ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 83

ตอนที่ 83 สิ้นสุดรอบคัดเลือก

 

เมิ่งต้าเจียงเฝ้าดูลูกชายของเขาจากไกลๆ

 

เทพอสูรที่ทรงพลังของเขาหยวนชูกำลังให้ความสนใจลูกของเขาอยู่ในตอนนี้ เทพอสูรทั้งสามที่ดูแลการคัดเลือกต่างจ้องมองไปที่เมิ่งชวนอย่างตั้งใจ มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนใจเมิ่งชวนมากแค่ไหน

 

เพียงคนเดียวเท่านั้น!

 

ในตอนนี้ลูกชายของเขาเหนือกว่าอัจฉริยะทุกคน ขนาดชี่หยวนถงที่เก่งกาจมากๆก็ยังทำได้ถึงแค่รอบที่เจ็ด แต่ลูกชายของเขาตอนนี้กำลังหลบลูกเห็บรอบที่สิบแล้ว เมิ่งต้าเจียงรู้สึกได้ถึงสายตาอิจฉาของเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆจ้องมองไปทางเมิ่งชวน

 

‘ชวนเอ๋อร์’ เมิ่งต้าเจียงรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งกว่าเก่า

 

‘เหนียนหยุน ลูกของเราโดดเด่นเสียจริงๆ เขาต้องได้เข้าสู่เขาหยวนชูและได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดแน่ๆ’ เมิ่งต้าเจียงใจเต้นพล่านในขณะที่มองดูอยู่ข้างๆ เขาดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าลูกชายของเขาที่เป็นคนสอบเองซะอีก

 

 

ในขณะเดียวกันที่เทพอสูรเฝ้ามองดู อัจฉริยะทั้งหลายต่างก็มองเมิ่งชวนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

 

รอบที่สิบยังคงดำเนินต่อไป ลูกเห็บที่ร่วงลงมานั้นเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เมิ่งชวนกลายเป็นเพียงเงาที่พร่ามัวในขณะที่ขยับไปมา ทุกๆครั้งที่เขาขยับตัว มันดูราวกับลูกเห็บนั้นพุ่งผ่าน “ร่าง” ของเขาไป แต่ความจริงแล้วไม่มีลูกเห็บไหนเลยทีี่โดนตัวเขา

 

เมื่อลูกเห็บหยุดลง เมิ่งชวนก็ยังคงอยู่ในวงกลม

 

‘เขาผ่านรอบที่สิบไปได้อีกด้วย?’ ชี่หยวนถง ซงชา ฉู่หยง หยานเฟิง จินซิ่น เหยียนซื่อถง หลี่อิ๋งและอัจฉริยะคนอื่นๆต่างงุนงงกับภาพตรงหน้า ความห่างชั้นกันระหว่างพวกเขามันไกลเกินไป ในใจของพวกเขามีแต่ความรู้สึกไม่อยากเชื่อ!

 

‘เมิ่งชวนแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยสินะ’ เหยียนจินมองดูร่างตรงหน้าอย่างใจเย็น

 

“ต่อได้!” น้ำเสียงของราชาตงเหอเต็มไปด้วยความคาดหวัง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่ลูกเห็บร่วงลงมาด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าลูกเห็บเหมือนจะโดนตัวเมิ่งชวน แต่อันที่จริงมันได้แต่ทะลุผ่านภาพติดตาของเขาไปเท่านั้น

 

ภาพตรงหน้านี้ทำให้อัจฉริยะคนอื่นๆนิ่งอึ้ง ความต่างมันมากเกินไป

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

ฟุบ!

 

จู่ๆลูกเห็บก็กลายเป็นฝุ่นเมื่อมันโดนภาพติดตา เมิ่งชวนหยุด และลูกเห็บเองก็หยุดเช่นกัน

 

ทุกคนรู้ว่าเขาพลาดแล้ว

 

หลังจากหลบลูกเห็บจำนวนมากในรอบที่สิบเอ็ด ในที่สุดเมิ่งชวนก็พลาด แต่ผลลัพท์นั้นก็ทำให้เหล่าอัจฉริยะได้แต่พูดไม่ออก

 

“จิตรับรู้ของเขานั้นน่าเหลือเชื่อจริงๆ” ราชาตงเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาพูดกับชายผมกระเซิงกับหญิงสาวชุดสีฟ้า “จิตรับรู้ของชี่หยวนถงเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่ความสามารถระดับนั้นอาจจะพบได้สองสามปีครั้ง แต่ว่า จิตรับรู้ของเมิ่งชวนนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหลายศตวรรษเลยทีเดียว จิตรับรู้ขนาดนั้นจะทำให้เขาสามารถควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้อย่างง่ายดายเป็นแน่ ศักยภาพของเขานั้นช่างสุดยอด แต่ว่าที่สำคัญคือต้องเลี้ยงดูเขาให้ดี”

 

“เขายังต้องบรรลุให้ถึง “สำนึกกระบี่” และ “วิญญาณกระบี่” ก่อน …เขาต้องฝึกฝนไปทีละขั้นตอน” ชายผมกระเซิงเองก็พยักหน้า “ไม่มีสิ่งไหนทำสำเร็จได้ด้วยขั้นตอนเดียว ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด แต่มันก็จะไร้ประโยชน์หากเขาไม่ฝึกฝน”

 

“หยกที่ยังไม่ได้เจียรนัยมูลค่ามหาศาลมาอยู่ที่เขาหยวนชูของเราแล้ว นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องดูแลเลี้ยงดูเขาให้ดี” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ใช่แล้ว” ราชาตงเหอพยักหน้า

 

กระแสพลังของทั้งสามคนนั้นเป็นอะไรที่ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าหันไปมอง เสียงของพวกเขานั้นตัดขาดจากคนนอกโดยสิ้นเชิง

 

 

เมิ่งชวนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความมึนงง ‘ข้ายังหลบลูกเห็บนั่นไม่ได้ ร่างกายของข้ายังคงช้าเกินไป’

 

เมิ่งชวนไม่รู้เลยว่า เมื่ออัจฉริยะคนอื่นๆพยายามจะหลบลูกเห็บ ก่อนอื่นพวกเขาจะมองด้วยตาก่อน หรือไม่ก็ใช้ขอบเขตของ“พลัง”ในการสัมผัสลูกเห็บ จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปยังสมอง แม้การรับส่งข้อมูลนี้จะไวมาก แต่การตอบสนองจากสมองนั้นก็ยังต้องใช้เวลาอีกเหมือนกันเพื่อที่จะสั่งการไปยังร่างกาย

 

คนเรามีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอยู่สามขั้นตอน รับรู้ คิด ตอบสนอง

 

แต่สำหรับเมิ่งชวนแล้ว ขอบเขตสิบจั้งของเขานั้นเกิดมาจาก “จิตวิญญาณ” ในช่องว่างแห่งจิตของเขาที่สามารถรับรู้ได้ถึงบางอย่างโดยตรง จากนั้นจิตของเขาก็จะสามารถ “เห็น” ได้ทุกอย่าง เมื่อจิตของเขา “เห็น” แล้ว มันก็จะทำการคิดและตอบสนอง

 

ดังนั้นแล้ว เพราะเมิ่งชวนข้ามกระบวนการการส่งข้อมูลไปยังสมอง เพราะเขาสามารถ “เห็น” ได้ด้วยจิตโดยตรงก่อนที่จิตจะทำการคิด กระบวนการเหล่านี้รวดเร็วกว่าใช้สมองคิดซะอีก!

 

แต่สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมคือการที่สมองต้องสั่งการร่างกาย ตรงส่วนนี้เขาเหมือนกับอัจฉริยะคนอื่นๆ หากเมิ่งชวนหลอมรวมพลังแห่งวิญญาณเข้ากับร่างของเขา การสั่งการร่างกายก็จะทำผ่านพลังแห่งวิญญาณแทน และมันจะทำให้เขาเร็วกว่าเดิมขึ้นมาก! ถ้าทำอย่างนั้นเขาอาจจะอยู่ได้ถึงรอบที่สิบห้าเลยก็ได้!

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ใช้พลังแห่งวิญญาณ เขาแค่ใช้ความพิเศษของ “จิตวิญญาณ” ในช่องว่างแห่งจิตของเขาเท่านั้น และมันทำให้เขาสามารถผ่านรอบที่สิบไปได้ แม้จะพลาดไปในรอบที่สิบเอ็ดก็ตาม

 

“เมิ่งชวน” เสียงของราชาตงเหอดังขึ้น “ทำได้ดี”

 

เมื่อได้ยินคำชม เมิ่งชวนรู้สึกดีใจขึ้นมา

 

ราชาตงเหอหันกลับและออกไป

 

ชายผมกระเซิงยิ้มและพูดเสียงดัง “รอบคัดเลือกจบลงแล้ว พวกเจ้าไปพักกันได้ และจากผลลัพท์จากรอบคัดเลือกนี้ เขาหยวนชูจะคัดเลือกคนทั้งหมดหนึ่งร้อยคนที่จะได้เข้าร่วมการทดสอบในรอบสุดท้ายพรุ่งนี้ ส่วนคนที่ไม่ติดหนึ่งในร้อยนั้นจะถูกคัดออก”

 

เมื่อพูดจบ เขาและหญิงสาวชุดสีฟ้าก็หันหลังกลับออกไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป พวกเขาหันกลับมามองเมิ่งชวนอีกครั้ง

 

“ฮ่าฮ่า” เหล่าเทพอสูรระดับขุนนางทั้งหลายที่เฝ้าดูการคัดเลือก ก็ลุกขึ้นและเดินออกไปเช่นกัน

 

“เมิ่งชวน ทำได้ดีมาก” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของเขา เมิ่งชวนมองขึ้นไปและพบกับขุนนางเมฆาใต้ที่กำลังยิ้มให้เขาจากไกลๆ ก่อนที่เขาจะออกไปพร้อมกับเทพอสูรอีกคน

 

เมิ่งชวนยืนนิ่งๆอยู่ในวงกลมของเขา

 

“นายน้อยเมิ่ง โปรดตามมาขอรับ” จากนั้น พ่อบ้านของคฤหาสน์เพลิงตะวันก็เข้ามานำทางเขาไป

 

เมิ่งชวนพยักหน้า

 

ไม่นานเขาก็ไปถึงห้องโถงหนึ่ง มีอัจฉริยะมากมายที่นั่น เพื่อนและครอบครัวของพวกเขาเองก็อยู่ในนั้น เพียงเมิ่งชวนเข้าไป เขาก็ตกกลายเป็นเป้าสายตาของหลายๆคน

 

“ชวนเอ๋อร์” เมิ่งต้าเจียงทักทาย

 

“ท่านพ่อ” เมิ่งชวนยิ้ม

 

“ทำได้ดีมาก” เมิ่งต้าเจียงตบไหล่เมิ่งชวน “ถ้าย่าทวดของเจ้ารู้เรื่องก็คงจะดีใจมากๆเป็นแน่”

 

เมิ่งชวนพยักหน้าเบาๆ ย่าทวดของเขายังคงรอคอยข่าวดีอยู่ที่บ้านเกิดของพวกเขา

 

“รอดูกันเถอะ เขาหยวนชูต้องใช้เวลาซักพักในการคัดเลือกคนร้อยคน” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “การจัดอันดับสำคัญมากๆ มันคงจะใช้เวลาซักพัก”

 

“นั่นสิ ข้าสงสัยจริงๆว่าข้าจะได้อันดับสูงแค่ไหน” เมิ่งชวนกล่าว

 

“ได้อยู่ในสองอันดับแรกไม่น่าจะใช่เรื่องยากแล้ว” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “เพราะคนเดียวที่พอเทียบเคียงกับเจ้าได้คือชี่หยวนถง”

 

เมิ่งชวนพยักหน้าเช่นกัน “รอบแรกข้าอ่อนแอเกินไป”

 

เมิ่งชวนถูกจัดอยู่ในอันดับที่ยี่สิบสามในการทดสอบรอบแรก อย่างไรก็ตาม เขาได้ที่หนึ่งในการทดสอบที่สองและสาม

 

กลับกัน ชี่หยวนถงนั้นได้ที่หนึ่งในการทดสอบแรก ที่ห้าในการทดสอบที่สอง และที่สองในการทดสอบที่สาม และยังต้องบอกอีกว่าชี่หยวนถงนั้นต้องแบกค้อนทั้งสองของเขาเพื่อพุ่งผ่านอุโมงค์ในรอบที่สองอีกด้วย ซึ่งหนักเกือบสองร้อยจิน ความสามารถทางกายภาพของเขานั้นทรงพลังมากๆ

 

“เมิ่งชวน” เหยียนจินเดินมาหา คนอื่นๆมีเพื่อนและครอบครั้วกัน แต่ว่าเขานั้นอยู๋ตัวคนเดียว “ยินดีด้วย ข้าว่าเจ้าได้เข้ารอบสุดท้ายของเขาหยวนชูอย่างแน่นอน แถมข้าว่าเจ้าคงจะติดอันดับหนึ่งในสามด้วยซ้ำ”

 

“ข้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” เมิ่งชวนยิ้ม

 

“เมิ่งชวน” เสียงใสของผู้หญิงดังขึ้น

 

เมิ่งชวนหันไปมอง

 

หญิงสาวชุดสีม่วงเดินเข้ามา เธอเป็นจุดสนใจในทุกๆที่ที่เธอเดินผ่าน เธอเกิดมาพร้อมกับบรรยากาศของชนชั้นสูง และรอยยิ้มที่งดงามบาดใจชายหลายๆคน

 

“ท่านเจ้าหญิง” เมิ่งชวนทักทายอย่างสุภาพ

 

“ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาซักพักแล้ว” เจ้าหญิงหลี่อิ๋งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่กลายเป็นว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าได้ยินมาเสียอีก เมื่อพวกเราได้เข้าสู่เขาหยวนชูแล้ว ข้าว่าพวกเราควรจะประลองกันข้าจะได้รู้ว่าเจ้าตะสามารถหลบลูกดอกของข้าได้หรือไม่”

 

หลังจากคัดเลือกทั้งสามรอบ หลี่อิ๋งมั่นใจมากๆในโอกาสที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชูของเธอ เธอเป็นนักเกาฑัณฑ์อันดับสองของอัจฉริยะในที่นี้ มีเพียงซงชาเท่านั้นที่แกร่งกว่าเธอ เขาหยวนชูให้ความสำคัญกับนักเกาฑัณฑ์มาก ดังนั้นเธอจึงมั่นใจมากว่าเขาหยวนชูจะรับเธอเข้าไปเพราะด้วยความแข็งแกร่งของเธอ

 

“หากถึงเวลานั้นก็มาได้ขอรับ” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้าตกลงแล้วสินะ” เจ้าหญิงหลี่อิ๋งหันไปมองข้างๆ “นายน้อยเหยียน กระบี่คู่ของเจ้าเองก็ทรงพลังมากเช่นกัน พวกเราเองก็ควรประลองกันซักครั้งเมื่อได้เข้าสู่เขาหยวนชูแล้ว”

 

“ได้สิ” เหยียนจินตอบกลับอย่างงงๆ เขายินดีที่จะคว้าทุกโอกาสในการต่อสู้ เพราะในทุกๆการต่อสู้นั้นมันจะช่วยฝึกฝนตัวเขาด้วย

 

เจ้าหญิงหลี่อิ๋งยิ้มและเดินจากไปหลังจากที่ได้พูดคุยกันเล็กน้อย เธอเกิดในตระกูลหลวง ดังนั้นเธอจึงคุ้นชินกับการเข้าสังคมและทำความรู้จักกับคนที่สามารถช่วยเหลือเธอได้ ในสายตาของเธอนั้น เมิ่งชวนและเหยียนจินมีค่าที่จะทำความรู้จักด้วยอย่างเห็นได้ชัด

 

 

เวลาผ่านไป

 

บางครั้งบางคราวก็จะมีคนมาพูดคุยกับเมิ่งชวนและเมิ่งต้าเจียง! เพราะไม่ว่ายังไง ทุกๆคนต่างก็บอกได้ว่าเมิ่งชวนจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูเป็นแน่ ถึงพวกเขาจะยังไม่รู้ผลลัพท์เลยก็ตามที

 

ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงเมื่อพายุหิมะเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ทุกๆคนในห้องโถงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

 

“ผลการจัดอันดับออกมาแล้ว!” มีเสียงดังมาแต่ไกล

 

ชายเคราแพะถือม้วนกระดาษสีทอง ด้านหลังเขามีพ่อบ้านคนอื่นๆที่เดินผ่านพายุหิมะเข้ามา

 

ผลการจัดอันดับของรอบคัดเลือกได้รับการตัดสินแล้ว เมิ่งต้าเจียงและเมิ่งชวนมองออกไป พวกเขาสงสัยแค่ว่าเขาจะได้ที่หนึ่งหรือที่สองเท่านั้น ที่สามนั้นคงจะไม่น่าเป็นไปได้! ส่วนอัจฉริยะคนอื่นๆพร้อมกับครอบครัวและญาติๆต่างก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม อัจฉริยะหลายคนไม่ติดอยู่ในร้อยอันดับแรก และนั่นทำให้พวกเขาหมดโอกาสในการเข้าร่วมการทดสอบรอบสุดท้าย

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset