ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 101 ความเจ็บปวด / ตอนที่ 102 จำได้แล้ว

ตอนที่ 101 ความเจ็บปวด

 

 

เม็ดเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาตามใบหน้า ซย่าชิงอีรู้ว่าเธอกำลังกลัวอยู่ เธอรู้ว่าตัวเองจะรู้สึกกลัวและหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุเพียงแค่มองไปที่สระว่ายน้ำตรงหน้า

 

 

เธอไม่มีเวลานึกถึงสาเหตุที่รู้สึกเช่นนั้น ที่รู้คือต้องถอยห่างออกจากมัน ถอยให้ห่างจากที่นี่

 

 

ซย่าชิงอีก้มหน้าลงขณะที่เดินไปรอบสระว่ายน้ำพลางสูดหายใจเข้าลึก ในที่สุดเธอก็เจอห้องประชุมที่

 

 

โม่หันพูดถึง มันอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำเพียงกระจกกั้น เธอผลักประตูเข้าไปและยืนอยู่หน้าทางเข้าก่อนส่งข้อความบอกอีกฝ่ายว่าเธอมาถึงแล้ว

 

 

เขารีบออกมา เธอรีบยื่นเอกสารใส่มือเขาก่อนหันกลับออกไปทันทีอย่างต้องการออกจากที่นี่ โม่หันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงจับตัวเธอไว้ก่อนเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

เธอทำเพียงส่ายหน้า ทุกส่วนของร่างกายเกร็งแน่นขณะที่รู้สึกราวกับเลือดในกายแข็งตัวไปหมด

 

 

สระว่ายน้ำที่อยู่ห่างไปเพียงกระจกกั้นกลายเป็นหนามเสียดแทงใจของเธอ

 

 

“เธอรู้สึกไม่สบายเหรอ” เขาสังเกตสีหน้าของเธอ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้า

 

 

เด็กสาวก้มศีรษะพยักหน้ารับ

 

 

“ถ้ารู้สึกไม่สบายก็รีบกลับไปนอนพักที่บ้าน พี่จะซื้อขนมปังถั่วแดงที่เธอชอบไปให้กินคืนนี้นะ” เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเธอแค่อยากกลับบ้านไปดูหนังต่อเท่านั้น ด้านในการประชุมยังดำเนินต่อไปจึงออกมาได้ไม่นานนัก เขาว่าขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่จะ…”

 

 

ซย่าชิงอีรีบก้มหน้าเดินจากไป

 

 

เขามองตามหลังเธอไปแวบหนึ่งก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องประชุม

 

 

ในขณะเดียวกัน ซย่าชิงอีผลักประตูกระจกแล้วเดินก้มหน้าไปตามทางเดินรอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ปลายหางตายังคงเห็นความลึกของสระว่ายน้ำนั้นลิบๆ ทำให้เธอต้องสะกดกลั้นความกลัวไว้ระหว่างที่เดินไปข้างหน้าทั้งศีรษะที่ยังก้มลงอยู่

 

 

มีคนพูดไว้ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่หวาดกลัว ตอนนั้นคือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา

 

 

เมื่อเธอเดินมาถึงกลางทาง ประตูเล็กๆ ด้านข้างทางเดินก็เปิดขึ้น พนักงานโรงแรมเดินออกมาพร้อมถาดที่เต็มไปด้วยแก้วไวน์ พนักงานสาวกลัวว่าจะชนกับเธอเข้าและทำแก้วแตกจึงรีบหันข้างหลบเมื่อซย่าชิงอีเดินผ่าน อย่างไรก็ตามเพียงแค่ชายเสื้อของพนักงานสาวสัมผัสโดนตัวก็ทำให้เธอที่ตอนนี้กำลังหวาดระแวงผลักอีกฝ่ายออกห่างและถอยออกมา

 

 

เธอรู้เพียงว่ามีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหลังเธอและต้องรีบเดินไปข้างหน้าขณะที่สั่นระริกไปทั้งตัว ถาดที่พนักงานสาวถือไว้สั่นเล็กน้อยหลังจากถูกเธอผลัก อีกฝ่ายพยายามประคองแก้วในถาดอย่างร้อนรนก่อนที่จะเห็นว่าซย่าชิงอีขยับเข้ามาหาอีกครั้ง เธอรีบหลบตัวไปด้านข้างแต่ไม่ได้ขยับเท้าออก ก่อนพยายามเกาะซย่าชิงอีไว้เมื่อเธอกำลังจะล้ม

 

 

ทว่าซย่าชิงอีกลับผลักเธอออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก้าวถอยไปด้านหลังราวกับมีปีศาจรออยู่ตรงหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะมองว่ากำลังก้าวถอยไปที่ใด จนกระทั่งถอยมาถึงขอบสระว่ายน้ำที่ยังมีน้ำเปียกอยู่ เธอลื่นและหน้าคว่ำจมดิ่งลงในสระว่ายน้ำ

 

 

สิ่งที่ซย่าชิงอีไม่รู้ก็คือสระว่ายน้ำนี้ลึกจนเธอไม่สามารถทำอะไรได้

 

 

ละอองน้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว

 

 

ข้างสระว่ายน้ำ พนักงานสาวล้มลงกับพื้น เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมเสียงบ่นและต่อว่าของเจ้าตัว

 

 

ทว่าเธอกลับไม่ได้ยินสิ่งใด

 

 

สัมผัสทั้งหมดด้านชาเมื่อซย่าชิงอีตกลงไปในน้ำ รู้สึกได้เพียงหัวใจที่เจ็บปวดแสนสาหัสเท่านั้น มันเจ็บปวดเจียนตาย อยู่ๆ ก็นึกถึงรอยแผลเป็นจากมีดบนหน้าอก แผลที่เกิดจากการทำร้ายของใครบางคน

 

 

คนคนนั้นเป็นใครกัน เธอคิดทั้งที่ลืมตาในน้ำสีครามที่เงียบสงัด

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 102 จำได้แล้ว

 

 

ร่างของเธอค่อยๆ จมลงทีละนิดพร้อมกับความเจ็บปวดในใจที่จางหายไปและการมาเยือนของอาการปวดหัวจนแทบขาดใจ ชิ้นส่วนความทรงจำค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา

 

 

เธอเห็นชายคนหนึ่งที่บาดเจ็บและเนื้อตัวอาบไปด้วยเลือดมองมาที่เธอขณะที่เอ่ยปากขอร้องด้วยเสียงแหบแห้งให้ช่วย เขายังไม่อยากตาย

 

 

เธอร้องไห้และยังร้องต่อไปไม่หยุดเมื่อจ้องมองไปที่เขา

 

 

ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น ‘สัญญากับผม นี่เป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในใจผมตลอดมา’

 

 

เธอเดินเข้าไปในตรอกมืดๆ เม็ดฝนกำลังตกพรำลงมา

 

 

ชายคนเดิมตะโกน ‘เธอห้ามออกมา! เธอออกมาไม่ได้! อย่าออกมาแม้ว่าผมจะตายก็ตาม!’

 

 

เธอเจ็บไปทั้งตัวโดยเฉพาะที่หลัง เข็มแหลมค่อยๆ เสียดแทงผ่านผิวหนังทีละนิด ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นข้างหู เสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

 

จดจำความเจ็บปวดที่แกได้รับเอาไว้ จดจำความเจ็บปวดที่ทำให้แกทรมานอยู่ตอนนี้เอาไว้

 

 

ซย่าชิงอีส่ายหน้าอย่างแรง ความทรงจำพรั่งพรูเข้ามาในหัวของเธอ มวลน้ำที่รายล้อมตัวไหลเข้าจมูกและปากของเธอ ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ น้ำก็ยิ่งเข้าไปร่างกายของเธอ

 

 

ในที่สุดเธอก็เลิกต่อต้านมัน ร่างของเธอจมดิ่งลงลึกขึ้นเรื่อยๆ เธอกลับมาฝันเหมือนคราวที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ความฝันพาเธอไปสู่กลางห้วงทะเลลึก

 

 

พนักงานสาวนึกว่าเธอว่ายน้ำเป็นจึงง่วนอยู่กับการเก็บกวาดเศษแก้วที่แตก ทว่าเมื่อเธอมองไปที่ผิวน้ำหลังทำความสะอาดเสร็จก็เริ่มตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เธอรีบตะโกนเรียกคนข้างนอกให้มาช่วยชีวิตซย่าชิงอี

 

 

คนที่เดินผ่านมารีบถอดรองเท้าและกระโดดลงน้ำไปช่วยเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของความช่วยเหลือของพนักงานสาว

 

 

ซย่าชิงอีอยู่ในอาการงุนงงขณะที่รู้สึกว่ามีใครบางคนโอบแขนรอบคอเธอและดึงเธอขึ้นมาบนผิวน้ำ

 

 

เธอมองแสงจากด้านบนที่ส่องผ่านผิวน้ำเข้ามา อยู่ๆ น้ำเสียงอ่อนแรงของตัวเองก็ดังขึ้น

 

 

ถ้าฉันตายไปก็แค่รับมันไปเพื่อตอบแทนที่เคยช่วยฉันไว้ แต่หากฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่กลับมาอีก แค่แสร้งทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนก็พอ

 

 

ซย่าชิงอีมองภาพที่ส่องสว่างตรงหน้าและเสียงยามที่ตัวเธอโผล่พ้นผิวน้ำ

 

 

คนที่เดินผ่านมาช่วยวางร่างของเธอบนพื้น ตรวจดูอาการของเธอว่าต้องผายปอดช่วยชีวิตหรือไม่

 

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าเธอจะลืมตาขึ้นมา ปากเปิดอ้าออกเล็กน้อยขณะที่นอนนิ่งจ้องมองขึ้นไปบนฟ้าไม่ไหวติง

 

 

เขาอังมือใต้จมูกและพบว่าเธอยังหายใจอยู่อย่างอ่อนแรง ในตอนนั้นเองเขาที่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เขย่าตัวเธอ เอ่ยถามขึ้น “คุณเป็นอะไรไหมครับ”

 

 

การประชุมที่โม่หันเข้าร่วมถูกเหตุการณ์ด้านนอกขัดจังหวะ คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาหยุดเพียงชั่วครู่ก่อนพูดต่อ ทว่าโม่หันกลับรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลขึ้นมาทันที สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีเมื่อนึกถึงท่าทางที่ผิดปกติของซย่าชิงอีก่อนหน้านี้ เขาลุกขึ้นยืน บอกกับคนในที่ประชุมว่าเขาจะออกไปทำธุระสักครู่

 

 

เมื่อเดินออกมา เขาก็เห็นกลุ่มคนยืนมุงอยู่ข้างสระว่ายน้ำ บนพื้นมีคนนอนอยู่ แม้โม่หันจะมองเห็นแค่เพียงรองเท้า เต่เขาก็มั่นใจว่ามันเป็นของซย่าชิงอี

 

 

เขารีบวิ่งไปตรงนั้นด้วยใจที่สั่นระรัวขึ้นมาวูบหนึ่ง แหวกฝูงชนที่มุงอยู่และเห็นซย่าชิงอีนอนเปียกปอนทั้งยังลืมตาเบิกกว้างอยู่บนพื้น ทนายหนุ่มย่อตัวลงพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ มือลูบใบหน้าของเด็กสาว “ซย่าชิงอี! ซย่าชิงอี!”

 

 

คนที่อยู่รอบข้างบอกเขา “เธอตกลงไปในน้ำน่ะ แต่ตั้งแต่เธอถูกเอาตัวขึ้นมา เธอก็ไม่พูดอะไรเลยถึงจะรู้สึกตัวแล้วก็ตาม”

 

 

ร่างของเธอเย็นเฉียบขณะที่โม่หันประคองเธอขึ้นนั่ง เขาไม่สนใจว่าตัวเธอจะเปียกขนาดไหนและปล่อยให้เธอพิงร่างเข้ากับตัวเขา ลูบเส้นผมเปียกชื้นของอีกฝ่ายและพูดกับคนที่อยู่ข้างเขา “ขอผ้าขนหนูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

เขาคิดว่าเธอคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่จึงค่อยๆ ลูบศีรษะปลอบโยนเธอ กอดกระชับร่างเธอเอาไว้อย่างต้องการมอบความอบอุ่นจากร่างกายของเขาให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”

 

 

โม่หันก้มมองมือของเธอที่กำชายเสื้อของเขา ดวงตาเลื่อนลอยไร้ซึ่งประกายใดๆ

 

 

คนที่อยู่ข้างเขาส่งผ้าขนหนูมาให้ เขารีบกางผ้าออกคลุมตัวเธอไว้ ห่อร่างที่สั่นระริกของเธอพร้อมใช้ผ้าอีกผืนเช็ดผมให้เบาๆ อย่างอ่อนโยน

 

 

“ฉันจำได้แล้วค่ะ” ซย่าชิงอีกระซิบเสียงแผ่วเบาขึ้นข้างหูของโม่หัน

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset