ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 90

ตอนที่ 90 เมิ่งต้าเจียงกลับบ้าน

 

หลังจากการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ราชาตงเหอและคนอื่นๆก็ได้ตันสินใจว่ายี่สิบคนที่จะได้นั้นคือใครบ้าง อันที่จริงแล้วตำแหน่งหลายๆที่มันตายตัวอยู่แล้ว มีแค่ไม่กี่ที่เท่านั้นที่ต้องตัดสินใจกัน

 

“ตัดสินเรียบร้อยแล้วสินะ” ราชาตงเหอยิ้ม

 

การรับเข้าเขาหยวนชูนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากของทุกๆปี และเพื่อความยุติธรรม เทพอสูรระดับราชาและเทพอสูรระดับขุนนางที่เป็นคนตัดสินจะถูกเปลี่ยนไปทุกครั้ง พวกเขานั้นต้องแบกรับความรับผิดชอบหนักอึ้ง เพราะไม่ว่ายังไง เด็กๆเหล่านี้ก็จะเป็นรุ่นใหม่ของเขาหยวนชูในภายหน้า

 

 

เมิ่งชวนและเพื่อนๆนั่งคุยกันระหว่างรอ อัจฉริยะบางคนดูเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม ในที่สุดก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามก่อนที่ราชาตงเหอและคนอื่นๆจะเดินออกมา

 

“พวกเขากำลังมา พวกเขากำลังมา!”

 

“เราจะทำการประกาศผลการคัดเลือก”

 

อัจฉริยะทุกคนต่่างมองไปที่ราชาตงเหอ เหล่าญาติๆและเพื่อนๆเองก็รู้สึกเป็นกังวลไม่แพ้กัน

 

นี่เป็นวินาทีสำคัญเลยล่ะ!

 

ชี่หยวนถงยืนมองอยู่ใกล้ๆเงียบๆ เขาเองก็กลัวว่าจะถูกคัดออกเพราะทำได้ไม่ดีในการทดสอบสุดท้าย

 

“การสอบเข้าเขาหยวนชูปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว” ราชาตงเหอยิ้ม “ทั้งยี่สิบคนได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว ไล่จากที่หนึ่งไปถึงยี่สิบจะได้แก่ เมิ่งชวน ซงชา หยานเฟิง เหยียนจิน หนิงอี้โบ จัวเซี่ยว ฉู่หยง จินฮ้วน ตงฟาง หลี่อิ๋ง… ชางกวนเฟิง ชี่หยวนถง…จางหลี่ หยูชาง คนที่มีรายชื่อดังนี้จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู”

 

เหล่าอัจฉริยะและครอบครัวยืนฟังอย่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอชื่อของพวกเขา บางคนก็ดีใจออกหน้าออกตา แต่บางคนก็เงียบสนิท

 

“ศิษย์รักของข้า เจ้าผ่าน เจ้าผ่านแล้ว เจ้าได้กลายเป็นศิษย์ของเขาหยวนชูแล้ว” ชายชราร่างอ้วนกอดศิษย์ของเขา จัวเซี่ยว จัวเซี่ยวเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน “ข้าสอบติด! ข้าสอบติด!”

 

อันดับของจัวเซี่ยวเองก็สูงมาก เขาอยู่อันดับที่หก ดีกว่าของฉู่หยงและคนอื่นๆอีก

 

‘ข้าสอบผ่าน’

 

‘ข้าได้เป็นศิษย์ของเขาหยวนชูแล้ว’

 

หลายๆคนตื่นเต้นมาก นอกจากอัจฉริยะทั้งสิบคนที่มีรากฐานเทพอสูรที่แข็งแกร่งแล้ว อีกสิบคนที่เหลือต่างเป็นคนที่มีรากฐานปานกลางๆ และยังมีถึงเจ็ดคนที่ยังไม่เคยได้กินสมุนไพรหายากเลยด้วย

 

ในการทดสอบรอบคัดเลือกรอบที่สาม จิตรับรู้ และการทดสอบรอบสุดท้าย แท่นบูชาแห่งความมืด การทดสอบเหล่านี้มีไว้สำหรับทดสอบศักยภาพของคนๆนั้น ส่วนการทดสอบสุดท้ายรอบแรกนั้นมีไว้สำหรับทดสอบพละกำลังและความสามารถในการต่อสู้

 

ดังนั้น อัจฉริยะหลายๆคนจึงมีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือก

 

ชี่หยวนถงได้ยินชื่อของเขา เขาถูกจัดให้อยู่อันดับที่สิบห้า

 

‘ตราบใดที่ข้าได้เขาสู่เขาหยวนชู ข้าจะแซงหน้าเมิ่งชวนและคนอื่นๆไปให้ได้อย่างแน่นอน’ ชี่หยวนถงสาบานในใจ เขาเองก็จะขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของแท่นบูชาด้วย!

 

นับตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยแพ้ให้กับใครเลย เขาเชื่อว่าเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด

 

“นอกจากทั้งยี่สิบคนแล้ว เหยียนชื่อถงเองก็จะได้เข้าสู่เขาหยวนชูด้วยเป็นกรณีพิเศษ” ราชาตงเหอกล่าว เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว “รีบๆอำลาครอบครัวกับเพื่อนๆของเจ้าเสีย ข้าจะส่งพวกเขาลงไปในอีกไม่ช้า”

 

เขาหยวนชูเลือกไปทั้งหมด 21 คน เหยียนชื่อถงนั้นได้รับเลือกเป็นกรณีพิเศษเลยไม่เกี่ยวกับ20ที่นั้น

 

เขาหยวนชูรู้ดีว่าอัจฉริยะของปีนี้นั้นโดดเด่นเสียยิ่งกว่าของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม กฎก็ต้องเป็นกฎ นอกจากกรณีพิเศษ ก็จะมีเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าไป ทรัพยากรของเขาหยวนชูเองก็มีจำกัด หากรับศิษย์มามากเกินไป ทรัพยากรที่ศิษย์ทุกๆคนจะได้ใช้ก็คงจะลดลง

 

“เยี่ยมๆๆ” เมิ่งต้าเจียงมองเมิ่งชวนอย่างมีความสุข “ในที่สุดลูกชายของข้าก็ได้เข้าสู่เขาหยวนชู หากย่าทวดของเจ้าได้รู้เรื่องนี้ ท่านคงจะมีความสุขมากๆเป็นแน่”

 

“ขอรับ” ใจของเมิ่งชวนพองโต หลังจากฝึกฝนมาหลายปี ในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่เขาหยวนชู

 

“ได้เวลาที่พ่อต้องไปแล้ว” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “เหล่าอัจฉริยะของรัฐอู๋กับครอบครัวพวกนั้นเองก็จะกลับในวันนี้ ลุงหลิวกับพ่อก็จะกลับด้วยกัน หากเจ้าเจอชีเยว่บนเขาหยวนชู อย่าลืมบอกให้เธอส่งจดหมายไปหาที่เมืองตงหนิงบ้าง”

 

“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า

 

จากรัฐอู๋มาเมืองหยวนชูนั้นไกลมากจริงๆ ขุนนางเมฆาใต้ที่พามาส่งที่นี่ก็ต้องพาส่งกลับไปด้วยเช่นกัน! นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว หากพวกเขาพลาดโอกาสนี้ กว่าเมิ่งต้าเจียงกับหลิวเยว่ป๋ายจะกลับถึงเมืองตงหนิงก็คงจะกินเวลานานเกินไป

 

“ฝึกฝนอยู่ในเขาหยวนชูให้ดีล่ะ” เมิ่งต้าเจียงยื่นมือออกไปลูบหัวลูกชาย เขายิ้มและพูดว่า “พ่อคงจะไม่ได้ช่วยเจ้าแล้ว การเดินทางที่เหลือนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าแล้วล่ะ”

 

ใจของเมิ่งชวนรู้สึกแน่นขึ้นในขณะที่พยักหน้า

 

พ่อของเขาได้คอยอยู่เคียงข้างเขามานับหลายปี เป็นผู้ที่คอยชี้แนะแนวทางกระบี่และเป็นคู่ซ้อมมานาน พ่อของเขายังเป็นคนที่หาสมุนไพรหายากมาให้ และยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในการบุกรุกของอสูร เรียกได้ว่าพ่อของเขานั้นเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ที่คอยปกป้องเขาจากหลายสิ่งหลายอย่าง

 

ในตอนนี้เขาได้เติบโตแล้วและจะได้เข้าไปฝึกวิชาในเขาหยวนชู ส่วนพ่อของเขานั้นก็จะกลับไปอยู่ที่เมืองเกิด ที่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้

 

“ท่านพ่อ ข้าจะฝึกฝนจนเสร็จให้ได้โดยเร็ว จากนั้นข้าจะมุ่งหน้าลงจากเขาและไปหาท่านเมื่อถึงเวลา” เมิ่งชวนกล่าว

 

เมิ่งต้าเจียงยิ้มและพยักหน้า

 

ในไม่ช้า นอกจากยี่สิบเอ็ดคนที่ได้รับการคัดเลือกนั้น คนอื่นๆก็ต้องลงจากภูเขาโดยมีราชาตงเหอไปส่งที่เมืองหยวนชู

 

“พวกเจ้าทุกคน ตามข้ามา” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าว เธอยกศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนขึ้นและเหาะไปพร้อมๆกัน

 

ฟิ้วว

 

หลังจากที่บินผ่านเทือกเขาไป ในที่สุดก็ไปถึงยอดอันสูงตระหง่านของเขาหยวนชู

 

“นี่คือยอดเขาหลักของเขาหยวนชู หวงซุนจิง มันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในหมู่เทือกเขานี้แล้ว” หญิงสาวชุดสีฟ้าพาเมิ่งชวนและคนอื่นๆเดินเข้าไปในสนาม

 

มีชายชราคนหนึ่งยืนรออยู่ในสวนอยู่แล้ว เขาก้มหัวและทักทาย “ท่านอาจารย์ป้า”

 

เด็กใหม่ทั้งยี่สิบเอ็ดคนนั้นดูจะสับสน อย่างไรก็ตาม เมิ่งชวนสามารถสัมผัสได้ว่ากระแสพลังของชายชราคนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขาแข็งแกร่งกว่าเจ้าวังหยกสุริยันมากด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกถึงความอ่อนแอแปลกๆ ราวกับกระแสพลังตรงหน้ามันเป็นเพียงเรื่องโกหก

 

“นี่เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า ศิษย์พี่หวัง” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าว “เทพอสูรของเขาหยวนชูจะคอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ผู้ที่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับเดือนมืดมิดจะถือว่าเป็นรุ่นเดียวกัน พวกเจ้าจะถือว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ส่วนเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดนั้นคือเทพอสูรระดับขุนนาง”

 

“คารวะ ศิษย์พี่หวัง” เมิ่งชวนและคนอื่นๆโค้งคำนับ

 

ชายชราหัวเราะ “คารวะศิษย์น้อง เป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริงที่ได้เห็นน้องใหม่ทุกๆปี เขาหยวนชูของเราจะได้มีเทพอสูรมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม”

 

หญิงสาวชุดสีฟ้าพยักหน้า “วันนี้พวกเจ้าจะพักกันที่นี่ก่อน และจะมีพิธีต้อนรับในวันพรุ่งนี้ จากนั้นพวกเจ้าก็จะถือได้ว่าเป็นศิษย์ของเขาหยวนชู”

 

เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากไป

 

ศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนไปที่ห้องพักชั่วคราวของตน และวันพรุ่งนี้พวกเขาก็จะได้เป็นศิษย์จริงๆของเขาหยวนชู

 

 

ตกกลางคืน

 

“ไปกันเถอะ กลับไปที่รัฐอู๋”

 

ที่ล้านด้านหน้าของอาคารรับรองรัฐอู๋ ขุนนางเมฆาใต้นั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังนกสีแดงเพลิง ข้างหลังเขาคืออัจฉริยะเก้าคนและครอบครัวของพวกเขา เช่นเดียวกันกับเมิ่งต้าเจียงและหลิวเยว่ป๋าย ทุกคนพึ่งจะกินข้าวเย็นเสร็จในปริมาณที่พออิ่มท้อง

 

ฟิ้ววว

 

นกสีแดงเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าผ่านเข้ากลุ่มเมฆอย่างรวดเร็ว มันเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่บินไปทางรัฐอู๋

 

เหล่าอัจฉริยะและครอบครัวที่อยู่บนหลังนกต่างครุ่นคิดในหลายๆเรื่อง มีอัจฉริยะสามคนจากรัฐอู๋ที่ถูกเลือก ซึ่งนับว่าเยอะมาก มีเมิ่งชวน เหยียนจิน และชางกวนเฟิง อัจฉริยะที่เหลือที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบยังสามารถลองได้ใหม่ปีหน้า แต่บางคนก็อายุยี่สิบแล้ว พวกเขาต้องรีบไปรับราชการทหารเพราะว่านี่ก็สิ้นปีแล้ว

 

แต่ละคนมีชะตาของตัวเอง

 

พวกเขาโบยบินผ่านค่ำคืนนี้ไป ใช้เวลาเกือบหกชั่วโมงกว่าจะถึงรัฐอู๋

 

นกสีแดงนั้นอยู่สูงจากพื้นประมาณสิบจั้งในขณะที่ขุนนางเมฆาใต้กล่าว “พวกเรามาถึงเมืองหยูฟางแล้ว คนที่จะลงที่นี่ก็สามารถลงได้เลย”

 

“ขอบคุณมาก ท่านขุนนาง” หญิงชราคนหนึ่งกระโดดไปพร้อมกับอัจฉริยะ

 

เวลาของเหล่าขุนนางเทพอสูรนั้นมีค่า และการพาเหล่าอัจฉริยะไปคัดเลือกที่เขาหยวนชูนั้นก็กินเวลาของขุนนางเมฆาใต้ไปสองสามวัน

 

เขาบินต่อไปเรื่อยๆทั่วรัฐอู๋ ส่งเหล่าอัจฉริยะและครอบครัวกับเพื่อนๆกลับไปยังเมืองของตน

 

“เมืองตงหนิงอยู่ข้างหน้านี้” ขุนนางเมฆาใต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม นกยักษ์สีแดงเพลิงร่อนลงต่ำ

 

“ขอบคุณมากท่านขุนนาง” เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ

 

“ไม่เลวเลยทั้งหลิวชีเยว่และเมิ่งชวน” ขุนนางเมฆาใต้เอ่ยคำชมที่หาได้ยากออกมา

 

เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายซ่อนรอยยิ้มเอาไว้มไ่อยู่ หลังจากโค้งคำนับด้วยท่าทางนอบน้อมแล้ว พวกเขาก็กระโดดลงพื้น

 

ฟิ้ววว

 

นกสีแดงเพลิงบินกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่ง

 

“ไปกัน รีบกลับกันเถอะ” เมิ่งต้าเจียงอดไม่ได้ที่จะใช้ทักษะการเคลื่อนไหวเพื่อรีบรุดกลับไปยังเมืองตงหนิง

 

“ดูเจ้าจะลนลานจริงนะ” หลิวเย่ป๋ายตามไป

 

แม้ว่าฟ้าจะมืดแล้ว แต่ประตูเมืองตงหนิงก็ยังเปิดอยู่ เหล่าพ่อค้าเร่ที่มาขายของและเหล่านักเดินทางก็เข้าไปในเมืองแล้ว เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายก็เดินเข้าไปพร้อมกัน

 

‘โอ๋? นั่นผู้อาวุโสเมิ่งนี่?’

 

‘เขาพานายน้อยเมิ่งชวนไปสอบเข้าเขาหยวนชูนี่ เขากลับมาแล้วหรือ?’

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

ยามที่ประตูจำเมิ่งต้าเจียงที่โด่งดังได้ในทันที

 

“ข้าไม่ไปจวนบรรพบุรุษตระกูลกับเจ้าด้วยนะ” หลิวเย่ป๋ายแยกทางกับเมิ่งต้าเจียงกลางคัน “ข้าขอกลับไปที่จิงหู่ก่อน”

 

“ได้สิ” เมิ่งต้าเจียงยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังจวนบรรพบุรุษอย่างรวดเร็ว

 

‘เอ๋ เมิ่งต้าเจียงกลับมาแล้วรึ?’ หนึ่งในเถ้าแก่ร้านข้างทางร้านหนึ่งจำเมิ่งต้าเจียงได้ ‘เขาดูจะเร่งรีบ แล้วยังดูตื่นเต้นด้วย อีกอย่างเขากลับมาคนเดียว หรือว่าเมิ่งชวนจะเข้าสู่เขาหยวนชูได้แล้วกัน? ข้าต้องรีบไปบอกตระกูลเดี๋ยวนี้เลย’ ตระกูลเทพอสูรนั้นทำธุรกิจมากมาย รวมไปถึงสายลับด้วย พอพวกเขาเห็นเมิ่งต้าเจียง ก็จะเลยรีบกลับไปรายงาน

 

ระหว่างทาง คนที่เห็นเมิ่งต้าเจียงก็ต่างเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

หากเมิ่งชวนพลาดกลับมา ทั้งพ่อและลูกคงจะกลับมาพร้อมกัน อีกอย่างเขาคงไม่มุ่งหน้าไปยังจวนบรรพบุรุษด้วยความตื่นเต้นขนาดนั้นแน่ แน่นอนว่าพวกเขาก็แค่เดา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังต้องรอข่าวอย่างเป็นทางการอยู่ดี

 

เมิ่งต้าเจียงรีบรุดไปยังจวนบรรพบุรุษอย่างรวดเร็ว

 

เหล่าคนในตระกูลที่จวนบรรพบุรุษต่างฉงนใจ

 

“ท่านผู้อาวุโส?”

 

“ผู้อาวุโสกลับมาจากเขาหยวนชูแล้ว ผลการสอบเข้าของเมิ่งชวนเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“เมิ่งชวนไม่กลับมาด้วย เขาผ่านรึเปล่า?”

 

เหล่าคนในตระกูลต่างตื่นเต้นและคาดเดาไปต่างๆนาๆ

 

 

ที่โถงใหญ่ของจวนบรรพบุรุษ เมิ่งเซียนกูคุกเข่าภาวนาเพื่อเมิ่งชวน เธออยู่ในโถงนี้มาตั้งแต่วันที่20ธันวาคมแล้ว

 

เธอภาวนาขอให้เหล่าบรรพบุรุษอวยพรแก่เมิ่งชวนให้สอบผ่านโดยราบรื่น

 

“โอ้?” เมิ่งเซียนกูลืมตาขึ้นมา “ต้าเจียงกลับมาแล้วงั้นรึ?”

 

เธอยืนขึ้นมาพร้อมกับไม้เท้าในมือ ร่างของเธอหายวูบไปก่อนจะไปโผล่ตรงข้างหน้าสองสามจั้ง เธอไปที่ลานข้างหน้าจวนบรรพบุรุษ

 

มีคนของตระกูลมากมายกำลังยืนมุงกันอยู่ตรงลานด้านหน้า และเมิ่งต้าเจียงที่กำลังวิ่งมาทางนี้ก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อได้เห็นเมิ่งเซียนกู

 

“ต้าเจียง เป็นอย่างไรบ้าง?” ใบหน้าที่ซีดเซียวของเมิ่งเซียนกูเต็มไปด้วยความคาดหวังและเสียงของเธอก็สั่นอยู่หน่อยๆ

 

คนในตระกูลต่างมองไปที่เมิ่งต้าเจียงด้วยความคาดหวัง

 

“ชวนเอ๋อร์ได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าเขาหยวนชู!” เมิ่งต้าเจียงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ตอนนี้เขาได้เป็นศิษย์ในของเขาหยวนชูแล้ว!”

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset