ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 151 นอนไม่หลับ / ตอนที่ 152 ค่ำคืนเหนือพรรณนา

ตอนที่ 151 นอนไม่หลับ

 

 

“ไม่ แค่ฉันยังไม่ชินน่ะ คุณก็รู้ว่าฉันจำเรื่องในอดีตไม่ได้ ฉันนอนคนเดียวมาตลอดหลังจากฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ”

 

 

“ถ้าเธอกังวลเรื่องนั้นก็ขอให้เชื่อใจว่าฉันจะแตะไม่ต้องเธอโดยที่เธอยังไม่อนุญาต”

 

 

เธอยิ้ม “ไม่ล่ะ ตอนนี้ฉันแค่เคยชินกับการนอนคนเดียวแล้ว”

 

 

หันเลี่ยงพยายามจะพูดโน้มน้าวเธอในขณะที่เธอเอ่ยขึ้น “คุณปล่อยให้ฉันค่อยๆ ปรับตัวก่อนที่ความทรงจำของฉันจะกลับมาได้ไหม มันคงไม่นานนักหรอก”

 

 

เขากล่าวรับ “ก็ได้ ฉันจะรอเธอ” มองเธอที่ยืนอยู่ที่ประตูก่อนหัวเราะขึ้นช้าๆ “เนี่ยนเนี่ยน มานี่มา”

 

 

เธอตอบกลับ “หืม มีอะไรเหรอ”

 

 

“บอกให้มานี่มา”

 

 

เธอเดินไปยืนข้างอีกฝ่ายที่กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เขายืดตัวขึ้นพร้อมโอบแขนรอบไหล่ดึงเธอให้โน้มลงมา ริมฝีปากของเขาขยับเข้ามาหมายจะจูบเธอ

 

 

เสียงระฆังดังขึ้นในหัวเธอทันที เธอผลักให้อีกฝ่ายห่างออกไปอย่างไม่ทันได้คิดอะไร เธอดันเขากลับไปนั่งบนเตียงก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสโดนตัวเธอ

 

 

เขาไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาขนาดนี้เมื่อมองอีกฝ่ายที่อยู่ในอาการตกใจ

 

 

หัวใจของซย่าชิงอียังคงเต้นแรง “ฉันขอโทษ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

 

หันเลี่ยงนั่งลง ท่าทางผิดหวังเล็กน้อย “ช่างมันเถอะ ฉันแค่คิดว่าเธอจะจำจูบราตรีสวัสดิ์ของเราได้”

 

 

เธอไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไรกับเขาขณะที่ยืนอย่างประหม่าอยู่ข้างเตียง

 

 

“ไม่ต้องคิดมากหรอก ดึกมากแล้ว เธอควรเข้านอนได้แล้ว” เขาว่าขึ้น

 

 

ทว่าเธอก็ไม่ได้เข้านอนตามที่เขาบอก ในจังหวะที่เธอเอนหลังลงบนเตียงหลังจากกลับเข้ามาในห้อง เธอก็รู้สึกว่าอาการนอนไม่หลับที่ไม่ได้เป็นมาสักพักกลับมาเยือนอีกครั้ง”

 

 

และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เธอคิด เวลาราวตีหนึ่งเธอก็ทนไม่ไหวและลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

 

 

เธอคิดถึงคนที่ทำอาหารให้เธอ คิดถึงคนที่ซื้อขนมปังถั่วแดงให้เธอ คิดถึงยามที่เขานั่งอยู่ข้างเตียงและเฝ้ามองเธอหลับไปตอนที่เธอนอนไม่หลับ คิดถึงแม้แต่ตอนที่เขาบ่นที่เธอเดินเชื่องช้าด้วยใบหน้ามุ่ยนั้น

 

 

ซย่าชิงอีลุกยืนขึ้น ดึงผ้าม่านขึ้นทั้งยังไม่ได้เปิดไฟ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง ตัวเธอนั่งอยู่บนพื้น พิงศีรษะไว้กับมือของตัวเองพลางมองดวงจันทร์สีหม่น คิดถึงตอนที่โม่หันนั่งมองดวงจันทร์เป็นเพื่อนเธอวันนั้น เขายังพูดอีกด้วยว่าจะอยู่ข้างเธอเสมอจนกว่าเธอจะเจอครอบครัวของเธอ

 

 

เขาทำตามคำที่เขาให้ไว้ เขาทำได้ดีจริงๆ ความจริงแล้วเขาทำทุกอย่างได้ดีจริงๆ

 

 

เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งและผลักประตูห้องนอนออกไป เดินไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ก้าวไปที่หน้าต่างและเปิดผ้าม่านให้แสงส่องเข้าในห้องให้สว่างขึ้นจะได้ไม่หกล้ม

 

 

สูดหายใจอยู่เงียบๆ ในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว

 

 

ทุกอย่างช่างดูคุ้นเคย เธอต้องเคยอยู่ที่นี่มาก่อนแน่

 

 

ซย่าชิงอีจำได้รางๆ ว่ามีกรรไกรวางอยู่ในลิ้นชักชั้นที่สองที่อยู่ทางด้านขวาของโทรทัศน์ และสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงจำเรื่องนี้ได้ ก่อนค่อยๆ จำรายละเอียดของบ้านหลังนี้ได้

 

 

เธอเดินไปที่นั่นและดึงมันให้เปิดออก และเป็นอย่างที่คาดไว้ว่ามีกรรไกรวางอยู่ตรงนั้น

 

 

รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆ ของมัน แม้แต่ความรู้สึกถึงสัมผัสนั้นยังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน

 

 

ความจำรางๆ ที่มีอยู่ทำให้รู้ว่ามีกล่องวางอยู่สักที่ กล่องที่บรรจุของต่างๆ ของเธอมากมายเอาไว้ แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองวางมันไว้ที่ไหน

 

 

“ทำไมลูกยังไม่นอนอีกล่ะ” ทันใดนั้นเสียงแม่ของเธอก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืด

 

 

“หนูนอนไม่หลับน่ะค่ะ เลยลงมามองรอบๆ ดู” เธอตกใจเล็กน้อย

 

 

“ทำไมล่ะ แปลกที่เหรอ”

 

 

“เปล่าค่ะ ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับเฉยๆ พอดีเพิ่งมาถึงเลยยังไม่ชินกับที่นี่น่ะค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงดีขึ้น”

 

 

“นอนไม่หลับเหรอ เป็นมากหรือเปล่า แม่จะไปเอายาให้ลูกพรุ่งนี้นะ”

 

 

“ไม่ค่ะ… หนูไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คงปรับตัวได้”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 152 ค่ำคืนเหนือพรรณนา

 

 

“ถ้าลูกไม่สบายต้องบอกเราเลยนะ เราจะพาลูกไปหาหมอถ้าลูกไม่สบายตัว เราจะพาลูกไปพบจิตแพทย์ถ้าลูกไปสบายใจ แม่แค่อยากให้ลูกมีความสุขกับทุกอย่างที่นี่”

 

 

ซย่าชิงอีตบมือเธอเบาๆ “หนูสบายดีค่ะ หนูรู้แล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายจะบอกนะคะ”

 

 

หลังจากเจอเธอเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวาน ก็เกือบจะมั่นใจได้ว่าเธอเป็นแม่ของตัวเองจริงๆ เธอรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เธอขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่าย “แต่ก่อนหนูมีกล่องของตัวเองหรือเปล่าคะ กล่องที่ทำจากเหล็กแล้วก็ดูเก่าๆ หน่อย แม่รู้ไหมคะว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”

 

 

“กล่องเหล็กเหรอ… อันนั้นนั่นเอง… มันนานมากแล้ว ลูกชอบใส่ของแปลกๆ ที่รู้สึกสนใจลงไปในกล่องนั้นตอนลูกยังเล็ก แต่ว่าแม่ก็จำไม่ได้ว่าเอาไปไว้ที่ไหนแล้วเหมือนกันตอนเก็บบ้านเมื่อหลายปีก่อน อาจจะอยู่ในห้องเก็บของนะ”

 

 

“งั้นหนูจะไปหาดูพรุ่งนี้”

 

 

“ทำไมต้องไปหาให้ฝุ่นเกาะตัวเองเล่นทั้งที่อาจจะหาไม่เจอด้วยล่ะ ไม่ต้องตามหามันหรอก ถ้าลูกอยากรู้เรื่องในอดีตก็ถามแม่ก็ได้นี่” ดูเหมือนเธอจะไม่ต้องการให้ซย่าชิงอีไปหากล่องนั้น

 

 

ซย่าชิงอีรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย เครื่องหมายคำถามอันใหญ่เกิดขึ้นในใจของเธอเมื่อเห็นแม่ของตัวเองเลื่อนสายตาไปทางพระจันทร์สีเย็นตา

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่พวกเขาปิดบังเธอเอาไว้

 

 

เมื่อเธอครุ่นคิดให้ละเอียดขึ้นก็พบว่าทั้งหันเลี่ยงและแม่ของเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอเลยแม้แต่นิด พวกเขาเอาแต่พูดว่าเป็นการลักพาตัว ว่าแต่เหตุผลของการลักพาตัวล่ะ ไม่มีการเรียกค่าไถ่บ้างหรือ ทำไมเธอถึงกลับได้รับบาดเจ็บที่เมือง F ทำไมเธอถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการลักพาตัวสักนิด

 

 

ในขณะเดียวกัน ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับทุกมุมของบ้านหลังนี้เมื่อได้กลับมาที่นี่ขนาดนี้

 

 

ยิ่งเธอคิดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสงสัยมากขึ้น

 

 

“มีอะไรเหรอ เนี่ยนเนี่ยน” แม่ของเธอเอ่ยถามขึ้น

 

 

“ไม่มีอะไรค่ะ” เธอตอบ “จู่ๆ หนูก็ง่วงขึ้นมาน่ะ ขึ้นไปนอนก่อนนะคะ”

 

 

เธอไปส่งอีกฝ่ายที่ห้องก่อนที่จะขึ้นไปชั้นสองเพื่อพยายามข่มตานอนหลับ เธอเปิดไฟและมองสำรวจไปรอบห้องอย่างละเอียดอย่างกำลังหาเบาะแสที่ทำให้จำเรื่องบางอย่างในอดีตได้ เผื่อว่าอาจจะช่วยเธอหาคำตอบเรื่องที่สงสัยได้

 

 

แต่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งเธอก็จำเรื่องที่พอจะช่วยให้เธอคิดออกไม่ได้ รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยขณะที่ทรุดตัวนั่งบนพื้นเพื่อเรียบเรียงความคิดของตัวเองแม้ว่าจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม

 

 

เธอเปิดหน้าต่าง ลมเย็นอ่อนๆ พัดเข้ามาในห้องพร้อมดวงจันทร์สีสบายตาที่อยู่เหนือศีรษะไป เธอเอนตัวพิงขอบหน้าต่างขณะที่เริ่มเข้าใจทีละนิด เธอเชื่อทุกอย่างที่เห็นไม่ได้ ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงเท่าไรก็ยิ่งเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเพียงภาพลวงตา

 

 

สิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้คือความทรงจำของตัวเอง

 

 

เธอมั่นใจว่าผู้หญิงที่นอนอยู่ชั้นล่างคือแม่ของเธอ ความเจ็บปวดในใจไม่เคยโกหกเธอ และยังมั่นใจว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจในหลายๆ เรื่องแต่ทว่าก็ยังรู้สึกแปลกๆ ตรงไหนที่ผิดปกติกันนะ อะไรที่แม่ของเธอปิดบังเธอไว้ เกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนี้กันแน่

 

 

เธออยากจะเข้าใจทุกอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยความทรงจำอันว่างเปล่าของเธอนั้นจะต้องเริ่มจากตรงไหน

 

 

หลังจากครุ่นคิดวนไปมา เธอก็ผล็อยหลับไปราวๆ ตีห้าในตอนที่ฟ้าเริ่มสาง

 

 

อีกด้านหนึ่ง โม่หันที่กลับมาที่เมือง S และเริ่มใช้เวลาในค่ำคืนแรกที่ไม่มีซย่าชิงอีด้วยการนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา

 

 

ระหว่างที่เขานั่งกินข้าวหลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาใช้เวลาสักพักในยอมรับกับตัวเองว่าอีกฝ่ายกลับไปอยู่ในที่ที่เธอคิดว่าเป็นบ้านของเธอเสียแล้ว

 

 

เขาไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่เธอเป็นคนฉลาดขนาดนั้น แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับ

 

 

หันเลี่ยง เขาต้องโกหกเธอเรื่องการแต่งงานและเรื่องที่เขาพยายามตามหาตัวเธออยู่แน่ๆ!

 

 

ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้เท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธ โม่หันนั่งดูโทรทัศน์ขณะที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน อดไม่ได้ที่จะกำรีโมตโทรทัศน์ในมือแน่น เมื่อไม่มีรายการที่เขาต้องการดูก็โยนรีโมตลงบนโต๊ะกาแฟ ลุกขึ้นและเดินเข้าครัวไปหยิบขวดไวน์และแก้วมาจากชั้นวางของ

 

 

ซย่าชิงอีไม่ได้ดื่มมัน และเขาก็ไม่ค่อยชอบดื่มที่บ้านเช่นกัน เขาจึงได้เก็บขวดไวน์ไว้ที่ชั้นบนสุด เขาล็อกมันไว้และไม่ได้ดื่มมันมานานมากแล้ว

 

 

เขาเกิดต้องการจะดื่มขึ้นมาในตอนที่เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ถือขวดไวน์ไว้มือหนึ่งขณะที่อีกมือถือแก้วไว้ พร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง เทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อย แกว่งแก้วไปมาระหว่างที่ค่อยๆ จิบของเหลวในแก้วอย่างเงียบๆ ในค่ำคืนอันโดดเดี่ยว

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset