ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 139 แต่งงาน / ตอนที่ 140 ความจริงอันโกลาหล

ตอนที่ 139 แต่งงาน

 

 

บางครั้งซย่าชิงอีก็มีสัญชาตญาณที่ดีกว่าคนทั่วไป เมื่อมีคนมาถามเธอเรื่องนี้ บ่อยครั้งเธอก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกถึงสิ่งที่ควรจะเป็นในใจได้เสมอ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็มักจะพิสูจน์ว่าสัญชาตญาณของเธอนั้นถูกต้อง

 

 

เหมือนอย่างที่เธอมีลางสังหรณ์ถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผู้ชายที่เธอเจอบนถนนมีบางอย่างที่มากกว่าที่เห็น

 

 

หลังจากนั้นเธอได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเธอหลังจากเลิกเรียน เธอเดินออกมามองและพบว่าเป็นผู้ชายที่เจอในวันนั้น

 

 

เขาดูไม่โทรมเหมือนที่เห็นวันนั้นแล้ว ผมของเขาถูกตัดเข้าทรงและหนวดเคราที่หายไป สวมแว่นตากรอบทองที่ยิ่งทำให้ดวงตาดูโดดเด่น

 

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง

 

 

“ถ้าคุณจะมาหาฉันที่นี่เพราะเรื่องวันนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะคะ ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว” เธอเอ่ยปากพูด

 

 

“ผมรู้ว่าซย่าชิงอีเป็นแค่ตัวตนปลอมๆ” เขาว่าเสียงหนัก มุมปากยกยิ้มขึ้น

 

 

เธอนิ่งค้างไปชั่วครู่ “แล้วยังไงล่ะคะ คุณตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่”

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอความจำเสื่อม เนี่ยนเนี่ยน เธอเลยจำฉันไม่ได้ รวมถึงเรื่องราวในอดีตด้วย” ชายคนนั้นมองเธอ ท่าทางอ่อนโยนพลางพูดเสียงอ่อน “ในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ เนี่ยนเนี่ยน”

 

 

เธอรู้สึกต่อต้าน “หยุดเรียกฉันว่าเนี่ยนเนี่ยนสักที! ฉันไม่ได้บอกคุณไปแล้วเหรอว่าฉันชื่อซย่าชิงอี ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเนี่ยนเนี่ยนที่คุณเอาแต่เรียกหาเลยสักนิด มีคนบนโลกนี้มากมายที่หน้าตาคล้ายกัน ทำไมคุณถึงมั่นใจนักว่าฉันคือเนี่ยนเนี่ยนที่คุณรู้จัก”

 

 

เขาทำเพียงจ้องหน้าเธอขณะที่สำรวจทุกส่วนบนใบหน้าของเธออย่างละเอียด จากนั้นก็หยิบสมุดสีแดงเล่มเล็กออกจากกระเป๋าเสื้อและส่งมันให้เธอ

 

 

มันคือทะเบียนสมรส

 

 

ซย่าชิงอีไม่ได้มองผิดไป

 

 

เขาพลิกหน้าปก มันปรากฏภาพของชายหญิงคู่หนึ่งส่งยิ้มหวานและแนบศีรษะเข้าหากันอยู่ด้านหน้าฉากหลังสีแดง ผู้ชายคนเดียวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอและผู้หญิงที่ดูเหมือนกับเธอ

 

 

เธอจ้องมองหญิงสาวที่ยิ้มหวานในรูปราวกับมองกระจกก่อนนิ่งงันไป หัวโล่งไปหมดและคิดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย

 

 

“เธอคือภรรยาของฉัน ซ่งเย่ว์เนี่ยน ฉันเป็นสามีของเธอ หันเลี่ยง เราแต่งงานกันมาหนึ่งปีแล้ว ฉันจะจำเธอไม่ได้ได้ยังไง” เขาว่าขึ้น

 

 

หันเลี่ยงมองสายตาที่ฉายแววสงสัยของเธอและกล่าวต่อ “เนี่ยนเนี่ยน เธอมีรอยสักที่หลัง มันเป็นรูปด้านหลังของฉัน ตอนนั้นฉันห้ามเธอและบอกว่ามันเจ็บมาก แต่เธอก็ยังดื้อบอกว่าเธอจะมีฉันอยู่ข้างๆ ตลอดไปถ้าทำแบบนี้”

 

 

มีเพียงความว่างเปล่าหลงเหลือในหัวของเธอ เธอนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรออกมา

 

 

“เนี่ยนเนี่ยน ถ้าเธอจำไม่ได้ก็เลิกพยายามนึกถึงเรื่องในอดีตได้แล้ว กลับบ้านกันเถอะ” น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเหมือนกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ “เนี่ยนเนี่ยน แค่เธอกลับมาก็ดีมากแล้ว”

 

 

หันเลี่ยงก้าวไปข้างหน้าเพื่อกอดเธอแต่เธอกลับเบี่ยงตัวหลบ สูดหายใจลึก ก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าวและไม่กล้ามองอีกฝ่ายขณะที่กล่าวเสียงเบา “ขอเวลาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

“ฉันจะรอเธอ รอจนกว่าเธอจะจำฉันได้”

 

 

เธออยากจะหนีไปจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ อยากจะทำบางอย่างที่ทำให้ลืมความรู้สึกวูบโหวงในใจ แต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไร หลังจากนั้นเสียงระฆังตามทางเดินก็ดังขึ้นให้เธอได้มีข้อแก้ตัว “คุณ… คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว”

 

 

เขามองเธอพลางเอ่ย “เธอรอฉันมานานตลอดเวลาที่เธอสูญเสียความทรงจำไป ตอนนี้ถึงคราวที่ฉันจะรอเธอบ้าง จะรอจนกว่าเธอจะเลิกเรียน”

 

 

เธอเพียงพูดขึ้น “แล้วแต่คุณเถอะค่ะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 140 ความจริงอันโกลาหล

 

 

ซย่าชิงอีเรียนไม่รู้เรื่องสักนิดเพราะไม่ได้ฟังสิ่งที่อาจารย์พูดเลย คิดถึงแต่เรื่องของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ที่ทำให้อยากจะทึ้งผมตัวเอง ทำไมเรื่องถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ เธอเปลี่ยนจากนักศึกษาที่เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยกลายมาเป็นภรรยาของใครบางคนที่แต่งงานมาเป็นปีในชั่วพริบตาได้อย่างไรกัน

 

 

เธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คำพูดของหันเลี่ยงก่อนหน้านี้ที่ดังก้องในหูและรูปภาพของหญิงสาวที่เหมือนเธออย่างกับแกะก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

 

 

เธอคือซ่งเย่ว์เนี่ยนจริงๆ เหรอ แล้วบาดแผลบนตัวเธอล่ะ เธอจะปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตได้ยังไง

 

 

เหลือเพียงความงุนงงในสมองของเธอจนกระทั่งเลิกเรียน เธอเดินออกมาและเห็นหันเลี่ยงยังคงยืนรอเธออยู่ที่ทางเดิน

 

 

“เธอเลิกเรียนแล้ว”

 

 

“ฉันจะกลับบ้านค่ะ หลบไป”

 

 

“กลับบ้านเหรอ กลับไปบ้านใคร ผู้ชายที่อยู่กับเธอเมื่อหลายวันก่อนงั้นเหรอ บ้านคนที่เธอเรียกว่าพี่ชายนั่นใช่ไหม” เขายิ้มอย่างขมขื่น

 

 

“คุณสืบเรื่องของฉันเหรอ” เธอมุ่ยหน้า

 

 

“เนี่ยนเนี่ยน มันไม่ได้ตามสืบยากเลย หลายวันก่อนหลังจากเจอเธอบนถนน ฉันก็เอาแต่คิดว่าจะมีคนที่หน้าตาเหมือนกันขนาดนั้นในโลกเหรอ พอเธอให้ดูบัตรประชาชน ฉันก็เลยตามหาเธอง่ายขึ้น”

 

 

เขาเอ่ยต่อ “ฉันรู้ ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อโม่หัน ดูเหมือนจะเป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียง เขาคงช่วยสร้างตัวตนของเธอขึ้นมาสินะ ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้นและให้เธอเป็นน้องสาวของเขา ฉันคงหาเธอเจอเร็วกว่านี้”

 

 

“ฉันเป็นคนขอร้องอย่างหน้าไม่อายให้เขาช่วยพาฉันไปอยู่ด้วยเอง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด”

 

 

“ฉันรู้ ฉันก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกัน ในฐานะที่เขาเป็นคนดูแลเธอระหว่างที่ฉันไม่อยู่”

 

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาน้อยๆ เมื่อมองไปที่หันเลี่ยงตอนนี้ ยังจำเรื่องในอดีตของตัวเองไม่ได้และตอนนี้ก็ไม่สามารถหลีกหนีความจริงตรงหน้าไปได้

 

 

“ไม่ว่าตอนนี้คุณจะพูดอยากอะไรก็รอจนถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะค่ะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” เธอยังคงต้องการอยู่ให้ห่างจากอีกฝ่าย

 

 

อีกฝ่ายไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าหลังจากไม่ได้เจอเธอมาเกือบครึ่งปี ทำไมเธอถึงเย็นชาและเหินห่างกับเขาหลังจากสูญเสียความทรงจำได้ขนาดนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

 

 

“ที่นั่นไม่ใช่บ้านของเธอ บ้านของเธออยู่ที่เมือง F พ่อแม่ของเธออยู่ที่บ้านและรอให้เธอกลับไปทุกวันตั้งแต่เธอเกิดอุบัติเหตุ”

 

 

เธอยิ้มให้อย่างเย็นชา “อุบัติเหตุเหรอ อุบัติเหตุอะไรล่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะรอให้ฉันกลับไปทุกวันหรอกนะ ก่อนหน้านี้คุณคงคิดจะปล่อยให้ฉันตายอยู่ข้างนอกล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องกลับไปหรอกนะคะ”

 

 

เขามองเธออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เนี่ยนเนี่ยน… เธอพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง”

 

 

“ถ้างั้นทำไมไม่ออกตามหาฉันล่ะคะ ทำไมไม่มาตามหาฉันตอนที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือนและไม่มีใครมายืนยันตัวตนของฉันเลย! ทำไมถึงไม่มาตามหาตอนที่ฉันกำลังจะตายกลางสระว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยเลือดและไม่มีใครอยู่ช่วยฉันเลย! ทำไมไม่มาตามหาตอนที่ฉันหิวอยู่ข้างถนนอยู่สองวันเต็มโดยที่ไม่มีอาหารมาประทังชีวิต ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน!” เธอเกือบจะตะโกนลั่นในตอนท้าย

 

 

อีกฝ่ายนิ่งค้างไป เขามองเธอที่ที่ระเบิดอารมณ์ออกมาและเอ่ยออกมาเสียงเบาราวกับพึมพำกับตัวเอง “เธอรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ตามหาเธอ เราอยู่ที่เมือง F ตอนที่เธอโดนลักพาตัวไป ตามหาเธอในเมือง F ร่วมกับตำรวจ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอถูกลักพาตัวมาที่นี่ เราจับคนที่ลักพาตัวได้หลังจากนั้น ถามพวกมันว่าเธออยู่ที่ไหนแต่มันก็บอกว่ามันทำร้ายเธอจนตาย สับเธอเป็นชิ้นๆ และโยนชิ้นส่วนทิ้งลงแม่น้ำไปแล้ว”

 

 

แววตาของเขาแดงก่ำ “เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นฉันรู้สึกยังไงบ้าง ฉันเกือบจะฆ่ามันแล้ว! หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเธอที่นี่แต่ฉันเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่ยังไม่เจอศพของเธอ ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ เธอต้องไม่ตายง่ายๆ แบบนั้นแน่”

 

 

ซย่าชิงอีฟังเขาเล่าเรื่องในอดีตด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกและไม่ได้กล่าวขัดขึ้น

 

 

“โชคดีเหลือเกิน…ที่ฉันเจอเธอ” เขาสูดหายใจ ยกยิ้มและเอ่ยขึ้น “เนี่ยนเนี่ยน… กลับไปกับฉันเถอะนะ”

 

 

จังหวะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอดังขึ้น เธอมองหน้าจอและพบว่าเป็นสายจากโม่หัน

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset