ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 123 สายที่ไม่ได้รับ / ตอนที่ 124 ความเจ็บปวด

ตอนที่ 123 สายที่ไม่ได้รับ

 

 

“เธอต้องยังไมรู้เรื่องนี้แน่! ตอนฉันเอาเอกสารเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านายวันนั้น ฉันเห็นน้องสาวของเขานอนอยู่บนโซฟาส่วนเจ้านายก็กำลังอ่านเอกสารอยู่บนโซฟาเหมือนกัน ฉันไม่ได้สังเกตอะไรมากนักแต่ตอนที่เดินออกมาก็เห็นเสื้อของเขาคลุมอยู่บนตัวน้องสาว จะบอกเธอให้นะว่าฉันยังเห็นเธอเกาะแขนเสื้อของเขาโดยที่เขาไม่ได้ดันเธอออกไปด้วยแหละ”

 

 

“จริงเหรอ!”

 

 

“จริงสิ ฉันเห็นมากับตาตัวเองเลยนะ” ทั้งคู่คุยจนหัวแทบจะชนกันเงียบๆ

 

 

โม่หันที่ยืนฟังบทสนทนาของพวกเธอทำเพียงยืนเงียบอยู่นอกประตู และในที่สุดก็เดินจากไปเงียบๆ

 

 

คนมักพูดกันว่าไม่ควรฟังคำพูดของคนอื่นเพราะเกือบทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหก คำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่เห็นจากมุมมองของพวกเขาเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่แม้จะสนใจว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่ในทางกลับกันก็ยังมีคำที่ว่าผู้ชมมักจะมองเกมหมากรุกออกได้ดีกว่าผู้เล่น

 

 

โม่หันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นในสายตาของคนอื่นหรือเป็นผู้ชมในมุมมองของตัวเอง สิ่งที่รู้คือตอนนี้เขาต้องการเวลาในการสงบจิตใจและทบทวนตัวเอง เขาต้องไม่ใช้อารมณ์และใจเย็นๆ ไม่ทำตัวหุนหันและใจแคบ

 

 

เป็นเหตุผลที่ช่วงนี้เขาตีตัวออกห่างจากซย่าชิงอี

 

 

ในขณะเดียวกับซย่าชิงอีก็เอาแต่เงียบเช่นกัน

 

 

เขาเห็นประตูห้องของเธอปิดสนิททุกครั้งที่เขากลับมาถึงบ้าน พวกเขาไม่พูดคุยกันสักคำแม้จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เขารู้สึกราวกับว่าถูกตัดขาดจากเธอไปคนละโลก

 

 

คิดไว้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเขาและเธอคงสามารถกลับมาพูดคุยและอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้ น้องสาวของเขาเป็นคนไม่คิดมากนัก พวกเขาคงกลับมาเป็นปกติได้ในไม่ช้า

 

 

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดว่าเหตุผลที่ทำให้กลับมาคุยกับเป็นปกติจะเป็นสายที่ไม่ได้รับ

 

 

เขามสายที่ไม่ได้รับจากซย่าชิงอีตอนสามทุ่ม

 

 

โม่หันยังจำเวลาที่แสดงสายที่ไม่ได้รับบนหน้าจอได้อย่างแม่นยำ มันคือเวลาสามทุ่ม สามสิบแปดนาที

 

 

เวลานี้ประทับฝังไปในทุกความทรงจำของเขาในเวลาต่อมาและได้กลายเป็นรอยแผลเป็นในจิตใจของเขา

 

 

แม้จะผ่านมาหลายปี เขาก็ยังรู้สึกว่าหลายๆ อย่างได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะโทรศัพท์สายนี้

 

 

โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงร้องอยู่นานแต่เขาก็ไม่ได้รับสายเมื่อเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ วางโทรศัพท์ไว้ที่มุมหนึ่งและรอให้หน้าจอดับลง

 

 

เขาคิดว่าซย่าชิงอีคงโทรมาง้อเขา เธอคงหมดความอดทนแล้วและด้วยนิสัยที่ไม่ได้คิดมากของเธอด้วย เตือนให้ตัวเองใช้เวลากับตัวเองให้มาก เขาควรมีเหตุผลและใจเย็นมากกว่านี้ ไม่เป็นพี่ชายที่งี่เง่าและทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบที่ทำกับเธอก่อนหน้านี้

 

 

เลขาของเขาแจ้งว่าถึงเวลาประชุมแล้วในจังหวะที่หน้าจอดับลง เขาลุกออกไปประชุม วางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะพร้อมหยิบเอกสารไว้ในมือ

 

 

สิบนาทีต่อมา ข้อความแจ้งเตือนใหม่ก็แสดงขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา

 

 

[ถนนซินเฉิง 3]

 

 

ผู้ส่งคือซย่าชิงอี

 

 

อย่างไรก็ตามโม่หันกลับมองไม่เห็นมัน

 

 

การประชุมดำเนินไปราวยี่สิบนาที โม่หันก็กลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง นั่งลงและเห็นข้อความจากเธอในตอนที่กำลังจะโทรหาเจ้าหน้าที่ศาล

 

 

จริงๆ แล้วมันไม่ห่างจากบริษัทของเขามากนัก เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงส่งที่อยู่นี้มาให้เขา ทว่ากลับรู้สึกได้รางๆ ว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เขาจึงรีบต่อสายหาเธอ

 

 

ได้ยินเพียงเสียงหญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ [ขออภัย สายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้]

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 124 ความเจ็บปวด

 

 

ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เสียงเรียบเอ่ยข้อความเดิมซ้ำไปมาเมื่อเขาโทรหาเธออีกครั้ง ดังวนไปมาในหูของเขา เขาเคร่งเครียดขึ้นมา ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด สัมผัสได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

 

 

โม่หันไม่กล้าคิดต่อพร้อมรีบวิ่งออกไปพลางหยิบเสื้อคลุมมาสวม ไม่แม้แต่จะบอกผู้ช่วยของเขาที่ตะโกนเรียกเมื่อเขาวิ่งผ่านหน้าไป

 

 

เขาต้องไปที่นั่นทันที ต้องเกิดบางอย่างขึ้นที่ที่เธอส่งข้อความมาแน่ๆ

 

 

คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบเร่งฝีเท้า

 

 

เมื่อออกมาจากตึกก็พบว่าฝนตกหนักอยู่ด้านนอก

 

 

ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยสายฝนที่ตกแรง เม็ดฝนตกลงบนพื้นเปียกชุ่มพร้อมกับฝนเม็ดเล็กที่สาดกระเซ็น เสียงฝนเทลงมาดังก้องในหูของโม่หัน ได้ยินเพียงเสียงเบาๆ ของรถที่ขับบนถนนเปียกจากที่ไกลๆ

 

 

เขาหยุดเพียงชั่วครู่ก่อนใช้มือบังฝนเล็กน้อยขณะที่วิ่งฝ่าสายฝนไป ร้องเรียกซย่าชิงอีไม่หยุดราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ตั้งค่ามาให้พูดซ้ำๆ

 

 

เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มหัวเสีย ยิ่งเขาวิ่งไปไกลเท่าไหร่ ยิ่งอีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์แค่ไหน หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น

 

 

เขาอยากวิ่งให้เร็วกว่านี้ ไปให้ถึงที่นั่นให้ได้เร็วกว่านี้ เขาอยากเจอเธอ อยากจะพบหน้าเธอตอนนี้

 

 

“ออกไป… ไป…!” ซย่าชิงอีกรีดร้องขณะที่ดิ้นหนีสุดแรงที่มี พยายามที่จะผลักคนที่กดตัวเธอไว้ออกไป

 

 

“นังโง่นี่! อยู่นิ่งๆ สิวะ!” ผู้ชายที่ตรึงเธอไว้กับพื้นจับแขนทั้งสองข้างของเธอกดไว้ข้างตัวให้ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ถ่มน้ำลายลงพื้นและบอกอีกคนที่อยู่ข้างๆ “นังนี่นี่มันดื้อด้านจริง!”

 

 

ซย่าชิงอีสังเกตว่ามีคนตามเธอข้างหลังมาตั้งแต่ทางเข้าของร้านกาแฟ เธอบังเอิญเหลือบมองกระจกของร้านก่อนจะเห็นผู้ชายใส่หมวกเบสบอลสีดำเดินตามเธอมา

 

 

สายตาที่เสหลบเธอบ่งบอกถึงความผิดปกติ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องหลบตาเธอถ้าเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เดินผ่านมา

 

 

เธออยากจะสลัดเขาให้หลุดให้เร็วที่สุด จนเมื่อเดินมาถึงหัวมุม เธอก็รู้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ตามเธออยู่ เด็กสาวคิดว่าเธอคงไม่สามารถรับมือเพียงคนเดียวได้จึงยกโทรศัพท์ต่อสายหาโม่หัน

 

 

แต่เขากลับไม่รับสาย เธอมองไปรอบๆ ตัวเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่เมื่อมองไปข้างหน้าเธอก็นิ่งชะงักไป

 

 

เธอเดินเข้ามาในถนนที่ทอดยาวออกไปซึ่งเธอไม่รู้จัก มีเพียงแสงจากไฟข้างทางส่องสลัวที่บริเวณสุดปลายถนน ตึกเก่าตั้งเรียงราย ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ แสงสว่างและเสียงจากท้องถนนที่วุ่นวายถูกส่งมาจากปลายถนนอีกด้าน เดินผ่านถนนนั้นไปก็จะเป็นสำนักงานกฎหมายของโม่หัน

 

 

ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น ฝนเริ่มลงเม็ด หัวใจของซย่าชิงอีเต้นสั่นระรัว สูดหายใจลึกอย่างพยายามใจเย็นพลางฝืนเดินต่อไปข้างหน้า

 

 

เธอซุกมือไว้ในกระเป๋าขณะที่พยายามนึกและใช้แสงที่มีอยู่น้อยนิดส่งข้อความสั้นๆ ให้โม่หันระหว่างที่ก้าวเดิน

 

 

เสียงฝนเทลงมาดังก้องอยู่ในโสตประสาท คนที่เดินตามหลังเธอเริ่มขยับเข้าใกล้เธอ เสียงฝีเท้าที่เหยียบบนพื้นเปียกๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

 

 

ซย่าชิงอีมองไปยังแสงสว่างจากท้องถนนที่ไม่ไกลตัวเธอนัก และเริ่มออกวิ่งหนีให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ถ้าเธอออกจากถนนนี้ได้เธอก็จะปลอดภัย

 

 

เส้นผมเปียกชุ่มแนบลู่ไปกับใบหน้าของเธอ น้ำฝนไหลเข้าตาให้มองเห็นได้ไม่ชัดนัก สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงต้องวิ่งหนีไปข้างหน้าในทางที่มีแสงสว่าง

 

 

ทันใดนั้นเอง เธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนนมืดๆ ตรงหน้าเธอ เขาส่งยิ้มให้เธออย่างน่ากลัว เป็นความน่ากลัวที่เธอไม่อาจลืมได้ตลอดชีวิต

 

 

ชายคนนั้นจับตัวเธอไว้ เตะเข้าที่หน้าท้องของเธอจนเธอร่วงลงกับพื้น ซย่าชิงอีไม่มีโอกาสได้ยืนขึ้นเมื่อเขาเตะซ้ำเข้าที่ท้อง และก้าวเข้ามาพร้อมพรรคพวก

 

 

เธอรู้สึกเจ็บปวดขณะที่กุมหน้าท้องของตัวเอง เหงื่อผุดออกมาพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ นอนลงบนพื้นอย่างไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ฝนที่ตกหนักลงบนตัวในขณะที่ร่างทั้งร่างเปียกโชก ทุกส่วนของร่างกายส่งกลิ่นเหม็นเมื่อลงไปนอนกองบนน้ำที่สกปรกและเต็มไปด้วยโคลน

 

 

จากนั้นชายคนนั้นก็ถือโอกาสก้าวเข้ามาตบหน้าเธอ

 

 

เธอมึนงงไปนานจากแรงตบของเขา ใบหน้าหันไปอีกทางพร้อมหอบหายใจหนักทางปาก บริเวณหน้าท้อง เอวและขาถูกความเจ็บปวดเข้าจู่โจมอย่างแรง ตัวเธอสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดทรมานและหูดับจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset