ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 93

ตอนที่ 93 แต้ม

 

เหล่าศิษย์ใหม่นั่งอ่านหนังสือกันต่อเนื่องโดยไม่หยุดหย่อน อย่างคนที่ฝึกร่างเทพวารีจะสามารถเลือกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้หกร่าง เหยียนจินที่ฝึกร่างเทพเพลิงน้ำแข็งสามารถเลือกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้สี่ร่าง ได้แก่ ร่างเทพสองโลก ร่างเทพบัวฟ้า ร่างเทพวัฏสังสารและร่างเทพหยวนชู

 

ร่างเทพหยวนชูเกิดขึ้นมาโดยผู้ที่ก่อตั้งเขาหยวนชูขึ้นมา ถ้ำสวรรค์ทรายดำและเกาะสองโลกเองก็มีร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษเป็นของตัวเองเหมือนกัน

 

และเทพอสูรที่ทรงพลังจากอดีตคนอื่นๆก็ได้สร้างร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษอีกเก้าร่างขึ้นมา

 

ในแง่ของความยากในการฝึก ไม่จำเป็นต้องนับรวมร่างเทพวิหคเพลิงและร่างเทพมังกร เพราะว่าถ้าสายเลือดนั้นถูกปลุกขึ้นมาก็จะฝึกฝนได้โดยง่าย แต่หากไม่มีสายเลือดอยู่ ก็จะไม่มีทางที่จะฝึกร่างเทพอสูรนั้นได้เลย

 

ส่วนร่างอสูรกายาทรงพลัง ร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศ ร่างอสูรตัดสายฟ้า ร่างเทพหยวนชูและร่างเทพวัฏสังสารนั้น พวกมันฝึกฝนได้ยากพอๆกัน

 

ร่างเทพบัวฟ้า ร่างเทพกายาอมตะ ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ ร่างอสูรทรายดำและร่างเทพสองโลกนั้นยากลงมาหนึ่งขึ้น แต่ว่าความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เพราะเหตุนั้น จึงมีหลายคนที่เลือกจะฝึกห้าร่างอย่างหลังมากกว่า

 

 

แต่ถึงอย่างนั้นเมิ่งชวนก็ไม่สนใจ

 

‘ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกร่างเทพอสูรระดับสูงเลย ร่างอสูรมายาสามารถควบคุมจิตใจของศัตรูได้ การฝึกฝนร่างเทพสว่างโชตินั้นเจ็บปวดที่สุด ร่างอสูรนานาพิษนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้พิษหลายๆชนิด พวกมันไม่เหมาะสำหรับข้าในฐานะนักกระบี่เท่าไหร่’

 

‘ร่างอสูรอัสนีวารี ร่างเทพวายุอัสนี และร่างอสูรเงาลวงเองก็ด้อยกว่าร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษทั้งสองที่ข้าเลือกได้อยู่มาก ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ดีเยี่ยมในการคลุกวงในแต่ว่าความเร็วนั้นกลับอยู่ระดับกลางๆ ข้าเรียนวิชากระบี่เร็วมาตั้งแต่เด็ก ข้าจะยอมทิ้งมันไปได้อย่างไร?’

 

‘เพราะอย่างนั้นข้าเลยมีทางเลือกเดียว ร่างอสูรตัดสายฟ้า’

 

สิ่งนี้เหมาะกับเขาที่สุด

 

หลังจากตัดสินใจแล้วเมิ่งชวนก็อ่านหนังสือต่อ การอ่านนั้นช่วยเปิดโลกกว้างของคนเราได้

 

อย่างเช่น ในตอนที่สายวิชาร่างกายาเทพอสูรเริ่มปรากฏขึ้นในหนังสือ ในตอนนั้นก็เป็นเวลากว่า800ปีที่อสูรได้เริ่มบุกรุกเข้ามา

 

มนุษย์ตระหนักได้ว่าอสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากในเรื่องของพลังกายภาพ แม้ว่าในเรื่องของพละกำลังเทพอสูรของมนุษย์จะไม่ด้อยไปกว่าราชาอสูรเลย แต่ว่าร่างกายของพวกเขานั้นอ่อนแอกว่าตามธรรมชาติ

 

ดังนั้น เทพอสูรมนุษย์บางคนก็ได้เริ่มที่จะสร้างสายวิชากายาเทพอสูรขึ้นมา พวกเขาพยายามทำให้ร่างของตนเทียบเคียงได้กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์และสมบัติสวรรค์ แต่ว่าความพยายามเหล่านี้กลับมีบันทึกเอาไว้แค่เพียงไม่กี่ร้อยปี สายวิชานี้นั้นไม่สมบูรณ์มากๆ ระดับขั้นที่สูงที่สุดที่คาดเอาไว้ก็คือระดับมหาสุริยัน แต่คนจำนวนมากที่ฝึกกายาเทพอสูรนั้นไปไม่ถึงระดับมหาสุริยันด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังต้องใช้สมบัติสมุนไพรและทรัพยากรจำนวนมากอีกด้วย นั่นจึงทำให้นิกายใหญ่ทั้งสามสั่งห้ามไม่ให้ศิษย์ในเรียนสายวิชากายาเทพอสูร ปล่อยให้ศิษย์นอกเป็นตัวทดลองไปก่อนดีกว่าเยอะ

 

เทพอสูรแบ่งออกเป็นห้าระดับ เมิ่งชวนดูข้อมูลเกี่ยวกับเทพอสูร

 

ระดับยาเมฆา ระดับกายาอมตะ ระดับมหาสุริยัน ระดับเดือนมืดมิด และระดับไร้ขอบเขต เทพอสูรระดับเดือนมืดมิดคือเทพอสูรขุนนางทั้งหลาย และระดับไร้ขอบเขตคือเทพอสูรระดับราชา

 

ยาเมฆา กายาอมตะ มหาสุริยัน…. ในสามระดับนี้ หากสู้กันก็ยังมีโอกาสที่คนระดับต่ำกว่าจะสู้ได้ แต่ว่าการให้เทพอสูรระดับมหาสุริยันสู้กับเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แค่รอดออกมาได้ก็น่าประหลาดใจมากแล้ว ความต่างระหว่างทั้งสองระดับนั้นมากเกินไป มันยากมากๆที่จะผ่านจากระดับมหาสุริยันไปเป็นระดับเดือนมืดมิด ยากเสียยิ่งกว่าการเป็นเทพอสูรซะอีก เมิ่งชวนประหลาดใจมากๆเมื่ออ่านถึงตรงนั้น

 

ระดับมหาสุริยันนั้นด้อยกว่าระดับเดือนมืดมิดมาก

 

และการจะผ่านไปได้นั้นก็ยากมากๆเช่นกัน

 

แค่เทพอสูรระดับมหาสุริยันก็มีน้อยมากอยู่แล้ว อย่างเมิ่งเซียนกู หวินว่านไห่และศิษย์นอกหลายๆคน พวกเขาไม่สามารถไปถึงระดับมหาสุริยันได้ตลอดชีวิต ส่วนศิษย์ของเขาหยวนชูนั้น หากพวกเขาไม่ตายเสียก่อน ส่วนมากก็จะได้เป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงเทพอสูรระดับมหาสุริยันหนึ่งในสิบห้าคนเท่านั้นที่จะได้เป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิด แค่อัตราการบรรลุก็น้อยมากๆแล้ว

 

จอมยุทธมนุษย์ระดับควบแน่นแก่นแท้มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นเทพอสูรได้น้อยเพราะว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่ได้ลงบ่อโลหิตเทพอสูร หากทุกคนมีโอกาสได้ลงบ่อโลหิตเทพอสูรและเผชิญห้วงแห่งความเป็นตาย ก็คงจะมีเทพอสูรเยอะมากกว่านี้แล้ว

 

กลับกัน การที่เทพอสูรระดับมหาสุริยันบรรลุเป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดนั้นมันก็แค่ยากเกินไปเท่านั้นเอง

 

‘แก่นสารแห่งจิต?’ ใจเมิ่งชวนปั่นป่วน

 

มีอุปสรรคมากมายที่ขวางกั้นการไปถึงระดับเดือนมืดมิดได้ หนึ่งในนั้นคือแก่นสารแห่งจิต เพียงควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้ ก็จะทำให้คนๆนั้นมีโอกาสที่จะได้เป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดแล้ว หากทำไม่ได้ทั้งชีวิตก็อย่าหวังเลยว่าจะได้บรรลุ เทพอสูรระดับมหาสุริยันหลายคนต่างติดอยู่ตรงขั้นนี้

 

‘แก่นสารแห่งจิตคืออะไร?’ คำอธิบายในหนังสือมันคลุมเครือเกินไป หลังจากที่ได้อ่านประโยคนั้น ในหัวของเมิ่งชวนก็เต็มไปด้วยความงุนงง เขายังคงหาข้อมูลเพิ่มในหนังสือเล่มอื่นๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เจอหนังสือเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่พูดถึงแก่นสารแห่งจิต เมิ่งชวนอ่านไปกว่าร้อยเล่ม เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับร่างอสูรตัดสายฟ้า แต่ว่าเขาก็ไม่เจอข้อมูลเบื้องลึกของแก่นสารแห่งจิตเลย

 

ผ่านมาหนึ่งวันเต็มๆแล้ว เมิ่งชวนมองออกไปนอกถ้ำ ท้องฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้งแล้ว เขาเดินไปหาเหยียนจินและแตะไหล่เบาๆ

 

เหยียนจินเงยหน้าขึ้นมามองเมิ่งชวนก่อนจะก้มกลับไปอ่านหนังสือต่อ “เจ้ากลับไปก่อนเลย ข้ายังตัดสินใจเลือกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษไม่ได้”

 

เมิ่งชวนพยักหน้า

 

เหยียนจินสามารถเลือกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้สี่ร่าง ต่างกับเขาที่ตัดสินใจไปได้ก่อนแล้ว

 

หลังจากที่เมิ่งชวนออกมาจากห้องสมุดก็พบว่ายังมีอีกสิบแปดคนที่ยังคงอ่านหนังสือต่อ พวกเขาเลือกร่างเทพอสูรที่จะฝึกไม่ได้ ศิษย์ใหม่เหล่านี้ไม่อยากจะหลับด้วยซ้ำ แค่โต้รุ่งไม่กี่วันสำหรับพวกเขามันสบายๆอยู่แล้ว เพราะไม่ว่ายังไงเหล่าคนรับใช้ก็จะคอยเอาอาหารและน้ำมาให้ถึงที่

 

ฟุบ

 

เมิ่งชวนเดินไปรอบๆยอดหวงซุนจิงอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ไปถึงอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง มันมีถึงแปดชั้นและคนรับใช้มากมายที่อยู่ในนั้น

 

“ข้ามารับยากับสมบัติสมุนไพรของเดือนนี้” เมิ่งชวนเดินเข้าไป ชายชุดคลุมสีฟ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มและพูด “ท่านเมิ่ง ขอดูตราประจำตัวของท่านหน่อยขอรับ”

 

เมิ่งชวนหยิบตราประจำตัวของเขาออกมา

 

หลังจากชายชุดสีฟ้ารับไป ก็มีคนรับใช้คนหนึ่งเอากล่องไม้สีดำมาให้อย่างรวดเร็ว ตราประจำตัวแตะเข้ากับกล่องไม้สีดำ พลังปราณไหลเข้าไปในกล่องและมันก็เปิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

 

“ท่านเมิ่งชวน ท่านได้ที่หนึ่งของการสอบเข้าปีนี้ ท่านเจ้าเขาได้มอบยาและสมบัติสมุนไพรระดับสูงให้ท่านเป็นพิเศษ ท่านจะได้ยาพันดาราสิบเม็ดและสามพันแต้มทุกๆเดือน และผลอัสนีวิบัติทุกๆครึ่งปีขอรับ” ชายชุดคลุมสีฟ้ายิ้มก่อนจะหยิบหนังสือสีดำออกมาและส่งให้เมิ่งชวน “แต้มเหล่านี้สามารถแลกเป็นสมบัติสมุนไพรอย่างใดก็ได้ ราคาสำหรับแลกเปลี่ยนอยู่ในหนังสือนี้ขอรับ”

 

เมิ่งชวนเปิดดู

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

ยาที่ต้องกินอยู่เรื่อยๆนั้นจัดได้ว่าถูก ใช้แค่ไม่กี่แต้มก็แลกได้แล้ว อย่างเช่น ยาพันดาราหนึ่งเม็ดใช้แค่ห้าสิบแต้ม

 

สำหรับสมบัติสมุนไพรหายากนั้น พวกมันมีค่ามากกว่านั้น เช่นผลหัวใจเหมันต์ต้องใช้ถึง 38000 แต้ม ไขกระดูกหยกเทพอสูรหนึ่งหยดก็ต้องใช้ 102000 แต้ม หญ้าวิญญาณดารามีราคาอยูที่ 50000 แต้ม ในตอนนี้เขาหยวนชูมีหญ้าวิญญาณดาราอยู่แค่สองอันเท่านั้น แน่นอนว่าสมบัติสมุนไพรพวกนี้มีไว้ทำให้รากฐานเทพอสูรนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

‘ยา สมบัติสมุนไพรหายาก ขนาดพลังวินาศทุกอันในโลกนี้ยังมีให้แลกเลย โอ๊ะ?’ เมิ่งชวนเปิดดูด้านหลัง ตาเขาเป็นประกาย ‘เขาหยวนชูมีพื้นที่ฝึกพิเศษมากมายจริงๆ’

 

หากต้องการจะฝึกในพื้นที่ฝึกพิเศษจะต้องใช้แต้ม อย่างเช่นแท่นบูชาแห่งความมืดที่เอาไว้ฝึกฝนจิตใจของเรา การขึ้นแท่นบูชาแห่งความมืดหนึ่งครั้งต้องใช้ 100 แต้ม บ่อพลังแม่เหล็กวินาศก็ใช้ 100 แต้มต่อวัน บึงนานาพิษก็ใช้ 300 แต้มต่อวัน

 

 

เพราะการฝึกวิชาในที่เหล่านี้มันทำให้ร่อยหรอลง อย่างเช่นพลังวินาศ พิษหายาก หรือขนาดหมอกดำปริศนาจากแท่นบูชาแห่งความมืดก็จะค่อยๆหายไปจากการฝึกฝนเลย ยิ่งเดินขึ้นไปบนแท่นบูชาสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งดูดซึมหมอกเข้าไปมากเท่านั้น และเมื่อไปถึงยอดของแท่นบูชาแห่งความมืดก็จะดูดกลืนหมอกเข้าไปอย่างมหาศาล เมื่อศิษย์คนนั้นไปถึงยอดแล้ว เขาหยวนชูก็จะสั่งห้ามไม่ให้ศิษย์คนนั้นปีนแท่นบูชาอีก

 

ดังนั้นศิษย์ของเขาหยวนชูจึงต้องใช้แต้มของพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรและพื้นที่ในการฝึกฝนวิชา และเขาหยวนชูก็จะแจกแต้มเหล่านี้ทุกๆเดือน

 

“ทุกๆเดือน จะมีการแจกจ่ายสมบัติสมุนไพรและแต้ม เขาหยวนชูจะแจกให้เป็นเวลายี่สิบปีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆขอรับ” ชายชุดสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากท่านสามารถผ่านถ้ำมหัศจรรย์ทั้งเก้าได้ในสิบปีและได้ลงจากเขาหยวนชู สมบัติสมุนไพรและแต้มที่เหลืออยู่ของอีกสิบปีที่เหลือจะถูกนำมาให้ท่านทีเดียวขอรับ”

 

เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเป็นทหาร พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต แต่ได้รับการฝึกวิชาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขเล็กๆก่อนการเป็นเทพอสูร เมื่อพวกเขาผ่านถ้ำมหัศจรรย์ทั้งเก้าได้แล้ว พวกเขาก็ต้องเริ่มปกป้องมนุษย์ชาติ

 

“ท่านเมิ่งชวน ท่านยังมีแต้มอีก 185200 แต้มอยู่ในนามของท่านขอรับ” ชายชุดคลุมสีฟ้ากล่าว

 

“ข้ามีมากขนาดนั้นเลยงั้นรึ” เมิ่งชวนตะลึง เขาได้สมบัติสมุนไพรและแต้มต่อเดือนที่เยอะที่สุดก็จริง แต่มันก็แค่ 3000 ทุกๆเดือน หรือปีละ 36000

 

“เทพอสูรเมิ่งหยานได้โอนแต้มทั้งหมด 182200 แต้มของเธอให้ท่านขอรับ” ชายชุดคลุมสีฟ้ากล่าว

 

“ท่านย่าทวด?” เมิ่งชวนเงียบลง เขานึกขึ้นมาได้ว่าย่าทวดบอกเอาไว้ว่าจะโอนแต้มมาให้เขา

 

นี่คือแต้มทั้งหมดของย่าทวดเขาที่เก็บสะสมมาตลอดแปดสิบปีของการเป็นเทพอสูร นี่คงจะรวมไปถึงแต้มที่ได้รับจากการบุกรุกของอสูรในเมืองตงหนิงด้วย

 

“อีกอย่างนะขอรับ มีจดหมายจากครอบครัวท่านด้วย ท่านเมิ่งชวน” ชายชุดคลุมสีฟ้ายื่นจดหมายให้เขา

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset