ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 175 อย่าทำร้ายเธอ

ประธานตู้ทำตามอย่างที่ตัวเองว่าไว้ก่อนหน้านี้ เขาพาเธอมาที่ห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารใหญ่โตแห่งหนึ่ง ซย่าชิงอีมองโต๊ะอาหารหรูหราขนาดใหญ่ตรงหน้า มีเพียงประธานตู้ท่าทางน่าเกรงขามในชุดสูทและซย่าชิงอีที่มีท่าทีเรียบเฉยอยู่ในห้องนี้ในขณะที่คนอื่นๆ ออกไปด้านนอกตามคำสั่งของอีกฝ่าย

 

 

อันที่จริงแล้วเธอรู้สึกหิวไม่น้อย สายตากวาดไปบนโต๊ะอย่างต้องการจัดการกับอาหารแม้จะรู้ดีว่าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะกับการหาอะไรกินนัก เธอไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่จึงทำได้แต่เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปจากอาหารและฝืนความอยากอาหารของตัวเองเอาไว้

 

 

“อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ประธานตู้” เธออยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

 

 

“ดูท่าว่าคุณซย่าจะใจร้อนกว่าฉันจนอยากจะเริ่มคุยทั้งที่ยังไม่ทันจะแตะอาหารเลย” อีกฝ่ายว่าขึ้น “แต่ฉันชอบความตรงไปตรงมาของเธอนะ คุณซย่า”

 

 

เขาหันหน้ามามองเธอ “คืออย่างนี้นะ พอดีฉันต้องร่วมงานกับพี่ชายของเธอในคดีเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ว่าเขาดูจะไม่สนใจข้อเสนอของฉันและเอาแต่ปฏิเสธตอนที่ฉันแวะไปหาเขาเมื่อหลายวันก่อน ฉันรู้ว่าเธอสนิทสนมกับเขามากเลยคิดว่าคงจะดีถ้าเธอจะเป็นคนไปบอกเขาให้ฉันหน่อย ถ้าเธอยินดีที่จะช่วยฉันจะตอบแทนเธออย่างงามจนเธอพอใจอย่างแน่นอน”

 

 

เมื่อเขาพูดจบเธอก็หัวเราะเบาๆ ในใจ เธอน่ะหรือสนิทสนมกับโม่หัน ประธานตู้คงไม่รู้ว่าพวกเขาเพิ่งจะทะเลาะกันและต้องการขอความช่วยเหลือจากเธอหลังจากรู้ว่าเขามีน้องสาว หากแต่ว่าถ้าเธอเข้าไปก้าวก่ายงานของเขาตอนนี้มีหวังคงได้ตายอย่างน่าสมเพชมากกว่า

 

 

เธอตอบกลับ “พี่ชายของฉันคงตัดสินใจเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็คงไม่ทำให้เปลี่ยนแปลงไปมากนักหรอกค่ะ ฉันเกรงว่าคงจะช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้แม้ว่าฉันจะอยากช่วยก็ตาม”

 

 

“เราตามหาคนที่จะมาทำหน้าที่นี้แต่ก็ดูจะไม่มีใครอื่น ถ้าเป็นเธอฉันคิดว่าทนายโม่คงต้องยอมฟังดีๆ แน่”

 

 

เธอส่ายหน้าพลางเอ่ย “พี่ชายของฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งเรื่องงานของเขา ต่อให้เป็นฉันก็เถอะค่ะ ฉันคิดว่าคุณขอความช่วยเหลือผิดคนแล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” เธอก้มศีรษะลาเล็กน้อยขณะที่ยืนขึ้นและตั้งท่าจะเดินออกไป

 

 

“ดูเหมือนคุณซย่าจะไม่ยอมรับความกรุณาของฉันนะ” เขาเอนตัวพิงกับเก้าอี้และมองไปตามทางที่เธอเดินออกไป ชำเลืองไปทางชายท่าทางเคร่งขรึมที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนที่ชายคนนั้นจะโผตัวเขาไปจับมือของเธอจากด้านหลังทันที เขาตรึงมือของเธอไว้กับแผ่นหลังจนเธองอตัวด้วยความเจ็บ หมดแรงจนเกือบลงไปกองกับพื้น

 

 

“เธอเป็นคนบังคับให้ฉันต้องใช้กำลังกับเธอเองนะ เดี๋ยวคนอื่นอาจจะมากล่าวหาว่าฉันทำรุนแรงกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ได้” ประธานตู้ก้าวเข้ามาหาและตบเข้าที่หน้าของเธอเบาๆ

 

 

ถ้าเธอมีมีดอยู่ในมือตอนนี้คงจะคว้าออกมาฟันเขาโดยไม่คิดแน่ โชคร้ายที่ไม่เป็นเช่นนั้น เธอจึงทำได้แต่จ้องเขาเขม็ง “คุณตั้งใจจะทำอะไร”

 

 

เขายังคงกล่าวออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่ชอบทำร้ายคนอื่น แต่เพราะเธอปฏิเสธคำแนะนำของฉัน เลยต้องขอความร่วมมือจากเธอหลังจากนี้ครู่หนึ่งให้อยู่ดูการแสดงกับฉันสักหน่อย”

 

 

“คุณต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือให้พี่ชายของฉันทำตามที่คุณต้องการสินะ” เธอถามขึ้น

 

 

“ไม่เลวนี่ เธอค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว”

 

 

“อย่างนั้นฉันว่าคุณยอมแพ้เสียเถอะ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตอบตกลง”

 

 

“สาวน้อย อย่าเพิ่งด่วนสรุปก่อนที่เขาจะมาที่นี่สิ เดี๋ยวเธอก็จะรู้เองล่ะว่าการแสดงจะเริ่มต้นเมื่อไหร่”

 

 

ประธานตู้คีบบุหรี่ไว้ในมือขณะที่เดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนหน้านี้ เธอถูกบังคับให้นั่งลงข้างเขา ใจอยากจะขยับออกห่างอีกนิดหลังจากนั่งลงแต่ก็สัมผัสได้ถึงโลหะเย็นๆ คมกริบที่จ่อประชิดอยู่ด้านหลัง

 

 

เธอหันกลับไปมองชายที่จ้องมาที่เธอพร้อมมีดในมือ

 

 

“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก แค่จะขยับตัวนิดเดียวเท่านั้น” เธอส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง

 

 

เขายังคงมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรขณะที่เอาแต่นิ่งเงียบ

 

 

เธอชำเลืองมองไปทางซ้ายมือและเห็นว่าประธานตู้ต่อสายหาใครสักคน เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นนานก่อนที่คนปลายสายจะรับ

 

 

[สวัสดีครับ] น้ำเสียงเย็นชาของโม่หันดังมาจากอีกด้านของสายโทรศัพท์

 

 

“สวัสดีครับ ทนายโม่ ผมประธานตู้นะครับ มาทานอาหารร่วมกับผมสักมื้อหน่อยสิครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

 

[ถ้าเกี่ยวข้องกับคดีของบริษัทเหรินต้าเมื่อวันก่อน ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นนักหรอกครับ] โม่หันกำลังจัดการกับคดีการโอนย้ายหุ้นบริษัทอื่นอยู่ เขาไม่มีแรงจะมาต่อกรกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดและตั้งใจจะจบบทสนทนาจะได้วางสายเสียที

 

 

“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธผมสิครับทนายโม่ คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ผมมาทานอาหารกับใครอยู่” คนพูดมองไปทางซย่าชิงอีที่กำลังก้มหน้ากินอาหารไม่หยุด เธอหิวเกินกว่าจะถือศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้เพื่อแลกกับอาหารตรงหน้า

 

 

คนฟังไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขามากนัก มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่เขาจะเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการกฎหมายมาเพื่อโน้มน้าวให้ตัวเองทำตามความต้องการของเขา

 

 

โม่หันเอ่ย [ผมไม่อยากรู้ครับ และขอให้ประธานตู้เข้าใจด้วยว่าผมได้ยื่นเอกสารทั้งหมดไปแล้วเรียบร้อย แค่นี้นะครับ]

 

 

“คุณจะไม่มาแม้ว่าน้องสาวของคุณจะอยู่ที่นี่น่ะเหรอ”

 

 

เขานิ่งค้างไปชั่วครู่ น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างถนัดหูขณะที่ถามขึ้น [น้องสาวของผม? ซย่าชิงอี?]

 

 

“ใช่ครับ ทำไมผมถึงเพิ่งรู้ว่าคุณมีน้องสาวสวยขนาดนี้ล่ะ น่าเสียดายจริงๆ” อีกฝ่ายเอ่ยเย้าเขา

 

 

[คุณล้อผมเล่นอยู่เหรอ] เขากล่าวเสียงเย็นยะเยือก

 

 

“ผมจะล้อคุณเล่นทำไมล่ะครับ มา… ผมจะให้คุณฟังเสียง…” ประธานตู้ชี้ที่ไมโครโฟนและเลื่อนไปทางที่ซย่าชิงอีนั่งอยู่ ชายที่อยู่ในชุดสูทสีดำด้านขวามือของเธอใช้ปลายมีดแตะสะกิดเธอเบาๆ จนเธอสะดุ้งตกใจขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการกิน เธอโวยวายขึ้นมาทันที “เฮ้! … คุณทำอะไรน่ะ! … มันเจ็บนะ”

 

 

อีกฝั่งของสายโทรศัพท์ ปากกาที่โม่หันถือไว้ในมือหล่นลงพร้อมเสียงของเธอที่ดังขึ้น

 

 

ประธานตู้ส่งโทรศัพท์ให้เธอ “พูดอะไรกับพี่ชายของเธอหน่อยสิ”

 

 

เธอรับโทรศัพท์และแนบลงกับหู ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนว่าขึ้น “มา… ทานอาหารกับพวกเขาหน่อยค่ะ”

 

 

เขาสงบอารมณ์ตัวเองลง [เธอไม่เป็นไรใช่ไหม]

 

 

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ค่อนข้างสบายดีเลยเชียวล่ะ” เธอตอบ อยากจะพูดมากกว่านี้แต่อีกฝ่ายคว้าโทรศัพท์คืนไปแล้วก่อนกรอกเสียงลงไป “ทีนี้ทนายโม่จะเชื่อผมได้หรือยังล่ะครับ พักมือจากงานสักหน่อยแล้วออกมาทานอาหารกับผมได้หรือยังครับ”

 

 

[คุณอยู่ที่ไหน] โม่หันเอ่ยถาม

 

 

“ที่โอลด์เซี่ยงไฮ้ ไม่ไกลจากบริษัทของคุณนัก”

 

 

[เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ อย่าทำร้ายเธอ]

 

 

“ดูคุณพูดเข้าสิทำเหมือนผมเป็นคนใจไม้ไส้ระกำอย่างนั้นแหละ ผมแต่อยากคุยเรื่องการทำงานร่วมกันของเราไม่ได้อยากจะทำร้ายใครเสียหน่อย”

 

 

[เดี๋ยวผมจะไปหาคุณ หวังว่าจะจำคำที่ตัวเองพูดไว้ได้นะครับ]

 

 

โม่หันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งงานของเขาจะทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขารีบออกจากบริษัท ครั้งที่แล้วเขาทำให้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยสภาพเช่นนั้น ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเจ็บตัวเพราะเขาอีกเด็ดขาด

 

 

ไม่มีทาง

 

 

อย่างไรก็ตามเขาจะบุ่มบ่ามไปที่นั่นไม่ได้ เขาขับรถขณะที่บอกตัวเองให้ใจเย็นลงและคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่

 

 

หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เขาก็โทรหาเพื่อนทนายที่เขารู้จักในเมือง A

 

 

เขามาถึงโอลด์เซี่ยงไฮ้ในอีกยี่สิบนาทีถัดมา เมื่อมาถึงประตูทางเข้าก็เห็นคนสองคนก้าวมาหาเขาจากอีกด้านขณะที่บอกให้เขาเดินตามไป

 

 

เขาตามพวกมันไปที่ชั้นสองและเดินไปยังห้องส่วนตัวตรงกลาง ในจังหวะที่เขาเดินเข้าไปก็เห็นประธานตู้ ซย่าชิงอี และคนแปลกหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะต่อหน้าเขา

 

 

มองไปทางซย่าชิงอีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เธอยังคงนั่งกินอาหารอย่างใจเย็นและทำเพียงมองมาที่เขาหลังจากเห็นว่าเขามาถึงแล้ว ก่อนที่จะกลับไปกินอาหารตรงหน้าต่อ

 

 

เขาโล่งใจเล็กน้อย ประธานตู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขายืนขึ้นและก้าวมาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “โอ้ ในที่สุดทนายโม่ก็มาถึงแล้ว”

 

 

เขาตอบกลับ “ผมคงไม่มาถ้าหากคุณไม่ใช้วิธีพิเศษเชิญผมมาแบบนี้”

 

 

อีกฝ่ายหัวเราะและหันกลับไปหยุดอยู่ด้านหลังซย่าชิงอี วางมือของเขาบนไหล่ของเธอขณะที่โน้มศีรษะลงมาใกล้เธอ “ผมอดจะพูดไม่ได้เลยว่าน้องสาวของทนายโม่ช่างสวยจริงๆ แม้แต่ผมที่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ มาทั่วโลกแล้วยังอดสนใจเธอไม่ได้”

 

 

ดวงตาของโม่หันฉายแววเกรี้ยวกราด “เอามือของคุณออกไป”

 

 

ซย่าชิงอีอดแอบถอนหายใจในใจเงียบๆ ไม่ได้ มือทั้งสองข้างที่กำลังวางอยู่บนไหล่ของเธอก็เหมือนกับหินหนักๆ ยังมีมีดที่จ่ออยู่ด้านหลังเธออีก ดูเหมือนว่าเธอจะกินอาหารต่อไม่ได้อีกแล้ว

 

 

อีกฝ่ายยักคิ้วขึ้นพลางยกมือขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยทนายโม่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”

 

 

เขาว่าขึ้น “เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของเรา ปล่อยเธอไปและผมจะตกลงเจรจากับคุณ”

 

 

“ดูทนายโม่พูดเข้า ผมเกรงว่าคงจะไม่ได้พบคุณอีกจนกระทั่งตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าน้องสาวของคุณ”

 

 

ชายสูงอายุยังคงยืนอยู่ด้านหลังเธอพร้อมหยิบมีดจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ ค่อยๆ จ่อแนบไปที่ลำคอของเธอพลางจ้องมองเธออย่างไร้ความปรานี “ผมอยากจะคุยกับพวกคุณอย่างเปิดเผยและให้ทุกอย่างที่พวกคุณต้องการ แต่พวกคุณสองพี่น้องกลับทำเหมือนกันไม่มีผิด! พวกคุณนี่มันช่างดื้อด้านจริงๆ!”

 

 

เขากลั้นหายใจขณะที่จ้องมองมีดที่จ่ออยู่ที่ลำคอของเธอ หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น ขยับเข้าไปอย่างระมัดระวัง “เรายังเจรจาเรื่องสิ่งที่คุณต้องต้องการกันดีๆ ได้ ผมจะเก็บเอาไปคิด วางมีดลงก่อนและเราจะได้นั่งคุยรายละเอียดเรื่องนี้กัน”

 

 

อย่างไรก็ตามซย่าชิงอีกลับไม่ได้ตื่นตระหนกกับการที่ประธานตู้จ่อมีดเข้าที่ลำคอของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เธอเหลือบมองมีดที่กดอยู่ที่ลำคอขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างเฉื่อยชา “อย่าหวังเลย เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่มีทางตกลงเรื่องนี้กับคุณแน่”

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset