ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 52

ตอนที่ 52 การปะทุ

 

ลึกลงไปใต้เมืองตกหนิงอีกด้านหนึ่งของพื้นที่บิดเบี้ยว

 

เหล่าอสูรจำนวนมากรวมตัวกันที่นั่น ด้านหน้าของทัพอสูรคือกลุ่มของราชาอสูร กลิ่นอายของพวกมันต่างออกไปจากตัวอื่นๆ ในเวลาเดียวกันพวกมันก็มองไปยังผู้นำของมันที่สูงกว่า5จั้ง ชานจิ่วเฉา พื้นที่ปกครองของมันยิ่งใหญ่เกือบ 500 ลี้ มันมีราชาอสูรสิบตนและอสูรนับหมื่นนับแสนอยู่ภายใต้บังคับบัญชา

 

ชายชุดคลุมเทาเดินออกมาจากพื้นที่บิดเบี้ยวและมาเข้าเฝ้าชานจิ่วเฉา “ท่านจ้าวชาน อีกฝั่งของทางผ่านโลกนั้นอยู่ในราชวงศ์โจว แคว้นวู่ เมืองตงหนิงขอรับ”

 

“เมืองตงหนิง?” ชานจิ่วเชาอ้าปากหาวด้วยใบหน้าที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “เมืองเล็กๆแค่นั้นมันไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย”

 

ทันใดนั้น ราชาอสูรที่อยู่รอบๆมันก็เริ่มมีประกายไฟจุดขึ้นในดวงตา

 

“ทางผ่านโลกนี้เล็กเกินไป” ชานจิ่วเฉามอง “มีเพียงราชาอสูรชั้นสองเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปได้”

 

“ราชาอสูรวานรจง ราชาอสูรทรราชคำรน ราชาอสูรบึงพิษ” ชานจิ่วเฉากล่าว

 

“ขอรับ” ทันใดนั้นวานรสีดำที่แบกเสา กลุ่มหมอกพิษสีดำ และอสูรคำรามที่สูงกว่าสิบจั้งก็ก้มหัวลง

 

“พวกเจ้าทั้งสามเป็นราชาอสูรชั้นสองที่ทรงพลังมากทีเดียว” ชานจิ่วเฉาจ้องมองไปที่ราชาอสูรพยัคฆ์ขาว “ไป่เฉิน เจ้าจะเข้าถึงระดับที่สามเร็วๆนี้ใช่หรือไม่?”

 

“ข้ายังต้องเตรียมตัวอีกสองสามวันขอรับ” ราชาอสูรพยัคฆ์ขาวกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม

 

ชานจิ่วเฉาพลิกมือ มีขวดสีดำปรากฏขึ้น และมันก็โยนไปให้ไป่เฉิน

 

ราชันอสูรไปเฉิน รับมันด้วยท่าทางนอบน้อม ตาของมันเป็นประกายเมื่อได้เห็นว่ามันคือสิ่งใด

 

“นี่คือผลึกโลหิตอสรพิษที่ข้าได้มาตอนสังหารมันที่ทางตอนเหนือ ด้วยการเตรียมการของเจ้าเจ้าจะเข้าสู่ระดับสามทันทีเมื่อกินมันเข้าไป” ชานจิ่วเฉากล่าว “กินมันหลังจากที่เจ้าเข้าสู่โลกมนุษย์แล้ว หลังจากฆ่าเทพอสูรในเมืองตงหนิง ให้มุ่งหน้าไปยังด่านฉินหยางที่ใกล้ที่สุด พวกเราจะจู่โจมร่วมกับเจ้าด้วย ถึงแม้จะโจมตีไม่สำเร็จแต่เจ้าก็ยังสามารถถอยกลับมายังแดนอสูรได้”

 

ทางผ่านโลกที่ไม่เสถียรนี้ทำให้มีเพียงแค่ราชาอสูรระดับสองเท่านั้นที่จะเข้าออกได้

 

เมื่อผ่านเข้าไปแล้ว ราชันอสูรไป่เฉินจะกลับผ่านทางประตูที่ไม่เสถียรนี้ไม่ได้ และทางกลับที่ใกล้ที่สุดก็มีเพียงแค่ด่านฉินหยาง

 

“ขอรับ” ไปเฉินตอบด้วยความนอบน้อม

 

“ราชันอสูรไปเฉิน เจ้าวานร ทรราชคำรน และบึงพิษ จงไปถล่มเมืองตงหนิงให้ราบเสีย” ชานจิ่วเฉากล่าว

 

“ขอรับ” ราชาอสูรทั้งสี่ตอบ

 

แม้ว่าชานจิ่วเฉาจะมีราชาอสูรมากกว่าสิบตนภายใต้บังคับบัญชา แต่ส่วนใหญ่เป็นราชาอสูรระดับหนึ่งเท่านั้น! ราชาอสูรระดับหนึ่งนั้นคือราชาอสูรที่พึ่งได้ขึ้นมาใหม่และยังมีรากฐานที่อ่อนแอ แต่ตราบใดที่พวกมันได้รับการฝึกฝนระยะหนึ่ง มันก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปถึงระดับสอง

 

ดังนั้นพวกอสูรจะไม่ปล่อยให้ราชาอสูรระดับหนึ่งเป็นคนนำทัพ ราชาอสูรระดับหนึ่งยังมีความเป็นไปได้อยู่อีกมาก กลับกัน ราชาอสูรระดับสองนั้นคือทัพหลัก! เป็นเพราะราชาอสูรส่วนใหญ่มักจะหยุดอยู่ที่ระดับสอง เข้าถึงระดับสาม? เป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก ส่วนการฝึกฝนให้ได้ถึงระดับชานจิ่วเฉานั้น เป็นเรื่องยากเย็นเหนือบรรยาย

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com

 

“พวกเจ้าทั้งสี่จะนำกองกำลังทั้งหมด 18,000 ตน ด้านหลังเจ้า ออกเดินทางเดี๋ยวนี้” ชานจิ่วเฉาสั่ง

 

ราชาอสูรทั้งสี่หันไปมองกองทัพอสูรที่อยู่เบื้องหลังพวกมันทันที

 

ชานจิ่วเฉาใช้เวลาไม่กี่ชั่วยามในการเรียกอสูร 18,000 เหล่านี้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดที่มันจะรวบรวมได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ว่ามันจะมีอสูรอยู่ใต้บังคับบัญชากว่าแสนตน แต่พวกมันก็อยู่แยกกันกระจัดกระจายในระยะ500ลี้นี้

 

นอกจากนี้ ชานจิ่วเฉายังต้องระวัง เมืองตงหนิงเป็นเมืองของมนุษย์ธรรมดาก็จริง แต่อาจจะมีเทพอสูรที่ทรงพลังอยู่ในนั้น ไม่ว่ามันจะส่งลูกสมุนไปเท่าไหร่มันก็เหมือนส่งพวกมันไปตาย! กองทัพที่ประกอบด้วยราชาอสูรสี่ตนและอสูรนับหมื่นนั้นเหมาะสมมาก ปกติแล้วกองกำลังเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองตงหนิงราบเป็นหน้ากลองได้ แต่ถึงพวกมันจะถูกกำจัดเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด มันก็ไม่ทำให้กำลังพลของพวกมันลดลงไปมากมายแต่อย่างใด

 

“ออกเดินทาง” ราชันอสูรไป่เฉินออกคำสั่ง

 

ราชาอสูรทั้งสี่เดินเข้าไปในมิติบิดเบี้ยวนั้นก่อน ราชาอสูรทรราชคำรนที่ตัวใหญ่ที่สุดก็ลดตัวลงเหลือ3จั้งและเดินเข้าไป หลังจากนั้นผู้บัญชาการทัพอสูรสิบแปดตน ผู้นำนับร้อย และอสูรขนาดใหญ่นับพัน… และท้ายที่สุด อสูรชั้นต่ำกว่าหมื่นก็เดินตามเข้าไป

 

มิติบิดเบี้ยวมีขนาดจำกัด การที่จะผ่านกองกำลังขนาดใหญ่ไปนั้น จึงใช้เวลาชั่วครู่กว่าจะผ่านไปได้

 

 

ซูมๆๆ!

 

ราชันอสูรไปเฉิน ตามมาโดยราชาวานร ทรราชคำรน และบึงพิษ ก็ขึ้นสู่ผิวน้ำ ราชันอสูรไปเฉิน กลืนผลึกโลหิตที่อยู่ในขวดสีดำโดยไม่ลังเล ร่างกายของมันร้อนขึ้นทันทีเมื่อกระแสพลังของมันขยายออกไปอย่างรวดเร็ว สำหรับทรราชคำรน มันก็เปลี่ยนกลับไปเป็นขนาดเดิมสูงกว่า 10จั้ง มันสูงกว่าร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองตงหนิงด้วยซ้ำ

 

“เทพอสูรของมนุษย์อยู่ในทิศทางนั้น” ไป่เฉินชี้ “ฆ่ามัน”

 

ทรราชคำรนยยิ้มกริ่ม “ฆ่าเทพอสูร ทำลายตงหนิงให้ราบ ฆ่ามนุษย์ให้สิ้น อย่าปล่อยให้เหลือรอด”

 

“ไป” ราชาอสูรทั้งสี่พุ่งตรงไปยังพระราชวังหยกสุริยันทันที

 

ราชาอสูรวานรกลายเป็นลำแสงสีดำที่เร็วและว่องไวที่สุด ร่างกายทั้งหมดของบึงพิษกลายเป็นหมอกสีดำที่ลอยอยู่เหนือหลังคา ส่วนทรราชคำรนนั้น เมื่อมันเดินพื้นดินก็สั่นสะเทือน ทุกย่างก้าวของมันบดขยี้บ้านที่อยู่ด้านล่างพร้อมกับร่างสูงกว่าสิบจั้งที่พุ่งไปข้างหน้า และในพริบตาไป่เฉินที่ก้าวไปยังระดับที่สามแล้วก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอสูรออกมา มันแข็งแกร่งที่สุด ขนาดทรราชคำรนที่ตัวสูงใหญ่ยังเทียบกับมันไม่ได้

 

“แยกกลุ่มกันไปแล้วฆ่าพวกมนุษย์ให้หมดเสีย” อสูรจำนวนมากตามออกมา ก่อนที่มันจะเริ่มแยกกันเป็นกลุ่มแล้วออกไป

 

ทุกกลุ่มมีผู้นำอสูร อสูรตัวใหญ่ประมาณสิบตัว และชั้นต่ำประมาณเก้าสิบตัว

 

การที่จะเป็นผู้บัญชาการอสูรได้นั้น พวกมันจะต้องปล่อยกลิ่นอายอสูรเป็น! ผู้บัญชาการบางตัวนั้นถึงขนาดควบแน่นแก่นอสูรไปได้แล้วเลยด้วยซ้ำ

 

“พวกมนุษย์”

 

“มนุษย์อ่อนแอ”

 

พวกมันแยกกันไปอย่างรวดเร็วและเริ่มโจมตีใส่มนุษย์ที่พบระหว่างทาง

 

“ค้นหาสำนักเต๋าทั้งแปดในเมืองตงหนิงและสังหารเหล่าศิษย์มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ”อสูรกลุ่มใหญ่เริ่มมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าทั้งแปด พวกมันได้รับแผนที่เมืองตงหนิงอยู่แล้วและรู้ตำแหน่งของสำนักทั้งแปดนั้น

 

สำนักเต๋าคือความหวังของเมืองนี้! เด็กๆและอัจฉริยะทั้งหลายที่จบจากสำนักเต๋ามีความเป็นไปได้ที่จะได้ขึ้นเป็นเทพอสูรคนต่อไป

 

หากเป็นเรื่องการฆ่าล้างมนุษย์ เหล่าอสูรจะทำลายสำนักเต๋าเป็นอย่างแรก! ฆ่าล้างศิษย์ของสำนักเต๋าทั้งหมดทำให้ขาดตอนไปนับสิบปี

 

“มันมาแล้ว”

 

เจ้าวังหยกสุริยันสัมผัสได้ถึงพลังของอสูรที่ไม่มีการปกปิดหวิน ว่านไห่ทำหน้าเคร่งขรึมขณะที่เมิ่งเซียนกูกระแทกไม้เท้าของเธอลงกับพื้น คลื่นที่มองไม่เห็นกระเพื่อมออกมาขณะที่สำรวจพื้นที่10ลี้โดยรอบ สีหน้าเมิ่งเซียนกูบิดเบี้ยว เธอกล่าว “มีราชาอสูรทั้งหมดสี่ตน หนึ่งในนั้นคือราชาอสูรระดับสาม ส่วนที่เหลือเป็นราชาอสูรระดับสอง”

 

“อะไรกัน?” สีหน้าของหวินว่านไห่เปลี่ยนไป “ทางผ่านโลกที่ไม่เสถียรแบบนี้ปล่อยให้ราชาอสูรระดับสามผ่านมาได้ด้วยรึ?”

 

ก๊อง!ก๊อง!ก๊อง!ก๊อง!ก๊อง!

 

ทันใดนั้นเอง ระฆังภายในพระราชวังหยกสุริยันก็ดังขึ้น จอมยุทธระดับไร้ตำหนิหลายคนกำลังตีระฆังอย่างต่อเนื่อง เสียงระฆังดังก้องไปทั่วเมือง

 

ภายในเมืองตงหนิง ที่เหล่าพ่อค้าเร่กำลังตั้งร้าน คนเดินไปเดินมา ผู้คนที่กำลังทำอาหารเช้า และเหล่าศิษย์สำนักเต๋าที่กำลังฝึกวิชา ต่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงระฆัง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป และพ่อค้าเร่ก็วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สนใจแผงลอยของพวกเขาเลย

 

“ซ่อนเร็ว!”

 

“เร็ว!”

 

ทุกๆอำเภอมีอุโมงค์ลึกอยู่ ผู้คนกว่า 100 คนทุกเพศทุกวัยวิ่งไปยังอุโมงค์

 

“อยู่ที่นี่ อย่าออกมา” ชายคนหนึ่งกับภรรยากล่าว

 

“พ่อคะ พ่อ.…”ลูกสาวของพวกเขาตะโกน

 

“พ่อต้องไปสู้กับอสูร” ชายคนนั้นยิ้มขณะที่เขาถือหอกและรีบวิ่งออกไป

 

มาตราการเมื่อต้องเผชิญกับอสูร

 

ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับชำระแก่นแท้จะต้องซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์

 

ผู้ที่อยู่ในระดับชำระแก่นแท้ขึ้นไปไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไรก็ต้องต่อสู้กับอสูร

 

การเข้าถึงระดับชำระแก่นแท้หมายความว่าคนๆนั้นจะต้องเป็นทหารเมื่ออายุย่างเข้ายี่สิบ และชายหญิงเหล่านี้ส่วนมากต่างมีประสบการณ์ในการต่อกรกับอสูร

 

 

ที่จิงหูเมิ่ง เมิ่งชวนที่กำลังฝึกท่าชักกระบี่ เมื่อได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น ทหารยามที่คอยช่วยเหลือเขาก็หยุดมือ พร้อมกับสีหน้าของเมิ่งชวนเปลี่ยนไป

 

ระฆังเหล่านี้…ในระดับเร่งด่วนนี้…เขาเคยได้มันเมื่อตอนอายุได้หกขวบ

 

“รวมตัวกันมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าที่ใกล้ที่สุด” ทหารยามในคฤหาสน์ตะโกนออกมาทันที พวกเขาเป็นทหารผ่านศึก ชีวิตอันสงบสุขในเมืองของพวกเขาไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณในการต่อสู้หมดไป พวกเขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานในการรับราชการทหารห้าปี เมื่อต้องสู้กับอสูร มันเป็นการต่อสู้ถึงตาย! ทุกคนจะต้องสู้จนตัวตาย!

 

ตอนนี้เมืองตงหนิงจะกลายเป็นสนามรบ ใครก็ตามที่อยู่สูงกว่าระดับชำระแก่นแท้จะต้องเข้าร่วมสงคราม!

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset