ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 37 ดูดีเป็นพิเศษ / ตอนที่ 38 อย่ามานอนหลับที่นี่อีก

ตอนที่ 37 ดูดีเป็นพิเศษ  

 

 

ซย่าชิงอีเดินเข้ามาในสำนักงานและทักพี่ชายของตนที่ก้มหน้าทำงานอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง พยักหน้ารับรู้ก่อนกลับไปจดจ่อกับงานตรงหน้าอีกครั้ง  

 

 

เธอมุ่ยหน้าเมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอสักนิด จากนั้นก็เดินวนไปมาในห้องทำงานของเขาก่อนเลือกหนังสือเล่มหนึ่งออกมาอ่าน น่าเสียดายที่หนังสือในห้องทำงานของเขาส่วนใหญ่เกี่ยวกับกฎหมาย เธออ่านไปได้สักพักก็รู้สึกหนักที่เปลือกตา ความง่วงงุนเข้าจู่โจมเธอ เด็กสาวจึงวางหนังสือลงก่อนเหลือบมองโม่หันที่ยังคงทำงานอยู่แล้วผลักประตูออกไปนอกห้องเงียบๆ ด้วยอยากออกไปสูดอากาศด้านนอก  

 

 

หลี่จิ้ง ผู้ช่วยของโม่หันที่นั่งอยู่ข้างนอกห้องทำงานเห็นซย่าชิงอีเดินออกมาจากห้องก็ลุกขึ้นถามทันที “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”  

 

 

เธอสะดุ้งตกใจ “ไม่มีอะไร…หรอกค่ะ ข้างในมันอบอ้าวไปหน่อยเลยออกมาเดินข้างนอกเฉยๆ”  

 

 

“งั้นฉันไปเอาน้ำมาให้ไหมคะ คุณอยากดื่มอะไรไหม”  

 

 

“ไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไร”  

 

 

ซย่าชิงอีชี้ไปทางห้องที่โม่หันนั่งทำงานอยู่ เอ่ยถามขึ้น “ปกติพี่ชายของฉันเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอคะ”  

 

 

“คุณหมายความว่าอะไรเหรอคะ ที่ว่าเป็นแบบนี้” คนถูกถามไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร  

 

 

“แบบที่เอาแต่ทำงานแล้วก็ไม่พูดอะไรเลยแบบนี้น่ะค่ะ”  

 

 

หลี่จิ้งหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมโม่หัน “ตั้งแต่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ ทนายโม่ก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาเข้มงวดและละเอียดตอนทำงานมากๆ เลยแหละค่ะ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดแต่เขาก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามในศาลพูดไม่ออกได้เหมือนกัน เป็นหนึ่งในทนายความที่เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จที่สุดของเมืองเราเลยค่ะ ถ้าบริษัทไหนมีคดีแพ่ง ทนายคนแรกที่จะถูกนึกถึงก็คือเขาค่ะ”  

 

 

เธอมองรอยยิ้มกว้างของหลี่จิ้งอย่างไม่อาจไปขัดความคิดพร่ำเพ้อของเธอ “จริงๆ แล้ว…เขาอาจไม่ได้เป็นคนอย่างที่คุณคิดก็ได้นะคะ”  

 

 

หลี่จิ้งมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย “คุณเป็นน้องสาวของเขา ต้องรู้จักทนายโม่มากกว่าพวกเราอยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ”  

 

 

เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ได้รู้จักเขามากขนาดนั้นหรอกค่ะ จริงๆ แล้วฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เรา…ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว”  

 

 

“แต่ถึงอย่างนั้นร… คุณก็เป็นน้องสาวของเขานี่คะ”  

 

 

“ฉันเป็นน้องบุญธรรมน่ะค่ะ ถูกรับมาเลี้ยงตอนอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นพี่เขาอยู่ที่นี่ เราเลยไม่มีโอกาสได้เจอกัน” เธอพบว่าตัวเองเคยชินกับการโกหกไปเสียแล้ว แทบจะไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่แม้แต่น้อย  

 

 

“อย่างนี้นี่เอง…” หลี่จิ้งถอนหายใจออกมา  

 

 

ซย่าชิงอีพูดต่ออย่างสบายๆ “ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ทำงาน ทนายโม่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอกค่ะ ถ้าไม่นอนก็อ่านหนังสือ ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ เวลาเราหิวก็ไม่ได้ทำอาหารแต่ออกไปทานอาหารข้างนอกแทน”  

 

 

หลี่จิ้งรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินดังนั้น เธอถามขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสปนเขินอาย “แล้ว…เขาตอนเขาใส่ชุดลำลองอยู่บ้าน เขาดูดีไหมคะ”  

 

 

ซย่าชิงอีหัวเราะ “ก็ไม่ได้แตกต่างจากปกติมากขนาดนั้นหรอกค่ะ… พี่เขาก็แต่งตัวเหมือนเดิมของเขาอยู่ตลอดแหละ”  

 

 

“เป็นไปได้ยังไงกันคะ”  

 

 

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ… ถ้าอย่างนั้น…วันหลังฉันจะถ่ายรูปแล้วเอามาให้คุณดูละกันนะคะ”  

 

 

สำหรับหลี่จิ้ง ซย่าชิงอีท่าทางเป็นมิตรกว่าทนายโม่อยู่มากโข ยิ่งเธอพูดคุยกับเธอก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ เธอดูสบายๆ และน่าเข้าหาทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน มีรอยยิ้มประดับหน้าอยู่เสมอ จนถึงตอนนี้ที่เธอพูดถึงพี่ชายของเธอในระยะเผาขนขนาดนี้แต่ก็ยังยิ้มได้  

 

 

ซย่าชิงอีนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ หลี่จิ้งที่กำลังทำงานอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้แตกต่างจากการนั่งในห้องทำงานของโม่หันมากนัก แต่การได้นั่งคุยแก้เบื่อกับหลี่จิ้งอยู่ที่นี่ก็นับว่าดีกว่ามาก บางครั้งพนักงานคนอื่นๆ ในสำนักงานก็แวะผ่านมาทักทายและพูดคุยกับเธอ  

 

 

อย่างไรก็ดีกว่าการต้องอยู่กับพี่ชายบ้างานที่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาสักคำอยู่แล้ว  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 38 อย่ามานอนหลับที่นี่อีก  

 

 

ในห้องทำงาน โม่หันเงยหน้าขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนาน ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าซย่าชิงอีออกไปจากห้องแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอคือตอนที่เธอยังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ บนโซฟา แม้เขาจะรู้ดีว่าเธอคงไม่เข้าใจเนื้อหาในนั้นสักนิด  

 

 

เขาวางเอกสารในมือลงแล้วลุกขึ้นออกไปดูเธอ โม่หันเห็นเด็กสาวทันทีที่เดินออกจากห้อง คนที่กำลังถูกตามหาตัวกำลังนั่งอยู่ข้างหลี่จิ้ง ยิ้มกว้างพลางพูดคุยกับพนักงานชายอีกคน  

 

 

เขามุ่นคิ้ว พนักงานชายคนนั้นลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา จากนั้นก็เอ่ยทักทายอย่างรีบร้อนแล้วหยิบเอกสารเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง  

 

 

“ทำไมเธอออกมาข้างนอกล่ะ” เขาถามเธอขึ้น  

 

 

ซย่าชิงอีหงุดหงิดเล็กน้อยที่ชายหนุ่มที่เธอคุยด้วยเมื่อครู่รีบหนีไปทันทีที่เห็นเขา “อยู่แต่ในห้องมันอึดอัดนี่คะ ฉันเลยออกมาเดินข้างนอก”  

 

 

“พี่ไม่ได้บอกไม่ให้เธอรบกวนเวลาทำงานของคนอื่นเหรอ”  

 

 

“ฉันไม่ได้รบกวนนะคะ เขาเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อครู่นี้ เราเลยแวะคุยกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาไม่ได้อู้งานซะหน่อยค่ะ” เธอตอบกลับ ไม่ยอมลงให้กับคำกล่าวหาของพี่ชาย  

 

 

“เธอไม่ควรเดินไปทั่วแบบนี้ แล้วตอนที่เดินออกมาก็ไม่ได้บอกพี่นี่ ใช่ไหม”  

 

 

“แค่จะออกจากห้องทำงานพี่ ฉันต้องบอกด้วยเหรอ อีกอย่างถ้าฉันบอกตอนที่พี่กำลังทำงานอยู่จะไม่กลายเป็นว่าฉันไปรบกวนเวลาทำงานของพี่อีกเหรอคะ”  

 

 

หลี่จิ้งตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่เงียบๆ ข้างเธอระหว่างที่มองทั้งคู่คุยกัน เธอไม่เคยเห็นใครกล้าเถียงทนายโม่แบบนี้เลย  

 

 

เขานิ่งอึ้งเมื่อเผชิญหน้ากับ ‘น้องสาว’ ที่เพิ่งโผล่มาของเขา เป็นไปได้ยังไงที่คนเจ้าสำนวนในศาลอย่างเขาซึ่งสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่ายๆ จะเถียงไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ  

 

 

“ฉันอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” เธอมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ตัดบทไม่ทะเลาะกับเขาอย่างรู้ดีว่าเป็นวิธีที่ใช้รับมือกับโม่หันอย่างได้ผล  

 

 

เป็นไปดังคาด เขาทำเพียงมองเธอก่อนถอนหายใจออกมา “เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอเอง ดึกมากแล้ว”  

 

 

“พี่จะกลับมาที่นี่อีกเหรอ”  

 

 

โม่หันก้มมองนาฬิกาและพบว่าเวลาสองทุ่มแล้ว “ไม่แล้วล่ะ ได้เวลาเลิกงานแล้ว”  

 

 

ความสนใจของทุกคนในสำนักงานพุ่งตรงไปยังเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด พวกเขาต่างงุนงง  พวกเขาไม่ต้องทำงานล่วงเวลาจนถึงสามทุ่มเหรอ ทำไมทนายโม่ถึงกลับบ้านเวลานี้ ปกติเขาอยู่เป็นคนสุดท้ายตลอดเลยนี่  

 

 

เขามองไปรอบๆ สำนักงานแล้วบอกพนักงาน “ทุกคนทำงานหนักกับคดีเมื่อเช้าแล้ว คืนนี้ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาหรอกครับ กลับบ้านกันได้แล้ว”  

 

 

ทุกคนต่างเบิกตากว้างที่ได้ยินดังนั้น  เกิดอะไรขึ้น  นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เลิกงานตอนสองทุ่ม ดูไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด  

 

 

ทนายโม่ไม่ได้สังเกตท่าทางของพนักงานที่แสดงออกมาต่างกันไป เขากลับเข้าไปเก็บของในห้องทำงานก่อนถือกระเป๋าและกุญแจรถ ออกจากสำนักงานไปพร้อมกับซย่าชิงอี  

 

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรนิสัยเดิมของเขาก็แก้ยาก โม่หันที่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานไม่วายจะสั่งให้  

 

 

หลิวจื้อหย่วนส่งข้อมูลเกี่ยวกับข้อพิพาทของศูนย์การค้าเชิ่งต้ามาทางอีเมลก่อนออกมาจากสำนักงาน  

 

 

เมื่อถึงบ้าน ซย่าชิงอีก็เดินตรงไปยังห้องนอนของโม่หัน อาบน้ำก่อนเอาผ้าห่มมานอนบนพรมข้างเตียงของเขาที่เธอนอนประจำ  

 

 

“กลับไปนอนที่ห้อง” เขาเห็นเธอเอนตัวลงนอนบนพรม หลับตาเตรียมพร้อมจะเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เดินเข้ามาหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้อง  

 

 

“วันนี้ฝนไม่ได้ตกแล้วก็ยังไม่มืดมากด้วย ทำไมยังชอบมานอนบนพรมในห้องผมอีกล่ะ” เขาขมวดคิ้วขณะเดินไปมาในห้อง เธอหลับตานอนหลับเงียบๆ รู้สึกเกร็งเล็กน้อยอย่างกลัวว่าเขาจะจับเธอโยนออกจากห้องไป  

 

 

เมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้หลับจริง เขาก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆ แล้วก้มมองอย่างเหลืออดนิดๆ “ผมบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ พรุ่งนี้ผมจะซื้อพรมอีกผืนที่เหมือนกันกับของผมไปไว้ที่ห้องของคุณ แล้วก็อย่ามานอนหลับที่นี่อีกนะครับ”  

 

 

เธอถอนหายใจก่อนผ่อนคลายร่างกายลง มุมปากยกยิ้มเล็กๆ อย่างดีใจที่ได้นอนที่นี่ต่ออีกวัน ไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อได้นอนใกล้ๆ เขาที่นี่แบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset