ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 47 เด็กสาวแสนฉลาด / ตอนที่ 48 เธอเป็นผู้หญิงขายตัว

ตอนที่ 47 เด็กสาวแสนฉลาด  

 

 

“เหยื่อที่พบเมื่อเช้าตายแบบเดียวกับเหยื่อในมหาวิทยาลัยเหรอคะ”  

 

 

“ทั้งคู่ตายจากการเสียเลือดมากเพราะถูกฆ่าปาดคอครับ”  

 

 

“ฉันขอดูรูปจากที่เกิดเหตุได้ไหมคะ” ซย่าชิงอีเอ่ยถาม  

 

 

จางหยางลังเลใจชั่วครู่แต่ก็ยอมส่งรูปในเอกสารส่งให้เธอดู  

 

 

เธอรับรูปมาตรวจดูอย่างละเอียด เลือดไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณเหมือนกับคดีที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ถูกฆ่าปาดคอ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยฉีกขาด บ่งบอกว่าเหยื่อถูกล่วงละเมิดตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่  

 

 

“คุณไม่กลัวรูปพวกนี้บ้างเลยเหรอครับ” เขาถามขึ้นขณะมองท่าทีที่ไม่เปลี่ยนไปเลยของเธอ เธอเพียงมองรูปอย่างจดจ่อ ทำให้รู้สึกทึ่งเล็กน้อย แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อมองรูปในที่เกิดเหตุพวกนี้ ตัวเขาเองตั้งแต่เข้ามาทำคดีฆาตกรรมกว่าจะชินกับมันก็ใช้เวลาไม่น้อย  

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา ส่งยิ้มอ่อนให้ “มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่รูปคนตายน่ะ”  

 

 

เขาปิดปากเงียบ มองเธอพลิกรูปดูไปมา คิดถึงสิ่งที่หัวหน้าเคยบอกเขาไว้ว่ามีคนบางประเภทที่มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเหมาะสมจะทำอะไร   ทุกสิ่งที่เขาทำแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดา ความสามารถพิเศษที่ต่อให้คนอื่นฝึกฝนทั้งชีวิตขนาดไหนก็ไม่สามารถเทียบได้  

 

 

“มีอะไรผิดปกติในรูปบ้างไหมครับ” เขากล่าว  

 

 

เธอวางรูปลง หยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะมาดื่ม ก่อนหันไปสบสายตาที่มีความหวังของอีกฝ่าย “ไม่เลยค่ะ”  

 

 

เขาเอนตัวไปด้านหลังอย่างพูดไม่ออกขณะที่จ้องมองเธอ “คุณไม่พบเบาะแสอะไรเลยทั้งที่ดูรูปนานขนาดนั้นเนี่ยนะครับ”  

 

 

เธอยกไหล่ “ไม่เลยค่ะ ดูจากรูปก็ไม่ได้แตกต่างจากคดีที่มหาวิทยาลัยนัก ต่างแค่ที่เกิดเหตุก็เท่านั้น”  

 

 

“คุณคิดว่านี่มันเรื่องปกติหรือครับ! ” เขากลอกตามองเธอ  

 

 

จากนั้นเขากก็เก็บรูปเข้ากระเป๋าอย่างไม่สบอารมณ์นัก จางหยางคิดว่าเธอจะเจอเบาะแสใหม่เข้าเสียอีก เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองคิดผิดที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอ  

 

 

“ทั้งสองคดีเกิดห่างกันแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ถ้าเป็นฆาตกรคนเดียวกันจริง เขาจะไม่ใจร้อนไปสักหน่อยเหรอ” ซย่าชิงอีกพูดขึ้นกับตัวเอง  

 

 

จางหยางก้มมองนาฬิกา ใกล้เวลาที่เขาต้องกลับไปประชุมที่สถานีตำรวจแล้ว เขาลุกขึ้นเตรียมตัวจะออกไป ทว่าเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็เรียกเขาไว้ “ระวังด้วยนะคะ มีโอกาส… ฉันหมายถึงอาจจะ…เกิดคดีแบบนี้ขึ้นอีกน่ะค่ะ”  

 

 

อีกฝ่ายท่าทีเคร่งขรึม “คุณรู้ได้ยังไงครับ”  

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าต้องสืบคดีนี้อย่างไรหรอกค่ะ แต่ดูจากรูปแล้ว ฉันคิดว่าฆาตกรต้องมีปัญหาทางจิตแน่ เขาเกลียดผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่สวยและอายุยังน้อย เป็นคนใจร้อน แล้วก็คงกำลังคิดจะก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง”  

 

 

จางหยางว่าอย่างสงสัย “คุณพูดจริงเหรอ”  

 

 

“มีโอกาสประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”  

 

 

“คุณมีอะไรแนะนำอีกไหมครับ”  

 

 

“คุณลองหาเบาะแสจากโรงพยาบาลดูนะคะ”  

 

 

เขาอยากจะถามให้มากกว่านี้แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขัดขึ้นก่อน เธอลุกยืนพร้อมกระเป๋าในมือ ส่งสัญญาณบอกเขาว่าเธอต้องไปแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งเรื่องไว้อย่างนี้และกลับไปที่สถานีตำรวจพร้อมสมุดในมือ  

 

 

เป็นสายจากโม่หัน ซย่าชิงอีกดรับสายขณะที่เดินออกจากร้าน “มีอะไรเหรอคะพี่”  

 

 

[เธออยู่ที่ไหน]  

 

 

“ข้างนอกมหาวิทยาลัยค่ะ เจ้าหน้าที่คนเดิมเมื่อหลายวันก่อนต้องการหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีน่ะค่ะ”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 48 เธอเป็นผู้หญิงขายตัว  

 

 

โม่หันขมวดคิ้ว [ไม่ได้ปิดคดีไปแล้วหรอกเหรอ]  

 

 

“มีคดีที่คล้ายๆ กันเกิดขึ้นน่ะค่ะ เขาเลยมาถามเบาะแสเพิ่มเติมจากฉัน”  

 

 

[คืนนี้เธอมีเรียนไหม เลิกเรียนแล้วกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านด้วย] เขาเอ่ยขึ้น  

 

 

“กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านเหรอคะ วันนี้พี่เลิกงานเร็วเหรอ” เธอกล่าวด้วยเสียงประหลาดใจปนยินดี สำหรับเธอน้อยคืนนักที่เขาจะไม่ทำงานล่วงเวลา บ่อยครั้งจึงต้องกินข้าวเย็นที่มหาวิทยาลัย  

 

 

[ใช่ ช่วงนี้คดีที่ต้องทำไม่เยอะมากเลยได้กลับบ้านเร็วหน่อย เธออยากกินอะไรไหม] เขาวางคอมพิวเตอร์ลงบนเบาะหลังรถ สวมเข็มขัดนิรภัยและหูฟัง เตรียมตัวขับรถกลับบ้าน  

 

 

เธอหัวเราะคิกคัก “อะไรก็ได้ค่ะ เอาที่กินแล้วอิ่มท้องก็พอ”  

 

 

อีกฝ่ายชินกับรสชาติอาหารที่เธอชอบแล้ว เธอเป็นคนกินง่ายและไม่เลือกกิน ทำให้บางครั้งรู้สึกราวกับกำลังเลี้ยงเด็กว่านอนสอนง่ายคนหนึ่งมากกว่าน้องสาว  

 

 

[อย่าลืมกลับมาบ้านเร็วๆ ล่ะ] เขาเพิ่งนึกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่พูดอะไรแบบนี้กับใครสักคน  

 

 

“ค่ะ จะรีบกลับนะคะ” เธอตอบเสียงหวานกับคนปลายสาย  

 

 

จริงๆ แล้วเธอเองแอบสนใจคดีที่จางหยางทำอยู่ หากแต่สิ่งที่เธอสนใจกลับไม่ใช่การตามหาตัวฆาตกร แต่เป็นเหตุจูงใจที่ทำให้ฆาตกรลงมือฆ่าเหยื่อที่เป็นคนแปลกหน้าต่างหาก จากวิธีการลงมือของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่น่ากลัวและควรอยู่ให้ห่างเอาไว้ เขารู้วิธีการใช้เครื่องมือธรรมดาในการฆ่าคนในเวลาเพียงสั้นๆ เพื่อเป้าหมายของเขา  

 

 

เวลาเกิดเหตุล้วนเป็นช่วงกลางคืน ที่เกิดเหตุแรกคือสวนในมหาวิทยาลัย ที่ต่อมาคือบนท้องถนนใหญ่ ล้วนเป็นที่ที่พลุกพล่านไปด้วยคน เขาคงอยากอวดให้คนรู้ถึงความสำเร็จในการลงมือของตัวเอง ด้วยการฆ่าปาดคอให้เลือดสาดกระจายไปทั่วพื้น เป็นไปได้ว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจ  

 

 

บ่อยครั้งที่ฆาตกรเป็นเพียงคนธรรมดาที่ปะปนในฝูงชน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมในชีวิตจริงจึงต้องสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความตื่นตระหนกในที่สาธารณะ  

 

 

การเห็นเหยื่อใต้ร่างดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยความเจ็บปวดคงทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ  

 

 

มีไม่กี่ประเด็นที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้  

 

 

เหยื่อทั้งหมดมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมเขาจึงเลือกแต่เหยื่อที่เป็นเด็กสาว นั่นคือสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่ จนกระทั่งตอนนี้ ข้อมูลที่เธอรู้จากที่เกิดเหตุก็ยังน้อยเกินกว่าจะไขคดีปริศนานี้ได้ เธอต้องรอจนกว่าฆาตกรลงมือพลาด  

 

 

วันต่อมาที่มหาวิทยาลัย ซย่าชิงอีนั่งอยู่กลางห้อง ได้ยินเพื่อนร่วมชั้นบางคนข้างๆ เธอกำลังพูดคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน  

 

 

“ได้ยินมาว่าเธอตายทรมานมาก ถูกฆ่าปาดคอ แถมเสื้อผ้าก็ถูกฉีกจนหลุดลุ่ยไปหมด! ” จงเหวินจิ้งพึมพำ  

 

 

เธอยิ้มเงียบๆ ก้มลงอ่านหนังสือในมือ ข่าวลือเกินจริงมากโข  

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นเรียนอยู่ที่สถาบันศิลปะ ครอบครัวของเธอเสียสติหลังจากรู้ว่าเธอเสียชีวิตแล้วไปเลยล่ะ พวกเขาไม่ยอมฝังศพเธอ ยืนยันจะรอจนกว่าจะหาตัวฆาตกรได้ถึงจะยอมทำพิธีศพให้เธอ”  

 

 

“ใช่ๆ แฟนหนุ่มของเธอเป็นคนเดียวที่ดูไม่เสียใจกับการจากไปของเธอเลย แค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ไปเริงร่ากับผู้หญิงคนอื่นแล้ว! จริงๆ นะ! ”  

 

 

“เฮ้ๆๆ … มีข่าวลือด้วยล่ะ! มาฟังกันทางนี้สิ! ”  

 

 

“ข่าวลืออะไรล่ะ อย่าเงียบไปสิ! รีบๆ เล่ามา! ”  

 

 

“พวกนายรู้ไหม จริงๆ แล้วผู้หญิงที่โดนฆ่าเป็นผู้หญิงขายตัวแหละ! เธอนอนกับผู้ชายนับไม่ถ้วนมานานแล้ว! ”  

 

 

“จริงๆ นะ! ฉันยืนยันได้! มิน่าล่ะ เพื่อนร่วมห้องของเธอถึงบอกว่าเธอไม่ค่อยกลับมานอนที่ห้อง เธอคงออกไปหาเงินข้างนอกอยู่! ” เด็กสาวข้างซย่าชิงอีหัวเราะเยาะขึ้น  

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset