก มันยังมีเหล่าตัวตนระดับสูงของสำนักอื่น ๆ ที่ทิ้งศิษย์ของตัวเองไว้บางส่วนไว้ที่นี่เพื่อให้จำเคล็ดวิชาและพาส่วนที่เหลือมุ่งหน้าเข้าไปต่อ

เมื่อพวกเขาได้มาถึงที่ประตูทางเข้า จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งเมื่อทุกคนหันไปมองทุกคนก็ได้เห็นว่าเหล่าผู้คนที่กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาอยู่กลางลานบางคนเริ่มหายตัวไปเรื่อย ๆ

“นี่มัน…”

ทุกคนต่างรู้สึกอึ้งกับภาพที่เห็น พวกเขางุนงงว่าคนที่หายไปถูกส่งตัวไปที่ไหนกัน?

ราวกับว่ามันรู้ความคิดของเหล่าผู้คน จิตวิญญาณของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเอ่ยขึ้นอธิบายทันที “คนเหล่านั้นได้บรรลุเคล็ดวิชาของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนแล้ว พวกเขาจึงถูกส่งตัวเข้าไปด้านในตำหนักทันที นี่เป็นทางลัดอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าไปยังด้านในตำหนัก ว่าแต่พวกเจ้าที่ไม่ยอมเรียนรู้เคล็ดวิชาที่ข้าส่งไปให้ พวกเจ้าต้องการถอนตัวงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไรออกไป เขาพาคนของเขาเดินต่อไปที่ประตูทางเข้าโดยไม่สนใจอะไรต่อ

ทางด้านของเย่ชางคงและคนอื่น ๆ ต่างก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พวกเราต้องการแค่เข้าไปในตำหนักเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการเรียนรู้เคล็ดวิชาใด ๆ ที่นี่ทั้งสิ้น”

วิญญาณตำหนักส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าบอกเจ้าไปแล้วไงว่าถ้าพวกเจ้าต้องการเข้าไปด้านในตำหนัก พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาของพวกเราซะก่อน และอย่าได้คิดจะใช้กำลังในการบุกทะลวงเข้าไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะได้เจอกับอำนาจที่พวกเจ้าไม่อาจเทียบได้”

“แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเรียนรู้วิชาเหล่านั้นที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้ งั้นข้าจะมอบเคล็ดวิชาการควบคุมเพลิงใหม่ให้กับพวกเจ้าเพื่อใช้ในการต้านเพลิงที่ประตูทางเข้า หากพวกเจ้าไม่เรียนรู้มันพวกเจ้าจะไม่มีวันผ่านเปลวเพลิงที่สถิตตรงประตูไปได้”

เมื่อวิญญาณตำหนักพูดจบมันก็ส่งเคล็ดการควบคุมเพลิงให้กับทุกคนที่อยู่ใกล้กับประตูทันที

บรรดาศิษย์ของทั้งสามสำนักมหาอำนาจรวมไปถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขึ้นไป ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคัมภีร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า

“นี่มันเป็นเคล็ดการควบคุมเพลิงจริง ๆ ที่สำคัญมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเคล็ดของสำนักข้าเลยด้วยซ้ำ!” จิ๋นฉีฮ่าวจากสำนักเบญจธาตุเอ่ยขึ้น

ด้วยคำพูดยืนยันของจิ๋นฉีฮ่าว ผู้คนมากมายก็เริ่มที่จะทำการฝึกมัน

“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดู ให้เรียนรู้ ให้จดจำ!” หลิงตู้ฉิงพูดกับบรรดาคนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง

บรรดาผู้คนกลุ่มอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาแปลกประลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาคำพูดของหลิงตู้ฉิงไปใส่ใจมากนัก

แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งมีเพลิงปะทุออกมาจากร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ เย่เจียงไห่!

เย่เจียงไห่ตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสำเร็จเคล็ดการควบคุมเพลิงแล้ว!”

เมื่อพูดจบเขาก็เล่นกับพลังใหม่ของเข้า เขาโบกมือไปมาสร้างมังกรเพลิงขึ้นบนอากาศและปล่อยให้มันบินวนไปมาราวกับว่ามันมีชีวิต

เมื่อบรรดาผู้คนเห็นภาพที่น่าตื่นตาเช่นนี้ คนบางกลุ่มที่ยังลังเลอยู่ในตอนแรกก็ไม่ลังเลอีกต่อไปรีบทำการฝึกเคล็ดการควบคุมเพลิงทันที แม้แต่ศิษย์ของสำนักเบญจธาตุบางคนก็ร่วมวงฝึกด้วยเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงเดินออกจากกลุ่มคนของเขาไปหยุดอยู่หน้าเย่เจียงไห่ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “จงจำเอาไว้ เจ้ายังค้างพริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับข้าอยู่!”

เย่เจียงไห่ที่เพิ่งดีใจกับการที่เขาเพิ่งบรรลุพลังใหม่ แต่กลับถูกหลิงตู้ฉิงขัดความสุขแบบนี้ เขาจึงตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “เจ้าก็จงจำเอาไว้เหมือนกันว่าข้าจะคืนให้เจ้าแน่นอนหลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว!”

จากนั้นเขาอดไม่ได้ที่ก่นด่าในใจ

มันก็แค่พริกหยกเพลิงเจ็ดสีไม่ใช่สมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดสักหน่อย จะมาตามทวงบ่อย ๆ ทำไมกัน?

ข้าเป็นถึงลูกชายของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับมาทวงของต่อหน้าคนอื่นมากมายแบบนี้ เจ้าเป็นบ้าอะไรถึงไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลย?

เมื่อเอ่ยเตือนจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรเย่เจียงไห่อีก เขาพาคนของเขาเดินตรงไปที่ประตูทางเข้า

แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้กับประตูทางเข้าตำหนัก จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงลุกขึ้นท่วมบดบังประตูและกำแพงทั้งหมดเอาไว้

เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิญญาณตำหนักถึงได้บอกให้พวกเขาต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก่อนเพื่อที่จะสามารถเข้าไปด้านในตำหนักได้

วิญญาณตำหนักเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่างที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงของเราก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าไม่มีวันเข้าไปด้านในตำหนักได้อย่างแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “จริงเหรอ?”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาคนของเขาไปยืนหน้าประตู จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมประตูอยู่และพูดว่า “หลีกทางไปซะ ข้าจะเข้าไป!”

จากนั้นภาพอันมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นคือ เปลวเพลิงที่ลุกท่วมอยู่หน้าประตูได้แหวกออกเว้นช่องว่างให้หลิงตู้ฉิงได้ผลักบานประตูเข้าไปด้านในพร้อมกับคนของเขา!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset