ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 53

ตอนที่ 53 หนึ่งกระบี่หนึ่งชีวิต

 

“ลุงเฉียน” เมิ่งชวนออกคำสั่ง “เปิดคลังอาวุธและให้ทุกคนหยิบไป หลังจากคนที่เหนือกว่าระดับชำระแก่นเลือกเสร็จ ก็ให้รีบไปสำนักเต๋าจิงหู่ในทันที”

 

“ขอรับ” ทุกคนตอบโดยพร้อมเพรียงกัน นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

 

สำนักเต๋าจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างดี เมืองตงหนิงนั้นกำลังถูกโจมตีโดยอสูร ทั้งเมืองตกอยู่ในอันตราย และสำนักเต๋าอื่นๆก็อยู่ไกลเกินไป แม้แต่คฤหาสน์ของบรรพบุรุษก็อยู่ห่างออกไปกว่าสิบลี้แล้ว มันยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะไปถึง ระหว่างทางพวกเขาอาจจะถึงตายเลยก็เป็นได้ แต่สำหรับสำนักเต๋าจิงหู่นั้นอยู่ใกล้

 

ซุบ ร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์เมิ่งไปที่สนามฝึก

 

ร่างนั้นตะโกน “เมิ่งชวน!” เขาคือชายแก่ผมสีดำ

 

“ท่านผู้อาวุโสที่ห้า” เมิ่งชวนจำคนๆนั้นได้ทันที

 

“คำสั่งของเมิ่งเซียนกู” ผู้อาวุโสผมดำพูดด้วยเสียงต่ำ “เมืองตงหนิงตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ดังนั้นเจ้าได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม ได้โปรดช่วยปกป้องสมาชิกทั้ง 3000 คนในคฤหาสน์บรรพบุรุษด้วย! กลุ่มตระกูลเทพอสูรทั้งห้าก็เป็นจุดที่เหล่าอสูรเล็งโจมตีเช่นกัน นอกจากนี้ หากเมิ่งเซียนกูและคนอื่นๆและราชาอสูรชนะ ผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองตงหนิงจะต้องหนี เจ้าเองก็ต้องหนีด้วย แต่จงไปคนเดียว เจ้าคือความหวังเดียวของตระกูลเมิ่ง จงอย่าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย”

 

“เข้าใจแล้วขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า เขาเข้าใจว่าย่าทวดของเขาต้องการอะไร

 

ตอนนี้ราชาอสูรกำลังถูกเหล่าเทพอสูรยื้อเอาไว้ และด้วยความเร็วของเมิ่งชวน ไม่มีใครหยุดเขาได้หากเขาต้องการจะไป! ดังนั้นเขาจึงได้รับอนุญาติให้ทำอะไรก็ได้ เมิ่งเซียนกูถึงกับหวังว่าเขาจะช่วยปกป้องสมาชิกทั้ง3000คนที่คฤหาสน์บรรพบุรุษเลยด้วยซ้ำหากเทพอสูรพ่ายแพ้ราชาอสูรจะมีอิสระที่จะสังหารหมู่ทั้งเมืองเมื่อนั้นเมิ่งชวนจะต้องหนี

 

“ข้าจะกลับไปที่คฤหาสน์ของบรรพบุรุษตอนนี้เลย เจ้าจะมากับข้าไหม?” ผู้อาวุโสผมดำกล่าว

 

“ข้าจะไปช่วยชีเยว่ก่อน ชีเยว่ยังคงกำลังไปยังสำนักเต๋าเพลิงตะวัน” เมิ่งชวนกล่าว “ข้าจะไปที่คฤหาสน์บรรพบุรุษหลังจากไปช่วยชีเยว่แล้ว”

 

“ตกลง” ผู้เฒ่าผมดำหันหลังและจากไป เวลาเป็นสิ่งมีค่า

 

ซึบ

 

เมิ่งชวนกระโดดข้ามกำแพงตรงสวนไป เขาเป็นเหมือนเปลวควันที่วูบผ่านไปในขณะที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถาบันสำนักเต๋าเพลิงตะวัน เขตประสาทสัมผัสเขานั้นมีระยะอยู่ที่1ลี้ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถหาหลิวชีเยว่เจอในทันทีที่เธออยู่ใกล้ๆ

 

ชีเยว่อยู่ในระดับก่อกำเนิด และยังเป็นนักเกาฑัณฑ์ที่ไม่เก่งในการต่อสู้ระยะใกล้ หากเจออสูรกลุ่มใหญ่อาจมีปัญหาได้ จิตใจของเมิ่งชวนเต็มไปด้วยความรู้สึกเคร่งเครียด

 

พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน

 

ชีเยวนั้นสำคัญมากสำหรับเขา เขาต้องปกป้องเธอ แม้ว่าพ่อของเขาและลุงหลิวจะอยู่ข้างนอกเช่นกัน แต่พวกเขาก็รับรู้ถึง “พลัง” มาได้นานแล้วอีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับอสูรในสนามรบมานานหลายปี เมื่อร่วมมือกัน โอกาสที่จะจัดการกับสถานการณ์ได้ก็สูง และที่สำคัญที่สุด เขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาหายไปไหน หาไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าชีเยว่เดินทางไปสำนักเต๋าเพลิงตะวัน

 

ฟุบๆๆๆ!

 

เมิ่งชวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็เห็นบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com

 

ร่างน่าเกลียดกำลังวิ่งอยู่บนถนนจากไกลๆ บางตัวก็วิ่งบนหลังคาในขณะที่บางตัวก็พุ่งไปในท้องฟ้า โดยทั่วไปแล้วอสูรจะสูงกว่ามนุษย์ บางครั้ง อสูรอาจจะใหญ่เกือบ2-3จั้งได้เลยทีเดียว! และพวกมันทุกตัวกำลังพุ่งเข้ามาหาเมิ่งชวน

 

‘มีอสูรมากมายเหลือเกิน เมิ่งชวนรู้สึกอึดอัดใจ ท่าทางแบบนี้ทางผ่านโลกคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งจากทางนั้น’ เมิ่งชวนเดา เหล่าอสูรต่างมุ่งหน้าไปในทิศทางต่างๆเมื่อมันออกมา

 

ไม่มีทางหลีกเลี่ยงอสูรระหว่างทางไปยังสำนักเต๋าเพลิงตะวันได้ ยังไงข้าก็ต้องบุกฝ่าเข้าไป เมิ่งชวนไม่ได้ชะลอลงในขณะที่มุ่งหน้าเข้าสู่ฝูงอสูร

 

ปกติแล้ว มนุษย์ธรรมดาสามัญนั้นเรียกได้ว่าไร้กำลังเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมันเป็นกองทัพ อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเมิ่งชวนช่วยเพิ่มความกล้าของเขา เขารับรู้ทุกอย่างในระยะ1ลี้ อีกทั้งความเร็วอันน่าเหลือ มันทำให้เขาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น

 

หืม? ในขณะที่เขาวิ่งใกล้เข้าใส่กองทัพอสูร เขาก็เห็นอสูรจำนวนมากกำลังต่อสู้อยู่

 

เหล่าจอมยุทธกำลังยื้อพวกมันไว้อยู่

 

โฮก! อสูรหมาป่าถูกตาข่ายพันแน่น มันส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ไม่สามารถฉีกตาข่ายออกจากกันได้ จากนั้นหอกสั้นสามอันก็พุ่งออกมาจากบ้านและแทงทะลุร่างของอสูรหมาป่า มันร่วงลงไปตายกับพื้น

 

“บุกเข้าไปกัน” ทันใดนั้น อสูรห้าตัวก็พุ่งเข้าไปในบ้าน แต่ในห้องนั้นเต็มไปด้วยกับดักและมีจอมยุทธสามคนนอนรอซุ่มโจมตี

 

ในขณะที่อสูรมันพุ่งเข้ามา อสูรสองตัวก็ถูกพันด้วยเชือกก่อนที่หอกสั้นจะสังหารพวกมันลง!

 

เชือกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการรับและสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งพื้นฐานสำหรับคนที่เป็นทหารในการวางกับดักเชือก เห็นได้ชัดว่ามีกับดักเชือกจำนวนมากตั้งอยู่ในบ้าน อย่างไรก็ตามอสูรไม่ได้โง่ มีเพียงอสูรสองตัวเท่านั้นที่โดนก่อนที่อาคารจะถูกทำลาย

 

ถ้าจะบอกว่าวิชาการต่อสู้ของมนุษย์นั้นยอดเยี่ยม พวกเขาวางกับดักและทำงานร่วมกัน แต่อสูรมีเพียงแค่ความสามารถเดียว มุ่งไปข้างหน้าและฆ่า!

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ตายกันที่นี่แล้วล่ะ” ชายชราแขนเดียวคนหนึ่งถือกระบี่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ

 

ผู้หญิงตาเดียวสะพายถุงหอกสั้นไว้ที่หลัง เธอถือหอกสั้นในแต่ละมือและขว้างใส่พวกอสูรอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเธอในระยะประชิดเช่นนี้ อย่างในห้องนี้ นั้นแข็งแกร่งมาก แต่อสูรตั๊กแตนก็สามารถปัดมันได้อย่างง่ายดาย หญิงตาเดียวก็ยิ้มเช่นกัน “พวกเราทั้งสามยังอยู่ในระดับก่อกำเนิด ฆ่าปีศาจชั้นต่ำได้สามตัวก็คุ้มค่าแล้ว”

 

“คุณนาย ลุงจาง เรามาทำมันอีกรอบเถอะ ปีศาจทุกตัวที่ตายมีค่า” ชายร่างสูงที่ถือโล่และขวานขนาดใหญ่กล่าว

 

โดยรวมแล้วอสูรแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก

 

ตัวอย่างเช่น ในกองทัพอสูร 18,000 ตนที่บุกมานี้ มีอสูรมากกว่าสองร้อยตัวที่สามารถปล่อยกลิ่นอายอสูรออกมาได้! ในเมืองตงหนิงมีเพียงประมาณแค่ยี่สิบคนเท่านั้นที่ตระหนักรู้ถึง “พลัง” แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วมนุษย์สามารถจัดการกับอสูรสองหรือสามตัวได้สบายๆ แต่อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพนั้นคือสิบแปดขุนพล! ขุนพลเหล่านี้นั้นเป็นสายเลือดชั้นสูงของราชาอสูร พวกมันแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ระดับควบแน่นแก่นแท้มาก เรียกได้ว่าพวกมันเหมาะแก่การฆ่ามนุษย์ระดับควบแน่นแก่นแท้

 

และอสูรที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาอสูร…ไม่ว่าพวกมันจะโหดแค่ไหนในการต่อสู้ แต่ร่างของพวกมันก็ทัดเทียมได้แค่เท่ากับมนุษย์ในระดับก่อกำเนิด เมื่อต้องสู้กันแบบนี้แล้ว จอมยุทธในชั้นก่อกำเนิจึงใช้กับดัก และทำให้พวกเขาสามารถสู้กับพวกมันได้อย่างเหนือกว่า

 

ดังนั้น แม้แต่เทพอสูรก็ต้องยอมรับว่าในแดนมนุษย์ อสูรสามารถบดขยี้มนุษย์ได้อย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เทพอสูรไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชาอสูรเลย ตราบใดที่เทพอสูรชนะ การสังหารอสูรธรรมดาก็เป็นเรื่องง่าย

 

“ฆ่ามัน!” ชายร่างสูง ชายร่างใหญ่ ผู้หญิงตาเดียวและชายแก่แขนเดียวก็ตะโกน พวกเขาเตรียมใจสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ไว้แล้ว ในขณะที่อสูรทั้งสามพุ่งไปข้างหน้าเพื่อฉีกมนุษย์ทั้งสามเป็นชิ้นๆ

 

ฉับ

 

ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านมา ลำแสงกระบี่หั่นอสูรทั้งสามตัวลง ทั้งสามตัวนั้นถูกผ่าครึ่งและไม่นานก็ลงไปอยู่บนพื้น

 

ร่างของเมิ่งชวนปรากฏขึ้นมาใกล้ๆบ้านหลังนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมองไปที่อสูรทั้งสามที่ถูกสังหารในพริบตา ชายร่างท้วมหญิง ตาเดียวและชายแก่แขนเเดียวต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นเมิ่งชวนอยู๋ไกลๆ

 

“นายน้อยเมิ่งล่ะ”

 

“นายน้อยเมิ่งช่วยพวกเราไว้” พวกเขาทั้งสามรู้สึกมีความสุขที่รอดมาได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นไปได้

 

“ทำไมนายน้อยเมิ่งเป็นคนนำการโจมตีทัพอสูรล่ะ?” ผู้หญิงตาเดียวก็งุนงง

 

“อย่าเสียเวลาคิดเรื่องนี้ เร็วเข้า เราต้องปกป้องบ้านของลุงจาง “ชายร่างสูงรีบร้อน พวกเขาทั้งสามออกจากบ้านทันทีและไปที่จุดซุ่มโจมตีถัดไป

 

ในระหว่างการรุกรานของอสูร มนุษย์ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ พวกเขาวางกับดักไว้ทั้งเมือง นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาชนะอสูรได้จริงๆหากพวกเขาต่อสู้แบบตัวต่อตัว

 

 

“มีมนุษย์ที่กำลังต่อต้านอยู่ที่นั่น มุ่งหน้าไปที่นั่น” กองทัพอสูรกำลังรุกคืบ ในเวลาเดียวกันอสูรชั้นสูงกว่านั้นก็ได้ชักนำให้เหล่าอสูรชั้นต่ำนำพาความตายไปยัง ณ ที่นั้น

 

อสูรยอมจะเสียอสูรชั้นต่ำเพื่อชีวิตของจอมยุทธชั้นชำระแก่น เพราะไม่ว่ายังไง จอมยุทธระดับชำระแก่นในเมืองตงหนิงก็มีเพียงห้าถึงหกพันเพียงเท่านั้น

 

เมิ่งชวนฆ่าอสูรไประหว่างทาง ลำแสงดาบของเขาห่าพวกปีศาจไปนับสิบ มันเข้าตาผู้บัญชาการอสูรเข้าอย่างจัง

 

“มนุษย์นั่นแข็งแกร่งมาก มันน่าจะเป็นคนที่เข้าถึง “พลัง”แล้ว”

 

“ล้อมและสังหารมันซะ””

 

“สังหาร!”

 

แม่ทัพอสูรทั้งสองนำอสูรกว่าร้อยตนมาล้อมรอบเขา

 

“จัดการกับมนุษย์คนนั้นโดยเร็ว มุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋ากระจกจิงหู่แล้วทำลายทิ้ง” แม่ทัพอสูรหมีดำออกคำสั่ง มันมีสายเลือดของราชาปีศาจชานเฉา ปีศาจหมีระดับควบแน่นแก่นนั้นจะสูงประมาณ2-3จั้ง แต่ว่าเจ้าตัวนี้สูง5จั้ง…มันแข็งแกร่งกว่าอสูรหมีระดับไร้ตำหนิทั่วไปหลายเท่า ร่างกายของมันแข็งแกร่งขึ้นมากดังนั้นมันจึงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการมา

 

มันมีพลังมหาศาล มันสามารถทำให้บ้านแบนได้ด้วยก้าวเดียว เสียงของมันดังก้องไปไกลเกือบ2ลี้เลย

 

“มุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋าจิงหู่”

 

“มุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋าจิงหู่”

 

ผู้บังคับบัญชาอสูรหลายตัวภายใต้คำสั่งของมันเริ่มทวนคำสั่ง

 

“เร็วเข้า สังหารมนุษย์นี่ซะ” ผู้บัญชาการอสูรทั้งสองที่ล้อมตัวเขาอยู่ได้ยินคำสั่งของผู้บัญชาการหมี แม้มันจะมีพวกเข้ามารุมเมิ่งชวนมากแต่มันก็รู้สึกเครียด

 

‘มุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าจิงหู่?’ เมิ่งชวนตากระตุก ในขณะที่ความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาเขา

 

ในฐานะพี่ชายคนโตของสำนักเต๋าจิงหู่ การที่เขาเลือกที่จะช่วยชีเยว่ก่อนจะไปคฤหาสน์บรรพบุรุษมันทำให้เขารู้สึกเหมือนทำให้สำนักเต๋าต้องผิดหวัง

 

ในตอนนี้เขาเห็นทัพอสูรนับพันตัวกำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าจิงหู่ เขาปล่อยจิตสังหารเย็นเยียบออกมา

 

หากข้าสังหารแม่ทัพอสูรลงได้ อันตรายของทัพนี้ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset