ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 71 ฉันอยากลาออก / ตอนที่ 72 ทำไมถึงทะเลาะ

ตอนที่ 71 ฉันอยากลาออก

 

 

เด็กสาวคนอื่นที่เคยเข้าข้างเธอมองคนที่เรียกว่าเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินสิ่งที่ซย่าชิงอีพูดออกมา

 

 

“เธอรู้ดีว่าฉันพูดถึงอะไรอยู่” ซย่าชิงอีเอ่ยขึ้น “มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันไม่มีเหตุผลจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้อีก ตอนที่เห็นครั้งแรก ฉันอยากจะเตือนให้ระวังตัวไว้สักหน่อย การไปเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวของใครไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ตัวได้ด้วยการยืนกรานปฏิเสธหากมีคนอื่นรู้เข้าเท่านั้นหรอกนะ”

 

 

ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดลงกับคำพูดของเธอ “เธอเห็นอะไร”

 

 

“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ของบางอย่างที่เขาซื้อให้เธอน่ะ”

 

 

ซย่าชิงอีทนกับความเวียนหัวขณะก้าวไปตรงหน้าเธอ ก้มหน้าลงกระซิบเยาะเย้ยเสียงแหบ “ครั้งหน้าอย่าลืมเก็บให้ดีๆ ล่ะ”

 

 

เธอเมินสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฝั่งตรงข้ามก่อนก้มลงหยิบขวดยาที่หล่นลงพื้นก่อนหน้านี้แล้วเดินผ่านหน้าพวกเธอไปเงียบๆ

 

 

หลังจากนี้ไป พวกเธอไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป

 

 

สุดท้ายเธอก็ยังคงต้องอยู่คนเดียว

 

 

ซย่าชิงอีออกจากมหาวิทยาลัยทันที เธอไม่รู้ว่าเพราะอาการหวัดหรือเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอไม่มีแรงเหลืออยู่เลยสักนิด ต้องการหาสักที่ที่สามารถนอนได้ เมื่อคิดดังนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอาจารย์ ขณะเดินไปตามถนนอย่างมึนงง “สวัสดีค่ะอาจารย์ ฉันคิดว่าคงเรียนต่อไม่ไหวแล้วน่ะค่ะ”

 

 

[อ่า?] ปลายสายนิ่งเงียบไป

 

 

“อีกอย่างฉันจะลาออกด้วย หรือไม่ก็อาจจะเปลี่ยนไปเรียนสาขาอื่นแทน ฉันจะไปดำเนินการให้เรียบร้อยวันพรุ่งนี้นะคะ”

 

 

อีกฝั่งเงียบอย่างยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

“เป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวที่ฉันบอกไม่ได้ค่ะ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะ”

 

 

จังหวะที่อีกฝ่ายเอ่ยปากจะถามต่อ เธอก็รีบพูดตัดบท “ขอบคุณนะคะอาจารย์ ลาก่อนค่ะ”

 

 

อาจารย์เพิ่งจะรู้สึกตัวหลังจากสายถูกตัดไป เธอคิดถึงสิ่งที่ซย่าชิงอีเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้และรีบหาว่าเกิดอะไรที่ทำให้เด็กสาวว่าแบบนั้น

 

 

ชั่วโมงถัดมาหลังจากถามจากนักเรียนในชั้น เธอก็รู้ว่าซย่าชิงอีทะเลาะกับเด็กสาวคนอื่นในชั้นเรียนที่ริมถนน เธอรู้ว่าพวกเขาทะเลาะกันแต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเหตุผลอะไร

 

 

เด็กสาวที่ซย่าชิงอีทะเลาะด้วยเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด เธอไม่ยอมพูดอะไรนอกจากบอกว่าอีกฝ่ายดึงเธอเข้าไปตบ ไม่แม้แต่จะพูดถึงเหตุผลที่ทำให้ทะเลาะกัน เพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างเธอก็เช่นกัน พวกเขาเอาแต่ตกใจที่อาจารย์อย่างเธอเข้ามาถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ส่วนใหญ่พวกเขาบอกว่าเป็นเหตุผลส่วนตัวเมื่อเธอเค้นถาม

 

 

เธอรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วต้นเหตุของเรื่องอย่างซย่าชิงอีก็ยังติดต่อไม่ได้ อีกทั้งยังไม่รู้จะไปตามตัวได้ที่ไหน เธอรีบโทรหาโม่หันซึ่งเป็นคนเดียวที่ซย่าชิงอีรู้จักด้วยกังวลว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเด็กสาวเพราะเจ้าตัวดูไม่ค่อยสบายนัก

 

 

โม่หันได้รับสายโทรศัพท์จากอาจารย์สาวระหว่างการประชุม หน้าจอแสดงเบอร์ที่ไม่รู้จักขณะที่เขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้

 

 

ทีแรกเขาอยากจะไม่สนใจ แต่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามาหามากกว่าห้าครั้ง เขาจึงโทรกลับ

 

 

[สวัสดีค่ะ คุณใช่โม่หัน พี่ชายของซย่าชิงอีหรือเปล่าคะ]

 

 

“ครับ ผมเอง”

 

 

ปลายสายเอ่ยขึ้น [ขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ ทนายโม่ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับน้องสาวของคุณที่มหาวิทยาลัยค่ะ เธอหนีออกไปและเรายังตามหาเธอไม่เจอ ฉันเลยโทรมาหาคุณ คุณพอจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนไหมคะ]

 

 

ทันทีที่โม่หันได้ยินแค่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับซย่าชิงอี คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าด้วยกันแน่น “เกิดอะไรขึ้นกับเธอครับ”

 

 

[เธอทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนน่ะค่ะ เธอโทรมาบอกฉันว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ]

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 72 ทำไมถึงทะเลาะ

 

 

“ทำไมเธอถึงทะเลาะกับคนอื่นล่ะครับ” โม่หันรู้สึกว่าเธอทำเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่นักที่เธอจะทะเลาะกับคนอื่น ต้องมีบางอย่างที่ทำให้ซย่าชิงอีเกิดตบะแตกขึ้นมาแน่

 

 

[ฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เด็กสาวที่เธอทะเลาะด้วยเอาแต่ร้องไห้และไม่ยอมบอกเหตุผลที่ทะเลาะกัน เพื่อนร่วมชั้นบอกเพียงแต่ว่าเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างพวกเขาสองคน วันนี้น้องสาวของคุณก็ดูอารมณ์ร้อนด้วยค่ะ]

 

 

“ความแค้นส่วนตัวอะไรของพวกเขากัน ไปแค้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่” โม่หันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็รู้ว่าไม่ยุติธรรมที่จะสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นจากการฟังความข้างเดียวโดยไม่ได้ถามว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

อาจารย์สาวเริ่มกลัวน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาของเขา เธอได้ยินมาว่าทนายโม่เป็นคนเย็นชาที่ขี้หงุดหงิด เธอรู้สึกสั่นเพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาผ่านโทรศัพท์และเริ่มที่จะตื่นตระหนกมากขึ้น [อย่าเพิ่งโกรธเลยนะคะ ทนายโม่ เรากำลังตามหาน้องสาวของคุณอยู่ และเราจะชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คุณทราบหลังจากที่หาตัวเธอพบค่ะ]

 

 

“เธอหายไปนานหรือยังครับ”

 

 

[ฉันคิดว่าตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วค่ะ]

 

 

“ตั้งแต่ช่วงบ่าย! แล้วทำไมทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจะโทรมาแจ้งผมตอนนี้! วันนี้เธอป่วยนะครับ คุณจะรอโทรหาผมให้ไปรับเธอที่สถานีตำรวจหลังเกิดเรื่องข้างนอกขึ้นกับเธอทีเดียวเหรอ!” โม่หันอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง ขณะที่อาจารย์สาวอีกฝั่งหนึ่งเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว

 

 

[ฉันขอโทษค่ะ! ฉันขอโทษ! เราจะตามหาตัวเธอให้พบให้เร็วที่สุดนะคะ] ปลายสายกล่าวขอโทษ

 

 

เขาสูดหายใจลึกหลังรู้สึกตัวว่าเขาเผลอโมโหออกไป “ผมจะไปตามหาเธอและถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะให้เธอขอโทษถ้าเป็นความผิดของเธอ แต่ถ้าเป็นความผิดของคนอื่น ผมก็หวังว่าคุณจะทำแบบนั้นเช่นเดียวกันนะครับ”

 

 

[ค่ะ… วางใจได้เลยค่ะ]

 

 

โม่หันยกเลิกประชุมที่เหลือหลังจากวางสาย ก่อนหยิบกุญแจรถบนโต๊ะทำงานและขับออกไปตามหา

 

 

ซย่าชิงอี

 

 

เฉินโหรวโทรมาถามเขาว่าทำอะไรอยู่ขณะที่อยู่บนถนน เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เธอจึงบอกว่าอยากออกไปตามหาซย่าชิงอีด้วย เขาเองก็เห็นด้วย คงดีกว่าถ้ามีคนช่วยมองหาเธออีกคน

 

 

เมื่อเธอเข้ามาในตัวรถ เฉินโหรวก็แนะนำให้เขาไปที่บ้านและดูเผื่อว่าเธอจะกลับไปที่นั่น เขาคิดสักพักก่อนพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เธอถามเหตุผล แต่เขาตอบเพียงว่าช่วงนี้ซย่าชิงอีไม่ค่อยอยากกลับบ้านเพราะเธออยู่ที่นั่น

 

 

ท่าทีของเฉินโหรวเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของเขา เธอนิ่งเงียบขณะมองหาซย่าชิงอีกับโม่หันในรถ

 

 

ทว่าเขาก็ยังหาตัวเธอไม่เจอหลังจากขับรถวนไปทั่วเมืองแล้ว ดูเหมือนเธอจะหายไปกับอากาศโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย โม่หันแทบจะไม่พูดอะไรออกมาขณะที่เริ่มไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ เฉินโหรวได้ยินเสียงเขาสูดลมหายใจลึกหลายครั้งอย่างพยายามทำใจเย็น

 

 

ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านในเวลาราวสามทุ่ม โม่หันบอกว่าจะแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบหากพวกเขายังหาเธอไม่พบภายในคืนนี้ ทว่าพวกเขาได้ยินเสียงออกมาจากห้องของซย่าชิงอีเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน เขารีบเดินไปเปิดประตูและเห็นว่าเธอนั่งอยู่บนพื้นพร้อมผ้าห่มผืนเล็กที่คลุมขาอยู่ พิงตัวกับโต๊ะพลางเขย่าขวดยาในมือ

 

 

เด็กสาวหันมาเมื่อได้ยินเสียง พอเห็นว่าเป็นโม่หันก็หันหน้ากลับไปมองยาบนโต๊ะต่อ

 

 

“เธอไปอยู่ที่ไหนมา” เขาถามเสียงเย็นเยียบ

 

 

“ฉันจะไปที่ไหนได้ล่ะคะพี่ ฉันกลับบ้านมานอนเพราะเวียนหัวค่ะ”

 

 

“อาจารย์ของเธอโทรหาพี่” โม่หันเอ่ย

 

 

“เรื่องอะไรล่ะคะ”

 

 

“เรื่องที่เธอทะเลาะกับคนอื่น”

 

 

“โอ๊ะ” อีกฝ่ายยังคงเล่นขวดยาบนโต๊ะราวกับไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อะไร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset