ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 61 ผู้ต้องสงสัย / ตอนที่ 62 ฉันรักคุณ

ตอนที่ 61 ผู้ต้องสงสัย

 

 

“ฉันคิดมาสักพักแล้ว” เธอกล่าวอย่างสับสนในตัวเอง “พี่เห็นฉันเป็นภาระมาตลอด หลังจากความทรงจำของฉันกลับมา พี่ก็จะทิ้งฉันไป พี่อาจจะไม่รอจนฉันจำทุกอย่างได้ด้วยซ้ำ”

 

 

โม่หันว่าเสียงแข็ง บุหรี่ในมือดับลงอย่างไม่รู้ตัว “มันเป็นความผิดของพี่เองที่ไม่ได้บอกเรื่องของเธอให้พ่อแม่และเฉินโหรวรู้ แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน ไว้มีเวลาพี่จะอธิบายให้เธอฟัง”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไรกับฉันหรอก”

 

 

ซย่าชิงอีรู้สึกไร้หนทางอย่างหมดหวังโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้รู้สึกมากมายเท่านี้ เมื่อได้ยินคนพูดกันว่าโม่หันเป็นคนใจดำและเถรตรงเกินไป แต่หลังจากที่รู้ว่าเขาไม่เคยบอกเรื่องเธอกับใครเลยทำให้คิดได้ว่าเขาคงเตรียมตัวส่งและทิ้งเรื่องเกี่ยวกับเธอไปได้ทุกเวลา

 

 

“แฟนของพี่กลับมาแล้ว ฉันจะไม่เข้าไปในห้องนอนของพี่อีก และจะไม่นอนข้างในแล้วด้วย ฉันรบกวนพี่มามากพอแล้ว”

 

 

คนฟังไม่พอใจที่เธอทำน้ำเสียงเหินห่างอย่างนั้น “เธอไม่ได้บอกเองหรือว่านอนในห้องนอนแขกไม่ค่อยหลับ”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันคงชินแหละ” เธอเอ่ยสำทับ “มีอะไรอีกไหมคะ ฉันจะกลับไปนอนแล้ว”

 

 

แม้จะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับมา หันเดินออกไปทันทีหลังจบประโยคพร้อมกับแก้วน้ำในมือ

 

 

เขารู้ว่าคงป่วยการที่จะพูดสิ่งใดกับเธอที่กำลังโกรธอยู่จึงนิ่งเงียบไป ไว้เขาจะหาเวลาอธิบายเรื่องนี้กับเธอทีหลัง

 

 

โม่หันไม่อาจสงบใจลงได้หลังจากที่เธอเดินจากไป เขาทิ้งบุหรี่ที่ดับแล้วในมือก่อนหยิบมวนใหม่ขึ้นมาจุดสูบ

 

 

คนที่เพิ่งเดินจากมากลับมาที่ห้องนอนแขก เธอเอื้อมมือไปปิดไฟขณะนั่งลงบนพื้นและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ นี่ส่งให้นอนหลับไม่ลงอีกต่อไป แต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

 

 

“สวัสดีค่ะ” เอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิดเล็กๆ

 

 

[ผมเจ้าหน้าที่จางหยางเองครับ] น้ำเสียงดีใจดังขึ้นมาจากปลายสาย

 

 

“ฉันทราบค่ะ”

 

 

[คุณอ่านข้อความที่ผมส่งไปเมื่อวันก่อนหรือยังครับ]

 

 

“ข้อความอะไรคะ”

 

 

[ผู้ต้องสงสัยให้การสารภาพออกมาหลังจากที่ถูกสอบสวนแค่ไม่กี่นาทีครับ ผมทำตามวิธีของคุณในการล่อให้เขาพูดออกมา ไม่คิดว่าเขาจะสติแตกและหลุดพูดออกมาจริงๆ เราตามเบาะแสไปก่อนจะเจอหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้]

 

 

“อ้อ ข้อความนั้นฉันเห็นแล้วค่ะ”

 

 

[ผมอยากโทรหาคุณก่อนหน้านี้ แต่หลังจากจับเขาได้ก็ยุ่งจนลืมโทรบอกคุณไป]

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทำงานของคุณไปเถอะ” เธอยังคงกล่าวอย่างเรียบเฉย

 

 

จางหยางอยากขอบคุณเธอ หากไม่ได้การสันนิษฐานของเธอ คงไขคดีไม่ได้ง่ายๆ เช่นนี้ [ให้ผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ ผมอยากขอบคุณที่ช่วยสืบคดีน่ะครับ]

 

 

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เธอปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเล

 

 

[คุณ…] เขาตั้งใจจะโน้มน้าวแต่เธอเอ่ยขัดขึ้นก่อน “วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว ไว้คุยเรื่องนี้กันวันหลังแล้วกันนะคะ”

 

 

[ทำไมคุณถึง…] ไม่ทันที่คนพูดจะกล่าวจบ สายก็ถูกตัดไปเสียก่อน

 

 

เขานิ่งอึ้งไปก่อนส่ายหัวแล้วปิดโทรศัพท์ของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 62 ฉันรักคุณ

 

 

เฉินโหรวยังคงตื่นอยู่เมื่อโม่หันกลับเข้าไปในห้อง ท่าทางอารมณ์ดีขณะนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงของเขา

 

 

“ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ล่ะคะ” เธอทำหน้ามุ่ย วางโทรศัพท์ลงพลางมองมาที่เขา

 

 

โม่หันนั่งลงบนเตียงด้านหนึ่ง ถอดนาฬิกาวางไว้บนชั้น “พอดีนึกได้ว่ามีงานค้างอยู่น่ะ”

 

 

เธอกอดเขาจากด้านหลัง กระชับอ้อมแขนรอบลำคอของเขาพลางกดจูบลงบนแก้ม “ทำไมคุณยังทำตัวเหมือนเดิมอยู่ล่ะคะ เอาแต่คิดถึงแต่เรื่องงาน”

 

 

อีกฝ่ายแสดงออกชัดถึงความเหนื่อยล้าขณะที่ขยับตัวออกห่างอย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ”

 

 

“ฉันรอคุณอยู่ค่ะ” เฉินโหรวฉีกยิ้มก่อนเคลื่อนตัวเข้าไปหวังจูบบนริมฝีปากแต่กลับถูกเขาผลักออกทันที “วันนี้ผมเหนื่อย อยากนอนแล้ว”

 

 

เธอมีท่าทีไม่สบอารมณ์นักขณะปล่อยมือจากเขา พิงตัวกับหัวเตียง “นี่คือสิ่งที่คุณทำกับฉันหลังจากฉันข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกาเหรอ! ”

 

 

“คุณไม่ควรทำแบบนั้นเมื่อก่อนหน้านี้” เขาตอบกลับ

 

 

เธอขยับพิงกำแพง กอดอกพลางมุ่นคิ้วน้อยๆ “ฉันก็ขอโทษเธอไปแล้วไงคะ คุณอยากให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ” มองแผ่นหลังของเขาด้วยความงุนงง “ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าทำไมถึงไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงน้องสาวบุญธรรมมาก่อนเลยนะ”

 

 

“ผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เหมือนกัน” อีกคนตอบกลับอย่างเฉยชา “เธอบินมาตามหาผมจากอเมริกาคนเดียว”

 

 

“แล้วคุณก็ให้เธออยู่ที่บ้านเนี่ยนะ ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณใจดีขนาดนี้ เธอเป็นแค่คนแปลกหน้าด้วยซ้ำ อย่าบอกฉันนะว่าคุณก็ดูแลเธอเหมือนน้องสาวจริงๆ น่ะ”

 

 

“ก็เธอเป็นน้องสาวของผมนี่” น้ำเสียงของเขาฉายแววต่อว่าคำถามที่ใจแคบนั้น

 

 

“เป็นน้องสาวแล้วยังไงคะ คุณทะเลาะกับฉันเพราะเธอทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งกลับมาถึงนะคะ” เธอรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ไม่ยอมอ่อนข้อให้

 

 

โม่หันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นและเอ่ย “ผมจะไปอาบน้ำแล้ว ถ้าคุณง่วงก็นอนก่อนได้เลย”

 

 

ถึงอย่างนั้นเฉินโหรวก็ยังไม่หลับเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอนั่งอยู่ท่าเดิมและจ้องมองที่เขาอย่างเงียบๆ

 

 

คนที่ถูกจ้องทำเพียงเอื้อมมือไปปิดไฟก่อนเอนหลังนอนด้านหนึ่งของเตียง ดึงผ้าห่มคลุมตัว ในจังหวะนั้นเอง อีกฝ่ายขยับตัวเข้ามากอดเขาไว้แน่น ถ้าเขาขยับตัวเพียงนิดเดียว เธอก็จะกอดเขาแน่นขึ้นให้เขาอยู่นิ่งๆ จึงตัดสินนอนนิ่งๆ แทน

 

 

“โม่หัน อย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ นะคะ” เธอกระซิบเสียงแผ่วเบาในความมืด

 

 

“ฉันรักคุณนะ อย่าห่างกันไปไกลอีกเลยนะคะ อย่าแยกจากกันอีกเลยค่ะ” เสียงพึมพำของเธอดังขึ้นขณะที่ซุกกายลงบนอกของเขา

 

 

มนุษย์มักจะหลอกตัวเองเพื่อหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น มักสร้างภาพลวงตาเพื่อบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ

 

 

ไม่ใช่พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากแต่เพียงไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงต่างหาก

 

 

เฉินโหรวพยายามหลีกหนีความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่หันเริ่มแตกร้าวกันมานานแล้ว

 

 

เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงข้อนั้น เพราะหากทำเช่นนั้นหมายความว่าเธอต้องจากเขาไปตลอดกาล อย่างรู้ดีว่าเขาจะไม่ย้อนกลับมาหากเขาตัดสินใจลงไปแล้ว

 

 

เมื่อโม่หันออกมาจากห้องของเขาหลังจากตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ก็เห็นซย่าชิงอีที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะกินข้าว

 

 

“ทำไมวันนี้ตื่นเช้านักล่ะ” เขาก้าวทั้งผมที่ยุ่งเหยิงไปหาอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดอยู่บ้านของเขา

 

 

“อืม ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วนอนต่อไม่หลับน่ะค่ะ” เธอไม่ได้หันมามองเขาสักครั้ง เอาแต่ก้มหน้ากินแซนด์วิชที่ลุกขึ้นมาทำเองต่อ

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset