ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 51 ไปนอนก่อนนะ / ตอนที่ 52 อ้อมแขนบนเอวของเธอ

ตอนที่ 51 ไปนอนก่อนนะ

 

 

โม่หันกลับมาถึงบ้านราวๆ สี่ทุ่ม ในมือถืออาหารที่ซื้อมาจากร้านค้าใกล้ๆ สำนักงาน ตอนแรกตั้งใจจะซื้อแค่ในส่วนของซย่าชิงอี แต่สุดท้ายก็ซื้อมาอีกที่จนได้ เขาชักเจริญอาหารมากขึ้นตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน

 

 

เมื่อเดินไปตามทางเดินและเปลี่ยนเป็นรองเท้าเดินในบ้าน เขาก็เห็นเธอในชุดนอนตัวโคร่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเผยให้เห็นเรียวขาเล็ก ซย่าชิงอีเอนตัวพิงกับโซฟาขณะที่ดูโทรทัศน์อยู่

 

 

“นั่งบนพื้นไม่เย็นบ้างเหรอ” เขาวางอาหารลงบนโต๊ะ

 

 

ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าอาหารของเธอมาถึงแล้ว “ไม่เลยค่ะ สบายดีออก” ก้าวเดินมาที่โต๊ะกินข้าวและเปิดกล่องอาหาร “พี่ไม่คิดว่าซื้อมาเยอะเกินไปหน่อยเหรอคะ”

 

 

“พี่จะกินด้วย”

 

 

อีกฝ่ายมองเขาแวบหนึ่งก่อนฉีกยิ้มกว้าง “ดีเลยค่ะ กินเป็นเพื่อนฉัน มากินด้วยกันนะคะ”

 

 

เขาถอดเนกไทด้วยมือเพียงข้างเดียว ปลดกระดุมตรงปลายแขนเสื้อพลางเดินไปที่ห้องนอน “เดี๋ยวก่อน วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ พี่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

 

 

ซย่าชิงอีจ้องมองกล่องอาหารที่เปิดทิ้งไว้ “เร็วๆ นะคะ! ”

 

 

เมื่อโม่หันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเสร็จก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว เธอถือตะเกียบไว้ในมือพร้อมจ้องอาหารตาเป็นมัน

 

 

“ลงมือกินกันเถอะ” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ซย่าชิงอีก็ขยับตัวไปจัดการอาหารตรงหน้าแล้ว

 

 

เห็นท่าทางหิวโหยของเธอแบบนั้น เขาก็หัวเราะกับตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นและเริ่มกินเช่นกัน

 

 

เวลาที่เธอกินอาหาร เจ้าตัวมักไม่สนใจคนรอบข้างและไม่ค่อยพูดอะไร เอาแต่ตักอาหารเข้าจนเต็มปากแก้ม ดวงตากลมโตเหมือนกับสัตว์ตัวเล็กๆ ที่กำลังหิวโหยอยู่

 

 

“ค่อยๆ กินสิ ไม่มีใครมาแย่งเธอกินหรอกนะ”

 

 

“ฉันไม่ได้กินข้าวเย็นมานี่คะ หิวมาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว” เธอมุ่ยหน้า

 

 

“ทำไมเธอไม่หาข้าวเย็นกินล่ะ”

 

 

“เพราะคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนั่นแหละค่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยมาถามฉันเกี่ยวกับคดีอีกครั้งเพราะฉันเป็นคนโทรไปแจ้งเหตุ ฉันเลยไปกินข้าวไม่ได้ยังไงล่ะคะ”

 

 

“เธอแค่ต้องบอกทุกอย่างที่เธอรู้กับเขา พี่รู้จักเจ้าหน้าที่หลายคนที่นี่ ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายใจ พี่บอกให้พวกเขาไปหาเธอให้น้อยลงได้นะ”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักคดีก็น่าจะคลี่คลายแล้วล่ะ”

 

 

คนฟังเงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามองเธอที่กินอาหารอย่างจริงจัง “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

 

 

เธอสบตาเขาก่อนพูดขึ้นเสียงเรียบ “มันน่าจะจบในเร็วๆ นี้แหละค่ะ ช่วงหลังมานี้ทางตำรวจไม่ได้ดำเนินการอะไรมากเท่าไหร่”

 

 

เขาอยากจะถามให้มากขึ้น แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจดจ่อกับอาหารตรงหน้าก็ก้มหน้าลงกินอาหารต่อ

 

 

หลังจากทั้งคู่กินอาหารเสร็จ เด็กสาวหยิบจานชามไปล้างก่อนค่อยๆ เดินตรงไปยังห้องนอนของอีกคนกระชับพรมผืนนุ่มไว้ในมือเหมือนปกติ ขณะที่เขาหยิบแล็ปท็อปไปที่อีกห้องเพื่อทำงานที่ยังค้างอยู่

 

 

“พี่ ฉันไปนอนก่อนนะคะ” เธอตะโกนบอกจากทางประตูห้องนอน

 

 

เขาไม่ได้ตอบกลับไป รู้ว่าคงไม่มีทางที่จะไปเปลี่ยนนิสัยที่ชอบมานอนบนพรมในห้องนอนเขาได้ เธอมักจะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อโน้มน้าวให้ยอมทำตามที่เธอต้องการอยู่เสมอ

 

 

และเขาก็รู้ว่าตัวเองเริ่มที่จะยอมรับนิสัยแปลกๆ ของอีกฝ่ายเข้าเสียแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 52 อ้อมแขนบนเอวของเธอ

 

 

“เธอเก็บของเสร็จหรือยัง กำลังจะสายแล้วนะ! ” เช้าวันถัดมา โม่หันยืนอยู่ข้างรถในชุดสูทสีกรม เขามองนาฬิกาขณะตะโกนบอกซย่าชิงอีที่ค่อยๆ ยืดยาดเก็บของลงกระเป๋าอยู่ในบ้าน

 

 

“เสร็จแล้วค่ะๆ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ! ” เธอถือบางอย่างไว้ในมือขณะที่รื้อของบนโซฟา มองหาหนังสือเรียนที่วางทิ้งไว้

 

 

“พี่ เห็นหนังสือของฉันบ้างไหม” เธอหาที่ไหนก็ไม่เจอเสียที

 

 

“เมื่อวานพี่วางไว้บนโต๊ะให้ ไม่เห็นเหรอ”

 

 

เธอมองตามไปที่โต๊ะ คว้าหนังสือก่อนรีบออกไปที่ประตู เปลี่ยนรองเท้าอย่างรีบเร่ง หยิบกระเป๋าก่อนล็อกประตูบ้านแล้ววิ่งไปหาอีกฝ่าย

 

 

“ถ้าเธอตื่นเช้ากว่านี้หน่อยคงไม่ต้องรีบแบบนี้หรอก” เขาเอ่ยขึ้นพลางพิงตัวกับกระจกรถ

 

 

“ถึงอยากตื่นฉันก็ตื่นไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอพึมพำเมื่อเดินมาถึงตัวเขา วางหนังสือที่ถือไว้ในมือลง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนหันมาหยิบขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ขณะที่เธอก้มตัวลง สายตาของเขาบังเอิญมองค้างอยู่ที่เอวซึ่งโผล่พ้นร่มผ้าออกมา อยากจะหันไปอีกทางในคราแรก แต่เขากลับเหลือบเห็นบางอย่างผิดปกติ

 

 

ซย่าชิงอีหยิบหนังสือและในจังหวะที่จะยืดตัวขึ้นก็เหมือนมีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลัง เธอรู้สึกถึงสัมผัสที่เอว นิ้วนั้นลูบอย่างแผ่วเบาไปตามผิวของเธอ เธอชะงักไปก่อนหันไปมองผ่านไหล่และพบว่าเป็นโม่หันที่ยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขากำลังจ้องมาที่เอวของเธอ

 

 

“มีอะไรเหรอคะ” เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

“รอยบนเอวของเธอมาจากไหนเหรอ” เขากล่าวเสียงเย็น

 

 

คนถูกถามดึงชายเสื้อและหันคอไปมองแต่เธอก็มองไม่เห็นอะไร “อะไรเหรอคะ รอยแผลเป็นเหรอ”

 

 

เขาปล่อยมือที่จับเอวของเธออยู่ “น่าจะเป็นรอยสักนะ”

 

 

เจ้าของเอวมุ่นคิ้วก่อนพยายามเอี้ยวคอไปมอง “รอยสักเหรอ ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเลยล่ะ รอยสักอะไรเหรอคะ”

 

 

เขาเอ่ยเสียงนิ่ง “เป็นแผ่นหลังของผู้ชายกับตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า C&L”

 

 

เมื่อได้ยินตัวอักษรสองตัวนั้น เธอก็นิ่งงันไป ภาพบางอย่างฉายแวบเข้ามาในหัว

 

 

ภาพผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอกำลังไล้นิ้วไปตามผิวบริเวณเอวของเธอ

 

 

เด็กสาวรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงเมื่อได้ยินตัวอักษรนั้น ในตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกราวกับจมลงในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล

 

 

มันต้องเป็นความทรงจำส่วนสำคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้นร่างกายของเธอคงไม่ตอบสนองแบบนี้

 

 

โม่หันเห็นเธอนิ่งคิดไปจึงเอ่ยถามขึ้น “เธอจำบางอย่างได้เหรอ”

 

 

หันมามองเขา พยักหน้ารับก่อนส่ายหน้าตามมา ตอบกลับเสียงเบา “นิดหน่อยน่ะค่ะ”

 

 

เขาก้มมองเวลาอีกครั้ง “ไปกันเถอะ ถ้าไม่รีบไปตอนนี้เราจะสายแล้วนะ”

 

 

ภายในรถ ซย่าชิงอีพิงศีรษะกับกระจกคิดถึงภาพที่โผล่เข้ามาในหัว ตั้งแต่ที่เธอสูญเสียความทรงจำจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอจำภาพในอดีตของตัวเองได้ และมันทำให้ยิ่งสงสัยมากขึ้น ตลอดเวลาที่เธออยู่อย่างสะดวกสบายที่บ้านโม่หันในฐานะน้องสาวของเขา ทำให้เธอลืมไปเสียสนิทว่าเธอเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลโดยที่จำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้สักนิด

 

 

เธอเป็นใครในอดีตกันนะ อยากจะรู้เหลือเกิน

 

 

อยากรู้ว่าครอบครัวเป็นอย่างไร อยากรู้ว่ามีเพื่อนแบบไหน อยากรู้ว่าอยู่อย่างไร อยากรู้ว่าทำไมถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้

 

 

อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง

 

 

และอยากรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ไม่มีตัวตนทั้งตอนนี้และในอดีต

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset