ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 147 ความทรงจำอันยาวนาน / ตอนที่ 148 กักไว้จากข้างใน

ตอนที่ 147 ความทรงจำอันยาวนาน

 

 

“ฉันจะพาเธอกลับไปดูที่บ้านหลังจากเรากินข้าวเสร็จแล้ว แม่ของเธอกำลังรอเธออยู่ที่บ้านนะ”

 

 

ซย่าชิงอียังคงแสดงท่าทีเช่นเดิม ลิ้นไม่รู้สึกถึงรสชาติใดๆ ของอาหารตรงหน้า ทั้งสามฝืนกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศมาคุจนเสร็จ

 

 

หลังจากกินอาหารเสร็จ เธอรีบเข้าไปนั่งในรถคนเดียวเมื่อพวกเขาเดินออกมาด้านนอกร้าน โม่หันที่เดินตามหลังเธอกระซิบข้างหูหันเลี่ยงก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถ “อย่าลืมที่ผมบอกคุณไปเมื่อสักครู่นะครับ”

 

 

หันเลี่ยงจ้องตรงไปที่เธอซึ่งนั่งอยู่ในรถก่อนยิ้มออกมาบางๆ “ผมก็กำลังจะบอกคำนั้นกับคุณเหมือนกันครับ ทนายโม่ อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย”

 

 

อีกฝ่ายตอบกลับ “ดูเหมือนคุณจะหูไม่ค่อยดีนะครับ งั้นผมก็จะพูดให้คุณฟังอีกรอบ ความอดทนของผมที่มีกับคุณจะสิ้นสุดลงในคืนนี้เท่านั้น ผมหวังว่าต่อไปคุณจะไม่ปั้นเรื่องโกหกด้วยเรื่องวิธีการต่างๆ เพื่อพยายามทำให้เราเชื่อคุณนะครับ”

 

 

หันเลี่ยงยกยิ้มเหมือนกับวางแผนอะไรไว้ในใจ “ก็ได้ แล้วคืนนี้มาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นคนโกหก”

 

 

ขึ้นรถมาได้ไม่นาน หันเลี่ยงก็ขับรถมาถึงบ้านทรงยุโรปที่อยู่ลึกเข้ามา มีสนามหญ้าขนาดพอดีซึ่งถูกล้อมรั้วเอาไว้

 

 

“ถึงแล้ว เธอควรลงจากรถนะ ที่นี่เป็นบ้านของเธอ”

 

 

ซย่าชิงอีลงจากรถและก้าวไปตามพื้นหญ้าในสนาม ตาจ้องมองไปที่ไม้กางเขนบริเวณชั้นสามของบ้าน เธอไม่ได้มีความรู้สึกกับมันมากนักเมื่อเห็นครั้งแรก แต่เมื่อมองไปรอบข้างให้ละเอียดมากขึ้น หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้น

 

 

รู้สึกเหมือนเธอเคยอยู่ที่นี่มาก่อน เธอคุ้นเคยกับที่นี่ไม่น้อย คุ้นเคยจนทุกส่วนของรางกายตื่นตัวไปหมด

 

 

“ไม้กางเขน… นั่น…” ราวกับอยู่ในความฝัน แม้แต่เสียงของเธอยังฟังดูแปลกไป

 

 

โม่หันหน้ามองเธอที่จ้องไม้กางเขนบนบ้านทรงยุโรปอย่างไม่ละสายตา

 

 

“เธอจำบางอย่างได้แล้วเหรอ..” หันเลี่ยงมีท่าทีตื่นเต้น

 

 

เธอค่อยๆ รู้สึกตัวจากห้วงฝันเมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของหันเลี่ยง ก่อนหันหน้าหนีขณะก้าวขาไปข้างหน้าบนพื้นหญ้านุ่ม มุ่งหน้าไปยังประตูที่อยู่ตรงกลาง

 

 

ทันทีที่เธอกำลังเดินไปถึง ประตูก็ถูกเปิดจากด้านใน ปรากฏร่างของผู้หญิงที่มัดผมไว้หลวมๆ ด้านหลัง

 

 

เธอใส่ชุดกระโปรงยาวสีแดงเข้มที่คลุมถึงเข่าพร้อมผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลอ่อนที่มีพู่ห้อยอยู่บนไหล่ เธอส่งยิ้มบางๆ มาให้ซย่าชิงอีอย่างไม่ปิดบังริ้วรอยเล็กๆ บริเวณปลายหางตา

 

 

แม้ว่าจะมีอายุมากแล้วก็ยังคงดูสวย สวยจนซย่าชิงอีเพียงมองด้วยตาก็เห็นได้ชัดว่าตัวเธอหน้าตาคล้ายคลึงกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

 

 

ใครมาเห็นก็ต้องบอกว่าพวกเธอเป็นแม่ลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

“ลูกมาแล้ว… ดีจังเลยที่ลูกกลับมาแล้ว” นัยน์ตาของเธอคลอไปด้วยน้ำใสๆ

 

 

ซย่าชิงอีจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเงียบๆ มองเธอที่ก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ จนระยะห่างระหว่างกันน้อยลงเรื่อยๆ

 

 

อีกฝ่ายจับมือของเธอเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่หยดลงบนหลังมือของเธอ ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของอีกฝ่ายที่พยายามกลั้นไว้อย่างหนัก “ในที่สุดลูกก็กลับมา… ในที่สุดลูกก็กลับมา…”

 

 

หากเธอเชื่อคำพูดของหันเลี่ยงเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเห็นรูปที่เสียวเหม่ยเอาให้ดูที่ร้านอาหาร ตอนนี้เธอก็เชื่อเขากว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วเมื่อได้เจอผู้หญิงคนนี้”

 

 

เพราะว่าเธอเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน

 

 

ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ความรู้สึกปวดใจเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นหยดน้ำตาหล่นลงบนหลังมือ หลังจากนั้นภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็เลือนรางไปถนัดตา จนมองไม่เห็นมือเ**่ยวย่นที่จับมือเธออย่างแผ่วเบาอีกต่อไป

 

 

เธอคุ้นเคยกับผู้หญิงตรงหน้าเธอคนนี้เหลือเดิน ทั้งน้ำเสียงหรือแม้กระทั่งความอบอุ่นของมือทั้งสองข้างของเธอที่กุมมือของเธออยู่ ทว่าเธอกลับจำอะไรไม่ได้เลย

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาหนักขึ้น

 

 

ผู้หญิงคนนั้นอ้าแขนโผกอดเมื่อเห็นซย่าชิงอีร้องไห้ โอบกอดอย่างต้องการปกป้องสุดหัวใจขณะที่ลูบหลังอย่างอ่อนโยน “แม่รอลูกมานานเหลือเกิน… แม่จะไม่ปล่อยให้ลูกจากไปไหนอีกแล้ว”

 

 

ซย่าชิงอีปล่อยโฮอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ขณะที่ซบลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ทุกลมหายใจที่สูดโชยเข้าจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นที่อบอุ่นและคุ้นเคย กลิ่นที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 148 กักไว้จากข้างใน

 

 

รอบข้างตกอยู่ในความเงียบเมื่อความปวดหัวเริ่มเข้าจู่โจมซย่าชิงอี เธอเห็นตัวเองในวัยสิบสองปียืนอยู่ข้างถนน กำลังจ้องมองเงาที่เลื่อนห่างออกไปเรื่อยๆ เธอเดินอยู่คนเดียวบนถนนที่เงียบเหงา เสียงร้องไห้คร่ำครวญของตัวเองดังก้องในหู เมื่อมองไม่เห็นเงาที่ห่างออกไปอีกต่อไปเธอก็ปล่อยโฮออกมาดังขึ้น ทันใดนั้นเสียงตะโกนของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง เธอหันกลับไปและเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่เธอเจอก่อนหน้านี้

 

 

เห็นได้ชัดว่าเธออ่อนเยาว์กว่าที่เป็นตอนนี้ อยู่ในชุดกระโปรงสีเหลืองและวิ่งเข้ามากอดเธอพลางเอ่ยขึ้น “กลับบ้านกันเถอะนะ กลับบ้านกันเถอะนะ”

 

 

เป็นครั้งแรกที่เธอจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้

 

 

เธอมั่นใจว่ามันเป็นความทรงจำที่แท้จริงของเธอ ไม่ใช่รูปที่หันเลี่ยงให้เธอดู ไม่ใช่เรื่องที่เซียวเหมยเล่าให้ฟัง และไม่ใช่เรื่องที่เธอคิดไปเองว่าเป็นความทรงจำของเธอ

 

 

มันคือความทรงจำที่เป็นเรื่องจริงและแสนเจ็บปวดของเธอ

 

 

“เนี่ยนเนี่ยน… เธอ… จำบางอย่างได้แล้วใช่ไหม” หันเลี่ยงเอ่ยถามหลังจากความเงียบที่ผ่านไปเนิ่นนาน

 

 

เธอหลุดจากห้วงอารมณ์พลางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “ฉันไม่เป็นไร แค่ปวดหัวมากๆ ขึ้นมา”

 

 

“ถ้างั้นเข้าไปในบ้านเถอะ แม่จะไปเอายาให้ลูก ตอนเด็กๆ ลูกก็ปวดหัวบ่อยๆ เหมือนกัน” หญิงคนนั้นว่าขึ้น

 

 

ซย่าชิงอีมองเธอแวบหนึ่งแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม ในขณะที่พวกเขาดันตัวเธอให้เข้าไปในบ้าน เธอหันไปมองโม่หันก่อนที่เธอจะเข้าบ้านไปและเห็นเพียงสายตาเย็นชาของเขา

 

 

เธอรู้ว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

 

 

ความคุ้นเคยเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้าน เธอสูดหายใจลึกพลางมองไปรอบๆ เห็นผ้าม่านสีม่วงเข้ม เปียโนที่มีผ้าสีไหมสีขาวคลุมไว้ และพื้นไม้แบบดั้งเดิม ขาของเธออ่อนแรงจนเกือบจะทรุดลงเมื่อไม่สามารถประคองตัวเองไว้ได้

 

 

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม เนี่ยนเนี่ยน” หันเลี่ยงถาม

 

 

เธอส่ายหน้าขณะที่ยันตัวเองกับขอบโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอมองสำรวจรอบๆ ต่อ

 

 

จากความคุ้นเคยที่รู้สึก เธอมั่นใจว่าต้องเคยอยู่ที่นี่มานาน แม้จะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ไม่ได้ก็ตาม

 

 

เธอคุ้นตากับสิ่งของพวกนี้ในขณะที่ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามา อย่างไรก็ตามความทรงจำของเธอยังคงว่างเปล่าราวกับพวกมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

 

“เลี่ยงเลี่ยงบอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแล้ว แม่รู้ว่าลูกความจำเสื่อม แต่ต่อให้ลูกจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แม่แค่หวังให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในอนาคตก็พอแล้ว” หญิงคนนั้นพูด เธอมองโม่หันที่ยืนอยู่ข้างซย่าชิงอี พยักหน้าและยิ้มให้เขา “คุณคงเป็นคนที่ช่วยดูแลเนี่ยนเนี่ยนตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บสินะคะ ฉันขอบคุณคุณจริงๆ นะคะ”

 

 

แม้ว่าคำพูดของเขาจะเย็นชาขนาดไหน แต่โม่หันก็ยังส่งยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไรครับ”

 

 

หันเลี่ยงวางมือบนเอวของซย่าชิงอีอย่างไม่รู้ตัว “เนี่ยนเนี่ยน เธออยากไปดูชั้นสองไหม ห้องของเธออยู่ชั้นบน เธออาจจะจำบางอย่างได้”

 

 

เธอไม่ได้มีสตินักจึงไม่ทันสังเกตว่ามือของเขาอยู่ที่เอว อย่างไรก็ตามครั้งนี้เธอทำเพียงจ้องผู้หญิงตรงหน้าเธอ อยากจะลองดูหากใบหน้าของหญิงมีอายุคนนี้จะเกี่ยวข้องกับความทรงจำอื่นๆ ของเธอ จนทำให้เธอไม่ได้สังเกตการกระทำของเขาและไม่ได้ห้ามอีกฝ่าย

 

 

ทว่าสิ่งที่เธอทำกลับมีความหมายอีกอย่างในสายตาของโม่หัน ไม่มีใครสังเกตว่ามือขวาของเขาที่อยู่ด้านหลังนั้นกำแน่นอยู่

 

 

ซย่าชิงอีตามหันเลี่ยงไปที่ห้องนอนของเธอที่ชั้นสอง มีรูปแต่งงานขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่หัวเตียง เธอเกาะไหล่ของหันเลี่ยงไว้ขณะที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาว ประกายความสุขสะท้อนมาจากดวงตาของเธอ

 

 

“แม่ของเธอลงไปเตรียมน้ำชา เดี๋ยวเธอก็ขึ้นมาแล้ว” หันเลี่ยงกล่าวพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเขาที่ดังขึ้น เขาเหลือบมองก่อนที่จะปล่อยมือของเธอและว่าขึ้น “ฉันต้องไปคุยเรื่องงานนิดหน่อย เธอเดินดูรอบๆ ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด”

 

 

หลังจากหันเลี่ยงออกไปก็เหลือคนเพียงสองคนอยู่ในห้อง ซย่าชิงอีเดินไปรอบๆ ห้องพลางมองสำรวจการตกแต่งภายในห้อง ในเวลาเดียวกันโม่หันก็ล็อกประตูจากด้านในหลังจากหันเลี่ยงออกไป

 

 

เธอได้ยินเสียงและหันมามอง “ทำไมพี่ถึงล็อกประตูล่ะคะ”

 

 

เขาก้าวมาหาเธอ “ตอนนี้เธอจำได้หรือยัง”

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset