ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 145 รักษาระยะห่าง / ตอนที่ 146 คู่รักหวานชื่น

ตอนที่ 145 รักษาระยะห่าง

 

 

ในที่สุดเสียวเหม่ยก็ปล่อยซย่าชิงอีและเช็ดน้ำใสๆ ที่ไหลจากดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้ ก่อนพูดเสียงสั่น “พี่หิวเหรอคะ พี่เนี่ยนเนี่ยน”

 

 

ซย่าชิงอีก้าวถอยหลังไปยืนข้างโม่หันเงียบๆ หันเลี่ยงมองการกระทำของเธอและเดินไปดึงมือเธอไว้ ประสานมือของเขาเข้ากับเธอพลางพูดกับเสียวเหม่ย “ทำตามที่เคยทำและเสิร์ฟอาหารไปทางปีกตะวันออก”

 

 

ซย่าชิงอีที่ตกใจเมื่อเห็นว่าเขากุมมือเธอไว้และตั้งท่าจะสลัดมือเขาออก แต่หันเลี่ยงกลับกระชับมือของเขาแน่นขึ้น เสียวเหม่ยที่ยืนอยู่ตรงข้ามเมื่อเห็นดังนั้นก็มองหน้าของเธออย่างสงสัย

 

 

“ทำไมเธอยังยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ไปบอกในครัวสิ” หันเลี่ยงยังไม่ปล่อยมือขณะที่พูดกับเสียวเหม่ย

 

 

อีกฝ่ายตอบเพียง “โอ๊ะ!” และวิ่งไปด้านหลังร้าน

 

 

“คุณจะปล่อยได้หรือยัง ไม่เห็นเหรอว่ามือเธอแดงหมดแล้ว” โม่หันรอจนเสียวเหม่ยลับตาไปก่อนพูดขึ้นเบาๆ โดยไม่ได้หันไปมองทั้งคู่

 

 

“ขอบคุณทนายโม่ที่เตือนนะครับ เธอเป็นภรรยาของผม ผมต้องไม่ปล่อยให้เธอเจ็บตัวอยู่แล้ว”

 

 

“เผื่อคุณจะลืมไปนะครับว่าเธอได้รอยแผลบนตัวบนตัวมาได้อย่างไร” โม่หันยิ้ม

 

 

“เรื่องมันผ่านมาแล้ว! และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก” อีกฝ่ายหัวเสียขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมขึ้นเสียงและออกแรงที่จับมือเธอแน่นขึ้น

 

 

“หันเลี่ยง คุณปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันเจ็บมือ” เธอเอ่ย

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้นและหันมามองมือของเธอที่ขึ้นสีขาวจากแรงจับของเขา เขาก็ปล่อยมือทันทีและนวดหลังมือให้เธอ “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

 

เธอดึงมือของตัวเองออก “ไม่เป็นไรค่ะ”

 

 

ทั้งสามคนมาถึงห้องที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามซึ่งถูกแยกจากบริเวณด้านนอกด้วยประตูบานเลื่อนที่ทำจากไม้ แขวนประดับด้วยผ้าสีน้ำตาลแดงในแบบฉบับญี่ปุ่น ด้านในห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีชั้นหนังสือตั้งอยู่ด้านขวามือ บนชั้นมีกองหนังสือและต้นไม้เล็กๆ วางอยู่ ดูสะอาดตาและน่าอยู่เหมือนห้องนั่งเล่นมากกว่าที่จะเป็นสถานที่สำหรับการกินอาหาร

 

 

“เมื่อก่อนเธอชอบห้องนี้มากเลยนะ ก่อนหน้านี้มันถูกใช้เป็นห้องวีไอพีแต่เราทนเห็นควันบุหรี่ที่ลูกค้าสูบลอยไปทั่วห้องไม่ได้ เลยหยุดใช้มันรับรองลูกค้าและมันก็กลายเป็นห้องส่วนตัวของเธอ” หันเลี่ยงเล่า

 

 

เธอค่อยๆ มองไปรอบห้องและรู้สึกดีขึ้นมา เธอชอบห้องนี้

 

 

ห้องนี้อาจจะไม่คุ้นตาสำหรับเธอแต่หลังจากเห็นครั้งแรก เธอก็ชอบบรรยากาศน่าอยู่แบบนี้เหมือนกับได้ก้าวไปอยู่อีกโลกหนึ่ง

 

 

ทว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีพอใจออกมามากนักและยังคงทำสีหน้าเช่นเดิม ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเงียบๆ

 

 

ระหว่างมื้ออาหารซย่าชิงอีลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้ชายสองคนอยู่ตามลำพังในห้อง

 

 

หันเลี่ยงพูดขึ้นก่อน “ผมรู้… ว่าตอนนี้เนี่ยนเนี่ยนค่อนข้างสนิทสนมกับคุณ”

 

 

โม่หันก้มหน้าลงด้วยรอยยิ้มขณะที่กินอาหาร “ใช่ครับ คุณจะพูดอย่างนั้นก็ได้”

 

 

“อีกไม่นานเธอก็จะต้องกลับมาอยู่ที่นี่ ผมหวังว่าต่อไปคุณทั้งสองคนจะรักษาระยะห่างระหว่างกันนะครับ”

 

 

“ดูเหมือนคุณจะบอกคนผิดแล้วล่ะครับ”

 

 

“คุณหมายความว่าอย่างไร”

 

 

“คนที่ควรรักษาระยะห่างน่ะคือคุณต่างหาก”

 

 

“คุณพูดอะไรของคุณ! เนี่ยนเนี่ยนเป็นภรรยาของผม เรารักกัน คุณต้องการให้เราห่างกันเนี่ยนะ! ล้อผมเล่นหรือเปล่า” หันเลี่ยงเกือบจะพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาล

 

 

โม่หันนั่งจิบชาเงียบๆ “พูดตรงๆ นะครับ ผมไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูดเลยสักนิด แม้กระทั่งทะเบียนสมรสที่คุณมี สำหรับผมเอกสารพวกนี้มันปลอมขึ้นได้ แน่นอนครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะลำบากพาเรามาที่เมือง F เพื่อมาฟังสิ่งที่คนด้านนอกพูดทำไมกัน”

 

 

“คุณคิดว่าผมกำลังโกหกงั้นสิ คิดว่าผมปั้นเรื่องมาหลอกลวงคุณ”

 

 

“คุณจะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้ครับ” โม่หันรักษาท่าทีไว้ซึ่งตรงข้ามกับน้ำเสียงและคำพูดของเขา

 

 

อีกฝ่ายยิ้มอย่างเย็นชา “ทนายโม่ อย่าทะนงตัวไปหน่อยเลย ยังมีอีกหลายอย่างที่คาดเดาไม่ได้ อย่ามั่นใจในคำพูดของตัวเองไปหน่อยเลยครับ”

 

 

“ผมแค่มั่นใจในสิ่งที่ผมเชื่อมั่นเท่านั้นเองครับ” เขาตอบกลับ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 146 คู่รักหวานชื่น

 

 

ซย่าชิงอีที่ยังอยู่ห้องน้ำไม่รู้ถึงบทสนทนาอันตึงเครียดระหว่างพวกเขา เธอพิงตัวกับอ่างล้างหน้าอย่างไม่อยากออกไปเจอใคร กลัวว่าหากเดินออกไปด้านนอกแล้วจะเจอใครที่อาจเข้ามาเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง กลัวความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้เหลือเกิน สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดตอนนี้คือการนั่งดูโทรทัศน์บนพรมในห้องนั่งเล่นในบ้านโม่หัน พร้อมกินขนมระหว่างรอเขากลับมาบ้าน

 

 

ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับไปทำเช่นนั้นอีก

 

 

เธอมองนาฬิกาและพบว่าผ่านไปยี่สิบนาทีแล้ว คงจะดูผิดสังเกตหากเธอยังไม่กลับออกไปเสียที

 

 

ซย่าชิงอีทำตัวให้สดชื่นขึ้นก่อนเดินออกจากห้องน้ำ และเผชิญหน้ากับเสียวเหม่ยที่มาเข้าห้องน้ำเช่นกัน

 

 

“พี่เนี่ยนเนี่ยน มาเข้าห้องน้ำเหรอคะ”

 

 

“อืม” เธออยากจะหันหนีและเดินจากไป

 

 

อีกฝ่ายรั้งเธอไว้ “พี่เนี่ยนเนี่ยน”

 

 

เธอยังคงไม่คุ้นชินกับชื่อนี้นักแต่ก็หยุดและมองหน้าเด็กสาวอีกคน “มีอะไรเหรอ”

 

 

“พี่ดูเปลี่ยนไปนะ” เสียวเหม่ยว่าขึ้น

 

 

“เปลี่ยนไปยังไงน่ะ” เธอถามกลับ

 

 

“ก็พี่กับพี่หัน พี่ทะเลาะกับพี่หันเหรอคะ”

 

 

“ไม่นี่”

 

 

“ถ้างั้นทำไมวันนี้พี่สองคนถึงดูไม่มีความสุขเลยล่ะคะ ก่อนหน้านี้พี่ก็ดูไม่เต็มใจตอนที่พี่หันจับมือตอนบ่าย พี่หันทำอะไรให้พี่โกรธเหรอ”

 

 

“ไม่มีอะไร” เธอยิ้มและส่ายหน้า เธอจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาให้เด็กสาวตรงหน้าฟังได้อย่างไร

 

 

ซย่าชิงอีครุ่นคิดสักครู่ก่อนถามอีกฝ่าย “เธอมีรูปของพี่สมัยก่อนไหม”

 

 

“มีสิคะ ทำไมเหรอ”

 

 

“เอาให้พี่ดูหน่อยได้ไหม”

 

 

คนฟังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอยากดูรูปสมัยก่อน แต่เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหารูปในเครื่อง

 

 

“นี่ค่ะ รูปนี้” เสียวเหม่ยส่งโทรศัพท์ให้เธอดู

 

 

เป็นรูปถ่ายตัวเองของพวกเธอสองคน เสียวเหม่ยส่งยิ้มหวานพร้อมพาดแขนบนไหล่ของเธอ

 

 

“มีรูปอื่นไหม”

 

 

“งั้นพี่เลื่อนลงหน่อย น่าจะมีอีกมากกว่านี้นะคะ”

 

 

เธอเลื่อนดูรูปอื่นๆ รูปต่อมาเป็นรูปถ่ายเต็มตัวของเธอหรืออาจจะใช่เธอซึ่งถ่ายคู่กับหันเลี่ยง ดูเหมือนพวกเขาไม่รู้ตัวว่ามีกล้องอยู่ หันเลี่ยงมองคอมพิวเตอร์ในขณะที่แขนของเธอคล้องกับเขาอยู่พลางยิ้มกว้างให้เขา

 

 

เสียวเหม่ยว่าขึ้น “รูปนี้ถ่ายที่บ้านของพี่ค่ะ พี่ชวนพนักงานในร้านไปกินเลี้ยงที่บ้าน หลังจากมื้ออาหารฉันเห็นพวกพี่สองคนยิ้มให้กันในห้องนั่งเล่นเลยถ่ายเอาไว้”

 

 

“เมื่อก่อนพี่สนิทกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ” ซย่าชิงอีถาม

 

 

อีกฝ่ายมองเธออย่างไม่เชื่อหู “ทำไมพี่ถามอย่างนั้นล่ะ พวกพี่ตัวติดกันอย่างกับแฝดสยาม ทำพวกเราอิจฉาอยู่ทุกวันเลยล่ะค่ะ ถ้าพี่ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ”

 

 

เธอรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย ทำไมวันนี้พี่เนี่ยนเนี่ยนถึงดูไม่มีความสุขนัก ทำให้เธอเอ่ยถาม “พี่เนี่ยนเนี่ยน มีอะไรหรือเปล่าคะ”

 

 

ซย่าชิงอีฝืนยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

“พี่เนี่ยนเนี่ยน ในที่สุดพี่ก็กลับมาหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะ พวกพี่สองคนรักกันมาก แล้วพี่จะผ่านทุกอย่างไปได้ค่ะ”

 

 

เธอคืนโทรศัพท์ให้เด็กสาว “ขอบคุณนะ พี่ต้องกลับไปแล้ว พวกเขารออยู่เดี๋ยวจะกังวลใจเปล่าๆ ”

 

 

เมื่อเธอกลับมา ชายหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่คนละมุมระหว่างที่พวกเขากินอาหารกันอย่างเงียบๆ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้คิดมากนัก ในหัวเอาแต่คิดถึงรูปที่เสียวเหม่ยเอาให้เธอดูก่อนหน้านี้

 

 

“ทำไมเธอไปนานจังเลยล่ะ” หันเลี่ยงลุกขึ้นดึงเก้าอี้ให้เธอ

 

 

“ฉันเจอเสียวเหม่ยตอนที่กำลังจะออกจากห้องน้ำเลยคุยกันนิดหน่อย”

 

 

“เธอจำเสียวเหม่ยได้เหรอ”

 

 

เธอส่ายหน้า หยิบตะเกียบก่อนก้มหน้ากินอาหารต่อ ปลายตาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของโม่หันไม่ค่อยสบอารมณ์นักอย่างบอกไม่ถูก

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset