ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 33 นอนข้างๆ / ตอนที่ 34 พี่ ฉันง่วง

ตอนที่ 33 นอนข้างๆ   

 

 

โม่หันที่เพิ่งรู้สึกตัวหันหน้าไปมองเธออย่างเรียบเฉย เขารวบรวมเอกสารที่เหลือในมือก่อนเอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ยังมีบางอย่างที่ประธานจางปกปิดเอาไว้และเรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่”  

 

 

ซย่าชิงอีเม้มริมฝีปากก่อนมองไปรอบๆ ห้องและพบว่าเวลาล่วงเลยไปจนสี่ทุ่มแล้ว  

 

 

ทั้งที่ดึกขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่พอเธอมองไป เขาก็ยังคงนั่งทำงานและจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้า คอยเตรียมสิ่งที่ต้องพูดในศาลพรุ่งนี้ขณะพลิกหนังสือหลักเศรษฐศาสตร์เล่นหนาไปด้วย  

 

 

“เรากลับกันได้หรือยังคะ สี่ทุ่มแล้วนะ”  

 

 

เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วจึงลุกขึ้นและหยุดมือจากงานที่ทำอยู่แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเตรียมตัวเลิกงาน เขาหยิบสูทมาสวม “มานี่ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”  

 

 

เธอตกใจไปเล็กน้อย “คุณจะกลับมาทำงานที่นี่อีกเหรอคะ”  

 

 

อีกฝ่ายหยิบกุญแจรถก่อนเดินออกจากห้อง “พรุ่งนี้เช้าคดีของประธานจางจะถูกรื้อมาสอบสวนอีกครั้ง ยังมีข้อมูลบางอย่างในเอกสารที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เราเลยต้องเตรียมการล่วงหน้าไว้”  

 

 

“แต่นี่มันดึกมากแล้วนะคะ! ”  

 

 

“พวกเราชินแล้วล่ะ” เขายังคงท่าทีเย็นชาไว้ แม้กระทั่งตอนที่เขากำลังเดินยังมีรังสีอำมหิตที่ใครๆ ก็คงไม่กล้าเข้าใกล้ พนักงานคนอื่นๆ ในสำนักงานกลับกันไปหมดแล้ว โถงทางเดินมืดมิดมีเพียงแสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะในห้องทำงาน ทั้งคู่เดินตามแสงสลัวออกไปด้านนอก เขาเดินไปที่โต๊ะรับรองก่อนหยิบของที่เธอซื้อมาไว้ในมือ จากนั้นก็กดลิฟต์ลงไปที่ลานจอดรถ  

 

 

เธอเหลือบมองเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะที่รอลิฟต์ขึ้นมา “สิ่งที่ฉันบอกคุณไปก่อนหน้านี้เป็นประโยชน์อะไรบ้างหรือเปล่าคะ”  

 

 

“ทั้งหมดที่คุณพูดมาเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานครับ ในทางกฎหมายเรายังต้องการข้อพิสูจน์ ต่อให้สิ่งที่คุณบอกผมเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่จะพิสูจน์โดยที่ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ยังไง”  

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเหรอคะ” เธออดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้  

 

 

เขามองเธอแล้วพูดขึ้น “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้”  

 

 

เธอหลุดยิ้มออกมา น้ำเสียงสดใสขึ้น “แล้วคุณคิดว่าพรุ่งนี้คุณจะชนะคดีไหมคะ”  

 

 

อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นเบาๆ ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก้าวเข้าไปด้านในโดยไม่ได้ตอบอะไร  

 

 

“ผมรู้จักมหาวิทยาลัยดีๆ สำหรับคุณอยู่ที่หนึ่ง มหาวิทยาลัย S สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ใครๆ ก็บอกว่าที่นี่โดดเด่นในสาขานี้ ผมจัดการเอกสารสมัครเข้าเรียนทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณหายดีกว่านี้ผมจะส่งคุณไปเรียนที่นั่นนะครับ”  

 

 

“อ้อ” เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจที่จะไปเรียนหนังสือแม้แต่นิด ก็แค่ทำตามที่เขาบอกไปเท่านั้น  

 

 

เขาเองเป็นคนพูดน้อย ติดจะเงียบเสียด้วยซ้ำ ส่วนเธอเองก็ไม่ได้พูดมากเช่นกัน ทั้งยังเหนื่อยมาทั้งวันและยังไม่ค่อยมีแรงอีก เมื่อเข้ามานั่งในตัวรถความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็มากลับมาเยือน ให้เธอทิ้งตัวลงบนเบาะนิ่มพลางเอนตัวพิงคอไปด้านหนึ่ง รู้สึกว่าร่างกายได้ผ่อนคลาย เพราะเหนื่อยจนแทบจะยกนิ้วไม่ขึ้น สิ่งที่อยากทำจึงมีเพียงสิ่งเดียวคือการนอนหลับ  

 

 

โม่หันที่เห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “คาดเข็มขัดก่อนสิครับ”  

 

 

เด็กสาวไม่ได้ส่งเสียงออกมา เธอเพียงมุ่นคิ้วพลางขดตัวเป็นก้อนพร้อมเอนศีรษะพิงกระจกรถอย่างที่คนมองไม่รู้ว่าเจ้าตัวหลับไปหรือยัง  

 

 

เขาถอนหายใจออกมา ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองก่อนเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดให้อีกคนแล้วจึงออกรถ  

 

 

เมื่อมาถึงที่หมาย เขาก็เลี้ยวเข้าประตูรั้วไปจอดรถในบ้าน ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองและหันไปมองเด็กสาวที่หลับสนิทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา  

 

 

“ตื่นได้แล้วครับ! ขึ้นไปนอนในบ้านดีๆ ” เขาเขย่าตัวเธอ  

 

 

เธอที่อยู่ในอาการง่วงเหลือเกินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ท่ามกลางแสงไฟสลัว เธอเห็นโม่หันลุกออกจากรถและเดินห่างออกไป แต่ด้วยความเหนื่อยล้า เธออยากทิ้งตัวในห้วงนิทราอีกครั้ง  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 34 พี่ ฉันง่วง  

 

 

“ตื่นได้แล้ว ขึ้นไปบนบ้านกันครับ” โม่หันลงมาจากรถแล้วเดินอ้อมไปทางประตูรถอีกด้านที่ซย่าชิงอีนั่งอยู่ เขาไม่รู้ว่าต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อเห็นเธอนอนหลับปุ๋ยไปอีกครั้ง เขามองเธอแล้วเรียกผ่านกระจกรถ “ซย่าชิงอี ลงมาเดี๋ยวนี้! ”  

 

 

เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง เธอปรือตาหันมองคนเรียกที่ตอนนี้เริ่มโมโห แล้วเด็กสาวก็รู้สึกเหมือนร่างของเธอค่อยๆ จมลงในบ่อโคลนนุ่มนิ่มจนไม่รู้สึกตัว ความง่วงงุนพุ่งเข้าจู่โจมจนลืมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไปเสียสนิท  

 

 

“พี่ ฉันง่วงจังเลย ให้ฉันนอนสักพักนะ” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับว่ามันดังมาจากที่ไกลๆ  

 

 

โม่หันอดใจอ่อนไม่ได้ด้วยคิดว่าเธอต้องออกไปข้างนอกทั้งวันทั้งที่ยังไม่หายดีและยังต้องไปนั่งรอเขาเลิกงานที่สำนักงานจนถึงสี่ทุ่ม สุดท้ายเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิงเพราะคิดว่าเธอคงไม่ตื่นขึ้นมาเร็วๆ นี้แน่ จากนั้นโม่หันก็ล็อกรถทั้งที่ยังอุ้มเธอแนบอกไว้แล้วเดินเข้าบ้าน  

 

 

น้ำหนักของเธอเบาจนคิดไม่ถึงเนื่องด้วยเด็กสาวตัวเล็กสูงเพียงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น ขณะที่กระชับร่างของเธอที่ยังหลับสนิทไว้ในอ้อมแขน เขาก็รู้สึกได้ถึงกระดูกสันหลังและผ้าพันแผลหนาที่พันรอบตัวเธอและแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากน่องที่เกี่ยวพาดกับแขนของเขา นี่เหมือนกับกำลังอุ้มสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างแมวอยู่อย่างไรอย่างนั้น  

 

 

ขณะที่มองสำรวจผ้าพันแผลบนตัวเธอก็อดคิดถึงร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลในครั้งแรกที่เจอกันไม่ได้ ใครจะกล้าทำเมินเฉยไม่ช่วยชีวิตเธอได้นะ ในที่สุดเขาก็หาคำตอบที่ตัดสินใจช่วยเธอให้กับตัวเองจนได้  

 

 

กว่าเขาจะอุ้มเธอไปนอนในห้องและเอาของจากในรถออกมาเก็บก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว กลายเป็นว่าเขาต้องกลับไปจัดการงานที่เหลือที่สำนักงานในเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง  

 

 

ตอนนี้เขายังไม่มีความคิดที่แน่นอนว่าจะจัดการกับคดีของประธานจางอย่างไร ไม่ว่าประธานจางจะทำอะไรก็ตาม เขาอยากรู้เพียงแค่ว่าวิดีโอของอดีตภรรยาของประธานจางเป็นของปลอมเท่านั้น ตราบใดที่เขายืนยันข้อเท็จจริงนี้ในชั้นศาล เธอก็จะไม่สามารถครอบครองหุ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์ของบริษัทตามที่เธอต้องการได้  

 

 

ไม่จำเป็นต้องชี้แจงส่วนอื่นๆ ของคดี หากยังให้การในศาลอย่างนั้นต่อไป ฝ่ายตรงข้ามอาจหาช่องโหว่ของคำให้การของเขาได้ คดีนี้เป็นเพียงคดีแพ่งธรรมดา เขาแค่ต้องระงับข้อพิพาทในแง่ของเศรษฐกิจเกี่ยวกับหุ้นส่วนบริษัทและการแบ่งสินสมรสระหว่างคู่สามีภรรยาที่หย่าร้างกันแล้วเท่านั้น ที่เหลือนั้นอยู่นอกเหนือการตัดสินใจของเขาโดยเฉพาะในแง่ของกฎหมายแพ่ง  

 

 

เขากลับทำงานคนเดียวในห้อง เตรียมเอกสารและเติมเต็มในทุกรายละเอียดที่พลาดไปอย่างใส่ใจตั้งแต่ตีหนึ่งจนถึงเจ็ดโมงเช้า  

 

 

การพิจารณาคดีในศาลเริ่มต้นตอนเก้าโมงเช้าและกินเวลาต่อเนื่องมาจนเที่ยงถึงเสร็จสิ้นลง  

 

 

ในที่สุด การพิจารณาคดีก็ถูกตัดสิน  

 

 

“ทนายโม่ วันนี้คุณทำได้เยี่ยมมากเลยค่ะ! คุณรู้ได้ยังไงคะว่าวิดีโอของอดีตภรรยาของประธานจางเป็นของปลอม” หลี่จิ้งส่งสายตาเป็นประกายอย่างชื่นชมโม่หัน ตลอดเวลาที่ตามเขาเข้าไปในห้องพิจารณาคดีในฐานะพนักงานของสำนักงานกฎหมาย  

 

 

ข้อเสนอของอดีตภรรยาของประธานจางในการถือหุ้น 12 เปอร์เซ็นต์ถูกตีตกไป และตามคำตัดสินของศาลตามหลักเกณฑ์ของการแบ่งสินสมรส เธอจะได้รับเพียงส่วนของอสังหาริมทรัพย์ไปเท่านั้น  

 

 

“ทนายโม่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดีเลยนะคะ ดูจากเรื่องวุ่นวายจากอดีตภรรยาของประธานจางเมื่อวาน ตอนแรกฉันคิดว่าจะหมดหวังจะชนะคดีในวันนี้ซะแล้วค่ะ แต่ทนายโม่ก็ยังหาหลักฐานมาจนได้! เก่งจริงๆ ค่ะ” หลี่จิ้งกระซิบเบาๆ กับหลิวจื้อหย่วนที่นั่งอยู่ข้างๆ ขณะมองโม่หันที่นั่งตรงจากด้านหลัง ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานด้านหลังเขา  

 

 

“ไม่ต้องสงสัยถึงความสามารถของโม่หันเลย อย่างไรเขาก็เป็นตำนานของโรงเรียนกฎหมายของเราตลอดกาลอยู่แล้ว! ” หลิวจื้อหย่วนเอ่ยขึ้น  

 

 

“แล้วเขามีแฟนบ้างหรือเปล่าคะ” หลี่จิ้งมองตรงไปที่โม่หันด้วยสายตาล่องลอยอย่างหลงใหลพร้อมกับความชื่นชมในตัวเขาที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset